รวม 22 สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปโดนสักครั้งของ จังหวัดฟุกุอิ
ต.ค. 09, 2020
รวม 22 สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปโดนสักครั้งของ จังหวัดฟุกุอิ
จังหวัดฟุกุอิ ในญี่ปุ่นมีจังหวัดชื่อนี้ด้วยเหรอ?
ใช่แล้วครับ คุณไม่ได้ฟังผิดอย่างแน่นอน นี่คือชื่อจังหวัดหนึ่งของญี่ปุ่นที่อาจจะไม่คุ้นหูคนไทยมากเท่าโตเกียวหรือโอซาก้า แต่ ‘จังหวัดฟุกุอิ’ ก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่น่าหลงใหล และน่าไปไม่แพ้สถานที่ใดในญี่ปุ่นเลย
หากกล่าวถึงประวัติของสถานที่แห่งนี้ แต่เดิมในอดีตจังหวัดฟุกุอิมีชื่อว่า ‘เมืองเอจิเซ็น’ และปกครองภายใต้อำนาจของไดเมียวตระกูลอาซากุระ ต่อมา ‘โอดะ โนบุนากะ’ ได้ยึดอำนาจและปราบปรามตระกูลอาซากุระ เมืองเอจิเซ็นจึงกลายเป็นศูนย์กลางการบริหารงานท้องถิ่นและเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นในฐานะเมืองปราสาทของ ‘ชิบาตะ คัทสึอิเอะ’ แม่ทัพคนสำคัญของโอดะ โนบุนากะและเป็นเจ้าครองแคว้นคนที่ 16
ภายหลังสงครามเซกิงาฮาระ เมืองเอจิเซ็นได้ถูกปกครองโดยตระกูลมัตสึไดระซึ่งเป็นเครือญาติเดียวกันกับโชกุน ‘โทคุกาวะ อิเอยาสึ’
ฟุกุอิเป็นจังหวัดที่เดินทางไปได้อย่างสะดวกพอสมควร หากโดยสารด้วยรถไฟจะใช้เวลาเดินทางดังนี้
-
- จากโตเกียว 3 ชั่วโมง 30 นาที (ชินคันเซ็นสายโฮคุริคุ เปลี่ยนเป็นรถด่วนพิเศษที่คานาซาวะ)
- จากโอซาก้า 2 ชั่วโมง (รถด่วนพิเศษ)
- จากฮิโรชิม่า 3 ชั่วโมง 30 นาที (ชินคันเซ็นสายโทไคโด ซันโย เปลี่ยนเป็นรถด่วนพิเศษที่เกียวโต)
ต่อจากนี้เราจะเริ่มแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิ้งในฟุกุอิกันเลยนะครับ
มาดูเสน่ห์ของ ‘จังหวัดฟุกุอิ’ ผ่านคลิปวิดีโอกันเถอะ!
สารบัญ (Index)
สถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดฟุกุอิ
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดฟุกุอิ
-
-
- 1. ปูเอจิเซ็น (Echizen Crab)
- 2. ฟุกุอิแซลมอน (Fukui Salmon)
- 3. ปลาไหลเมืองวากาสะ (Wakasa Unagi)
- 4. ซูชิปลาซาบะย่าง (Wakasa Grilled Sushi)
- 5. ยากิโทริ (Yakitori)
- 6. ข้าวหน้าไข่และทงคัตสึราดแกงกะหรี่ (Volga Rice)
- 7. ข้าวหน้าหมูทอดราดซอสวูสเตอร์ (Sauce Katsudon)
- 8. เอจิเซ็น โอโรชิโซบะ (Echizen Oroshi Soba)
- 9. ซูชิของร้าน O-edo
- 10. ฮะจิบัง ราเมน (Hachiban Ramen)
- 11. ดังโงะ ยูเมะสึเกะ (Dango Yumesuke)
-
สถานที่ท่องเที่ยวของ ‘จังหวัดฟุกุอิ’
จังหวัดฟุกุอิ (Fukui) เป็นจังหวัดหนึ่งในภูมิภาคชูบุ ตั้งอยู่ทางตอนบนของเกียวโตและหันหน้าออกสู่ทะเลญี่ปุ่น ภูมิประเทศส่วนใหญ่ของจังหวัดฟุกุอินั้นรายล้อมไปด้วยภูเขา ทำให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติอันแสนอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยภูมิหลังและเรื่องราวมากมายที่น่าค้นหา
1. ท่องเที่ยวเชิงศาสนา
1.1 ศาลเจ้าเคฮิ
ศาลเจ้าเคฮิ (Kehi Jingu) หรือ เคซัง นั้นกล่าวกันว่าได้ถูกสร้างขึ้นในยุคไทโฮที่ 2 (ค.ศ.702) เป็นศาลเจ้าที่อุทิศให้แก่เทพผู้ดูแลเส้นทางสายโฮคุริคุทั้งเจ็ด
จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือเสาโทริอิขนาดใหญ่ ซึ่งนับว่าเป็นสมบัติทางวัฒนธรรม เสาโทริอิของศาลเจ้าเคฮิมีความสูงประมาณ 11 เมตร ถือเป็น 1 ใน 3 เสาโทริอิไม้ขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ร่วมกันกับเสาโทริอิที่ศาลเจ้าคาสึกะ (จังหวัดนารา) และศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (จังหวัดฮิโรชิม่า)
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าเคฮิ
วิธีเดินทาง
-
- รถบัส : จากสถานี JR Tsuruga ให้นั่งรถ community bus สาย ‘Matsubara Line’ หรือรถบัส ‘Gurutto Tsuruga shuyu bus (Tsuruga Excursion Line Bus)’ ไปลงที่ป้ายหน้าศาลเจ้าได้เลย ใช้เวลาประมาณ 4 นาที ค่าโดยสาร 200 เยน (มีตั๋ววันราคา 500 เยนด้วย)
- เดินเท้า : ถ้าอยากออกกำลังขาก็สามารถเดินจากสถานี JR Tsurugaไปยังศาลเจ้าได้ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
- รายละเอียดของตั๋วรายวัน
ที่อยู่
-
- Kehi Jingu, 11-68 Sakaimachi, Tsuruga City, Fukui Prefecture 914-0075, Japan
โทร
-
- 0770-22-0794
เวลาทำการ
-
- เปิดให้สักการะทุกวัน เวลา 6:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
1.2 ศาลเจ้าฮาคุซังเฮเซ็นจิ
