เที่ยวญี่ปุ่นฉบับคนมีเวลาน้อย 2 วัน 1 คืน เก็บครบทุกแลนด์มาร์กในโกเบ–ฮิเมจิ ด้วยโปรเที่ยวบินราคาถูก!
มิ.ย. 23, 2023
เที่ยวญี่ปุ่นฉบับคนมีเวลาน้อย 2 วัน 1 คืน เก็บครบทุกแลนด์มาร์กในโกเบ–ฮิเมจิ ด้วยโปรเที่ยวบินราคาถูก!
หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศผ่อนคลายมาตรการการเข้าประเทศ นักท่องเที่ยวสายหลงรักญี่ปุ่นอย่างเราก็ไม่รีรอที่จะกดจองตั๋วบินลัดฟ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นให้หายคิดถึง แต่เดี๋ยวก่อน…ทำไมราคาตั๋วมันแพงหูฉี่ขนาดนี้ล่ะ!?
เพื่อนๆคนไหนกำลังประสบปัญหาว่าอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นมากๆ แต่ติดตรงที่ตั๋วราคาแพงเกินไป แถมยังไม่ค่อยมีเวลาอีก วันนี้ fromJapan.th มีแผน ‘เที่ยวญี่ปุ่นฉบับคนมีเวลาน้อย’ พร้อมโปรเที่ยวบินราคาสุดพิเศษจากสายการบิน Peach Aviation ที่ได้นำเสนอ ‘ทริปเที่ยวญี่ปุ่นระยะสั้น’ (Snap Tripper Special fares) สำหรับ 2 วัน 1 คืน ไป-กลับเพียง 6,500 บาท
ตารางการบิน
กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – โอซาก้า (คันไซ) | โอซาก้า (คันไซ) – กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) | ||||
เที่ยวบินที่เข้าร่วม | เวลาออกเดินทาง | เวลามาถึง | เที่ยวบินที่เข้าร่วม | เวลาออกเดินทาง | เวลามาถึง |
MM92 | 01:15 | 09:20 | MM91 | 19:50 | 23:55 |
โปรโมชั่นดังกล่าวสามารถใช้เดินทางได้ทุกวันตามระยะเวลาที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2566 เท่านั้น
- *หมายเหตุ : งดโปรโมชั่นช่วงวันที่ 10 – 17 สิงหาคม 2566
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมโมชั่นได้ที่ลิงก์นี้ >>> https://www.flypeach.com/th/um/specials/int_shorttrip

ที่มา (Reference) : kohta65 / Shutterstock.com
สำหรับทริปเที่ยวญี่ปุ่นระยะสั้นในครั้งนี้ เราเลือกมาฮีลใจให้หายคิดถึงกันที่ “เมืองโกเบ” (Kobe) เมืองน่ารักที่ไม่ว่าใครมาแล้วก็ต้องอยากมาซ้ำอีก และยังมีอีกหนึ่งเมืองที่เราจะไปเยือนเช่นกัน นั่นก็คือ “เมืองฮิเมจิ” (Himeji) เมืองท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทั้งสองเมืองนี้ตั้งอยู่ใน ‘จังหวัดเฮียวโกะ’ นั่นเองค่ะ
“จังหวัดเฮียวโกะ” (Hyogo Prefecture) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินคันไซ ภายในจังหวัดนี้มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง รวมถึงเดินทางง่าย สะดวกสบาย ดังนั้นเมืองโกเบและเมืองฮิเมจิที่อยู่ในจังหวัดเฮียวโกะจึงเหมาะแก่การเลือกมาเป็นที่เที่ยวสำหรับทริป 2 วัน 1 คืนเป็นอย่างยิ่งค่ะ

