Hakone Tozan Train นั่งรถไฟไต่เขา ชมดอกไฮเดรนเยียแสนงาม
ก.ค. 21, 2021
มารู้จักกับ Hakone Tozan Train หรือรถไฟไฮเดรนเยียกันเถอะ
ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่นนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ดอกไฮเดรนเยียหลากสีสันบานสะพรั่งไปถ้วนทั่ว ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาในบางครั้ง ราวกับเจ้าดอกไม้กำลังต้อนรับการมาเยือนของฤดูร้อนอันแสนสดใส
แม้ว่าในญี่ปุ่นจะมีจุดชมดอกไฮเดรนเยียที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง แต่เราเชื่อว่าคงไม่มีที่ไหนจะพิเศษไปกว่า ‘เส้นทางรถไฟสายฮาโกเนะโทซัง’ อีกแล้วล่ะค่ะ!
สารบัญ (Index)
นั่งรถไฟ Hakone Tozan Train ชมดอกไฮเดรนเยียแสนน่ารัก
เส้นทางรถไฟสายฮาโกเนะโทซัง (Hakone Tozan Railway) เป็นหนึ่งในเส้นทางรถไฟบนภูเขาที่มีเพียงไม่กี่แห่งในประเทศญี่ปุ่น ทางรถไฟสายนี้ประกอบไปด้วย 2 เส้นทาง คือสายหลักที่เริ่มจากเมืองโอดาวาระ (Odawara) ไปยังสถานีโกระ (Gora Station) ส่วนอีกสายหนึ่งจะเริ่มจากกระเช้าไฟฟ้าฮาโกเนะ (Hakone Tozan Cable Car) และมุ่งหน้าไปยังสถานีโซอุนซัง (Sounzan Station)
พอเข้าสู่ช่วงปลายของฤดูใบไม้ผลิ รถไฟสายนี้ก็จะเปลี่ยนเป็น รถไฟไฮเดรนเยีย (Hydrangea Train)
ความพิเศษของรถไฟไฮเดรนเยียนั้นจะอยู่ที่ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร ซึ่งทอดตัวยาวระหว่างเส้นทางหลักฮาโกเนะ/ยูโมโตะ (Hakone/Yumoto) กับสถานีโซอุนซัง
โดยเส้นทางที่มีลักษณะคดเคี้ยวและสูงชันถึง 750 เมตรนี้ ประกอบไปด้วยดอกไฮเดรนเยียราวหมื่นต้นที่ปลูกเรียงรายไปตามทางอย่างสวยงาม นอกจากนี้เรายังได้เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันเขียวขจีของป่าและหุบเขาแคบๆอีกด้วย
ดอกไฮเดรนเยียที่เราพบได้มากที่สุดตามเส้นทางรถไฟสายนี้จะมีด้วยกัน 2 ชนิด คือ
- Lacecap Hydrangea
- Mophead Hydrangea
ทั้งนี้ ดอกไฮเดรนเยียพันธุ์เลซแคปพื้นเมือง (Lacecap Hydrangea) หรือในชื่อภาษาญี่ปุ่นคือพันธุ์กาคุอาจิไซ (Gaku Ajisai) จะมีลักษณะดอกคล้ายภูเขาขนาดจิ๋วที่มีเชิงเขาเป็นดอกไม้เล็กๆ มีกลีบจำนวน 4 กลีบล้อมรอบพุ่มดอกเล็กๆที่เปรียบเสมือนส่วนของยอดเขา
ส่วนดอกไฮเดรนเยียพันธุ์ม็อปเฮด (Mophead Hydrangea) จะมีลักษณะเป็นดอกพุ่มทรงกลมคล้ายลูกบอลลูน
อย่างไรก็ดี สีของดอกไฮเดรนเยียที่เราเห็นนั้น ไม่ว่าจะเป็นสีบานเย็น สีน้ำเงินอมม่วง หรือสีขาว ทั้งหมดก็ล้วนมาค่า pH ของดินที่มีความเป็นกรดอ่อนๆ โดยมีสาเหตุมาจากฝนที่ตกตามฤดูกาลนั่นเอง และสีสันของดอกไฮเดรนเยียที่แตกต่างกันก็เป็นเพราะค่า pH ในดินต่างกันค่ะ
ที่มา
บอกรักภาษาไฮเดรนเยีย
ในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น เคยมีเรื่องราวที่จักรพรรดิองค์หนึ่งมอบดอกไฮเดรนเยียให้กับชายาของพระองค์ เพื่อแทนคำขอโทษที่เขามัวแต่ยุ่งกับการงานจนละเลยความรู้สึกของเธอไป
แต่ที่อังกฤษในยุควิคตอเรียน (Victorian Era, 1837-1901) อันเป็นช่วงเวลาที่ภาษาดอกไม้รุ่งเรืองมาก คนอังกฤษกลับให้ความหมายแก่ดอกไฮเดรนเยียในเชิงลบ กล่าวคือ ผู้มอบดอกไฮเดรนเยียต้องการแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของตน จึงอยากโอ้อวดและข่มขวัญผู้รับดอกไม้ดังกล่าว
ส่วนอีกความหมายหนึ่งก็คือ ผู้มอบต้องการตัดพ้อหรือแสดงความน้อยใจต่อผู้รับที่เย็นชาต่อความรักของตนเหลือเกิน ซ้ำร้ายยังมีความเชื่อในยุคกลางที่ว่า หากหญิงสาวคนไหนปลูกดอกไฮเดรนเยียก็จะไม่มีวันหาสามีได้!
