fbpx

รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดคุมาโมโตะ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!

พ.ย. 11, 2021

บทนำ : ไปเที่ยว ‘จังหวัดคุมาโมโตะ’ กันเถอะ!

จังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto Prefecture) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ ณ ตอนกลางของภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region) อีกทั้งยังเป็นจุดหมายปลายทางอันเป็นที่รักยิ่งของผู้หลงใหลในความงามของธรรมชาติ รวมถึงผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความเร่งรีบอันแสนวุ่นวายของเมืองใหญ่

แต่นอกจากแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงามตระการตาอย่างภูเขาอาโสะแล้ว จังหวัดคุมาโมโตะก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าอย่างปราสาทคุมาโมโตะอีกด้วย

Nopawut Kanjanapinyowong / Shutterstock

แม้ว่าคุมาโมโตะจะเป็นจังหวัดที่ถูกมองข้ามอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากความนิยมของนักท่องเที่ยวไปกระจุกรวมกันอยู่ที่จังหวัดใกล้เคียงเสียมากกว่า แต่เพื่อนๆเชื่อหรือเปล่าคะว่าจังหวัดนี้มีจุดท่องเที่ยวมากมายที่น่าไปและสวยงามไม่แพ้ที่ใดในญี่ปุ่นเลย ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าก็ดี หรือออนเซ็นก็ดี

และที่พิเศษไปกว่านั้น เรามั่นใจมากๆว่าทุกคนที่หลงรักความเป็นญี่ปุ่นจะต้องรู้จัก คุมะมง (Kumamon) เจ้าหมีดำแสนน่ารักที่เป็นมาสคอสประจำจังหวัดคุมาโมโตะอย่างแน่นอน!

สำหรับการเดินทางไปเที่ยวที่คุมาโมโตะก็แสนง่ายค่ะ เนื่องจากที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคคิวชู เราจึงสามารถตีตั๋วเครื่องบินจากโตเกียวหรือโอซาก้ามาได้เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน ANA, JAL หรือสายการบินโลว์คอสอื่นๆ ก็สามารถนั่งมาได้หมดเลยค่ะ ทั้งนี้หากบินมาจากโตเกียวจะใช้เวลาประมาณ 100 นาที แต่ถ้าบินจากโอซาก้าก็จะใช้เวลาน้อยกว่า คือ 70 นาทีค่ะ

หรือถ้าใครอยากศึกษาเรื่องการนั่งรถไฟ JR Kyushu ก็สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่เลย >> JR Kyushu Railpass Guidebook (ภาษาไทย)

เอาล่ะ! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า จังหวัดคุมาโมโตะ จะมีอะไรให้เราไปเยี่ยมเยือนและชื่นชมอีกบ้าง ตามมาเที่ยวกันได้เลยค่ะ~!

สารบัญ (Index)

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดคุมาโมโตะ 
    1. สวนซุยเซนจิ (Suizenji Garden)
    2. โจไซเอ็น (Josaien)
    3. ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle)
    4. คฤหาสน์ตระกูลโฮโซกาวะ (Hosokawa Gyobutei)
    5. ย่านชอปปิ้งชิโมโทริ (Shimotori Shopping Arcade)
    6. ศาลเจ้าอาโสะ (Aso Shrine)
    7. คุโรคาวะออนเซ็น (Kurokawa Onsen)
    8. คุสะเซ็นริกะฮามะ (Kusasenri Ga Hama)
    9. แม่น้ำคุมะ (Kuma River)
    10. ชมโลมาที่อามาคุสะ (Dolphin Watching at Amakusa)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดคุมาโมโตะ 
    1. คุมาโมโตะราเมน (Kumamoto Ramen)
    2. บาซาชิ (Basashi)
    3. คาราชิเร็นคง (Karashi Renkon)
    4. ทงคัตสึ (Tonkatsu)
    5. ลูกแพร์โคซุย (Kosui Pears)

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดคุมาโมโตะ

1. สวนซุยเซนจิ (Suizenji Garden)

สวนซุนเซนจิ (Suizenji Garden) หรือ ซุยเซนจิ โจจูเอ็น (Suizenji Jojuen) เป็นสวนญี่ปุ่นในจังหวัดคุมาโมโตะที่มีชื่อเสียงอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพสวยงาม และได้รับการกำหนดให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติโดยรัฐบาลญี่ปุ่น (National historic site & Place of scenic beauty)