ที่มา (Reference) : waranon8327 / Shutterstock_1468042025
แน่นอนว่าหลายๆคนอาจจะกังวลเรื่องระยะเวลาการเที่ยวที่กระชั้นชิด แต่แผนที่เรานำมาฝากทุกคนนั้น ถึงจะใช้เวลาเพียง 2 วันก็สามารถเที่ยวได้ครบทุกแลนด์มาร์กของทั้งสองเมืองนี้ค่ะ
สำหรับแผนเที่ยวญี่ปุ่นฉบับคนมีเวลาน้อยครั้งนี้ ในวันที่ 1 เราจะพาทุกคนไปเที่ยวที่เมืองฮิเมจิเป็นสถานที่แรก และปิดท้ายทริปกันด้วยการพาทุกคนไปตะลอนถ่ายรูปตามจุดแลนด์มาร์กในเมืองโกเบ พร้อมทั้งไปทานอาหารขึ้นชื่อของที่นี่กันค่ะ
เริ่มต้นทริปเที่ยวกันที่กรุงเทพฯ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (BKK) รอบเที่ยวบินคือเวลา 01.15 น. ของไทย และเดินทางไปถึงสนามบินนานาชาติคันไซ (KIX) เวลา 09:20 น. ของญี่ปุ่น จากนั้นเราจะมุ่งหน้าไปยังเมืองโกเบทันที เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาในการเดินทาง เราขอแนะนำให้เดินทางจากสนามบินคันไซไปโกเบด้วยเรือโดยสาร ซึ่งใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็จะถึงเมืองโกเบค่ะ
สำหรับจุดจำหน่ายตั๋วเรือโดยสาร ภายในสนามบินคันไซจะมีเคาน์เตอร์บริการจำหน่ายตั๋วตั้งอยู่ค่ะ เราสามารถเลือกประเภทของตั๋วและเช็คเวลาเที่ยวเรือที่เคาน์เตอร์ได้ โดยรอบเที่ยวเรือที่เราเลือกมาในทริปนี้คือ เวลา 10:00 น. ค่ะ
หลังจากซื้อตั๋วเรือโดยสารเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเราจะต้องนั่งรถชัตเทิลบัสประมาณ 3-4 นาทีเพื่อไปยังท่าเรือคันไซ ในระหว่างนี้เพื่อนๆสามารถไปหาของกินทานรองท้องกันได้ค่ะ
- เว็บไซต์บริการเรือโดยสาร : https://www.kobe-access.jp/eng/

ที่มา (Reference) : beeboys / Shutterstock.com
เวลา 10:31 น. เดินทางมาถึงท่าเรือปลายทาง (ท่าเรือโกเบ) จากนั้นให้เรานั่งรถชัตเทิลบัสต่อมายังสนามบินโกเบ โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที หากเดินจะใช้เวลาประมาณ 5-6 นาทีค่ะ

ที่มา (Reference) : HIROSHI H / Shutterstock.com
หลังจากนั่งรถมาถึงสนามบินโกเบ (Kobe Airport) แล้ว ต่อไปเราจะนั่งรถไฟสาย Port Liner (ใช้เวลาประมาณ 18 นาที) เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีซันโนะมิยะ (JR Sannomiya Station) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่เราจะใช้เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางไปเที่ยวเมืองโกเบและเมืองฮิเมจิในทริปนี้ค่ะ
วันที่ 1
จุดท่องเที่ยวที่ 1 : ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)

ที่มา (Reference) : ti1993 / Shutterstock.com
เวลาประมาณ 11:00 น. เมื่อเดินทางมาถึงสถานีซันโนะมิยะแล้วให้เพื่อนๆนั่งรถไฟต่อไปยังสถานีฮิเมจิ (Himeji Station) โดยใช้เวลาประมาณ 39 นาที แล้วให้เดินไปขึ้นรถบัสที่ประตูทางออกทิศเหนือ จากนั้นให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้ายด้านหน้าประตูโอเท็นมง (姫路城大手門前バス[東方面]) โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที หรือถ้าเดินเท้าจะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็จะถึงปราสาทฮิเมจิทันทีค่ะ

