เทรนด์ฮิตคิวชู : พาเที่ยวศาลเจ้าอูโดะจินกู (Udo Shrine) และผาชิโอดาวาระ (Shiodawara Cliff)

ต.ค. 08, 2021

Clip
Share

บทนำ

ในบทความของ ‘เทรนด์ฮิตคิวชู’ ครั้งนี้ เราจะพาทุกคนไปเที่ยวกันที่จังหวัดมิยาซากิ (Miyazaki Prefecture) และจังหวัดนางาซากิ (Nagazaki Prefecture) กันค่ะ แล้วปิดท้ายด้วยของกินแสนอร่อยของจังหวัดโออิตะ (Oita Prefecture)

ว่าแต่สถานที่ท่องเที่ยวสุดบรรเจิดที่ทีมงานคุณภาพภูมิใจนำเสนอนั้นจะเป็นที่ไหนและน่าสนใจอย่างไร เราตามมาดูกันดีกว่าค่ะ!

สารบัญ

1. ศาลเจ้าอุโดะจินกู (Udo Shrine) : พาวเวอร์สปอตแห่งความรัก ณ ถ้ำริมทะเล

ศาลเจ้าอุโดะจินกู (Udo Shrine) ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งนิจินัน (Nichinan Coast) ซึ่งเป็นสถานที่ทางตอนใต้ของเกาะอาโอชิมะ (Aoshima Island) จุดประสงค์ในการสร้างศาลเจ้าแห่งนี้คือ เพื่อบูชาเทพอุกายะฟุกิอาเอสึ (Ugayafukiaezu) ผู้เป็นพระบิดาของจักรพรรดิจิมมุ (Jinmu Emperor) หรือที่เรารู้จักกันดีในนามของจักรพรรดิองค์แรกของญี่ปุ่นตามเรื่องปรัมปราของญี่ปุ่น

ตามตำนานเล่าว่านี่เป็นสถานที่ที่เทพีแห่งทะเล โทโยตะมาฮิเมะ (Toyotamachime) ผู้ให้กำเนิดอุกายะฟุกิอาเอสึ สร้างกระท่อมแห่งการกำเนิดขึ้น อนึ่งกระท่อมดังกล่าวสร้างขึ้นจากขนนกกาน้ำ (Cormorant) ทั้งหลัง

และด้วยเหตุนี้เอง ศาลเจ้าอุโดะจินกูจึงเป็นที่นิยมในการขอพรเรื่องความรักและการมีบุตร โดยคู่แต่งงานที่อยากมีลูกจะมาขอลูกกันที่นี่ค่ะ ว่ากันว่าเด็กที่มาเกิดหลังจากมาขอพรที่ศาลเจ้าอุโดะจินกูนั้น จะกลายเป็นเด็กที่สามารถสร้างความสุขตลอดการดำรงชีวิตคู่ของพวกเขาด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะสมต่อการมาฮันนีมูนมากเลยล่ะ

ส่วนที่ตั้งของศาลเจ้านั้นจะอยู่ในถ้ำที่อยู่ข้างๆกับหน้าผา แน่นอนว่าวิวที่ได้เห็นจากที่นี่จะต้องสวยงามมาก นอกจากนี้ บริเวณระเบียงของถ้ำหินตรงจุดชมวิวทะเลนั้น สามารถมองเห็นโขดหินก้อนหนึ่งที่มีเชือกวงกลมวางอยู่ และเป็นตำแหน่งที่ล้อมรอบรอยหลุมรูปสี่เหลี่ยมเปียกปูนของโขดหินดังกล่าว โดยชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าหากสามารถโยนลูกแก้วแห่งความโชคดี (Lucky Ball / Ceramic Undama) ลงในรอยหลุมนั้นได้ ก็จะได้รับความโชคดีอย่างมากเลยทีเดียว ทั้งนี้มีเงื่อนไขอยู่เล็กน้อยคือ เขาจะให้ผู้หญิงโยนด้วยมือขวา และให้ผู้ชายโยนด้วยมือซ้าย

ที่มา : www.kankou-nichinan.jp

นอกจากนี้ก็ยังมีประเพณีเก่าแก่ที่ดำรงอยู่ตั้งแต่อดีตจนถึงยุคต้นไทโช (the Early Taisho Period) นั่นก็คือซังซังอุมะ (Shan Shan Uma Dochu Uta National Competition) ซึ่งจะจัดขึ้นในทุกๆเดือนมีนาคม โดยชื่อประเพณีดังกล่าวมาจากเสียงระฆังซึ่งเป็นเครื่องประดับของม้าที่เจ้าบ่าวจะนำไปรับเจ้าสาวในพิธีแต่งงานที่ศาลเจ้าอุโดะจินกู