สำหรับจุดประสงค์ของการสร้างสวนซุยเซนจินั้นก็มีขึ้นตั้งแต่สมัยที่ผู้ปกครองคนแรกของคุมาโมโตะยังมีชีวิตอยู่ค่ะ ตอนนั้นท่านต้องการสร้างสวนที่มีทิวทัศน์สวยงามตามฤดูกาล โดยใช้ภูมิทัศน์ที่ประกอบด้วยพื้นหญ้าสีเขียวขจี เนินเขาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูเขาฟูจิ และสระน้ำเล็กๆที่มีเกาะกลางน้ำ มาเนรมิตให้พื้นที่ว่างเปล่าแห่งนี้กลายเป็นสวนอันสวยงามอย่างที่เราได้เห็นกัน

คนญี่ปุ่นอาจจะเคลมกันมาว่าสวนซุยเซนจิสวยงามทุกฤดูกาล แต่สำหรับเราแล้วฤดูใบไม้ร่วงคือมาสเตอร์พีซค่ะ ยามที่ต้นไม้ใหญ่ในสวนแห่งนี้พร้อมใจกันผลัดใบเป็นสีแดงส้ม เราว่าสีสันของช่วงเวลานี้เป็นของตกแต่งที่สวยงามที่สุดของสวนแห่งนี้เลยล่ะ!

ข้อมูลเกี่ยวกับสวนซุยเซนจิ (Suizenji Garden)

วิธีเดินทาง 
  • นั่งรถ City Tram ไปลงที่ Suizenji Park จากนั้นเดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาทีก็จะถึงที่หมาย
  • นั่งรถไฟ JR Higo Line ไปลงที่สถานี Shin-Suizenji Station จากนั้นเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึงที่หมาย
ที่อยู่ 
  • 8-1 Suizenji Koen, Chuo Ward, Kumamoto, 862-0956, Japan
เบอร์ติดต่อ 
  • 096-383-0074
เวลาทำการ 
  • มีนาคม – ตุลาคม : เปิดทำการตั้งแต่เวลา 7:30 – 18:00 น. (เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายของวันในเวลา 17:30 น.)
  • พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ : เปิดทำการตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:00 น. (เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายของวันในเวลา 16:30 น.)
ค่าเข้าชม 
  • ผู้ใหญ่ : 400 เยน
  • เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี : 200 เยน
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

2. โจไซเอ็น (Josaien)

โจไซเอ็น (Josaien) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุดพิเศษประจำจังหวัดคุมาโมโตะ ที่นี่จะรวบรวมร้านค้าแผงลอยที่จำหน่ายสินค้าท้องถิ่นขึ้นชื่อและของที่ระลึกต่างๆไว้มากมายเลยค่ะ

นอกจากนี้โจไซเอ็นยังมีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะที่เป็นสถานที่ซึ่งมีภูมิทัศน์แบบย้อนยุค เรียกได้ว่านอกจากจะได้ช้อปของกินของฝากกันอย่างเต็มที่แล้ว เรายังจะได้ถ่ายรูปแบบชิคๆกันอีกด้วย!

สำหรับอาหารท้องถิ่นที่เราอยากให้ทุกคนไปลองทานกันที่โจไซเอ็นก็คือ สลัดชิกุวะ เมนูนี้เป็นการนำเค้กปลาที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำไปคลุกเคล้ากับผักและน้ำสลัดค่ะ

ส่วนอีกเมนูหนึ่งที่อยากแนะนำก็คือ อิคินาริดังโงะ ซึ่งเป็นเมนูที่นำมันเทศสุกและอังโกะ(ถั่วแดงกวน)มาห่อด้วยแป้งดังโงะบางๆค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับโจไซเอ็น (Josaien)

วิธีเดินทาง 
  • เดินจากปราสาทคุมาโมโตะ หรือป้ายจอดรถบัส City Hall Bus Stop โดยใช้เวลาประมาณ 7 นาที
ที่อยู่ 
  • 1-1 Ninomaru, Chuo Ward, Kumamoto, 860-0008, Japan
เบอร์ติดต่อ 
  • 096-322-5060
เวลาทำการ 
  • ร้านขายของที่ระลึก
      • มีนาคม – พฤศจิกายน : เปิดทำการตั้งแต่เวลา 9:00 – 19:00 น.
      • ธันวาคม – กุมภาพันธ์ : เปิดทำการตั้งแต่เวลา 11:00 – 19:00 น.
  • ร้านอาหาร
      • เปิดทำการตั้งแต่เวลา 11:00 – 19:00 น.
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

3. ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle)

ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่และงดงามมาก เรียกได้ว่าเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดคุมาโมโตะเลยก็ว่าได้ ยิ่งไปกว่านั้น และที่นี่ยังมีความเกี่ยวข้องกับคนดังในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นด้วย นั่นก็คือ ‘คิโยมาสะ คาโตะ’ (Kiyomasa Kato) ไดเมียวผู้ปกครองคุมาโมโตะและนักรบผู้มีชื่อเสียง ส่วนคนดังอีกท่านหนึ่งก็คือ ‘มุซาชิ มิยาโมโตะ’ (Musashi Miyamoto) นักดาบผู้แสนเก่งกาจจนกลายเป็นตำนาน

ทันทีที่ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1607 ที่นี่ก็กลายเป็นฉากหลังให้กับเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดคุมาโมโตะนับครั้งไม่ถ้วนเลยทีเดียวค่ะ ส่วนสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่งของปราสาทหลังนี้ก็คือฐานกำแพงหินที่แข็งแกร่งและสวยงาม ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวมีไว้เพื่อป้องกันการโจมตีจากศัตรูที่เป็นซามูไรหรือนินจากลุ่มอื่นค่ะ

แม้ว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี 2016 จะทำให้พวกเราไม่สามารถเข้าชมในบางพื้นที่ของปราสาทคุมาโมโตะได้ แต่เพื่อนๆยังสามารถเข้าชมหอคอยปราสาท (Tower) ป้อมปราการยากุระ (Yagura Turret/Uto-Yagura) และสิ่งก่อสร้างอื่นๆภายในพื้นที่ของจัตุรัสนิโนมารุ (Ninomaru Square) ได้ค่ะ

ถ้าใครได้มาจังหวัดคุมาโมโตะแล้วไม่ได้เที่ยวปราสาทคุมาโมโตะ ก็เท่ากับว่ามาไม่ถึงนะเออ~!

ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle)

วิธีเดินทาง 
  • นั่งรถบัส Shiromegurin Shuttle Bus จากหน้าสถานีรถไฟ JR Kumamoto Station ไปลงที่ Ninomaru Parking Lot โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
  • เดินจาก City Hall Station โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ที่อยู่ 
  • 1-1 Honmaru, Chuo Ward, Kumamoto, 860-0002, Japan
เบอร์ติดต่อ 
  • 096-352-5900
เวลาทำการ 
  • เมษายน – ตุลาคม : เปิดทำการตั้งเวลา 8:30 – 17:30น.
  • พฤศจิกายน – มีนาคม : เปิดทำการตั้งแต่เวลา 8:30 – 16:30น.
ค่าเข้าชม 
  • ผู้ใหญ่ : 500 เยน
  • เด็ก (นักเรียนประถมและ ม. ต้น) : 200 เยน
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

4. คฤหาสน์ตระกูลโฮโซกาวะ (Hosokawa Gyobutei)

Supachita Krerkkaiwan / Shutterstock

คฤหาสน์ตระกูลโฮโซกาวะ (Hosokawa Gyobutei) เป็นคฤหาสน์ไม้เก่าแก่ขนาด 1,000 ตารางเมตรที่ตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทคุมาโมโตะ อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยเดิมของโฮโซกาวะ เกียวบุ (Hosokawa Gyobu) ซามูไรระดับแนวหน้าในยุคนั้น โดยก่อนหน้านี้เขาเคยอาศัยอยู่ใน ‘ซันโนมารุ’ (Sannomaru) ซึ่งเป็นพื้นที่ชั้นนอกของปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle)

เมื่อลองมองในมุมของปัจจุบัน คฤหาสน์ไม้หลังนี้ก็มีอายุมากกว่า 300 ปีได้แล้วค่ะ ที่นี่จึงถือว่าเป็นสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชมมากเลยทีเดียว

Supachita Krerkkaiwan / Shutterstock

แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ณ ขณะนี้ตัวคฤหาสน์ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เนื่องจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวในปี 2016 อย่างไรก็ตาม เรายังสามารถเข้าชมสวนรอบตัวบ้านได้อยู่นะคะ

นอกจากนี้ สวนของคฤหาสน์ตระกูลโฮโซกาวะก็มีความสวยงามเป็นอย่างมากเลยค่ะ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง กล่าวคือประมาณเดือนพฤศจิกายน