ที่มา (Reference) : Kei Blyth / Shutterstock.com
เวลาประมาณ 11:50 – 13:30 น. เดินชมความงดงามของปราสาทฮิเมจิ
ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) เป็นจุดแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงของเมืองฮิเมจิ ไม่ว่าใครได้มาเมืองนี้แล้วก็ต้องแวะมาชื่นชมความงดงามของปราสาทแห่งนี้ค่ะ ปราสาทฮิเมจิเป็นปราสาทเก่าแก่ที่อยู่มานานกว่า 400 ปี และยังเป็นปราสาทแห่งแรกของญี่ปุ่นที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี 1993 ค่ะ
จุดเด่นของปราสาทฮิเมจิคือปราสาทเป็นสีขาวสว่างเกือบทั้งหลัง ด้วยเหตุนี้ปราสาทฮิเมจิจึงมีทัศนียภาพที่งดงามและดูสง่าโดดเด่นจนได้รับการขนานนามว่า “ปราสาทนกกระสาขาว”
จุดท่องเที่ยวที่ 2 : ถนนช้อปปิ้งมิยูกิโดริ (Miyuki-dori Shopping Street)

ที่มา (Reference) : Sanga Park / Shutterstock.com
เวลา 13:40 น. เดินจากปราสาทฮิเมจิไปยังถนนช้อปปิ้งมิยากิ โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็จะถึงปราสาทค่ะ
ถนนช้อปปิ้งมิยูกิโดริ (Miyuki-dori Shopping Street) เป็นศูนย์การค้าเก่าแก่ที่เปิดมานานกว่า 50 ปี ภายในย่านช้อปปิ้งแห่งนี้ล้วนมีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย เพื่อนๆสามารถแวะมาทานข้าวหรือซื้อของในย่านนี้ได้ค่ะ นอกจากนี้ ถนนช้อปปิ้งมิยูกิโดริยังเชื่อมต่อกับสถานีฮิเมจิ (Himeji Station) อีกด้วย โดยใช้เวลาเดินเท้าเพียง 5 นาทีก็จะถึงถนนช้อปปิ้งมิยูกิโดริค่ะ

ที่มา (Reference) : utoi / Shutterstock.com
หลังจากทานข้าวกันและเดินช้อปปิ้งจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ต่อไปเราจะเดินทางกลับมาเที่ยวที่เมืองโกเบกันค่ะ แต่ในระหว่างทางนั้นเราจะพาทุกคนไปแวะกินแวะเที่ยวตามสายรถไฟกันสักนิด ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าของกินและที่เที่ยวที่เราจะพาทุกคนแวะไปนั้น เป็นของขึ้นชื่อและเป็นจุดแลนด์มาร์กที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเฮียวโกะเลยล่ะค่ะ
จุดท่องเที่ยวที่ 3 : แวะทาน “อาคาชิยากิ” ที่สถานีอาคาชิ (Akashi Station)
เวลา 14:00 – 14:23 น. นั่งรถไฟจากสถานีฮิเมจิ (Himeji Station) ไปยังสถานีอาคาชิ (Akashi Station) โดยใช้เวลาประมาณ 23 นาที
“สถานีอาคาชิ” ตั้งอยู่ในเมืองอาคาชิ เมืองนี้มีชื่อเสียงเรื่องอาหารท้องถิ่นที่มีรสชาติอร่อย นั่นก็คือ “อาคาชิยากิ” (Akashiyaki) เป็นของทานเล่นที่มีรูปร่างคล้ายกับทาโกะยากิ แต่จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของรสชาติ เนื้อแป้ง และที่สำคัญคืออาคาชิยากินั้นจะทานคู่กับน้ำซุปร้อนๆค่ะ
จุดท่องเที่ยวที่ 4 : สะพานอาคาชิไคเคียว (Akashi-Kaikyo Bridge)
เวลา 15:00 น. หลังจากลิ้มลองอาหารท้องถิ่นของเมืองอาคาชิกันแล้ว ต่อไปเราจะนั่งรถไฟไปยังสถานีไมโกะ (Maiko Station) โดยใช้เวลาประมาณ 3 นาที เพื่อไปชมสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลกอย่าง “สะพานอาคาชิไคเคียว” (Akashi-Kaikyo Bridge) กันค่ะ
“สะพานอาคาชิไคเคียว” (Akashi-Kaikyo Bridge) เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเมืองโกเบกับเมืองอิวายะที่ตั้งอยู่บนเกาะอาวาจิ สะพานแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เพราะไม่ว่าจะเป็นโซนทางเดินที่อยู่ใต้สะพานหรือทางเดินบนสะพาน ทุกจุดก็ล้วนมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของท้องทะเลและธรรมชาติได้ นอกจากนี้สะพานอาคาชิไคเคียวยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่งดงามของจังหวัดเฮียวโกะอีกด้วย
จุดท่องเที่ยวที่ 5 : โกเบฮาร์เบอร์แลนด์ (Kobe Harborland)

