ท่องโลกแห่งธรรมชาติ สัมผัสความสงบจากภายใน ณ ภูเขาชิงิ จังหวัดนารา
ก.พ. 20, 2024
ท่องโลกแห่งธรรมชาติ สัมผัสความสงบจากภายใน ณ ภูเขาชิงิ จังหวัดนารา
ท่ามกลางภูมิประเทศอันสวยงามของจังหวัดนารา ยังมีสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์ วัฒนธรรมอันรุ่งเรือง และความสงบสุขลุ่มลึกถึงจิตวิญญาณ สถานที่แห่งนั้นก็คือ ภูเขาชิงิ (Shigi Mountain) ในจังหวัดนารา
ขุนเขาอันยิ่งใหญ่แห่งนี้มีทั้งธรรมชาติเขียวขจีและสถานที่ต่างๆซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ภูเขาชิงิจึงเป็นดั่งที่พักใจของใครก็ตามที่อยากปลีกตัวออกจากความวุ่นวายภายในเมือง
เราจะพาทุกคนเดินทางไปยัง “ภูเขาชิงิ” เพื่อสัมผัสความสงบจากภายใน พร้อมร่วมค้นหาคำตอบด้วยกันว่าทำไมขุนเขาแห่งนี้จึงถูกกล่าวขานว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งมีเสน่ห์ในแบบที่ไม่เหมือนสถานที่อื่นใด 👍
สารบัญ (Index)
- 1. วิธีเดินทางไปภูเขาชิงิ
- 2. ฤดูกาลที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวภูเขาชิงิ
- 3. ชมความงดงามของซากุระที่ภูเขาชิงิ
- 4. สัมผัสความสงบแบบเซนบนภูเขาชิงิ ณ วัดเกียวคุโซอิน
- 5. เที่ยววัดโชโกะซอนชิจิ ขอพรกับเสือแห่งโชคลาภ
- 6. สถานที่ท่องเที่ยวแห่งอื่นๆที่น่าสนใจในบริเวณภูเขาชิงิ
- 7. เที่ยวภูเขาชิงิให้สนุกยิ่งขึ้นด้วยคำแนะนำดีๆจากเรา!
1. วิธีเดินทางไปภูเขาชิงิ
สำหรับการเดินทางไปภูเขาชิงินั้น ทุกคนสามารถนั่งรถไฟฟ้าคินเท็ตสึที่แสนสะดวกสบายได้โดยมีวิวสวยๆให้ชมระหว่างทาง
หากเริ่มต้นการเดินทางที่โตเกียว ให้นั่งรถไฟชินคันเซ็นไปลงที่นาโกย่า จากนั้นเปลี่ยนสายไปนั่งรถไฟด่วนพิเศษของคินเท็ตสึเพื่อเดินทางไปยังจังหวัดนารา
ส่วนใครที่เริ่มต้นเดินทางจากจังหวัดโอซาก้าและเกียวโตก็สามารถนั่งรถไฟตรงมายังจังหวัดนาราได้เลย โดยขึ้นรถไฟฟ้าคินเท็ตสึได้ที่สถานี Osaka-Namba ในจังหวัดโอซาก้า หรือสถานี Kyoto ในจังหวัดเกียวโต แล้วลงรถไฟที่สถานี Nara ในจังหวัดนารา
หากใครเริ่มต้นการเดินทางจากเมืองนาโกย่าในจังหวัดไอจิก็สามารถนั่งรถไฟคินเท็ตสึมาที่นาราได้เช่นกัน โดยให้ขึ้นรถไฟคินเท็ตสึสาย Nagoya Line ตรงมายังสถานี Nara
การเดินทางมาเที่ยวจังหวัดนาราด้วยรถไฟคินเท็ตสึนั้นเป็นวิธีที่ทั้งรวดเร็วและสะดวกสบาย ด้วยรถไฟสายนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาชมทัศนียภาพอันสวยงามแปลกตาของภูเขาชิงิได้สะดวกมากค่ะ
2. ฤดูกาลที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวภูเขาชิงิ
ภูเขาชิงินั้นสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ฤดูกาลที่สวยงามที่สุดสำหรับการมาเที่ยวภูเขาแห่งนี้ก็คือ “ฤดูใบไม้ผลิ” โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนเมษายนที่ดอกซากุระเริ่มผลิบาน แปลงโฉมทั้งภูเขาให้กลายเป็นท้องทะเลแห่งบุปผาสีชมพูขาว กลิ่นหอมหวานของดอกซากุระจะฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ แต่งแต้มบรรยากาศของภูเขาชิงิให้ดูมหัศจรรย์มากยิ่งขึ้น
ฤดูใบไม้ผลินั้นไม่เพียงแต่จะรังสรรค์ความงดงามให้แก่ทัศนียภาพของภูเขาชิงิเท่านั้น แต่ฤดูนี้ยังเป็นช่วงที่อากาศดี เหมาะอย่างยิ่งแก่การเดินป่าตามเส้นทางบนภูเขาและสำรวจแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ค่ะ
3. ชมความงดงามของซากุระที่ภูเขาชิงิ
หนึ่งในช่วงเวลาที่เป็นประสบการณ์อันยอดเยี่ยมและน่าประทับใจของการมาเที่ยวภูเขาชิงิก็คือ การชมดอกซากุระอันงดงามที่ภูเขาชิงิ
เมื่อถึงฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน ภูเขาทั้งลูกจะเสมือนถูกห่มคลุมด้วยผืนผ้าสีชมพูอ่อน
ทางเดินก็ประหนึ่งถูกโอบล้อมไว้ด้วยอุโมงค์ซากุระ ทำให้การเดินไปตามทางบนภูเขาแห่งนี้มีแต่ความรื่นรมย์
นอกจากนี้ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนภูเขาชิงิก็สามารถใช้เวลาไปกับการนั่งปิกนิกใต้ต้นซากุระได้ กลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนที่ค่อยๆร่วงโรยจากต้นอย่างแผ่วเบาด้วยสายลมแห่งขุนเขานั้น แม้จะเป็นความงามที่ไม่จีรังแต่ก็แสนประทับใจ
ไม่ว่าทุกคนจะเลือกถ่ายภาพความสวยงามนี้เก็บไว้หรือเลือกใช้เวลานั่งชมความงามของซากุระด้วยสายตาของตัวเองอย่างเพลิดเพลิน เราก็เชื่อว่าภาพของดอกซากุระที่ภูเขาชิงิจะเบ่งบานในใจคุณไปตลอดกาล
4. สัมผัสความสงบแบบเซนบนภูเขาชิงิ ณ วัดเกียวคุโซอิน
วัดเกียวคุโซอิน (Gyokuzo-in Temple) เป็นวัดเซนที่ตั้งอยู่ ณ ใจกลางภูเขาชิงิ วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 8 บรรยากาศภายในวัดเปี่ยมไปด้วยมนตร์ขลังแห่งประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณแห่งความเลื่อมใส
ทันทีที่เดินเข้าไปในวัด คุณจะสัมผัสได้ถึงความสงบจากภายในและวิถีแห่งการปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธนิกายเซน สถาปัตยกรรมของวัดเกียวคุโซอินสะท้อนความงดงามของศิลปะญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมได้เป็นอย่างดี เมื่อผนวกเข้ากับธรรมชาติรอบข้างที่สวยงามก็ยิ่งสะท้อนความงามแบบเซนออกมาได้กระจ่างชัด
การมาเที่ยววัดเกียวคุโซอินนั้นให้ประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป วัดแห่งนี้ทำให้เราสัมผัสเข้าถึงจิตวิญญาณแห่งภูเขาชิงิได้อย่างลึกซึ้ง อีกทั้งภายในวัดยังมีสถานที่พักแรมสำหรับบุคคลทั่วไปและพระที่เรียกว่า “ชุคุโบะ” (Shukubo) อีกด้วย แขกทุกคนที่เข้าพักในชุคุโบะจะสามารถใช้เวลาไปกับการศึกษาวิถีชีวิตทางธรรมและปฏิบัติสมาธิแบบเซนได้อย่างเต็มที่
