fbpx

Japan Winter ทริปสุดประทับใจ สัมผัสหิมะครั้งแรกในญี่ปุ่น

มิ.ย. 11, 2020

Japan Winter ทริปสุดประทับใจ สัมผัสหิมะครั้งแรกในญี่ปุ่น

บทความจากแคมเปญ After covid-19
ผู้เขียน : ยุวนาต กันตะโอภาส

เราไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกในปี 2015 ซึ่งเป็นปีแรกๆที่ประเทศญี่ปุ่นเปิดฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกทุกปี รวมๆแล้วคือไปมาทุกฤดู ทั้งฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว แต่เราก็ยังเที่ยวญี่ปุ่นไม่ครบทุกภูมิภาค

เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรามีแผนว่าจะไปเมืองฮาคุบะ จังหวัดนากาโนะเพื่อลองเล่นสกี เราได้จองทุกอย่างไว้หมดแล้วทั้งที่พัก คอร์สเรียนสกี ทัวร์เดินหิมะ (snow shoes) แต่สุดท้ายก็ต้องยกเลิกการเดินทางไปไม่กี่วันก่อนจะได้ออกเดินทางจริง

โดยส่วนตัวแล้วเราชอบประเทศญี่ปุ่นในทุกฤดู เพราะแต่ละฤดูกาลมีเสน่ห์ต่างกัน และแต่ละทริปก็มีอะไรให้เราได้ประทับใจ

ทริปญี่ปุ่นทริปสุดท้ายที่เราไปคือเดือนสิงหาคม 2019 โดยพักในเมืองโตเกียว แต่ไปเที่ยวตามเมืองอื่นๆที่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวแบบเช้าเย็นกลับ เช่น ไปชมสวนลาเวนเดอร์ที่ Tambara Lavender Park ในจังหวัดกุนมะ แต่หากจะให้เลือกเพียงทริปเดียวที่เราประทับใจที่สุดในการไปเที่ยวญี่ปุน เราขอเลือกทริปเล่นหิมะครั้งแรกในฤดูหนาวเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017

สารบัญ

1.เริ่มต้นการเดินทาง

2.Shinhotaka Ropeway

3.ย่านเมืองเก่าในทาคายามะ

4.หมู่บ้านชิราคาวาโกะ

เริ่มต้นการเดินทาง

เป็นครั้งแรกที่เราไปเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูหนาว เราเดินทางจากภูเก็ตไปลงที่เมืองนาโกย่า ส่วนขากลับนั่งเครื่องบินจากโอซาก้า โปรแกรมคร่าวๆของเราคือ

  • วันที่ 1 ชมปราสาทนาโกย่า
  • วันที่ 2 ไปชิซูโอกะ – เก็บสตรอว์เบอร์รีที่สวนผลไม้ฮามามัตสึ (Hamamatsu Fruit Park) และชมฟูจิซังที่ทะเลสาบทานุกิ (Lake Tanuki )
  • วันที่ 3 ไป Shinhotaka Ropeway และพักที่เรียวกัง
  • วันที่ 4 เดินเล่นชมเมืองเก่าในเมืองทาคายามะ และนั่งรถไฟไปพักที่เมืองคานาซาวะ
  • วันที่ 5 นั่งรถบัสจากคานาซาวะไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ
  • วันที่ 6 จากหมู่บ้านชิราคาวาโกะ นั่งรถบัสไปคานาซาวะเพื่อต่อรถไฟไปโอซาก้า เดินเล่นในเมืองโอซาก้า
  • วันที่ 7 เดินเล่นในเกียวโต กลับไฟลต์ดึก

เราเดินทางโดยใช้ Takayama Hokuriku Tourist Pass 5 วัน จากนาโกย่า – ทาคายามะ – คานาซาวะ – ชิราคาวาโกะ – คานาซาวะ – โอซาก้า – เกียวโต – สนามบินคันไซ