ที่มา (Reference) : beeboys / Shutterstock.com
เวลาประมาณ 17:00 – 17:15 น. นั่งรถไฟจากสถานีไมโกะ (Maiko Station) ไปลงที่สถานีโกเบ (Kobe Station) โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากนั้นเดินต่อประมาณ 3 นาทีก็จะถึงโกเบฮาร์เบอร์แลนด์ทันทีค่ะ
“โกเบฮาร์เบอร์แลนด์” (Kobe Harborland) เป็นจุดแลนด์มาร์กของเมืองโกเบที่ใครหลายๆคนอาจจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว ที่นี่เป็นย่านการค้าและสถานบันเทิงที่มีชื่อเสียง ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟโกเบและริมน้ำของท่าเรือโกเบ ภายในพื้นที่บริเวณนี้ล้วนเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และสถานบันเทิงต่างๆมากมาย อีกทั้งบรรยากาศยามเย็นของที่นี่ก็เรียกได้ว่าโรแมนติกสุดๆค่ะ
จุดท่องเที่ยวที่ 6 : พิพิธภัณฑ์ Kobe Anpanman Children’s Museum & Mall

ที่มา (Reference) : cowardlion / Shutterstock.com
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เราขอแนะนำก็คือ “Kobe Anpanman Children’s Museum & Mall” เป็นพิพิธภัณฑ์เด็กและห้างสรรพสินค้าในจังหวัดเฮียวโกะที่เป็นเสมือนโลกของ ‘อันปังแมน’ (Anpanman) ตัวการ์ตูนที่ครองใจเด็กๆทั่วประเทศญี่ปุ่น การตกแต่งของสถานที่แห่งนี้จะเป็นธีมอันปังแมนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่หรือร้านอาหารค่ะ หากใครเป็นแฟนๆอันปังแมนลองแวะมาเดินเล่นที่นี่กันได้ เพียงเดินจากสถานีโกเบประมาณ 8 นาทีก็จะถึงแล้วค่ะ
เวลาทำการ : 10.00 – 18.00 น.
จุดท่องเที่ยวที่ 7 : โกเบไชน่าทาวน์ (Chinatown Kobe)

ที่มา (Reference) : beeboys / Shutterstock.com
หลังจากย้อนรอยวัยเด็กที่พิพิธภัณฑ์อันปังแมนหรือแวะถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกสวยๆที่โกเบฮาร์เบอร์แลนด์กันเสร็จแล้ว ช่วงเย็นก็ถึงเวลาหาของอร่อยๆทานกันให้หายเหนื่อยค่ะ โดยแหล่งของกินที่เราเลือกมาแนะนำในมื้อเย็นวันนี้ก็คือ “โกเบไชน่าทาวน์” (Chinatown Kobe)
เวลา 18:30 – 18:35 น. เดินทางจากสถานีโกเบ (Kobe Station) ไปยังสถานี Motomachi Station โดยใช้เวลาประมาณ 2 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 3 นาทีก็จะถึงโกเบไชน่าทาวน์

