พลาดไม่ได้กับการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ “ภูเขาโยชิโนะ” จุดชมธรรมชาติชื่อดังไม่ไกลจากโอซาก้า
ม.ค. 25, 2023
พลาดไม่ได้กับการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ “ภูเขาโยชิโนะ” จุดชมธรรมชาติชื่อดังไม่ไกลจากโอซาก้า
“ภูเขาโยชิโนะ” (Yoshinoyama/吉野山) เป็นจุดชมวิวดอกซากุระที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ภูเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดนารา ความพิเศษของภูเขาโยชิโนะคือมีต้นซากุระมากกว่า 3 หมื่นต้นกระจายอยู่ทั่วทั้งเนินเขาและหุบเขา ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือประมาณต้นเดือนเมษายนเป็นต้นไปของทุกปี ดอกซากุระเหล่านี้จะผลิบานพร้อมกันอย่างงดงาม ย้อมสีภูเขาทั้งลูกให้กลายเป็นสีชมพู ด้วยทัศนียภาพอันงดงามเช่นนี้ ภูเขาโยชิโนะจึงกลายเป็นจุดชมดอกซากุระที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น
แต่กว่าภูเขาโยชิโนะจะกลายมาเป็นภูเขาซากุระนั้นก็ผ่านประวัติศาสตร์มายาวนานเลยทีเดียว จุดเริ่มต้นคือเมื่อประมาณ 1,300 ปีก่อน ในเวลานั้นผู้คนที่มาเยือนภูเขาลูกนี้จะปลูกต้นซากุระไว้เพื่อเป็นที่ระลึกและเป็นการปฏิบัติตามความเชื่อทางศาสนาที่ว่า “ให้ใช้ชีวิตร่วมกับภูเขาแห่งนี้”
เพราะเหตุนี้ต้นซากุระบนภูเขาโยชิโนะจึงได้รับการดูแลมาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จนถึงตอนนี้ภูเขาโยชิโนะไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงเรื่องซากุระเท่านั้น แต่ที่นี่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ไปพร้อมกันๆด้วย
อย่างไรก็ตาม ในฤดูใบไม้ร่วงใบของต้นซากุระสายพันธุ์ “ซากุระโมมิจิ” จะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง ภูเขาโยชิโนะแห่งนี้จึงดูสวยงามในฤดูใบไม้ร่วงด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ว่าจะมาเที่ยวในฤดูไหนก็สวยงามไปหมดเลยค่ะ
สำหรับวันนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวภูเขาโยชิโนะในบรรยากาศช่วงใบไม้เปลี่ยนสีกัน หากใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาชมภูเขาซากุระที่เปลี่ยนสีสันไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วงล่ะก็ ตามเรามาเที่ยว “ภูเขาโยชิโนะ” กันได้เลยค่ะ
สารบัญ (Index) : ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ “ภูเขาโยชิโนะ”
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ “ภูเขาโยชิโนะ”
1. วัดคินปุเซ็นจิ ซะโอโด (Kinpusenji Zaodo Temple)