เมื่อไปถึงสนามบินวันแรก เราก็เจอหิมะตกหนักต้อนรับตั้งแต่เครื่องลงจอด ต้องรอให้รถมาเคลียร์รันเวย์เพื่อลากเครื่องบินที่ลงก่อนหน้า และเมื่อได้รับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วเราก็ไปรอรถไฟเพื่อเข้าเมือง ตอนนั้นมีแต่รถไฟแบบธรรมดา เราได้นั่งเล่นไปเรื่อยๆ ชมเมืองและชนบทที่อยู่สองข้างทาง ต้นไม้ปกคลุมไปด้วยหิมะ

เราจะข้ามไปเล่าถึงตอนที่เราประทับใจ ซึ่งก็คือตอนที่ได้เล่นหิมะเต็มๆตามที่เราตั้งใจในเมืองทาคายามะ จังหวัดกิฟุ โดยไปทั้งในเมืองเก่าและ Shinhotaka Ropeway

Shinhotaka Ropeway

เราออกเดินทางจากนาโกย่าโดยขึ้นรถไฟ (Hida Wide View) เพื่อไปเมืองทาคายามะ สองข้างทางวิวสวยมาก หน้าต่างรถไฟเป็นแบบกว้าง เห็นวิวได้แบบชัดเจนเต็มๆทั้งสองฝั่ง รถไฟว่างนั่งสบาย ไม่ค่อยมีผู้โดยสาร แม้เราจะจองที่นั่งไว้ล่วงหน้าแล้วแต่เวลาขึ้นจริงไม่ค่อยมีคน เราเลยสลับไปนั่งฝั่งซ้ายบ้างขวาบ้างเพื่อถ่ายรูปวิวสองข้างทาง เป็นอะไรที่ต้องร้องว้าวตลอดเส้นทางจริงๆ

เมื่อถึงเมืองทาคายามะ เราต้องต่อรถบัสเพื่อไป Shinhotaka Ropeway เรานำกระเป๋าใบใหญ่ไปฝากไว้ที่ตู้ล็อกเกอร์ในทัวร์ริสเซ็นเตอร์ข้างสถานีรถไฟ และนำกระเป๋าเดินทางใบเล็กแบบค้างคืนเดียวติดตัวไปด้วย

หิมะยังคงตกอยู่เป็นแบบละอองๆ เรามีเวลาเหลือก่อนรถบัสจะออก เลยไปเดินเล่นในร้านสะดวกซื้อ เป็นครั้งแรกที่เราเห็นแผ่นติดรองเท้าเพื่อให้ความอบอุ่น เราลองซื้อมาใช้ดูแล้วพบว่ามันช่วยได้มาก ทำให้เท้าอุ่นขึ้นไม่เย็นเหมือนวันที่ผ่านมา คนญี่ปุ่นใส่ใจในทุกๆรายละเอียดจริงๆ

การเดินทางบนรถบัสก็ได้เห็นวิวสวยๆไม่แพ้บนรถไฟ แต่รถบัสไม่ได้ตรงเวลาเหมือนรถไฟเพราะถนนมีหิมะปกคลุม เรานั่งดูป้ายบอกเวลาบนรถบัสและชื่อสถานี เริ่มกังวลเพราะไม่แน่ใจว่าเลยมาหรือยัง เพราะในใบปลิวที่ได้มาจากสถานีรถบัสไม่ได้บอกชื่อป้ายทุกๆป้ายที่รถจอด บอกแค่สถานีใหญ่ๆเท่านั้น รถวิ่งมาเรื่อยๆจนในที่สุดก็เจอป้ายที่ตรงกับชื่อในใบปลิว ทำให้เราหายกังวลได้

เราไปถึงจุดหมายช้ากว่าเวลาที่กำหนดประมาณ 30 นาที เราจองที่พักไว้ที่เรียวกังชื่อ Kazeya ห่างจาก Shinhotaka Ropeway ประมาณ 10-15 นาที ที่นี่มีออนเซ็นให้แช่ได้แบบส่วนตัวทั้งด้านในและด้านนอก เราสั่งอาหารเย็นไว้ล่วงหน้ากับทางเรียวกัง โดยอาหารจานหลักเป็นอาหารชุดที่มีเนื้อฮิดะ ซึ่งเป็นเนื้อขึ้นชื่อของแถบนี้