การพักแรมที่ชุคุโบะของวัดเกียวคุโซอินนั้นไม่เพียงแต่มอบความสงบสุขภายในจิตใจ แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้เข้าใจธรรมเนียมปฏิบัติของศาสนาพุทธนิกายเซนด้วยประสบการณ์ของตัวเองโดยตรง วัดเกียวคุโซอินจึงเป็นที่เคารพเลื่อมใสอย่างมากด้วยบรรยากาศอันแสนสงบและการเปิดโอกาสให้ผู้คนได้มาสัมผัสวิถีแห่งธรรมจากการใช้ชีวิตประจำวันภายในวัด
เว็บไซต์ของวัดเกียวคุโซอิน
5. เที่ยววัดโชโกะซอนชิจิ ขอพรกับเสือแห่งโชคลาภ
เมื่อเดินตามทางขึ้นภูเขาชิงิมาไม่นานนัก ทุกคนจะพบกับ “วัดโชโกะซอนชิจิ” (Chogosonshi-ji Temple) ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นศาสนสถานที่สะท้อนวัฒนธรรมดั้งเดิมของนาราได้อย่างโดดเด่น วัดแห่งนี้มีแลนด์มาร์กสำคัญเป็นรูปปั้น “เสือแห่งโชคลาภ” ที่ได้ชื่อว่าเป็นงานประติมากรรมเปเปอร์มาเช่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ทำให้หลังจากวัดโชโกะซอนชิจิถูกค้นพบเมื่อศตวรรษที่ 8 ที่นี่จึงไม่ได้เป็นเพียงสถานที่จารึกประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมพลังงานศักดิ์สิทธิ์ด้านโชคชะตาด้วย
รูปปั้นเสือแห่งโชคลาภนั้นสร้างขึ้นอย่างประณีตด้วยเทคนิคเปเปอร์มาเช่ หรือการสร้างสรรค์งานศิลปะด้วยกระดาษที่ปะทับกันหลายๆชั้น งานประติมากรรมชิ้นนี้นับว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคและการปกปักรักษา นักท่องเที่ยวที่ได้มาเยือนวัดโชโกะซอนชิจิล้วนต้องมนตร์เสน่ห์ของเสือแห่งโชคลาภกันทุกคน
นอกจากการขอพรเรื่องโชคชะตาแล้ว วัดโชโกะซอนชิจิยังมีทางเดินใต้ดินที่ชื่อว่า “ไคดันเมกุริ” (Kaidan Meguri) ซึ่งจะช่วยเติมสีสันให้กับทริปท่องเที่ยวของคุณ
ไคดันเมกุรินั้นหมายถึงทางเดินใต้ดินที่มีบรรยากาศมืดสลัว ทางเดินแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์แทนวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์และการเกิดใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นความเชื่อที่สะท้อนแนวคิดพุทธปรัชญาที่แฝงอยู่ภายใต้คำสอนของวัดแห่งนี้เสมอมา
เมื่อนักท่องเที่ยวเดินลอดไคดันเมกุริไปจนถึงทางออกที่ปลายอุโมงค์ ทุกคนจะพบกับอุโมงค์รูปปากเสืออันน่าเกรงขามอีกแห่งหนึ่ง อุโมงค์นี้จะเชื่อมต่อไปยังวัดเซนจูอิน (Senju-in Temple) ที่อยู่ติดกับวัดโชโกะซอนชิจิ ลักษณะของอุโมงค์ดังกล่าวจะเป็นรูปปากของเสือที่อ้ากว้างมากพอให้เราสามารถเดินลอดเข้าไปได้พอดี
อุโมงค์ปากเสือนั้นเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะแห่งความกล้าหาญที่พิชิตเคราะห์ร้ายให้หมดสิ้นไป รวมถึงนำพาความโชคดีมาสู่ผู้ที่เดินลอดอุโมงค์ไปจนถึงอีกฝั่งด้วยค่ะ