“วัดคินปุเซ็นจิ ซะโอโด” (Kinpusenji Zaodo Temple / 金峯山寺 蔵王堂) ตั้งอยู่บนภูเขาโยชิโนะ จังหวัดนารา วัดแห่งนี้เป็นวัดสำคัญที่สุดของศาสนาพุทธชินโต ลัทธิชูเก็นโดะ โดยผู้ที่นับถือลัทธินี้มีความเชื่อว่าทุกคนจะต้องเคารพธรรมชาติ รวมถึงพระพุทธเจ้าและเทพเจ้าต่างๆ ดังนั้นในทุกๆปีผู้คนจึงหลั่งไหลเข้ามาปฏิบัติธรรมที่ภูเขาแห่งนี้กันเป็นจำนวนมากค่ะ
วัดคินปุเซ็นจิ ซะโอโดเป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 1,300 ปี ตามความเชื่อของศาสนานี้ ท่าน Zaoukongen (蔵王根現) เป็นเทพเจ้าที่มีรูปลักษณ์ดูน่าหวาดกลัวและโหดร้าย แต่ความจริงแล้วท่านเป็นเทพเจ้าที่คอยปกป้องโลกของเราค่ะ
นอกจากนี้มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าท่าน Zaoukongen (蔵王根現) ได้นำต้น ‘ยามะซากุระ’ (คำที่ใช้เรียก ‘ต้นซากุระบนภูเขา’) มาใช้เป็นวัสดุหลักในการแกะสลักไม้ต่างๆสำหรับการก่อสร้างและประดับวัดแห่งนี้ ดังนั้นต้นยามะซากุระจึงถูกยกย่องให้เป็นต้นไม้เทพเจ้าแห่งภูเขาโยชิโนะที่ควรรักษาและดำรงไว้ค่ะ
ด้วยพลังความศรัทธาและความเชื่อที่ปฏิบัติตามกันมาตลอดนั้น ภูเขาโยชิโนะจึงกลายเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะ “ภูเขาแห่งซากุระ” ค่ะ
องค์ประกอบโครงสร้างอาคารไม้ของวัดแห่งนี้มีความละเอียดและงดงามเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของยูเนสโกด้วยค่ะ
ส่วนเสาไม้ต้นใหญ่ภายในอาคารวัดคินปุเซ็นจิ ซะโอโดเป็นเสาไม้ที่มีอายุมากกว่าพันปีค่ะ ว่ากันว่าในสมัยก่อนมีการใช้ท่อนไม้หลายชนิดจากต้นไม้บนภูเขามาทำเป็นเสา ไม่ว่าจะเป็นต้นสึบากิ ต้นซากุระ และต้นไม้ชนิดอื่นๆ
ปัจจุบันยังคงเป็นที่สงสัยกันอยู่ว่า ผู้คนในสมัยก่อนสามารถนำไม้ที่ใหญ่ขนาดนี้มาจากภูเขาได้อย่างไร?
และนี่ก็คือรูปโฉมของเทพเจ้า Zaoukongen (蔵王根現) เทพประจำวัดคินปุเซ็นจิ ซะโอโดค่ะ
ตามความเชื่อของคนสมัยก่อน ว่ากันว่ารูปปั้นดังกล่าวเป็นรูปจำแลงของพระพุทธเจ้าในแบบที่น่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น โดยสื่อถึงช่วงเวลาที่ท่านจุติลงมายังโลกมนุษย์เพื่อสั่งสอนผู้กระทำความผิด
หากเราต้องการชมรูปปั้นของเทพเจ้าองค์นี้ในร่างต้นกำเนิด เราสามารถชมได้ที่บริเวณด้านหลังของวัด
อย่างไรก็ตาม นอกจากความเชื่อทางศาสนาของวัดนี้จะทำให้ภูเขาโยชิโนะกลายเป็น ‘ภูเขาแห่งซากุระ’ แล้ว ใบของต้นซากุระที่นี่ยังเปลี่ยนเป็นสีแดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วยค่ะ
ด้วยเหตุนี้ เราจึงสามารถยลโฉมความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีภายในวัดและบริเวณรอบๆวัดได้ค่ะ
ส่วนเครื่องรางประจำวัดก็จะเป็นรูปกบ เนื่องด้วยความเชื่อที่ว่าหากผู้ใดประพฤติตนไม่ดีจะโดนสาปให้กลายเป็นกบค่ะ
รายละเอียดเกี่ยวกับวัดคินปุเซ็นจิ ซะโอโด