ศาลเจ้าฮาคุซังเฮเซ็นจิ (Hakusan Heisenji) ได้รับการขนานนามว่าเป็นสถานที่แห่งความเชื่อมาเป็นเวลานานกว่า 1,300 ปี ศาลเจ้าแห่งนี้เคยเป็นที่พักของ พระนักรบ หรือ โซเฮ (僧兵) กว่า 8,000 รูป ลักษณะของโซเฮคือการโพกผ้าที่ศีรษะและใบหน้า รวมถึงมีอาวุธเป็นง้าว ถ้านึกอะไรไม่ออกให้นึกถึงพระนักรบเบงเคก็ได้ครับ
ศาลเจ้าฮาคุซังเฮเซ็นจิเป็นเมืองศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในสมัยก่อน ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีประวัติน่าสนใจ เริ่มแรกที่นี่ถูกสร้างเป็นศาลเจ้าชินโตเพื่อสักการะบูชาเทพเจ้าแห่งภูเขาฮาคุซัง แต่ต่อมาได้ถูกบูรณะเป็นวัดในช่วงที่ชินโตกับพุทธถูกนับถือไปพร้อมๆกัน (ชินบุทสึ) และในที่สุดด้วยนโยบายการแบ่งแยกชินโตจากพุทธ ที่นี่จึงกลับมาเป็นศาลเจ้าอีกครั้งในยุคเมจิจวบจนปัจจุบัน
จุดเด่นอย่างหนึ่งของศาลเจ้าฮาคุซังเฮเซ็นจิคือ ทางเดินหินที่ยังคงสภาพสมบูรณ์แม้กาลเวลาจะผ่านมาร่วม 1,000 ปีแล้ว
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าฮาคุซังเฮเซ็นจิ (Hakusan Heisenji)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Katsuyama Eiheiji Fukui Station ให้นั่งรถไฟไปลงสุดสายที่สถานี Katsuyama (ใช้เวลา 58 นาที ค่าโดยสาร 770 เยน) หลังจากออกจากสถานี Katsuyama แล้วก็จะเจอที่ขึ้นบัสหมายเลข 2 ให้ขึ้นรถบัสวนรอบเมือง Dynagon ไปลงที่สถานี Shirayama Spirit Temple ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
- รถบัสวนรอบเมือง Dynagon จะให้บริการเฉพาะวันหยุด และหยุดให้บริการตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมีนาคม
ที่อยู่
-
- Hakusan Heisenji Shrine, Heisenji, Heisenji-cho, Katsuyama-shi, Fukui 911-0822
โทร
-
- 0779-88-8117
เวลาทำการ
-
- เปิดให้สักการะทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
-
- วัด : ไม่มีค่าเข้าชม
- สวน : มีค่าเข้าสวน 50 เยน
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
2. หาความรู้ที่พิพิธภัณฑ์
- 2.1 พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ฟุกุอิ
- 2.2 พิพิธภัณฑ์ท่าเรือแห่งมนุษยธรรมสึรุกะ
- 2.3 พิพิธภัณฑ์ Fukui Prefectual Varve Museum
- 2.4 พิพิธภัณฑ์สิ่งทอ Yume Ole Katsuyama
2.1 พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ฟุกุอิ
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ฟุกุอิ (Fukui Prefectural Dinosaur Museum) ตั้งอยู่ในเมืองคัตสึยามะ จังหวัดฟุกุอิ เป็นพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆของโลกด้วยเช่นกัน
นอกจากจะมีการจัดแสดงฟอสซิลหรือหุ่นจำลองไดโนเสาร์แล้ว พิพิธภัณฑ์นี้แห่งก็ยังมีโซนแสดงการทำงานเกี่ยวกับฟอสซิล เช่น ขั้นตอนการดูแลฟอสซิลหลังจากที่ขุดพบ ไปจนถึงขั้นตอนการเก็บรักษาและนำมาจัดแสดงในที่สุด นอกจากนี้ยังมีห้องแสดงภาพยนตร์สารคดีอีกด้วย
- อ่านข้อมูลเจาะลึกเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ฟุกุอิได้ที่นี่ > ท่องโลกล้านปีที่พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์จังหวัดฟุกุอิ
ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ฟุกุอิ
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Fukui ให้ขึ้นรถไฟ Echizen Railway ไปลงสถานีปลายทาง คือสถานี Katsuyama ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Kyoryu Hakubutsukan-mae ใช้เวลาอีกประมาณ 15 นาที
ที่อยู่
-
- Fukui Prefectural Dinosaur Museum, 51-11 Terao, Muraokacho, Katsuyama City, Fukui Prefecture 911-8601
โทร
-
- 0779-88-0001
เวลาทำการ
-
- เปิดทำการทุกวัน ยกเว้นวันพุธที่ 2 และ 4 ของเดือน และวันที่ 29 ธันวาคม – 2 มกราคม ตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
-
- 720 เยน
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
Back To หาความรู้ที่พิพิธภัณฑ์
2.2 พิพิธภัณฑ์ท่าเรือแห่งมนุษยธรรมสึรุกะ
พิพิธภัณฑ์ท่าเรือแห่งมนุษยธรรมสึรุกะ (Port of Humanity Tsuruga Museum) เป็นสถานที่บอกเล่าเกี่ยวกับความเป็นมาของท่าเรือสึรุกะ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นท่าเรือแห่งมนุษยธรรม
เหตุผลที่ได้รับฉายานามนี้มาก็เนื่องมาจากว่าท่าเรือแห่งนี้เคยเปิดรับผู้ที่หนีภัยสงครามจากโปแลนด์ รวมถึงชาวยิวที่หนีภัยจากนาซีช่วงยุคสงครามโลก (โดยผู้ออกคำสั่งอนุญาตลี้ภัยในตอนนั้นคือทูตญี่ปุ่นนามว่า Sugihara Chiune) เราสามารถศึกษาเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคสมัยนั้นได้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้
ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ท่าเรือแห่งมนุษยธรรมสึรุกะ
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานีรถไฟ Tsuruga ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Kanegasaki Ryokuchi ใช้เวลา 10 นาที ค่าโดยสาร 200 เยน (มีตั๋วรายวันในราคา 500 เยน)
- รายละเอียดตั๋วรายวัน
ที่อยู่
-
- Port of Humanity Tsuruga Museum
1-44-1 Kanegasakicho, Tsuruga, Fukui 914-0072
- Port of Humanity Tsuruga Museum
โทร
-
- 0778-51-1001
เวลาทำการ
-
- เปิดทุกวัน เวลา 9.00 – 17.00 น.
- ปิดช่วงปีใหม่
ค่าเข้าชม
-
- ผู้ใหญ่ : 100 เยน
- เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี : เข้าชมฟรี
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
Back To หาความรู้ที่พิพิธภัณฑ์
2.3 พิพิธภัณฑ์ Fukui Prefectural Varve Museum
Fukui Prefectural Varve Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ชั้นหินแห่งแรกของโลกที่แสดงชั้นหินของทะเลสาบซุยเกทสึ รวมถึงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมากว่า 70,000 ปีของทะเลสาบนี้
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบทะเลสาบและธรณีวิทยา
ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ Fukui Prefectural Varve Museum
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานีรถไฟ Mikata หากนั่งรถแท็กซี่ไปจะใช้เวลา 5 นาที
ที่อยู่
-
- Fukui Prefectural Varve Museum
122-12-1 Torihama, Wakasa-cho, Mikatakaminaka-gun, Fukui Prefecture 919-1331, JAPAN
- Fukui Prefectural Varve Museum
โทร
-
- 0770-45-0456
วันเวลาทำการ
-
- เปิดทำการทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร ตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:00 น.
- หยุดทำการช่วงปีใหม่
ค่าเข้าชม
-
- ผู้ใหญ่ : 500 เยน
- เด็ก : 200 เยน
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
Back To หาความรู้ที่พิพิธภัณฑ์
2.4 พิพิธภัณฑ์สิ่งทอ Yume Ole Katsuyama
พิพิธภัณฑ์สิ่งทอ Yume Ole Katsuyama นั้นแต่เดิมเป็นโรงงานทอผ้าที่เก่าแก่มาก โดยดำเนินกิจการสืบเนื่องมาตั้งแต่ยุคเมจิ และเป็นโรงงานมาจนถึงปี 1998
ในปัจจุบันโรงงานได้เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ ผู้เข้าชมสามารถลองเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆเพื่อเปิดประสบการณ์ทอผ้าแบบยุคโบราณได้ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทอผ้า ถักใยไหม เป็นต้น
ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์สิ่งทอ Yume Ole Katsuyama
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Fukui นั่งรถไฟสาย Echizentetsudo-Katsuyama-Eiheiji ไปลงที่สถานี Katsuyama
(ใช้เวลา 54 นาที ค่าโดยสาร 770 เยน) แล้วนั่งรถบัสต่ออีก 3 นาที
- จากสถานี Fukui นั่งรถไฟสาย Echizentetsudo-Katsuyama-Eiheiji ไปลงที่สถานี Katsuyama
ที่อยู่
-
- Yume Ole Katsuyama (Textile museum), 1 Chome-7-40 Showamachi, Katsuyama, Fukui 911-0802
โทร
-
- 0779-87-1200
เวลาทำการ
-
- เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม แต่มีค่าเข้าร่วมกิจกรรมทอผ้า 500 เยน
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
Back To หาความรู้ที่พิพิธภัณฑ์
3. ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
- 3.1 ปราสาทมารุโอกะ
- 3.2 ปราสาทเอจิเซ็น โอโนะ
- 3.3 ซากปราสาทโบราณสถานตระกูล อิจิโจดานิ อาซากุระ
- 3.4 ย่านเมืองเก่าคุมากาวะจูกุ
- 3.5 โกดังอิฐแดงสึรุกะ
3.1 ปราสาทมารุโอกะ
ปราสาทมารุโอกะ (Maruoka Castle) หรือ ปราสาทหมอกควัน ก่อตั้งขึ้นในปี 1576 ที่นี่เป็น 1 ใน 12 ปราสาทดั้งเดิมของญี่ปุ่น กล่าวคือเป็นปราสาทที่ยังคงอยู่รอดปลอดภัยจากภัยธรรมชาติและสงคราม โดยไม่มีการสร้างจำลองสร้างขึ้นใหม่
เชื่อกันว่าในบรรดา 12 ปราสาทดั้งเดิมของญี่ปุ่น ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุด
เนื่องจากบริเวณรอบปราสาทมีต้นซากุระอยู่เยอะ ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดชมซากุระที่สวยงามและมีชื่อเสียงของฟุกุอิ
สำหรับคนที่สนใจเกี่ยวกับปราสาทแห่งนี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้ >> ‘ปราสาทมารุโอกะ’ หรือปราสาทหมอกควัน 1 ใน 100 จุดชมซากุระชั้นนำของญี่ปุ่น
ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทมารุโอกะ
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Fukui ให้นั่งรถบัสเส้นที่วิ่งไป Honmaruoka แล้วลงที่ป้าย Honmaruoka ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึงปราสาท
- หรือนั่งรถไฟจากสถานี JR Fukui ไปลงที่สถานี Maruoka ใช้เวลาประมาณ 15 นาที แล้วนั่งรถบัสจากสถานี Maruoka ไปลงที่ป้าย Honmaruoka ใช้เวลาประมาณ 15 นาที แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึงปราสาทได้เช่นกัน
ที่อยู่
-
- Maruoka Castle, 1-59 Maruokacho, Sakai City, Fukui Prefecture 910-0231
โทร
-
- 0776-66-0303
เวลาทำการ
-
- เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
-
- ค่าเข้าชมแบบรวมปราสาทกับพิพิธภัณฑ์ : 450 เยน
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
Back To ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
3.2 ปราสาทเอจิเซ็น โอโนะ
ปราสาทเอจิเซ็น โอโนะ (Echizenono Castle) สร้างขึ้นในปี 1575 โดยคานาโมริ นากาชิกะ ซึ่งไดเมียวโอดะ โนบุนากะได้ส่งเขาให้มาดูแลในเขตนี้
ปราสาทเอจิเซ็น โอโนะนั้นเป็นปราสาทแบบ Hirayamajiro หรือปราสาทบนเขาลูกเล็ก โดยตั้งอยู่บนเขา Kameyama ที่ความสูง 249 เมตร ทำให้ในวันที่มีหมอกปกคลุมตัวเมือง ทัศนียภาพของปราสาทเอจิเซ็น โอโนะที่ตั้งอยู่บนภูเขาจะดูเหมือนกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า ราวกับเป็นปราสาทในแดนสวรรค์ และนี่เองเป็นที่มาของฉายา ปราสาทลอยฟ้า
จุดที่สามารถมองเห็นวิวปราสาทในม่านหมอกแบบนี้ได้ คือบริเวณซากปราสาทอินุยามะที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกันนั่นเอง
ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทเอจิเซ็น โอโนะ
วิธีเดินทาง
-
- ปราสาทเอจิเซ็น โอโนะ : จากสถานี Fukui นั่งรถบัสสาย 55 ไปลงป้าย Mizuotoshi (ใช้เวลา 54 นาที ค่าโดยสาร 1,040 เยน) แล้วเดินต่ออีก 11 นาที
- จุดชมวิวปราสาทลอยฟ้า : จากสถานี Echizen-ono ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย vio (ใช้เวลา 7 นาที) แล้วเดินขึ้นเขา (ใช้เวลานาน)
ที่อยู่
-
- Echizenono Castle, 3-109 Shiromachi, Ono-shi, Fukui 912-0087
โทร
-
- 0779-66-0234
เวลาทำการ
-
- วันเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ในเวลาดังต่อไปนี้
- เดือนเมษายนถึงกันยายน : เปิดเวลา 9:00 – 17:00 น.
- เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน : เปิดเวลา 6:00 – 16:00 น.
- วันปิดทำการ : ปิดในเดือนธันวาคมถึงมีนาคม
- วันเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ในเวลาดังต่อไปนี้
ค่าเข้าชม
-
- 200 เยน
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
Back To ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
3.3 โบราณสถานตระกูลอิจิโจดานิ อาซากุระ
โบราณสถานตระกูลอิจิโจดานิ อาซากุระ (Asakura Clan Historic Ruins) เป็นซากเมืองปราสาทที่งดงามของขุนศึกตระกูลอาซากุระ ซึ่งปกครองพื้นที่นี้เป็นเวลา 103 ปีตั้งแต่ปี 1471 ก่อนที่โอดะ โนบุนากะจะเข้ามาปราบปรามและตั้งต้นปกครองสถานที่แห่งนี้
ปัจจุบันภูมิทัศน์อันงดงามของเมืองปราสาทได้รับการบูรณะจนเกือบสมบูรณ์แบบ และยังมีการตกแต่งเพิ่มเติมให้คล้ายกับในอดีต เปรียบเสมือนการคืนชีพให้กับเมืองปราสาทแห่งนี้เลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม ‘เทศกาลแสงเทียนเอจิเซ็น อาซากุระ (Echizen Asakura Mantoya Candle Illumination)’ และ ‘เทศกาลจำลองการรบ (Echizen Asakura Warring States Festival)’ ที่จะจัดขึ้นพร้อมกันในเดือนสิงหาคมของทุกปี ซึ่งบรรยากาศของทั้งสองเทศกาลล้วนให้กลิ่นอายของช่วงเวลาในอดีต ราวกับว่าได้ย้อนยุคและกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สมัยนั้นเลยทีเดียว
ข้อมูลเกี่ยวกับโบราณสถานตระกูลอิจิโจดานิ อาซากุระ
วิธีเดินทาง
-
- รถไฟ : จากสถานี Fukui นั่งรถไฟ JR สาย Kuzuryu Lineไปลงที่สถานี Ichijodani Station (ใช้เวลา 20 นาที ค่าโดยสาร 240 เยน) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
- รถบัส : จากสถานี Fukui นั่งรถบัสสาย 62 ไปลงที่ป้าย Fukugen Machinami bus stop (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ค่าโดยสาร 680 เยน)
ที่อยู่
-
- Ichijōdani Asakura Family Historic Ruins, Kidonouchicho, Fukui, 910-2153
โทร
-
- 0776-41-2173
เวลาทำการ
-
- วันเปิดทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:00 น.