ถ้าเพื่อนๆคนไหนไปเที่ยวคุมาโมโตะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงพอดี ก็อย่าลืมแวะไปชมความงามของคฤหาสน์เก่าแก่แห่งนี้กันนะคะ

ข้อมูลเกี่ยวกับคฤหาสน์ตระกูลโฮโซกาวะ (Hosokawa Gyobutei)

วิธีเดินทาง 
  • เดินจากหอคอยปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle Tower) โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ที่อยู่
  • 3-1 Furukyomachi, Chuo Ward, Kumamoto, 860-0007, Japan
เวลาทำการ 
  • มีนาคม – พฤศจิกายน : เปิดทำการตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:30 น.
  • ธันวาคม – กุมภาพันธ์ : เปิดทำการตั้งแต่เวลา 8:30 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม 
  • 300 เยน (เฉพาะเข้าชมภายในอาคารของคฤหาสน์เท่านั้น)
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

5. ย่านชอปปิ้งชิโมโทริ (Shimotori Shopping Arcade)

Sean Pavone / Shutterstock

ย่านชอปปิ้งชิโมโทริ (Shimotori Shopping Arcade) เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของแหล่งชอปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดใน ‘จังหวัดคุมาโมโตะ’ ยิ่งไปกว่านั้น ย่านชอปปิ้งแห่งนี้ยังสามารถดึงดูดผู้คนในท้องถิ่นตลอดจนนักท่องเที่ยวให้เข้าไปละลายทรัพย์ได้มากถึง 50,000 คนต่อวัน!!

ย่านชิโมโทริแห่งนี้อัดแน่นไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านบูติก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ยิ่งถ้าเพื่อนๆคนไหนเป็นสายดริ๊งค์ ที่นี่ก็มีร้านอิซากายะสุดฮิปที่จะทำให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกับเครื่องดื่มแอลกฮอล์สุดเลิศและอาหารแสนอร่อยอีกด้วย (อิซากายะ, Izakaya ; บาร์สไตล์ญี่ปุ่นที่มักจะเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกับแกล้มมาควบคู่กันด้วย เป็นที่นิยมในหมู่คนทำงานที่ต้องการแฮงค์เอาต์เพื่อผ่อนคลาย โดยบรรยากาศของร้านจะมีความใกล้เคียงกับ British pub หรือ Irish pub)

Niradj / Shutterstock

และถ้าหากว่าโชคดี เพื่อนๆก็จะได้เห็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักดนตรีและวงดนตรีชั้นยอดมากมายเลยด้วยค่ะ เรียกได้ว่าชิโมโทริเป็นย่านที่เต็มไปด้วยสีสันและความคึกคักอย่างมากเลยล่ะค่ะ!

ข้อมูลเกี่ยวกับย่านชอปปิ้งชิโมโทริ (Shimotori Shopping Arcade)

วิธีเดินทาง 
  • เดินจากสถานีรถไฟ Dentsu Town Electric Station โดยใช้เวลาเพียงเล็กน้อย
ที่อยู่ 
  • 1 Chome-3-10 Shimotori, Chuo Ward, Kumamoto, 860-0807, Japan
เวลาทำการ 
  • แต่ละร้านค้าจะกำหนดเวลาทำการที่แตกต่างกัน
  • สำหรับอีเวนต์ต่างๆที่จัดขึ้นภายในย่านนี้ สามารถตรวจสอบวันและเวลาที่จัดอีเวนต์ได้จากเว็บไซต์ของย่านชิโมโทริ
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

6. ศาลเจ้าอาโสะ (Aso Shrine)

ศาลเจ้าอาโสะ (Aso Shrine) ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับภูเขาอาโสะ (Mt. Aso) เป็นศาลเจ้าโบราณที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปีเลยทีเดียวค่ะ เดิมทีศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าที่สิงสถิตอยู่ ณ ปากปล่องภูเขาไฟแห่งนี้ อีกทั้งยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีการสวดมนต์ประจำชาติอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนที่นี่ต่างก็ให้ความศรัทธากับศาลเจ้าแห่งนี้เป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ

เมื่อเข้าสู่เดือนมิถุนายน ศาลเจ้าอาโสะจะจัดเทศกาลคาโกะชินไซ (Kako Chinsai) ขึ้น โดยจุดประสงค์หลักของการจัดงานนี้ก็คือเพื่อให้ผู้คนเดินทางเข้ามาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกครองภูเขาแห่งนี้ ซึ่งพรในครั้งนี้จะดลบันดาลให้ภูเขาไฟอาโสะสงบนิ่ง