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากประติมากรรมรูปเสือยักษ์แล้ว วัดโชโกะซอนชิจิยังเปรียบได้ดั่งมรดกหลักฐานทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันล้ำค่าและมีความสำคัญยิ่งของจังหวัดนารา
เว็บไซต์ของวัดโชโกะซอนชิจิ
6. สถานที่ท่องเที่ยวแห่งอื่นๆที่น่าสนใจในบริเวณภูเขาชิงิ
6.1 วัดเซนจูอิน (Senju-in Temple)
วัดเซนจูอิน (Senju-in Temple) เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดและเป็นที่เคารพนับถือมากที่สุดในบรรดาวัดประเภทวัดสาขาย่อย (Tatchu Temple) บนภูเขาชิงิ วัดสาขาย่อยของนิกายเซนที่เรียกว่า ‘Tatchu’ นี้แสดงให้เห็นถึงการกระจายสาขาเพื่อเผยแผ่ศาสนาในแบบฉบับของวัดพุทธนิกายเซน ซึ่งแม้ว่าทุกวัดจะอยู่ต่างสาขากันแต่ศูนย์รวมก็ยังคงอยู่ที่สาขาหลักเสมอ
อาคารหลักของวัดเซนจูอินที่เรียกว่า “โกมาโดะ” (Goma-do Hall) เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งโชคลาภอย่าง ‘พระโพธิสัตว์ 11 พระพักตร์’ ซึ่งรวมไปถึง “เทพบิชามงเทน” (Bishamonten) นอกจากนี้ภายในโกมาโดะยังมีห้องโถง Zenigame-do Hall ที่อุทิศแด่เทพเจ้าเซนิกาเมะเซนชิน รวมถึงห้องโถง Daikoku Hall ที่อุทิศแด่เจ้าแม่กวนอิมพันมือ ทุกคนสามารถชมพิธีสักการะเทพบิชามงเทนได้ที่โกมาโดะ แต่กำหนดการในการจัดพิธีอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ในแต่ละวัน
วัดเซนจูอินเป็นพื้นที่ปฏิบัติธรรมสำหรับผู้เคารพนับถือเทพบิชามงเทนและผู้ที่ต้องการปฏิบัติธรรม วัดแห่งนี้สามารถรองรับและตอบโจทย์ความต้องการของผู้มาปฏิบัติธรรมได้อย่างดีเยี่ยม ที่พักของวัดเซนจูอินนับว่าสะดวกสบายอย่างมากต่อการเข้าพักอาศัยของแขก และมีบรรยากาศที่สงบเงียบเหมาะแก่การทำสมาธิ
เว็บไซต์ของวัดเซนจูอิน
6.2 วัดโจฟุกุอิน (Jyofuku-in Temple)
วัดโจฟุกุอิน (Jyofuku-in Temple) เป็นวัดหลักของศาสนาพุทธนิกายชินงอนที่ตั้งอยู่บนภูเขาชิงิ วัดแห่งนี้เป็นการผสมผสานอันแสนลงตัวระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและความทันสมัย ท่ามกลางธรรมชาติใจกลางภูเขาชิงิที่ปรากฏเป็นฉากหลัง
ภูเขาชิงินั้นตั้งอยู่ในเขตยามาโตะของจังหวัดนารา ที่นี่ได้รับการยกย่องในฐานะของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่เจ้าชายโชโตกุนำศาสนาพุทธนิกายวัชรยานและการนับถือเทพบิชามงเทนมาเผยแผ่ในญี่ปุ่นอีกครั้งหลังจากศาสนาพุทธถูกลดความสำคัญในญี่ปุ่นมานาน
ตามตำนานเชื่อกันว่าเทพบิชามงเทนปรากฏกายขึ้นในปีขาล ในวันแห่งเสือ และในเวลาของเสือ เทพองค์นี้จึงได้รับการเคารพนับถือในฐานะของเทพเจ้าที่มีความเกี่ยวข้องกับเสือ เทพบิชามงเทนถือเป็นหนึ่งในเจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภ โดยมีชื่อเสียงเรื่องการให้พรเกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองของกิจการ การให้โชค และการให้พรด้านอื่นๆ