- วันปิดทำการ : ปิดวันที่ 28 ธันวาคม – 4 มกราคม
ค่าเข้าชม
-
- 220 เยน
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
Back To ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
3.4 ย่านเมืองเก่าคุมากาวะจูกุ
ย่านเมืองเก่าคุมากาวะจูกุ (Kumagawa-juku) สร้างในปี 1589 โดยไดเมียว Asano Nagamasa เพื่อเป็นจุดเชื่อมระหว่างละแวกวาคาสะกับเกียวโต
ปัจจุบันที่นี่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์จากกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว ณ สถานที่แห่งนี้จะได้สัมผัสกับบรรยากาศย้อนยุคในแบบฉบับเอโดะโบราณ
ข้อมูลเกี่ยวกับย่านเมืองเก่าคุมากาวะจูกุ
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Kaminaka นั่งรถไฟ JR สาย Kuzuryu Lineไปลงที่ป้าย Wakasa Kumagawa
(ใช้เวลา 8 นาที ค่าโดยสาร 330 เยน) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 3 นาที
- จากสถานี Kaminaka นั่งรถไฟ JR สาย Kuzuryu Lineไปลงที่ป้าย Wakasa Kumagawa
ที่อยู่
-
- IcKumagawa-juku, Kumagawa, Wakasa, Mikatakaminaka District, Fukui 919-1532
โทร
-
- 0770-62-0330
วันเวลาทำการ
-
- เปิดทำการทุกวัน ในเวลาดังต่อไปนี้
- เดือนเมษายน – ตุลาคม : เปิดทำการเวลา 9:00 – 17:00 น.
- เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม : เปิดทำการเวลา 9:00 – 16:00 น.
- เปิดทำการทุกวัน ในเวลาดังต่อไปนี้
ค่าเข้าชม
-
- ย่านเมืองเก่า : ไม่มีค่าเข้าชม
- Shukubakan : มีค่าเข้าชม 200 เยน
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
Back To ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
3.5 โกดังอิฐแดงสึรุกะ (Tsuruga Red Brick Warehouse)
ตั้งแต่ยุคเมจิ (1868 – 1912) ถึงช่วงต้นของยุคโชวะ (1926 – 1989) เมืองสึรุกะในจังหวัดฟุกุอิมีความเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองนานาชาติที่เป็นศูนย์กลางการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับทวีปยุโรปผ่านประเทศรัสเซีย และ โกดังอิฐแดงสึรุกะ (Tsuruga Red Brick Warehouse) ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1905 ก็นับว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นตัวแทนของยุคนี้
ปัจจุบันอาคารต่างๆได้รับการบูรณะเพื่อแสดงถึงสิ่งที่น่าดึงดูดของสึรุกะ ตึกที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือเป็นสถานที่จัดแสดงแบบจำลองสามมิติซึ่งแสดงในส่วนของรางรถไฟและท่าเรือ ส่วนตึกทางทิศใต้เป็นร้านอาหาร
ข้อมูลเกี่ยวกับโกดังอิฐแดงสึรุกะ
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Tsuruga นั่งรถบัส (ใช้เวลา 11 นาที ค่าโดยสาร 200 เยน) (มีตั๋ววันราคา 500 เยน)
- รายละเอียดตั๋วรายวัน
ที่อยู่
-
- Tsuruga Red Brick Warehouse, 4-1 Kanegasaki-cho, Tsuruga-shi, Fukui Prefecture 914-0072
โทร
-
- 0770-47-6612
วันเวลาทำการ
-
- วันเปิดทำการ : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.30 – 22.00 น.