ที่อยู่
- 2498 Yoshinoyama, Yoshino, Yoshino District, Nara 639-3115
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ : ราคา 800 เยน
- นักเรียนมัธยมต้น : 600 เยน
- นักเรียนประถม : 400 เยน
- ผู้พิการ : 400 เยน
เว็บไซต์
แผนที่
2. ศาลเจ้าโยชิโนะ (Yoshino–Jingu Shrine)
“ศาลเจ้าโยชิโนะ” (Yoshino-Jingu Shrine / 吉野神宮) ตั้งอยู่ที่ภูเขาโยชิโนะ จังหวัดนารา ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าของศาสนาชินโตที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1892 โดยสร้างขึ้นเพื่อถวายจักรพรรดิโกะไดโกะในยุคสมัยเมจิ
ในส่วนของอาคารห้องโถงหลักและห้องสักการะบูชานั้นทำจากไม้ฮิโนกิเกือบทั้งหมด นอกจากนี้ภายในบริเวณศาลเจ้ายังแบ่งเป็นอาคารย่อยอีก 3 อาคารด้วยกัน
แม้ว่าศาลเจ้าโยชิโนะจะเป็นศาลเจ้าของจักพรรดิเหมือนศาลเจ้าที่เกียวโต แต่ทว่าที่นี่ก็ไม่ได้เป็นที่นิยมเท่ากับศาลเจ้าในแถบเกียวโตมากนัก นั่นเป็นเพราะว่าจักพรรดินาราพระองค์นี้พ่ายแพ้ให้กับจักรพรรดิฝั่งเกียวโตในสงครามค่ะ
อย่างไรก็ตาม ศาลเจ้าโยชิโนะยังมีจุดเด่นเรื่องรายละเอียดของอาคารสถาปัตยกรรมที่งดงามและความน่ารักของเครื่องราง อีกทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมของจังหวัดนาราอีกด้วย
ต่อไปเราจะพาทุกคนไปชมไฮไลต์ความน่ารักของศาลเจ้าโยชิโนะแห่งนี้กันค่ะ
บริเวณจุดล้างมือก่อนเข้าศาลเจ้ามีของตกแต่งน่ารักๆประดับไว้ด้วยค่ะ
หนึ่งในความสนุกของการเที่ยวศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือ การตามหารูปหัวใจที่ซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาคารหรือมุมประตู สถานที่เหล่านี้ก็มีรูปหัวใจซ่อนอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ
แต่ก่อนที่รูปหัวใจเหล่านี้จะกลายเป็นกิมมิคของศาลเจ้าโยชิโนะนั้น จริงๆแล้วในสมัยก่อนผู้คนไม่ได้มองว่านี่คือรูปหัวใจแต่อย่างใด แต่มองว่ารูปทรงคล้ายรูปหัวใจนี้คือ ‘รอยเท้าหมูป่า’!
ในยุคสมัยก่อนผู้คนในละแวกนี้เชื่อกันว่า ‘หมูป่า’ เป็นสัตว์ที่ช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไปจากชีวิต สัญลักษณ์นี้จึงถูกสอดแทรกไว้ตามจุดต่างๆภายในศาลเจ้าโยชิโนะ แถมในยุคปัจจุบันรูปทรงของรอยเท้าหมูป่ายังถูกมองว่าเหมือนรูปหัวใจอีกด้วย ปัจจุบันสัญลักษณ์รูปหัวใจจึงกลายมาเป็นกิมมิคของศาลเจ้าแห่งนี้ค่ะ
และนี่ก็คือความเป็นมาของสัญลักษณ์รูปหัวใจในศาลเจ้าโยชิโนะค่ะ
นอกจากนี้ภายในศาลเจ้ายังมีรูปหัวใจซุกซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆอีกมากมาย แม้แต่บริเวณหลังคาก็ยังมีรูปหัวใจซ่อนอยู่ด้วยค่ะ
ทุกคนมองเห็นกันไหมคะ?