ที่มา (Reference) : beeboys / Shutterstock.com
“โกเบไชน่าทาวน์” (Chinatown Kobe) เป็นหนึ่งใน 3 ไชน่าทาวน์ที่สำคัญของญี่ปุ่น เช่นเดียวกับที่เมืองโยโกฮามะและจังหวัดนางาซากิ สำหรับกิมมิคของที่นี่ก็คืออาคารที่ออกแบบมาเป็นสไตล์จีนสีสันฉูดฉาด ซึ่งอาคารเหล่านี้จะตั้งเรียงรายอย่างสวยงามไปตลอดสองข้างทาง ที่นี่มีอาหารรสเลิศหลายอย่างตั้งแต่อาหารจีนแบบต้นตำรับไปจนถึงอาหารนานาชาติ เช่น ชาจีน ขนมหวาน ร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด และเครื่องปรุงอาหาร เป็นต้น
สำหรับทริปเที่ยวโกเบ-ฮิเมจิวันที่ 1 เราขอจบลงเพียงเท่านี้นะคะ หากเพื่อนๆคนไหนยังมีแรงไปเที่ยวต่อได้อีกก็สามารถเดินลัดเลาะไปชมบรรยากาศบ้านเมืองในช่วงกลางคืนได้ เพราะแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนของเมืองโกเบก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ
ในส่วนของที่พัก เราขอแนะนำให้พักแถวสถานีซันโนะมิยะ (Sannomiya Station) เพราะสามารถเดินทางไปที่อื่นต่อได้สะดวกค่ะ อีกทั้งบริเวณแถวสถานียังมีที่พักให้เลือกหลากหลายแบบ ไม่จะเป็นสไตล์โมเดิร์นหรือสไตล์ญี่ปุ่นค่ะ
วันที่ 2
จุดท่องเที่ยวที่ 8 : ถนนช้อปปิ้ง Sannomiya Center Gai Shopping Street

ที่มา (Reference) : beeboys / Shutterstock.com

ที่มา (Reference) : QUANGHUNG PHOTOGRAPHY / Shutterstock.com
เวลา 09:00 น. เริ่มต้นเช้าวันที่ 2 เราจะพาทุกคนไปหาของกินกันที่ ถนนช้อปปิ้ง Sannomiya Center Gai Shopping Street ที่นี่เป็นหนึ่งในศูนย์การค้าหลักของเมืองโกเบ ซึ่งถนนช้อปปิ้งแห่งนี้จะทอดยาวเป็นทางเชื่อมระหว่างสถานีซันโนะมิยะ สถานีโกเบ-ซันโนะมิยะ ไปจนถึงสถานี Motomachi Station ค่ะ ส่วนภายในถนนช้อปปิ้งจะมีร้านอาหารให้เลือกทานกันหลากหลาย
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีร้านค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้ายอดฮิตตามเทรนด์แฟชั่นหรือร้านขายของฝากท้องถิ่น และร้านค้าแต่ละร้านยังเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของเมืองโกเบอีกด้วยค่ะ
จุดท่องเที่ยวที่ 9 : ศาลเจ้าอิคุตะ (Ikuta-jinja Shrine)

ที่มา (Reference) : beeboys / Shutterstock.com
เวลา 10:00 น. ก่อนเดินทางกลับไทย เราจะพาทุกคนแวะไปไหว้พระขอพรที่ศาลเจ้าอิคุตะ (Ikuta-jinja Shrine) โดยใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีจากถนนช้อปปิ้ง Sannomiya Center Gai Shopping Street ในการไปถึงศาลเจ้าค่ะ

ที่มา (Reference) : beeboys / Shutterstock.com
“ศาลเจ้าอิคุตะ” (Ikuta-jinja Shrine) เป็นหนึ่งในศาลเจ้าชินโตที่โด่งดังของเมืองโกเบ เพราะนอกจากจะมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีอายุเกือบสองพันปีแล้ว บริเวณศาลเจ้าก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นป่าอิคุตะหรือป่าไม้ไผ่เบ็งเกอิค่ะ