นอกจากนี้แล้ว ศาลเจ้าอาโสะยังมีชื่อเสียงในการขอพรเรื่องความรักและการแต่งงานด้วยค่ะ ถ้าเพื่อนๆคนไหนรู้สึกว่าช่วงนี้ความรักมันลุ่มๆดอนๆ ก็ลองมาอ้อนสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันดูนะคะ 555

  • หมายเหตุ : ขณะนี้ยังคงมีบางพื้นที่ที่ปิดให้บริการ เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในที่เกิดขึ้นในปี 2016

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าอาโสะ (Aso Shrine)

วิธีเดินทาง 
  • เดินจากสถานีรถไฟ JR Miyaji Station โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที
ที่อยู่ 
  • 3083-1 Ichinomiyamachi Miyaji, Aso, Kumamoto 869-2612, Japan
เบอร์ติดต่อ 
  • 096-722-0064
เวลาทำการ 
  • เปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:00 น.
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

7. คุโรคาวะออนเซ็น (Kurokawa Onsen)

คุโรคาวะออนเซ็น (Kurokawa Onsen) เป็นย่านหมู่บ้านออนเซ็นที่อยู่ในจังหวัดคุมาโมโตะ ซึ่งที่นี่จะมีเรียวกังหลายแห่งที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความสวยงามและความเงียบสงบด้วยค่ะ แน่นอนว่านอกจากบรรยากาศดีๆแล้ว คุณสมบัติของออนเซ็นที่คุโรคาวะซึ่งมีองค์ประกอบเป็นกำมะถันก็ดีต่อผิวพรรณของพวกเรามากเลยค่ะ (ขอแอบกระซิบบอกว่าเพื่อนๆสามารถมาแช่ออนเซ็นที่นี่โดยไม่จำเป็นต้องเข้าพักที่เรียวกังก็ได้นะคะ เพราะมันเป็นบ่อออนเซ็นสาธารณะค่ะ)

ไฮไลต์ของคุโรคาวะออนเซ็นจะอยู่ที่ เทศกาลยูอาการิ (Yu-Akari) ที่จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนธันวาคมไปจนถึงปลายเดือนมีนาคม โดยในงานเทศกาลนี้จะมีการจุดไฟในกระบอกไม้ไผ่และภาชนะสานที่ทำจากไม้ไผ่ ณ บริเวณสะพานมารุสึสึ (Marusuzu Bridge) เรียกได้ว่าเป็นการประดับไฟที่ทำให้ค่ำคืนของย่านออนเซ็นแห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์และสีสันมากเลยทีเดียวค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับคุโรคาวะออนเซ็น (Kurokawa Onsen)

วิธีเดินทาง 
  • หากเดินทางมาจากฟุกุโอกะ ให้นั่งรถ Highway Bus จาก Hakata Station, Tenjin Bus หรือ Fukuoka Airport โดยใช้เวลาประมาณ 150 นาที
ที่อยู่ 
  • Manganji, Minamioguni, Aso District, Kumamoto 869-2402, Japan
เบอร์ติดต่อ 
  • 096-744-0076
เวลาทำการ 
  • เปิดทำการตั้งแต่เวลา 8:30 – 21:00 น.
ค่าเข้าชม 
  • เรียวกัง : 12,000 – 20,000 เยน (ต่อ 1 คืน และ 1 คน)
  • เฉพาะออนเซ็น :  200 – 800 เยน
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

8. คุสะเซ็นริกะฮามะ (Kusasenri Ga Hama)

คุสะเซ็นริกะฮามะ (Kusasenri Ga Hama) เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมืองอาโสะ (Aso City) โดยมีขนาดพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 785,000 ตารางเมตร และตั้งอยู่สูงจากระดับทะเลถึง 1,140 เมตร

สถานที่แห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของทัศนียภาพที่สวยงาม อันประกอบไปด้วยท้องฟ้าสีครามสดใส ทิวทัศน์ของภูเขาลูกใหญ่ และผืนหญ้าเขียวขจีอันแสนกว้าง แถมยังมีน้องม้าและน้องวัวที่กำลังเล็มหญ้ากันอย่างเพลิดเพลินใจเป็นไฮไลต์ด้วยนะเออ