บรรยากาศของใบไม้เปลี่ยนสีภายในศาลเจ้าสวยมากๆเลย
เซียมซีของศาลเจ้าโยชิโนะเป็นรูปเจ้ากระต่ายแสนน่ารักที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยค่ะ
นอกจากนี้ยังมีเครื่องรางรูปหัวใจที่มีสีสันเข้ากับฤดูใบไม้ร่วงด้วย เครื่องรางดังกล่าวจึงได้รับความนิยมจากผู้ที่มาสักการะไม่แพ้กัน
และในเมื่อศาลเจ้าแห่งนี้มีรูปหัวใจซ่อนเอาไว้ให้เราตามหา สินค้าที่ระลึกก็ต้องมีเช่นกันค่ะ! ดังนั้นสินค้าหลายๆอย่างจึงมีรูปหัวใจซ่อนอยู่ด้วย น่ารักมากๆเลยค่ะ
หากใครมีโอกาสได้มาเที่ยวภูเขาโยชิโนะ ลองแวะมาที่ศาลเจ้าน่ารักๆแห่งนี้กันดูนะคะ
รายละเอียดเกี่ยวกับศาลเจ้าโยชิโนะ
ที่อยู่
- 3226 Yoshinoyama, Yoshino, Yoshino District, Nara 639-3115
เว็บไซต์
แผนที่
3. กระเช้าลอยฟ้าโยชิโนะโรปเวย์ (Yoshino Ropeway)
“กระเช้าลอยฟ้าโยชิโนะโรปเวย์” (Yoshino Ropeway / 吉野ロープウェイ) เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1929 โดยเป็นกระเช้าสไตล์เรโทรที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น จากบนกระเช้าเราสามารถชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของภูเขาโยชิโนะได้ตลอดทั้งสี่ฤดู ภายในหนึ่งวันจะมีรอบวิ่ง 4 รอบ ใช้เวลารอบละ 1 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีการเพิ่มรอบในช่วงฤดูใบไม้ผลิด้วยค่ะ
เมื่อเดินมาถึงด้านหน้าทางขึ้นกระเช้าลอยฟ้าโยชิโนะโรปเวย์ เราจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแบบย้อนยุคสไตล์ญี่ปุ่น รวมถึงได้ชมทัศนียภาพของใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามตลอดสองข้างทาง ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ถนนสายนี้จะกลายเป็นอุโมงค์ซากุระที่สวยงามมากๆค่ะ
แม้ว่าระยะทางการวิ่งของกระเช้าลอยฟ้าโยชิโนะโรปเวย์จะไม่ได้ไกลมาก แต่เราสามารถชมทิวทัศน์ของภูเขาโยชิโนะได้อีกมุมหนึ่งจากบนกระเช้านี้ค่ะ
รายละเอียดเกี่ยวกับกระเช้าลอยฟ้าโยชิโนะโรปเวย์
วิธีการเดินทาง
- เดินจากสถานี Yoshino Station ของรถไฟฟ้า Kintetsu Railway ไปยังสถานี Senbonguchi Station โดยใช้เวลาประมาณ 3 นาทีก็จะถึงทางเข้าสถานีกระเช้าลอยฟ้าทันที
ค่าบริการ
- อายุ 13 ปีขึ้นไป : ตั๋วเที่ยวเดียว ราคา 450 เยน / ตั๋วไป–กลับ ราคา 800 เยน
- อายุตั้งแต่ 4 – 12 ปี : ตั๋วเที่ยวเดียว ราคา 230 เยน / ตั๋วไป–กลับ ราคา 400 เยน
- หมายเหตุ : ไม่มีบริการขายตั๋วไป-กลับในช่วงฤดูซากุระบาน โปรดตรวจสอบวันที่และเวลาให้บริการอีกครั้งในเว็บไซต์
เว็บไซต์ทางการ (ภาษาญี่ปุ่น)
แผนที่ของสถานี Senbonguchi Station
แนะนำร้านอาหารและร้านขนมยอดฮิตในภูเขาโยชิโนะ
1. “ยักโกะ” ร้านอาหารพื้นเมืองของภูเขาโยชิโนะ
“ยักโกะ” (やっこ) เป็นร้านซูชิสไตล์ ‘คาคิโนะฮะซูชิ’ (Kakinohazushi) หรือ ‘ซูชิที่ห่อด้วยใบพลับ’ ร้านซูชิแห่งนี้เป็นร้านซูชิขึ้นชื่อของภูเขาโยชิโนะเลยค่ะ หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าในเมื่อบนภูเขาไม่มีทะเล แล้วเขาทำซูชิทานได้ยังไงกันนะ?