วัดโจฟุกุอินเป็นศาสนสถานที่ยินดีต้อนรับผู้จาริกแสวงบุญทุกท่าน ทั้งผู้ที่เดินทางมาคนเดียวและผู้ที่เดินทางมาเป็นหมู่คณะ เหล่าเจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบกิจการจึงนิยมเดินทางมาปฏิบัติธรรม ณ วัดแห่งนี้
ตามตำนานกล่าวไว้ว่าเทพโนอิ โฮจู (Nyoi Hoshu) หรือเทพผู้บันดาลพรและเครื่องประดับล้ำค่านั้นประดิษฐานอยู่ภายใน ‘ยูโสะเด็น’ (Yusoden) ซึ่งเคยเป็นหอสมบัติในครอบครองของเทพบิชามงเทนหรือเทพเจ้าสูงสุดแห่งภูเขาชิงิ โดยเทพโนอิ โฮจูจะคอยปกปักรักษาทรัพย์สมบัติเหล่านี้ของเทพบิชามงเทน ความเชื่อดังกล่าวนี้เองที่ทำให้ผู้คนนิยมเดินทางมายังวัดโจฟุกุอินเพื่อสักการะขอพรให้ความพยายามของตนบรรลุผลสำเร็จ
เว็บไซต์ของวัดโจฟุกุอิน
6.3 สะพานไคอุนเคียว (Kaiunkyo Bridge)
ณ ภูเขาชิงิ มีจุดชมวิวแห่งหนึ่งซึ่งมีสถาปัตยกรรมอันงดงามอยู่คู่กับวิวธรรมชาติอันแสนสดชื่น สถานที่แห่งนั้นคือ “สะพานไคอุนเคียว” (Kaiunkyo Bridge)
สะพานอันสวยงามนี้ทอดตัวพาดผ่านสวน Shigi-Ikoma-Kisen Quasi-National Park ทิวทัศน์ของสะพานแห่งนี้ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในความฝัน เสมือนโลกเทพนิยายและโลกแห่งความเป็นจริงมาบรรจบกัน
ขณะที่เดินข้ามสะพาน เราจะรู้สึกผ่อนคลายไปกับวิวธรรมชาติอันเขียวขจีและทัศนียภาพของภูเขาชิงิที่ปรากฏเป็นฉากหลัง นับว่าเป็นสถานที่ซึ่งเหมาะสำหรับใครก็ตามที่มองหาจุดถ่ายรูปดีๆ รวมถึงผู้ที่ใฝ่หาสถานที่สงบเงียบเพื่อนั่งคิดอะไรเพลินๆ
7. เที่ยวภูเขาชิงิให้สนุกยิ่งขึ้นด้วยคำแนะนำดีๆจากเรา!
- เลือกเดินทางในฤดูกาลที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว : หากเป็นไปได้ เราขอแนะนำให้ลองวางแผนมาเที่ยวภูเขาชิงิในฤดูใบไม้ผลิกันค่ะ ในฤดูนี้เราจะได้ชมความงดงามของดอกซากุระที่กำลังผลิบานอย่างเต็มที่ สีสันอันสดใสของดอกซากุระและกลิ่นหอมที่พัดโชยมาตามสายลมจะทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของคุณเต็มไปด้วยความวิเศษยิ่งขึ้นค่ะ
- สวมรองเท้าที่ใส่สบาย : ภูเขาชิงิเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งต้องอาศัยการเดินเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการเดินขึ้นเขาเป็นระยะทางค่อนข้างไกลหรือการเดินชมวัดต่างๆ ดังนั้นการเลือกรองเท้าที่สวมใส่สบายนับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เราขอแนะนำให้ทุกคนเลือกรองเท้าที่เหมาะกับการเดินนานๆและการเดินบนพื้นที่ค่อนข้างขรุขระค่ะ
- เคารพและปฏิบัติตามธรรมเนียมวัฒนธรรมท้องถิ่น : เมื่อไปเที่ยววัดต่างๆ โดยเฉพาะวัดเกียวคุโซอินและวัดโชโกะซอนชิจิ เราควรศึกษาธรรมเนียมปฏิบัติของศาสนสถานแห่งนั้นเอาไว้ เช่น พูดจาสำรวม ไม่ส่งเสียงดัง และให้ความเคารพต่อสถานที่และพิธีกรรมต่างๆภายในวัดค่ะ