ทั้งนี้ ความหมายเชิงบวกและเชิงลบที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นผลมาจากความเห็นของหมู่นักวิจารณ์ที่ว่า ลักษณะของกลีบดอกไฮเดรนเยียที่สมบูรณ์แบบเกินไป รวมถึงรูปทรงที่โค้งมน ทั้งหมดล้วนเป็นสัญลักษณ์ของความฟุ่มเฟือยและความหยิ่งยโส
แต่ในทางกลับกัน ความสมบูรณ์แบบดังกล่าวก็สื่อถึงความกตัญญูและความจริงใจทุกรูปแบบได้ด้วย พวกเขาจึงเห็นพ้องต้องกันว่า ดอกไฮเดรนเยียนั้นเหมาะสมที่สุดแล้วที่จะเป็นตัวแทนของวันฉลองครบรอบแต่งงานปีที่ 4 เพราะมันสื่อถึงความรักที่สง่างามและความมั่นคงของคู่แต่งงานได้ดีทีเดียว
นอกจากนี้ดอกไฮเดรนเยียแต่ละสียังมีความหมายแตกต่างกันด้วยค่ะ
-
- สีชมพู หมายถึง หัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรัก และการตอบรับความรักของอีกฝ่าย
- สีน้ำเงิน หมายถึง ความรักที่เหือดแห้งและความสัมพันธ์ที่เย็นชา คำกล่าวปฏิเสธความรักและการแต่งงาน หรือการแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ใดๆก็ตาม
- สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ ความสง่างาม ความอุดมสมบูรณ์ และความหยิ่งยโส
- สีม่วง หมายถึง ความปรารถนาที่อยากจะเข้าใจใครสักคนอย่างลึกซึ้ง
ที่มา
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับดอกไฮเดรนเยีย
แม้ว่าวรรณคดีญี่ปุ่นจะเต็มไปด้วยคำอธิบายเกี่ยวกับดอกไม้นานาชนิด แต่กลับมีการอ้างอิงถึงดอกไฮเดรนเยียค่อนข้างน้อยพอสมควรเลยค่ะ
อย่างไรก็ดี ดอกไฮเดรนเยียได้รับการกล่าวถึงในบทกวีมังโยชู (Manyoshu : รวมบทกวีหมื่นแผ่นที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น) โดยมีใจความสำคัญว่าชาวญี่ปุ่นเริ่มนิยมปลูกต้นไฮเดรนเยียตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 8 เป็นต้นมา
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการกล่าวว่าดอกไฮเดรนเยียที่ปลูกกันอยู่ทั่วโลกนั้นมีสายพันธุ์ดั้งเดิมมาจากญี่ปุ่นทั้งสิ้น และเมล็ดพันธุ์ไฮเดรนเยียแรกสุดที่ปลูกอยู่ในสวน Royal Botanic Gardens ของประเทศอังกฤษนั้น แท้จริงแล้วซื้อมาจากประเทศจีนในปี 1790
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวของ ฟิลลิป ฟรานซ์ โฟน ซีบอยด์ (Phillip Franz von Siebold) อายุรแพทย์ชาวเยอรมันที่ได้รับการยกย่องจากชาวญี่ปุ่นว่าเป็นผู้เผยแพร่เรื่องพันธุ์พืชของญี่ปุ่น (Japonica Flora) ให้เป็นที่รู้จักในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งดอกไฮเดรนเยีย นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ริเริ่มการเรียนภาษาญี่ปุ่นในยุโรปอีกด้วย
ที่มา
ข้อมูลเกี่ยวกับรถไฟฮาโกเนะโทซัง
ที่อยู่
- Gora Station, Gora, Hakone, Ashigarashimo District, Kanagawa 250-0408, Japan
จำนวนรอบรถไฟต่อวัน
- ภายในหนึ่งวัน มีรถไฟให้บริการ 4 รอบ
วันหยุดทำการ
- เปิดทำการตลอดทั้งปี ไม่มีวันหยุด แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือกลางเดือนมิถุนายนจนถึงปลายเดือนกรกฎาคม ซึ่งดอกไฮเดรนเยียจะบานสวยอย่างเต็มที่ค่ะ
Wi-fi
- ไม่มีบริการในส่วนนี้
ภาษาที่รองรับ
- ภาษาอังกฤษ
- ภาษาจีน (Mandarin Chinese และ Traditional Chinese)
- ภาษาเกาหลี
ค่าใช้จ่ายสำหรับตั๋ว Hakone / Yumoto Station –> Gora Station
- ผู้ใหญ่ : 400 เยน
- เด็ก : 200 เยน
ติดต่อ
- 046-532-6823
เวลาทำการ
- 9:00 – 18:00 น.
คลิกเพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ทางการของรถไฟฮาโกเนะโทซัง
แผนที่ Google Map
รายละเอียดการท่องเที่ยวในเมืองฮาโกเนะ
ที่มา : Odakyu.thai
อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับรถไฟ Odakyu Railway
- ONSEN RYOKAN YUEN SHINJUKU เรียวกังออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นโมเดิร์น แช่ออนเซ็นจากฮาโกเนะได้กลางชินจูกุ
- ฟินหนักมาก! กับ 3 จุดชมซากุระของจังหวัดชิซูโอกะ
- MUJI HOTEL GINZA โรงแรมมูจิหนึ่งเดียวในญี่ปุ่น
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