ยิ่งไปกว่านั้น คุสะเซ็นริกะฮามะยังเป็นที่ที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามทุกฤดูกาลอีกด้วย แน่นอนว่าถ้าเพื่อนๆอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาชมทัศนียภาพสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในสรวงสวรรค์ ก็ลองมาที่นี่ในช่วงฤดูหนาวกันดูนะคะ

ข้อมูลเกี่ยวกับคุสะเซ็นริกะฮามะ (Kusasenri Ga Hama)

วิธีเดินทาง 
  • จากสถานี Aso Station (JR Houhi Main line) ให้นั่งรถบัส Sanko คันที่จะไปทาง Asosan-Nishi Station ไปลงที่ป้าย Kusasenri Aso Kazan Hakubutsukan-mae โดยใช้เวลาประมาณ 35 นาที
ที่อยู่ 
  • Akamizu, Aso, Kumamoto 869-2232, Japan
เบอร์ติดต่อ 
  • Aso Information Center : 096-734-1600
เวลาทำการ 
  • เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

9. แม่น้ำคุมะ (Kuma River)

แม่น้ำคุมะ (Kuma River) เป็นแม่น้ำที่อยู่ในบริเวณใจกลางพื้นที่ฝั่งทิศตะวันตกของเกาะคิวชู อีกทั้งยังเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในภูมิภาคคิวชูด้วย โดยมีความยาวถึง 115 กิโลเมตรเลยทีเดียวค่ะ

นอกจากแม่น้ำคุมะจะมีทางเดินยาวเลียบแม่น้ำที่สามารถไปเดินชมวิวอันสวยงามได้แล้วนั้น เราก็ยังสามารถไปทำกิจกรรมสนุกๆอย่าง ‘ล่องแก่ง’ (Kumagawa Kudari) กันได้ด้วยค่ะ แต่ล่องแก่งจะเปิดให้จองล่วงหน้าเท่านั้น ไม่สามารถวอล์คอินเข้าไปได้เลยนะคะ

โดยคอร์สล่องแก่งจะมี 2 แบบให้เลือก ดังนี้

  • Mild Course : เพลิดเพลินไปกับการล่องเรือชมทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองฮิโตโยชิ (Hitoyoshi)
  • Gekiru Course : สนุกสุดเหวี่ยงไปกับการล่องแก่งผ่านกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากของแม่น้ำคุมะ

ไม่ว่าเพื่อนๆจะเป็นสายชิลล์หรือเป็นขาลุย ทุกคนก็สามารถสัมผัสเสน่ห์ของแม่น้ำคุมะได้อย่างแน่นอนค่ะ~!

ข้อมูลเกี่ยวกับแม่น้ำคุมะ (Kuma River)

วิธีเดินทาง 
  • ขับรถหรือนั่งแท็กซี่จากเมือง Kumamoto City ไปยัง Kuma River โดยใช้เวลาประมาณ 90 นาที
ที่อยู่ 
  • Kuma River : Kuma River, Kumamoto, Japan
  • KUMAGAWAKUDARI : 333-1 Shimoshinmachi, Hitoyoshi, Kumamoto 868-0033
เบอร์ติดต่อ
  • KUMAGAWAKUDARI : 096-622-5555
เวลาทำการ 
  • KUMAGAWAKUDARI : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09:00 – 17:00 น.
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

10. ชมโลมาที่อามาคุสะ (Dolphin Watching at Amakusa)

ที่มา : www.seacruise.jp

บริเวณนอกชายฝั่งอิทสึวะ (Itsuwa Coast) ของหมู่เกาะอามาคุสะ (Amakusa Islands) เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของโลมาปากขวดอินโดแปซิฟิก (Indo-Pacific Bottlenose Dolphins) กว่า 200 ตัว ด้วยเหตุนี้บริษัททัวร์ท้องถิ่นในอามาคุสะจึงได้จัดกิจกรรมชมโลมาขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินไปกับการชมฝูงโลมาที่กำลังว่ายน้ำอย่างสนุกสนานและมีชีวิตชีวา

ที่มา : www.seacruise.jp

โดยในระหว่างการชมโลมานั้น เพื่อนๆอาจมีโอกาสได้ลองแตะตัวน้องๆโลมาด้วยนะ เพราะเรือของบริษัททัวร์สามารถเข้าใกล้บริเวณที่โลมาอาศัยอยู่ได้มากทีเดียวค่ะ

ที่มา : www.seacruise.jp

แต่นอกจากโลมาแล้ว ที่อามาคุสะก็ยังมีทัวร์ซึ่งจัดขึ้นเพื่อชมวาฬด้วยนะคะ ถ้าเพื่อนๆคนไหนรักทะเลและสัตว์น้ำเหมือนเรา ก็อย่าลืมปักหมุดที่นี่กันไว้ด้วยน๊า!