คำตอบคือในสมัยก่อนการขนส่งอาหารทะเลจะใช้เวลาค่อนข้างนาน คนโบราณจึงคิดค้นสูตรถนอมอาหารขึ้นมาแทน ด้วยเหตุนี้ซูชิชื่อดังของภูเขาโยชิโนะอย่าง “คาคิโนะฮะซูชิ” จึงถือกำเนิดขึ้น โดยคนในสมัยก่อนจะนิยมทำซูชิทานกันโดยใช้ ‘คาคิโนะฮะ (ใบพลับ)’ ห่อซูชิเพื่อถนอมอาหาร เนื่องจากใบพลับมีสารที่ช่วยฆ่าเชื้อโรค เรียกได้ว่าเป็นสารกันบูดจากธรรมชาติอย่างแท้จริงเลยค่ะ นอกจากนี้คาคิโนะฮะซูชิยังได้รับความนิยมมาตั้งแต่ยุคสมัยเอโดะ โดยผู้คนจะนิยมทานกันในช่วงฤดูร้อนค่ะ
และคาคิโนะฮะซูชิของร้านยักโกะก็เป็นซูชิแบบดั้งเดิมของภูเขาโยชิโนะนั่นเอง ทางร้านจะใช้ปลาที่สดใหม่ในการดองเกลือและห่อด้วยใบพลับ จนกลายเป็นรสชาติอันแสนกลมกล่อมแบบดั้งเดิม
ภายในร้านมีโต๊ะอาหารที่สามารถมองออกไปเห็นบรรยากาศของภูเขาโยชิโนะได้ค่ะ
นอกจากคาคิโนะฮะซูชิแล้ว ร้านยักโกะยังมีเมนูโซบะและอุด้งให้ทานคู่กันด้วยค่ะ
เซ็ตอาหารที่ได้รับความนิยมของร้านยักโกะคือ เซ็ตซูชิ 5 ชิ้นที่เสิร์ฟคู่มากับมินิอุด้ง โดยในเซ็ตนี้เราสามารถเปลี่ยนเป็นโซบะได้ค่ะ
เซ็ตอุด้งก็อร่อยไม่แพ้เซ็ตโซบะ
ซูชิของร้านยักโกะมีกลิ่นหอมและรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมแตกต่างจากซูชิทั่วไป ส่วนข้าวจะมีรสหวาน ในปัจจุบันจะนิยมใช้ปลาแซลมอนกับซาบะในการทำซูชิค่ะ
อุด้งของร้านนี้มีจุดเด่นอยู่ที่เส้นนุ่มหนึบอันแสนอร่อย
นอกจากนี้ยังมีเมนูขนมหวานอย่าง ‘วาราบิโมจิ’ ให้ทานปิดท้ายกันอีกด้วย ลองเลือกสั่งมาทานตามความชอบกันดูนะคะ
หากได้มาเที่ยวที่ภูเขาโยชิโนะ ต้องแวะมาทานอาหารที่ร้านยักโกะกันนะคะ รับรองได้ว่าไม่มีผิดหวังแน่นอน
รายละเอียดเกี่ยวกับร้านยักโกะ
ที่อยู่
- 543 Yoshinoyama, Yoshino, Yoshino District, Nara 639-3115
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
แผนที่
2. “Mansyoudou” ร้านขนมญี่ปุ่นขวัญใจชาวเมืองโยชิโนะ
ร้าน “Mansyoudou” (萬松堂) เป็นร้านขนมญี่ปุ่นที่เปิดมาตั้งแต่ยุคเมจิ ในสมัยก่อนใครก็ตามที่มาไหว้พระที่โยชิโนะจะชอบแวะทานขนมร้านนี้ก่อนกลับบ้านค่ะ
เมนูยอดฮิตประจำร้านนั้นก็มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฮานามิดังโงะ ซากุระโมจิ คุสะโมจิ และซากุระโยคัง
เมนูที่คนนิยมซื้อกลับไปเป็นของฝากมากที่สุดก็คือ “ซากุระโยคัง” วุ้นสีชมพูกับสีเขียวสดใส ส่วนด้านในวุ้นตกแต่งเป็นดอกซากุระ สมกับที่เป็นเมืองแห่งซากุระจริงๆค่ะ
ส่วนขนมในรูปนี้เรียกว่า “คุสะโมจิ” เป็นขนมที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ซากุระโยคังเลยค่ะ คุสะโมจิของร้านนี้ไม่ใช้สารตกแต่งสีหรือสารกันบูดแต่อย่างใด
นอกจากนี้ในสมัยก่อนเคยมีการถวายขนมคุสะโมจิแก่จักพรรดิในยุคสมัยโชวะ นับตั้งแต่นั้นมาคุสะโมจิของร้าน Mansyoudou ก็กลายเป็นเมนูที่มีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบัน
รายละเอียดเกี่ยวกับร้าน Mansyoudou
ที่อยู่
- 448 Yoshinoyama, Yoshino, Yoshino District, Nara 639-3115, Japan
เวลาทำการ
- เปิดตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:00 น. / ปิดทุกวันอังคาร
- เดือนเมษายนกับเดือนพฤศจิกายน : ไม่มีวันหยุด
เว็บไซต์
แผนที่
3. ร้านข้าวหน้าปลาไหล “ ไทโกะบัง”
ร้านข้าวหน้าปลาไหล “ไทโกะบัง” (UNAGI TAIKOBAN) เป็นร้านที่ใช้ปลาไหลชั้นดีของจังหวัดไอจิในการทำข้าวหน้าปลาไหล และยังใช้วิธีการย่างแบบคันโตอีกด้วย เราจึงสามารถสัมผัสได้ถึงรสชาติเข้มข้นของซอสและความนุ่มของปลาไหล นอกจากนี้ทางร้านยังทิ้งไขมันส่วนเกินของปลาที่อาจทำให้รู้สึกเลี่ยนด้วย โดยรวมแล้วรสชาติอร่อยมากค่ะ ส่วนบรรยากาศภายในร้านก็อบอุ่นเป็นกันเองมาก
ปลาไหลของร้านนี้เสิร์ฟมาคู่กับไข่ม้วนสอดไส้ปลาไหล ดูน่าทานมากค่ะ
วิธีการทำข้าวหน้าปลาไหลร้านนี้ก็จะเป็นวิธีการทำแบบคันโต โดยนึ่งปลาไหลก่อนที่จะนำมาย่างอีกรอบ แม้ว่าขั้นตอนจะดูซับซ้อน แต่ในระหว่างที่ทานเราจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มของเนื้อปลา อีกทั้งรสชาติของซอสยังซึมเข้าถึงเนื้อปลาอย่างเข้มข้น นอกจากนี้เรายังสามารถนั่งทานในร้านหรือสั่งกลับบ้านได้ด้วยค่ะ
ส่วนข้าวของร้านนี้จะคลุกซอสก่อนเสิร์ฟให้ลูกค้า หากใครชื่นชอบซอสปลาไหลก็คงถูกใจร้านนี้อย่างแน่นอน
สำหรับบรรยากาศภายในร้านก็จะเป็นสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม จากที่นั่งเราสามารถมองเห็นวิวภูเขาโยชิโนะได้ด้วยค่ะ
รายละเอียดเกี่ยวกับร้านข้าวหน้าปลาไหล “ไทโกะบัง”
ที่อยู่
- 1278 Yoshinoyama, Yoshino, Yoshino District, Nara 639-3115
เว็บไซต์
แผนที่
4. “อาโอกิ” ร้านเหล้าญี่ปุ่นประจำเมือง
“ร้านอาโอกิ” (Aoki) เป็นร้านขายของชำที่มีเครื่องดื่มหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสาเกญี่ปุ่น เครื่องดื่ม รวมถึงของฝากอีกมากมาย นอกจากนี้ที่ร้านอาโอกิยังมีเหล้าขึ้นชื่อของเมืองนี้จำหน่ายอีกด้วยค่ะ หรือถ้ามาเที่ยวที่นี่แล้วรู้สึกคอแห้งก็สามารถแวะมาซื้อเครื่องดื่มที่ร้านนี้ได้เลยค่ะ
เครื่องดื่มขวดสีชมพูที่ทุกคนเห็นนี้คือ “โค้กซากุระ” เป็นเครื่องดื่มที่ดูเข้ากับเมืองนี้มากๆเลยค่ะ น่าซื้อมาถ่ายรูปมากเลย ส่วนขวดที่ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายนั้นเรียกว่า “น้ำจาบาระ” เป็นน้ำที่สกัดมาจากผลไม้ตระกูลส้มค่ะ รสชาติอร่อยสดชื่นไม่แพ้กันเลย
เหล้าผลไม้ที่นี่ผสมเนื้อผลไม้ลงไปแบบเข้มข้น ทำให้รสเหมือนกับน้ำผลไม้สดๆเลยค่ะ รสชาติก็มีให้เลือกทั้งยูซุ จาบาระ บ๊วย พีช แต่รสที่น่าสนใจและหาดื่มได้ยากคือรสโยเกิร์ตกับเกาลัดค่ะ