ที่มา (Reference) : Shawn.ccf / Shutterstock.com
เวลา 11:00 น. หลังจากไหว้พระขอพรที่ศาลเจ้าอิคุตะกันเสร็จแล้ว เราจะพาทุกคนเดินลัดเลาะไปถ่ายรูป ย่านคิตาโนะ (Kobe Kitano Ijinkan-Gai) ย่านแห่งนี้เป็นเมืองท่าของโกเบที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ รวมถึงการผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกกับความเป็นญี่ปุ่นย้อนยุคได้อย่างลงตัว

ที่มา (Reference) : beeboys / Shutterstock.com
จะเห็นได้จากบ้านเรือนในบริเวณนี้มีความสวยงาม โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครค่ะ
จุดท่องเที่ยวที่ 10 : ร้านสตาร์บัคส์สาขา Kobe Kitano Ijinkan (Starbucks Coffee – Kobe Kitano Ijinkan)

ที่มา (Reference) : Michael Gordon / Shutterstock.com
นอกจากนี้ ภายในย่านคิตาโนะจะมีร้านสตาร์บัคส์ที่ได้รับการจดทะเบียนทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้แห่งแรกของญี่ปุ่น ร้านสตาร์บัคส์แห่งนี้เดิมทีเคยเป็นบ้านของชาวอเมริกันมาก่อน โดยมีลักษณะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ต่อมาได้มีการปรับปรุงอาคารขึ้นมาใหม่ทั้งหมด โดยอาคารทั้งหลังถูกทาด้วยสีขาวและเขียวตัดกัน ซึ่งเมื่อมองมาที่อาคารแห่งนี้แล้วจะให้ความรู้สึกสดชื่นสบายตา ไม่เพียงเท่านั้น โลโก้สตาร์บัคส์ของที่นี่ยังแกะสลักด้วยไม้ทั้งหมด โดยเป็นโลโก้ไม้แกะสลักที่ออกแบบมาเพื่อสตาร์บัคส์สาขานี้โดยเฉพาะเลยค่ะ

ที่มา (Reference) : Michael Gordon / Shutterstock.com
นอกจากตัวอาคารด้านนอกที่ให้กลิ่นอายความเป็นเมืองเก่าแล้ว ภายในร้านยังตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ทันสมัย โดยจะมีการจัดวางให้เข้ากับธีมของแต่ละห้อง เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องอาหาร ห้องรับรองแขก เป็นต้น นอกจากนี้ในแต่ละห้องยังมีบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วยค่ะ
จุดท่องเที่ยวที่ 10 : ลิ้มลองความอร่อยของเนื้อพันธุ์ดีอย่าง “เนื้อโกเบ” (Kobe Beef)
เวลา 13:00 น. หลังจากดื่มด่ำไปกับบรรยากาศเมืองเก่าของย่านคิตาโนะกันไปแล้ว ต่อไปก็ถึงช่วงเวลาแห่งความสุขกันแล้วค่ะ แน่นอนว่าได้มาเที่ยวโกเบทั้งทีเราจะพลาดของดีของขึ้นชื่ออย่าง “เนื้อโกเบ” ไปไม่ได้!
สำหรับร้านอาหารที่เรานำมาแนะนำกันในครั้งนี้จะมีทั้งหมด 2 ร้าน ทั้งสองร้านนี้ใช้เวลาเดินจากสถานีซันโนะมิยะเพียง 5 นาทีเท่านั้นค่ะ
🍽️ ร้านที่ 1 : ร้าน Misono Kobe Main Restaurant (みその 神戸本店)