ข้อมูลเกี่ยวกับการชมโลมาที่อามาคุสะ (Dolphin Watching at Amakusa)

วิธีเดินทาง 
  • นั่งรถบัสจาก Kumamoto Sakuramachi Bus Terminal มาลงที่ L’isola Terrace Amakusa โดยใช้เวลาประมาณ 75 นาที จากนั้นเดินต่อไปยังท่าเรือ Matsushima (Maeshima) Port โดยใช้เวลาในการเดินประมาณ 3 นาที (ทั้งนี้ Mio Camino Amakusa จะอยู่เยื้องกับท่าเรือ)
ที่อยู่ 
  • 上天草市松島町合津6215-17 ミオカミーノ天草内シークルーズ事務所, Kumamoto 861-6195, Japan
เบอร์ติดต่อ 
  • 096-956-2458
เวลาทำการ 
  • เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:30 น.
  • สามารถตรวจสอบรอบเรือชมโลมาได้ที่นี่ >> Click Here
ค่าเข้าชม 
  • สามารถตรวจสอบค่าใช้จ่ายได้ที่นี่ >> Click Here
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดคุมาโมโตะ

เป็นที่รู้กันดีว่า ‘จังหวัดคุมาโมโตะ’ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย แต่นอกจากที่เที่ยวแล้ว อาหารท้องถิ่นของคุมาโมโตะก็น่าสนใจเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะบาซาชิ (Basashi) หรือซาชิมิเนื้อม้าเนี่ย ถือเป็นของแปลกที่เด็ดดวงมากเลยทีเดียวค่ะ ถ้าใครมาถึงจังหวัดนี้แล้วไม่ได้ลองทานก็จะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากเลย

และในบทความนี้ ทีมงานคุณภาพ fromJapan ก็ได้นำ ‘เมนูเด็ดประจำจังหวัดคุมาโมโตะ’ มาฝากทุกคนด้วยกันถึง 5 อย่าง ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

1. คุมาโมโตะราเมน (Kumamoto Ramen)

คุมาโมโตะราเมน (Kumamoto Ramen) เป็นทงคัตสึราเมนที่ประกอบด้วยน้ำซุปซึ่งได้จากการเคี่ยวกระดูกหมูกับน้ำสต๊อกไก่เข้มข้น แล้วเสิร์ฟลงในถ้วยที่มีราเมนเส้นกลมขนาดกลาง พร้อมทั้งตกแต่งด้วยท็อปปิ้งอย่างหมูชาชู ไข่ลวก กระเทียมย่าง และน้ำมันกระเทียม

สำหรับความพิเศษของราเมนถ้วยนี้ ก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากกระเทียมค่ะทุกคน! โดยปกติราเมนทั่วไปเขาจะใส่น้ำมันงากันใช่ไหมคะ แต่ที่นี่เขาใช้น้ำมันกระเทียมกันค่ะ พอได้ยินชื่อของกระเทียมขึ้นมา ยัยคนเขียนก็เริ่มน้ำลายสอขึ้นมาเลยสิคะทีนี้ 555 ถ้าใครเป็นกระเทียมเลิฟเวอร์ผู้ชื่นชอบเมนูหมูกระเทียม ไก่กระเทียม หรือกระเทียมเจียวเป็นชีวิตจิตใจล่ะก็ ลองทานราเมนกระเทียมกันดูนะคะ รับรองว่าหรอยแรงจนแหลงใต้แน่นอน!

Back To Index

2. บาซาชิ (Basashi)

บาซาชิ (Basashi) หรือ ซาชิมิเนื้อม้า (Horse Sashimi) ถือเป็นอาหารท้องถิ่นที่สุดแสนจะเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัดคุมาโมโตะ! เพราะเมนูนี้ใช่ว่าจะหาทานกันได้ง่ายๆเลย จริงไหมคะ?