นอกจากนี้ยังมีเหล้าซากุระในแพ็คเพจแสนน่ารัก เหมาะสำหรับซื้อไปตั้งโชว์หรือนำไปเป็นของฝากจากโยชิโนะมากค่ะ
รายละเอียดเกี่ยวกับร้านเหล้าอาโอกิ
ที่อยู่
- 445 Yoshinoyama, Yoshino, Yoshino District, Nara 639-3115, Japan
แผนที่
วิธีการเดินทาง
เราสามารถเดินทางมายังภูเขาโยชิโนะได้โดยรถไฟคินเท็ตสึ โดยสามารถเลือกนั่งรถไฟได้ทั้งหมด 2 ประเภท คือรถไฟด่วน Sightseeing Limited Express Blue Symphony และรถไฟด่วน Sakura Liner โดยเริ่มต้นการเดินทางที่โอซาก้าได้ค่ะ
- นั่งรถไฟจากสถานี Osaka Abenobashi Station มายังสถานี Yoshino Station ก็จะถึงทันที
ต่อไปเราจะมาแนะนำรถไฟด่วนพิเศษทั้งสองประเภทนี้กันค่ะ
1. รถไฟด่วนพิเศษ Sightseeing Limited Express “Blue Symphony”
เราสามารถเดินทางมายังภูเขาโยชิโนะได้ด้วยรถไฟด่วนพิเศษ Sightseeing Limited Express Blue Symphony (青の交響曲) ของบริษัทรถไฟฟ้า Kintetsu Railway โดยเริ่มต้นจากสถานี Osaka Abenobashi Station ในโอซาก้า แล้วนั่งมาลงที่สถานี Yoshino Station ในนารา ใช้เวลาเพียง 75 นาทีเท่านั้น
Sightseeing Limited Express Blue Symphony เป็นรถไฟด่วนพิเศษของบริษัทรถไฟ Kintetsu Railway ที่นำมารีโนเวทใหม่ โดยเริ่มให้บริการในปี 2016 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “การท่องเที่ยวสไตล์เรียบหรูแบบผู้ใหญ่ ซึ่งจะพาคุณไปสัมผัสกับวัฒนธรรมและฤดูกาลทั้งสี่”
ภายในรถไฟ Sightseeing Limited Express Blue Symphony ได้รับการดีไซน์ในรูปแบบที่เรียบหรู ที่นั่งก็นุ่มสบายสุดๆ นอกจากที่นั่งปกติซึ่งหันหน้าไปในทางเดียวกันแล้ว ก็ยังมีที่นั่งริมหน้าต่างสำหรับ 2 คนที่หันหน้าเข้าหากันอีกด้วย รวมถึงมีที่นั่งแบบหันหน้าเข้าหากันสำหรับผู้โดยสารประมาณ 3-4 คน นอกจากนี้ยังมีเลานจ์ที่คอยให้บริการเครื่องดื่มและขนมในตู้โดยสารที่ 2 ของรถไฟด้วย โดยมีที่นั่งทั้งหมด 20 ที่ค่ะ
ที่นั่งแบบหันหน้าเข้าหากัน ให้บรรยากาศเรียบหรูแบบผู้ใหญ่ตามคอนเซ็ปต์ของทริป
การดีไซน์ภายในทั้งหมดให้ความรู้สึกหรูหรา อบอุ่น และสบายตา
แม้แต่โต๊ะบริเวณด้านหลังที่นั่งยังถูกดีไซน์มาให้ดูสวยงาม
โต๊ะขนาดเล็กที่พับอยู่ตรงที่วางแขนด้านข้างที่นั่งก็เช่นกัน
ทุกคนสามารถใช้บริการโซนเลานจ์ได้ที่ตู้รถไฟหมายเลข 2 โดยจะมีของอร่อยเสิร์ฟให้มากมาย ทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซอฟต์ดริ้งค์ อาหาร และขนมหวานที่ทำโดยเชฟของโรงแรมแมริออท มิยาโกะ
ที่นั่งในบริเวณเลานจ์มีทั้งหมด 20 ที่ด้วยกัน
เราสามารถจิบชาทานขนม พร้อมกับชมวิวบนรถไฟตั้งแต่โอซาก้าไปยังเมืองโยชิโนะได้ในบรรยากาศสุดหรูหรา
รายละเอียดเกี่ยวกับรถไฟด่วนพิเศษ Sightseeing Limited Express “Blue Symphony”
ค่าบริการจากสถานี Osaka Abenobashi ไปยังสถานี Yoshino
- ตั๋วเที่ยวเดียว : ผู้ใหญ่ 730 เยน / เด็ก 370 เยน