ที่มา (Reference) : Misono Kobe Main Restaurant
ร้าน Misono Kobe Main Restaurant เป็นร้านอาหารเก่าแก่และมีชื่อเสียงเรื่องเนื้อโกเบเลิศรส ร้านแห่งนี้เปิดตัวเมื่อปี 1945 และยังเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งแรกของโลกที่คิดค้นวิธีการประกอบอาหารแบบ “เทปปันยากิ” (Teppanyaki) ซึ่งการทำอาหารแบบเทปปันยากินั้นก็คือการย่างหรือทอดอาหารด้วยกระทะแบนนั่นเองค่ะ
นอกจากจุดเด่นเรื่องการประกอบอาหารอันเลื่องชื่อแล้ว ที่นี่ยังโดดเด่นเรื่องเนื้อวากิวเกรดพรีเมียมตั้งแต่ระดับ A4 ไปจนถึง A5 ด้วย นอกจากนี้ภายในร้านยังมีเมนูตามฤดูกาลและอาหารทะเลอีกมากมายค่ะ
พิกัด
🍽️ ร้านที่ 2 : ร้าน STEAKLAND (ステーキランド 神戸館)

ที่มา (Reference) : STEAKLAND
ร้าน STEAKLAND เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่มีชื่อเสียงอย่างมากเรื่องเนื้อโกเบเลิศรส ร้านอาหารแห่งนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนแม้กระทั่งในวันธรรมดาก็ยังมีคนมาต่อคิวรอทานเนื้อโกเบของที่นี่ยาวเลยค่ะ เราขอแนะนำให้เผื่อเวลามาต่อคิวประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงแม้ว่าจะต้องรอคิวนานไปสักหน่อย แต่เนื้อวัวของร้านนี้อร่อยสมการรอคอยอย่างแน่นอนค่ะ
นอกจากนี้ เมนูสเต็กสูตรต้นตำรับที่เชฟจะมาย่างบนกระทะแบนของร้านให้ดูกันแบบสดๆก็เรียกได้ว่าอร่อยสุดๆไปเลย ใครเป็นสายเนื้อก็ลองสั่งมาลิ้มลองความละมุนลิ้นของเนื้อโกเบกันดูนะคะ
พิกัด

ที่มา (Reference) : HIROSHI H / Shutterstock.com
หลังจากลิ้มลองเนื้อโกเบแสนอร่อยกันไปแล้ว รอบเรือที่เราจะเดินทางกลับคือ เวลา 17:00 น. ในระหว่างนี้เพื่อนๆสามารถไปหาของกินต่อหรือช้อปปิ้งซื้อของฝากตามอัธยาศัยกันได้ค่ะ
เดินทางกลับ
เวลา 17:00 น. เดินทางถึงท่าเรือโกเบ โดยเราจะใช้เวลานั่งเรือกลับไปยังท่าเรือคันไซประมาณ 30 นาที
เวลา 17:40 น. เดินทางไปถึงสนามบินคันไซ เที่ยวบินขากลับของเราคือ เวลา 19:50 น. เครื่องบินไปถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 23:55 น.
เป็นอันจบทริปเที่ยวญี่ปุ่นฉบับคนมีเวลาน้อย 2 วัน 1 คืน ณ โกเบ-ฮิเมจิค่ะ

ที่มา (Reference) : beeboys / Shutterstock.com
เป็นยังไงกันบ้างคะ? แม้จะมีเวลาเพียง 2 วัน เราก็สามารถไปเที่ยวได้ทุกแลนด์มาร์กของเมืองโกเบ-ฮิเมจิเลย แถมค่าโดยสารก็คุ้มสุดๆ ราคาเที่ยวบินคุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้วน๊า เอาเป็นว่าถ้าเพื่อนๆเลือกวันและเวลาที่อยากไปเที่ยวแล้ว ก็กดจองตั๋วของสายการบิน Peach ไปเที่ยวญี่ปุ่นกันโล้ดดด!! ✈️
ช่องทางติดตามสายการบิน Peach Aviation
Website
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ
แท็กยอดนิยม
แชร์บทความนี้
Klook.com
บทความแนะนำจังหวัดใน
ภูมิภาค
คันไซ

จังหวัด โอซาก้า

จังหวัด เกียวโต

จังหวัด เฮียวโกะ

จังหวัด นารา

จังหวัด มิเอะ

จังหวัด ชิกะ

จังหวัด วาคายามะ