หลังจากเข้าที่พักแล้วเราก็ไปเที่ยวที่ Shinhotaka Ropeway เพื่อไปชมวิวด้านบน แต่วันนี้หิมะตกหนักจนมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากทิวสนด้านหน้า ถึงอย่างนั้นเราก็ได้ประสบการณ์เล่นหิมะแบบฟูๆที่เราต้องการ

เราเดินเล่นรอบๆบริเวณด้านบนจุดชมวิวเพื่อถ่ายรูปกับตุ๊กตาหิมะ อุณหภูมิในวันนั้น -13 องศาเซลเซียส จุดชมวิวนี้มีความสูงประมาณ 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล วันไหนอากาศดีจะเห็นวิวได้โดยรอบ เราได้ลองรับประทานโซบะร้อนๆแบบชมหิมะไปด้วยทานไปด้วย เพลินมากๆ

และอีกหนึ่งประสบการณ์ที่เราประทับใจมากคือการแช่ออนเซ็นตอนหิมะตก เป็นการผ่อนคลายที่ดีมากๆ

ย่านเมืองเก่าในทาคายามะ

บรรยากาศในเขตเมืองเก่าทาคายามะ บริเวณริมสะพานแดง

ริมแม่น้ำก็เป็นอะไรที่สวยมากๆในยามหิมะตก

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ

วันที่เราประทับใจมากๆในทริปนี้คือวันที่ไปพักในหมู่บ้านชิราคาวาโกะ เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวนาในหมู่บ้านในบ้านที่ยังอนุรักษ์หลายสิ่งหลายอย่างเอาไว้เหมือนที่เคยเป็นมา

เราได้นั่งรับประทานอาหารรอบเตาไฟและทานอาหารที่เตรียมมาในแบบพื้นบ้าน เช่น ปลาย่างกับเตาไฟร้อนๆ ชาวนาได้เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้านให้กับผู้ที่มาพักด้วย เช่น ห้องน้ำและเครื่องทำความร้อน

สำหรับหิมะในหมู่บ้านชิราคาวาโกะนั้นก็ฟูขาวเหมือนที่เราเคยเห็นในรูป หิมะขาวๆปกคลุมหลังคาบ้านจนดูเหมือนบ้านตุ๊กตา เราได้ไปนั่งเล่นนอนเล่นเพลินๆบนหิมะ และได้ขึ้นไปบนจุดชมวิวของหมู่บ้านโดยรถประจำทาง ซึ่งจากตรงนี้จะมองเห็นหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านได้โดยรอบ

ขากลับเราเดินลงมาเองบนถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดทาง แต่ก็เดินได้เพลินๆ ไม่ได้อันตรายอะไร แค่ต้องใช้ความระมัดระวัง

พอเดินลงมาถึงด้านล่างก็เห็นชาวบ้านกำลังโกยหิมะลงจากหลังคา เราอยากบอกเขามากว่าอย่าเพิ่งโกยได้ไหม เพราะมันสวยดี แต่ถ้าหิมะหนักเกินไปคงไม่ดีกับโครงสร้างหลังคาแน่ๆ

หมู่บ้านชิราคาวาโกะในเวลาเย็นหลังจากนักท่องเที่ยวแบบเดย์ทริปกลับไปหมดแล้ว และในยามเช้าก่อนที่นักท่องเที่ยวชุดใหม่จะมาเป็นอะไรที่สงบเงียบมากๆ เราได้มีโอกาสชมพระอาทิตย์ตกดินและพระอาทิตย์ขึ้นในหมู่บ้าน เรียกว่าประทับใจในความงามและความสงบของชิราคาวาโกะมากค่ะ

เราคิดไว้ว่าอยากกลับไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกในฤดูหนาว เพื่อลองเล่นสกีอย่างที่ตั้งใจไว้ว่าจะไปเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ และอยากให้เพื่อนๆทุกคนได้มีโอกาสลองไปพักที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะในฤดูหนาวสักครั้ง เพื่อจะได้ชมบรรยากาศของหมู่บ้านแบบเงียบสงบและเรียนรู้วัฒนธรรมของหมู่บ้านมรดกโลกแห่งนี้ค่ะ