- หมายเหตุ : ราคาดังกล่าวยังไม่รวมค่าโดยสารทั่วไป แต่เมื่อรวมแล้วค่าตั๋วรถไฟเที่ยวเดียวจะมีราคาดังนี้
- ผู้ใหญ่ : 990 เยน
- เด็ก : 500 เยน
เว็บไซต์
เว็บไซต์สำหรับการจองตั๋วรถไฟด่วนพิเศษ Sightseeing Limited Express “Blue Symphony”
2. รถไฟด่วนพิเศษ Sakura Liner
อีกหนึ่งวิธีการเดินทางไปยังภูเขาโยชิโนะคือ “รถไฟด่วนพิเศษ Sakura Liner” ซึ่งวิ่งจากสถานี Osaka Abenobashi Station ไปยังสถานี Yoshino Station เช่นเดียวกับรถไฟด่วนพิเศษ Sightseeing Limited Express Blue Symphony
รถไฟสายนี้ได้รับการดีไซน์ในธีม “ซากุระ” เพื่อให้เข้ากับการเป็นรถไฟที่จะพาผู้โดยสารไปยังเมืองซากุระอันโด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น ตัวรถไฟนั้นเป็นสีขาว ส่วนบริเวณด้านล่างเป็นสีชมพูแบบเดียวกับซากุระ
แม้แต่เบาะที่นั่งยังเป็นสีชมพูด้วยนะ ทำให้ถึงถึงดอกซากุระเลยค่ะ
เบาะที่นั่งแบบปกติภายในรถไฟ
จะเห็นว่าลายบนเบาะก็เป็นรูปดอกซากุระเช่นกัน
มีที่วางขาสำหรับการนั่งในระยะทางไกล ช่วยเพิ่มความสบายให้กับผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของห้องโดยสาร ที่นั่งแบบ Deluxe จะเป็นเบาะที่นั่งซึ่งหรูหราขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
ภายในห้องโดยสารประดับโคมไฟลายซากุระไว้ด้วย สมกับเป็นรถไฟสายซากุระจริงๆค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับรถไฟด่วนพิเศษ Sakura Liner
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถไฟด่วนพิเศษ Sakura Liner
เว็บไซต์สำหรับการจองตั๋วรถไฟด่วนพิเศษ Sakura Liner
แนะนำ KINTETSU RAIL PASS ตั๋วรถไฟสุดคุ้มสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
หากใครต้องการเดินทางท่องเที่ยวทั่วทั้งภูมิภาคคันไซ รถไฟฟ้าคินเท็ตสึให้บริการตั๋ว Pass สุดคุ้มสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยค่ะ ตั๋วชนิดนี้เป็น Pass ที่ช่วยให้การเดินทางของทุกคนสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น แถมราคายังคุ้มสุดๆด้วยนะ
นอกจากนี้รถไฟฟ้าคินเท็ตสึยังมีโปรโมชั่นส่วนลดให้เลือกอีกมากมาย ทุกคนสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ KINTETSU RAIL PASS ได้ที่ลิงก์นี้เลย >>> https://www.kintetsu.co.jp/foreign/thai/ticket/
แนะนำที่เที่ยวอื่นๆในภูมิภาคคันไซ
- โคยะซัง ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ของศาสนาพุทธไว้มากกว่า 1,200 ปี (คลิกที่รูปได้เลย)
- ชมดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีแสนงดงามที่ “เมืองโอสึ” แหล่งท่องเที่ยวใกล้เกียวโตที่เราอยากแนะนำ (คลิกที่รูปได้เลย)
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