- วันปิดทำการ : ปิดในวันพุธ
ค่าเข้าชม
-
- ผู้ใหญ่ : 400 เยน
- เด็กประถม : 200 เยน
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
Back To ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
4. ชมธรรมชาติสวยงาม
- 4.1 ผาหินโทจินโบ
- 4.2 หาดซุยโชฮามะ
- 4.3 หาดชิโรยามะ
- 4.4 สวนโยโกคัง
- 4.5 สวนนิชิยามะ
- 4.6 จุดชมซากุระริมแม่น้ำอาซุวะ
- 4.7 ห้าทะเลสาบแห่งมิกาตะ
- 4.8 ทะเลสาบคุซุริว
4.1 ผาหินโทจินโบ
ผาหินโทจินโบ (Tojinbo Cliffs) เป็นผาหินที่มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของเมืองฟุกุอิ หน้าผาแห่งนี้ถูกลมและน้ำทะเลกัดเซาะอยู่เป็นเวลานาน จนทำให้เกิดรูปร่างที่แปลกตาน่าค้นหาสำหรับผู้พบเห็น
ลักษณะพิเศษของผาหินแห่งนี้คือรูปทรงของหินเป็นสี่เหลี่ยม ไม่ใช่หินมนๆที่พบเห็นได้ตามผาหินทั่วไป ซึ่งผาหินแบบนี้จะพบได้เพียง 3 ที่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น
ผู้ที่มาเยี่ยมชมความสวยงามของหน้าผาแห่งนี้ เพียงใช้เวลา 30 นาทีก็เดินได้ทั่วแล้ว แต่ควรเดินด้วยความระมัดระวัง เพราะผานี้ตั้งชื่อตามพระภิกษุที่มรณภาพก่อนวัยอันควร เนื่องจากท่านได้ลื่นล้มและพลัดตกลงทะเลไปในวันที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้
นอกจากนี้เรายังสามารถชมความงามของผาหินโทจินโบผ่านการล่องเรือลัดเลาะไปตามแนวหินของผาแห่งนี้ได้เช่นกัน
ข้อมูลเกี่ยวกับผาหินโทจินโบ
วิธีเดินทาง (Tojinbo Cliffs & Tojinbo Cliffs Sightseeing Boat)
-
- จากสถานี Fukui ให้ขึ้นรถไฟ Echizen Railway สาย Mikuni Awara ไปลงที่สถานีปลายทาง คือสถานี Mikuniminato ใช้เวลาประมาณ 50 นาที แล้วต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Tojinbo ใช้เวลาอีกประมาณ 5 นาที จากนั้นเดินอีกประมาณ 3 นาที
- สำหรับผู้เข้าพักที่หมู่บ้านออนเซ็น Awara Onsen สามารถนั่งรถบัสโดยตรงเพื่อไปลงป้าย Tojinbo ได้ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที จากนั้นเดินอีกประมาณ 3 นาที
- หมายเหตุ : สามารถซื้อ 2 Day Pass เพื่อใช้ในการท่องเที่ยวภายในพื้นที่บริเวณปราสาทมารุโอกะและวัดเอเฮจิได้
ที่อยู่
-
- Tojinbo Cliffs : Yasushima, Mikunicho, Sakai City, Fukui Prefecture 913-0064, Japan
- Tojinbo Cliffs Sightseeing Boat : 64-1Yasushima, Mikunicho, Sakai City, Fukui Prefecture 913-0064, Japan
- เบอร์โทร : 0776-81-3808
เวลาทำการ
-
- Tojinbo Cliffs : เปิดทำการทุกวัน ตลอดเวลา
- Tojinbo Cliffs Sightseeing Boat : เปิดทำการทุกวัน ยกเว้นวันที่ 29 ธันวาคม – 31 มกราคม ตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:00 น. (สำหรับรอบเรือ โปรดอ่านรายละเอียดจาก Tojinbo Cliffs Sightseeing Boats Official Website)
ค่าเข้าชม
-
- Tojinbo Cliffs : ไม่มีค่าเข้าชม
- Tojinbo Cliffs Sightseeing Boat : ค่าเรือทัวร์ 1,400 เยน
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
4.2 หาดซุยโชฮามะ
ชายหาดซุยโชฮามะ (Suishohama beach) ในจังหวัดฟุกุอิมีหาดทรายสีขาวที่เปล่งประกายเป็นจุดเด่น ที่นี่เป็นชายหาดยอดนิยมสำหรับเล่นน้ำทะเล
สาเหตุที่น้ำทะเลที่นี่ใส เป็นเพราะทรายขาวที่มีขนาดใหญ่ (คลื่นซัดแล้วไม่ปลิวกระจาย) จนได้รับการขนานนามว่าซุยโช (แปลว่าคริสตัล)
หาดซุยโชฮามะ
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Tsuruga นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Suishohama ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ที่อยู่
-
- Suishohama beach, Takenami, Mihama, Mikata District, Fukui 919-1202
โทร
-
- 0770-39-1470
เวลาทำการ
-
- เปิดทำการทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
4.3 หาดชิโรยามะ
หาดชิโรยามะ (Shiroyama Beach) มีไฮไลต์สำคัญคือถ้ำ Meikyodo ตรงนี้เป็นจุดชมวิวอ่าววาคาสะที่สวยที่สุดจุดหนึ่ง และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่ง จนได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 จุดชมพระอาทิตย์ตกดินของญี่ปุ่น
ข้อมูลเกี่ยวกับหาดชิโรยามะ
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Wakasa-Takahama เดิน 15 นาที
ที่อยู่
-
- Shiroyama Beach, Kotoshiro, Takahama, Oi District, Fukui 919-2221
โทร
-
- 0770-72-7702
เวลาทำการ
-
- เปิดทำการทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
4.4 สวนโยโกคัง
สวนโยโกคัง (Yōkōkan Garden) สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ ในอดีตสวนแห่งนี้เคยเป็นสถานที่พักตากอากาศของตระกูลมัตสึไดระ หากมายังสถานที่แห่งนี้เราจะสัมผัสความเป็นไดเมียวในยุคอดีตได้ด้วยการนั่งจิบชาไปพลาง ชมความงามของสวนไปพลาง
ที่พิเศษกว่านั้นคือในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้จะผลัดใบเป็นสีโทนร้อน ให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก
ข้อมูลเกี่ยวกับสวนโยโกคัง (Yōkōkan Garden)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Fukui ใช้เวลาเดิน 15 นาที
ที่อยู่
-
- Yōkōkan Garden, 3 Chome-11-36 Hoei, Fukui, 910-0004
โทร
-
- 0776-21-0489
เวลาทำการ
-
- เดือนมีนาคม – วันที่ 5 พฤศจิกายน : เปิดทำการทุกวัน เวลา 9:00 – 19:00 น.