จุดประสงค์ของประเพณีนี้ก็คือการฝึกความอดทนให้กับคู่รักนั่นเองค่ะ เขาจะให้คู่บ่าวสาวเดินไปตามเส้นทางที่มีชื่อเรียกว่านานาอุระ นานาตุเกะ (Nanaura Nanatouge) โดยตลอดเส้นทางนี้ ทั้งคู่จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคของเส้นทางที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นแนวชายฝั่งที่คดเคี้ยวหรือความสูงชันของภูเขา

แค่ดูจากเส้นทางก็สัมผัสได้ถึงความโหดหินแล้วใช่ไหมคะ? แต่เพื่อนๆรู้หรือเปล่าว่าคู่บ่าวสาวจะต้องแต่งกายด้วยชุดลำลองแบบพื้นเมืองเท่านั้น กล่าวคือ พวกเขาจะต้องใส่ทั้งสนับขาและสวมรองเท้าแตะฟางด้วย เรียกได้ว่าเป็นประเพณีที่ใช้วัดความอดทนเบื้องต้นของคู่บ่าวสาวได้ดีจริงๆค่ะ หรือถ้าจะบอกว่าเขามองออกเรื่องการใช้ชีวิตคู่ก็คงจะไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด เพราะความลำบากหรือปัญหาที่คู่บ่าวสาวจะต้องเจอต่อไปในอนาคต อาจจะทำให้รู้สึกถึงความยากลำบากกว่าการปีนเขาก็ได้ จริงไหมคะ?

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าอุโดะจินกู (Udo Shrine)

วิธีเดินทาง

ขับรถจาก Miyazaki City โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที
นั่งรถบัสจาก Miyazaki Station ไปลงที่ป้าย Udo Jingu Bus Stop โดยใช้เวลาประมาณ 90 นาที จากนั้นก็เดินต่อเพื่อเข้าไปในศาลเจ้าโดยใช้เวลา 10 นาที

ที่อยู่

3232 Miyaura, Nichinan, Miyazaki 887-0101, Japan

ติดต่อ

+81987291001

เวลาทำการ

เมษายนถึงกันยายน เปิดตั้งแต่เวลา 6:00 – 19:00 น.
ตุลาคมถึงมีนาคม เปิดตั้งแต่เวลา 7:00 – 18:00 น.

เว็บไซต์

https://www.kankou-nichinan.jp/english/spot/udo-jingu

พิกัด

Back To Index

2. ผาชิโอดาวาระ (Shiodawara Cliff) : ผาหินสุดลึกลับที่มีหินบะซอลต์ทรงห้าเหลี่ยม

ผาชิโอดาวาระ (Shiodawara Cliff) ตั้งอยู่บนเกาะอิคิตสึกิ (Ikitsuki Island) เมืองฮิราโดะ (Hirado City) จังหวัดนางาซากิ (Nagazaki Prefecture) โดยหน้าผาที่มีความกว้างถึง 500 เมตรและมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 20 เมตรแห่งนี้ เกิดขึ้นจากมวลลาวาที่เย็นตัวลงอย่างช้าๆ และเมื่อเวลาผ่านไปก็จะกลายเป็นเสาทรงห้าเหลี่ยมอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบันค่ะ

หากทุกคนได้มาสัมผัสกับแสงแดดอ่อนๆ ทะเลเก็งไกสีคราม (Genkai Sea) และเหล่าแมกไม้สีเขียว ก็จะรับรู้ได้ถึงความงดงามของธรรมชาติอันแสนยิ่งใหญ่ได้ค่ะ

นอกจากนี้ยังมีเส้นทางที่ชื่อว่า ซันเซ็ตเวย์ (Sunset Way) ซึ่งเป็นถนนที่ทอดยาวจากทาชิอุระ (Tachiura) ไปจนถึงผาชิโอดาวาระ โดยเพื่อนๆจะได้เห็นทัศนียภาพของท้องฟ้าสีแดงฉานและพระอาทิตย์ดวงโตที่ลอยอยู่เหนือทะเลสีครามเข้ม ราวกับมันกำลังจะจมดิ่งสู่ห้วงน้ำอันกว้างใหญ่เลยล่ะ

สำหรับจุดชมวิวที่เราแนะนำก็จะเป็นที่ประภาคารโอบาเอะ (Obae Lighthouse) ที่ตั้งอยู่ตอนเหนือสุดของเกาะอิคิตสึกิ

แหม~! แต่สิบปากว่าก็ไม่เท่ากับตาเห็นจริงไหมคะ? ดังนั้นเพื่อนๆควรไปลองสัมผัสกับช่วงเวลาที่แสนพิเศษนี้ด้วยตัวเองน๊า~!

ข้อมูลเกี่ยวกับผาชิโอดาวาระ (Shiodawara Cliff)