- พกกล้องถ่ายรูปหรือกล้องส่องทางไกล : ภูเขาชิงิมีวิวที่สวยงามจนเราเชื่อว่าทุกคนจะต้องเสียดายแน่ๆหากไม่ได้เก็บภาพความประทับใจเอาไว้ ดังนั้นอย่าลืมพกกล้องถ่ายรูปมาเก็บภาพทิวทัศน์ที่นี่กันนะคะ นอกจากนี้กล้องส่องทางไกลยังเป็นอุปกรณ์ที่พกเอาไว้ก็ไม่เสียหายค่ะ อุปกรณ์ชิ้นนี้จะช่วยให้เราชมรายละเอียดของวิวธรรมชาติได้เสมือนอยู่ใกล้ หรือใครเป็นสายส่องสัตว์ก็จะได้ชมสัตว์ป่าแบบชัดๆค่ะ
- ลิ้มลองอาหารท้องถิ่น : ไหนๆได้มาเที่ยวถึงจังหวัดนาราแล้ว ยังไงก็ต้องลองทานอาหารท้องถิ่นสุดขึ้นชื่อของนาราดูค่ะ นอกจากนี้ห้ามพลาดการลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่าง ‘คาคิโนะฮะซูชิ’ (ซูชิห่อใบลูกพลับ) หรือเมนูอาหารที่ทำจาก ‘ถั่วคุดซึ’ (Kudzu) กันนะคะ
- เช็กสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง : หากอยากเที่ยวให้สนุกเต็มที่ เราขอแนะนำให้ทุกคนเช็กสภาพอากาศก่อนเดินทางมายังภูเขาชิงิด้วยค่ะ รวมถึงเลือกแพ็คของใส่กระเป๋ามาให้เหมาะกับสภาพอากาศด้วยนะคะ
*.。.*゚*.。.*゚*
“ภูเขาชิงิ” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จะพาคุณเดินทางเข้าสู่โลกซึ่งธรรมชาติและวัฒนธรรมผสานเป็นท่วงทำนองเดียวกัน ดอกซากุระที่ผลิบานเป็นดั่งสัญญาณกระซิบบอกการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ เราจะได้ชมหมู่มวลดอกไม้สีชมพูที่ไล่เรียงกันลงมาตามเนินเขาอย่างงดงาม
นอกจากนี้ วัดเกียวคุโซอินและวัดโชโกะซอนชิจิยังมอบประสบการณ์แสนพิเศษในการใช้เวลาซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่หาจากที่อื่นไม่ได้ง่ายนัก ส่วนวัดเซนจูอิน วัดโจฟุกุอิน และสะพานไคอุนเคียวนั้นก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการชมธรรมชาติของภูเขาชิงิไปพร้อมๆกับสัมผัสความงามของมรดกทางวัฒนธรรม
ด้วยการเดินทางอันแสนสะดวกโดยรถไฟฟ้าคินเท็ตสึ สถานที่ท่องเที่ยวอันแสนวิเศษนี้จึงไม่ไกลเกินกว่าจะไปถึง หากใครมีโอกาสต้องลองไปสัมผัสกับความงามเหนือกาลเวลาของสถานที่อันแสนวิเศษในจังหวัดนาราที่ “ภูเขาชิงิ” กันนะคะ ความเงียบสงบของภูเขาชิงิจะก้องกังวาลอยู่ในความทรงจำของทุกคนอย่างแน่นอน
แผนที่ของภูเขาชิงิ
อ่านบทความอื่นๆจาก fromJapan
- นั่งรถไฟ Shimakaze ชมวิวทะเลคันไซ ณ เกาะไข่มุกมิกิโมโตะ & เกาะคาชิโกะ
- แวะพักแช่น้ำพุร้อน & เที่ยวชมฟาร์มสตรอว์เบอร์รี ณ “รีสอร์ตออนเซ็น AQUAIGNIS”
- ท่องไปในโลกแห่งความสนุกสุดระทึกใจ ณ สวนสนุกอิโกมะซันโจ
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ
แท็กยอดนิยม
แชร์บทความนี้
Klook.com
บทความแนะนำจังหวัดใน
ภูมิภาค
คันไซ

จังหวัด โอซาก้า

จังหวัด เกียวโต

จังหวัด เฮียวโกะ

จังหวัด นารา

จังหวัด มิเอะ

จังหวัด ชิกะ

จังหวัด วาคายามะ