แต่สำหรับที่คุมาโมโตะนั้นเขาทานเมนูนี้กันเป็นจานหลักเลยทีเดียว โดยสาเหตุที่เนื้อม้าเป็นที่นิยมในหมู่คนญี่ปุ่นนั้นก็เป็นเพราะว่ามันมีปริมาณไขมันน้อยและมีโปรตีนสูงค่ะ นอกจากนี้เนื้อม้ายังมีรสชาติที่หวานกลมกล่อมอีกด้วย

แม้ว่ามันอาจจะเป็นของแปลกสำหรับคนไทยอย่างเรา แต่ถ้าได้มาเที่ยวคุมาโมโตะ เราก็อยากให้สายซาชิมิได้ลองทานบาซาชิกันดูสักครั้งนะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน!

Back To Index

3. คาราชิเร็นคง (Karashi Renkon)

คาราชิเร็นคง (Karashi Renkon) เป็นเมนูที่ได้รับการคิดค้นขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยไดเมียว ‘คาโตะ คิโยมาสะ’ (Kato Kiyomasa) ซึ่งในตอนนั้นท่านต้องการทำอาหารจานนี้เพื่อมอบให้กับโฮโซกาวะ ทาดาโทชิ (Hosokawa Tadatoshi) ขุนนางที่อยู่ในการปกครองของเขา

คิโยมาสะได้นำรากบัวที่พบตามบริเวณรอบคูน้ำของปราสาทคุมาโมโตะมาทำอาหารเมนูนี้ โดยใส่ผงมัสตาร์ดลงไปในรูของรากบัว จากนั้นก็นำไปเคลือบด้วยแป้งผสมที่ประกอบด้วยแป้งข้าวบาร์เลย์ (Barley flour) แป้งถั่ว (Bean flour) และไข่แดง (Egg York) เสร็จแล้วจึงนำไปทอดในน้ำมันเรพซีด (Rapeseed oil)

หลังจากที่โฮโซกาวะได้ลิ้มลองรสชาติของคาราชิเร็นคงแล้ว เขาก็กล่าวว่านี่ถือเป็นอาหารที่มีคุณค่า เพราะนอกจากจะอร่อยเลิศรสแล้ว มันยังมีหน้าตาคล้ายคลึงกับตราประจำตระกูลของเขาด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น รากบัวยังมีคุณสมบัติช่วยบำรุงโลหิตและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอีกด้วย ส่วนมัสตาร์ดก็เป็นเครื่องเทศที่มีส่วนช่วยให้ผู้ทานมีความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น

ต่อมาเมนูคาราชิเร็นคงก็ได้รับการเผยแพร่สู่ประชาชนทั่วไป จนกลายมาเป็นอาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดคุมาโมโตะในที่สุด

Back To Index

4. ทงคัตสึ (Tonkatsu)

ทงคัตสึ (Tonkatsu) ของจังหวัดคุมาโมโตะก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีชื่อเสียง เนื่องด้วยคุโมโตะนั้นขึ้นชื่อเรื่องการผลิตเนื้อหมูที่นุ่มและมีความชุ่มฉ่ำ ซึ่งเป็นรสสัมผัสที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบมากที่สุดนั่นเอง

หากเพื่อนๆคนไหนชื่นชอบการกินทงคัตสึอยู่แล้ว ถ้าได้มาคุมาโมโตะเมื่อไหร่ก็ลองหาโอกาสทานเมนูซิกเนเจอร์อย่าง ‘ทงคัตสึซี่โครงหมู’ กันนะคะ เพราะเมนูดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งความอร่อยที่ไม่ควรพลาดของคุมาโมโตะเลยค่ะ

Back To Index

5. ลูกแพร์โคซุย (Kosui Pears)

เนื่องจากว่าคุมาโมโตะเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ผักผลไม้ของที่นี่จะเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพและรสชาติอันแสนอร่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ลูกแพร์ของคุมาโมโตะ’ เนี่ย ถือว่าเป็นที่สุดของผลไม้จังหวัดนี้เลยล่ะ

ลูกแพร์โคซุย (Kosui Pears) หรือ ลูกแพร์คุมาโมโตะ เป็นลูกแพร์ที่มีขนาดใหญ่กว่าลูกแพร์ปกติ แถมยังมีความหวานฉ่ำน้ำด้วยค่ะ เรียกได้ว่าเป็นลูกแพร์ในฝันเลยทีเดียว

ถ้าใครอยากมาลองชิมความอร่อยของลูกแพร์โคซุยก็ต้องมาเที่ยวกันในช่วงหน้าร้อนน๊า เพราะฤดูนี้เป็นช่วงหน้าลูกแพร์พอดี ทั้งนี้เราจะได้ทานลูกแพร์ที่อร่อยที่สุดในราคาย่อมเยากันด้วยค่ะ

Back To Index

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top