- ช่วงวันที่ 6 พฤศจิกายน – เดือนกุมภาพันธ์ : เปิดทำการทุกวัน เวลา 9:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
-
- เฉพาะสวน : 220 เยน
- สวน + พิพิธภัณฑ์เมืองฟุกุอิ : 350 เยน
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
4.5 สวนนิชิยามะ
สวนนิชิยามะ (Nishiyama Park) เป็น 1 ใน 100 สวนสาธารณะที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สวนนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิเนื่องจากมีการปลูกต้น azalea ไว้ถึง 50,000 ต้น
สวนแห่งนี้มีโซนสวนสัตว์ขนาดย่อมด้วย ซึ่งเราสามารถชมความน่ารักของเหล่าแพนด้าแดงได้ที่นี่
ข้อมูลเกี่ยวกับสวนนิชิยามะ
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Fukui นั่งรถราง Fukui Castle Ruins-daimyomachi ไปลงที่สถานี Nishiyamakoen (ใช้เวลา 37 นาที ค่าโดยสาร 380 เยน)
ที่อยู่
-
- Nishiyama Park, 3 Chome-8-10 Sakuramachi, Sabae, Fukui 916-0027
โทร
-
- 0778-51-1001
เวลาทำการ
-
- เปิดทุกวัน ตลอดเวลา
- โซนสวนสัตว์เปิดเวลา 9:00 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม
-
- เข้าชมฟรี
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
4.6 จุดชมซากุระริมแม่น้ำอาซุวะ
จุดชมซากุระริมแม่น้ำอาซุวะ (Asuwa River Row of Cherry Blossom Trees) เป็นจุดชมวิวซากุระ 600 ต้นที่ขึ้นเรียงรายตามแนวแม่น้ำอาซุวะ โดยมีระยะทางยาวกว่า 2.2 กิโลเมตร ที่นี่นับเป็นหนึ่งในจุดชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงอย่างมากของญี่ปุ่น (ติด 1 ใน 100 จุดชมซากุระที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น)
ที่สำคัญคือสถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟด้วย ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวที่ ‘จังหวัดฟุกุอิ’ ในช่วงซากุระบาน ต้องไปที่แม่น้ำอาซุวะให้ได้เลยนะ!
ข้อมูลเกี่ยวกับจุดชมซากุระริมแม่น้ำอาซุวะ
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Fukui เดิน 12 นาที
ที่อยู่
-
- Asuwa River row of cherry trees, 2-chōme-2 Keya, Fukui, 918-8003
โทร
-
- 0776-20-5346
แฟ็กซ์
-
- 0776-20-5670
วันเวลาทำการ
-
- เปิดทุกวัน (ซากุระจะบานในช่วงปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน)
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
4.7 ห้าทะเลสาบแห่งมิกาตะ
ห้าทะเลสาบแห่งมิกาตะ (Five lakes of Mikata) เป็นชื่อเรียกของทะเลสาบ 5 แห่ง อันได้แก่
- ทะเลสาบมิกาตะ (Mikata)
- ทะเลสาบสุอิเกทสึ (Suigetsu)
- ทะเลสาบสึกะ (Suga)
- ทะเลสาบคุกุชิ (Kugushi)
- ทะเลสาบฮิรุกะ (Hiruga)
ทะเลสาบทั้งห้านี้มีชื่อเล่นว่า ทะเลสาบ 5 สี โดยตั้งตามสีของน้ำที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลต่างๆ ที่นี่นับเป็นหนึ่งในจุดแลนด์มาร์กของอุทยานแห่งชาติอ่าววาคาสะ
นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามได้จากสวนลอยฟ้า Rainbow Line Summit Park นอกจากนี้รอบทะเลสาบยังมีจุดท่องเที่ยวต่างๆอีกมากมายด้วย (เป็นที่นิยมของคู่รักในฐานะเป็น power spot ด้านความรักด้วยนะ)
- อ่านบทความฉบับเต็มเกี่ยวกับห้าทะเลสาบแห่งมิกาตะและสวนลอยฟ้า Rainbow Line Summit Park ได้ที่นี่ > ดื่มด่ำกับทิวทัศน์อันงดงามของห้าทะเลสาบแห่งมิกาตะที่สวนลอยฟ้า Rainbow Line Summit Park
ข้อมูลเกี่ยวกับห้าทะเลสาบแห่งมิกาตะ (Five lakes of Mikata)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Mikata สามารถนั่งรถบัสไปได้ (ใช้เวลา 30 นาที) รายละเอียดสามารถดูได้ที่นี่ >> http://www.fuku2.co.jp/koutuu8.html
- สามารถเช่ารถจากบริเวณสถานี Mikata ได้
ที่อยู่
-
- Mitaka 5 lakes Mountain Peak Park, 18-2-2 Kiyama, Wakasa-cho, Mikatakaminaka-gun, Fukui, 919-1461
โทร
-
- 0776-20-5346
แฟ็กซ์
-
- 0776-20-5670
วันเวลาทำการ
-
- ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง : เปิดทุกวัน ในเวลา 9:00 – 17:00 น.
- ฤดูหนาว :เปิดทุกวัน ในเวลา 9:00 – 16:30 น.
- รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.mikatagoko.com/eng/open.php
ค่าเข้าชม
-
- ผู้ใหญ่ : 900 เยน
- เด็ก : 500 เยน (รวมค่ากระเช้าแล้ว)
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
4.8 ทะเลสาบคุซุริว
ทะเลสาบคุซุริว (Kuzuryu Lake) มีแม่น้ำคุซุริวเป็นต้นลำธารและไหลผ่านเมืองโอโนะ เป็นทะเลสาบที่สวยงามในทุกฤดูกาลโดยเฉพาะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
ทั้งนี้ คำว่า คุซุริว หมายถึง เทพมังกรเก้าหัว มีที่มาจากตำนานเทพมังกรเก้าหัวที่ว่ากันว่าได้มาปรากฏตัวต่อหน้าพระรูปหนึ่งในช่วงศตวรรษที่ 9
ข้อมูลเกี่ยวกับทะเลสาบคุซุริว (Kuzuryu Lake)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Fukui ให้นั่งรถไฟ JR สาย Kuzuryu ไปลงที่สถานี Kuzuryūko (ใช้เวลา 92 นาที ค่าโดยสาร 1,170 เยน) แล้วหารถเช่าต่อ
ที่อยู่
-
- Kuzuryu Lake, Ono, Fukui 912-0212
โทร
-
- 0779-66-1111
เวลาทำการ
-
- เปิดทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
-
- เข้าชมฟรี
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
5. พักผ่อนหย่อนใจ
5.1 หมู่บ้าน Keiryunosato
หมู่บ้าน Keiryunosato เป็นหมู่บ้านตกปลาที่เหมาะสำหรับการไปพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติแบบเป็นครอบครัว นอกจากจะได้เพลิดเพลินไปกับการตกปลาแล้ว เรายังสามารถจัดแคมป์เป็นปาร์ตี้ปลาย่างได้ด้วยนะ
ข้อมูลเกี่ยวกับหมู่บ้าน Keiryunosato
วิธีเดินทาง
-
- เช่ารถ
ที่อยู่
-
- Keiryunosato, 286-5-1 Shinjo, Mihama-cho, Fukui Prefecture 919-1144
โทร
-
- (0770) 32-5580
เวลาทำการ
-
- เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงเวลา 18:00 น.
- รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.mikatagoko.com/eng/open.php
ค่าเข้าชม
-
- ผู้ชาย : 4,000 เยน
- ผู้หญิงและเด็ก : 2,500 เยน (รวมค่าเบ็ดตกปลาแล้ว)
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
5.2 ป่าแห่งการผจญภัย Tree Picnic Adventure IKEDA
ป่าแห่งการผจญภัย Tree Picnic Adventure IKEDA เป็นศูนย์รวมกิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ภายในสถานที่แห่งนี้เราจะได้สนุกสนานไปกับกิจกรรมแอดแวนเจอร์หรือการตะลุยด่านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการโหนสลิงจากภูเขาสูงด้วยเครื่องเล่น Mega Zipline หรือการจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวกับเพื่อนๆท่ามกลางธรรมที่แสนร่มรื่น
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมจำลองวิธีการใช้ชีวิตในป่า อีกทั้งยังได้ลองกางเต็นท์นอนบนต้นไม้ด้วย
ข้อมูลเกี่ยวกับ Tree Picnic Adventure IKEDA
วิธีเดินทาง
-
- เช่ารถยนต์หรือรถแท็กซี่จากสถานี Fukui (ใช้เวลาประมาณ 45 นาที)
ที่อยู่
-
- Tree Picnic Adventure IKEDA, 28-16 Shizuhara, Ikeda, Imadate District, Fukui 910-2523
โทร
-
- 0778-44-7474
เวลาทำการ
-
- เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
-
- ค่าเข้าร่วมกิจกรรมเริ่มต้นที่ประมาณ 3,000 เยน
- ดูรายละเอียดได้ที่นี่ >> https://www.picnic.ikeda-kibou.com/price/
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
5.3 อาวาระออนเซ็น
อาวาระออนเซ็น (Awara Onsen) เป็นเมืองออนเซ็นที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดฟุกุอิ ออนเซ็นที่นี่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1883 จนถึงปัจจุบัน นอกจากภายในเมืองจะมีโรงแรมแบบเรียวกังและที่พักขนาดเล็กให้บริการกว่า 30 แห่งแล้ว ทั่วเมืองยังมีตาน้ำถึง 74 จุด ทำให้ออนเซ็นในแต่ละจุดของเรียวกังที่อาวาระนั้นมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป
ด้วยการต้อนรับที่อบอุ่นของชาวเมืองบวกกับออนเซ็นคุณภาพยอดเยี่ยม เมืองออนเซ็นแห่งนี้จึงเหมาะกับการมาเยือนเพื่อพักผ่อนร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง
ข้อมูลเกี่ยวกับอาวาระ ออนเซ็น
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Fukui ให้นั่งรถไฟสาย Echizentetsudo-Mikuni-Awara ไปลงที่สถานี Awara-Yunomachi (ใช้เวลา 41 นาที ค่าโดยสาร 680 เยน)
ที่อยู่
-
- Awara-Yunomachi, 1-1-1 Onsen, Awara-shi, Fukui 910-4104
โทร
-
- 0776-77-1877
เวลาทำการ
-
- เปิดทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม (ค่าออนเซ็นและค่าโรงแรมแตกต่างกันไปตามแต่ละที่)
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
อาหารท้องถิ่นของจังหวัดฟุกุอิ
ฟุกุอิเป็นจังหวัดที่มีแหล่งน้ำตามธรรมชาติมากมาย อาหารของจังหวัดนี้จึงมีความหลากหลายมากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘อาหารทะเล’ ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปลิ้มลองความสดอร่อยจากท้องทะเลฟุกุอิกันครับ
สารบัญอาหาร
-
-
- ปูเอจิเซ็น (Echizen Crab)
- ฟุกุอิแซลมอน (Fukui Salmon)
- ปลาไหลเมืองวากาสะ (Wakasa Unagi)
- ซูชิปลาซาบะย่าง (Wakasa Grilled Sushi)
- ยากิโทริ (Yakitori)
- ข้าวหน้าไข่และทงคัตสึราดแกงกะหรี่ (Volga Rice)
- ข้าวหน้าหมูทอดราดซอสวูสเตอร์ (Sauce Katsudon)
- เอจิเซ็น โอโรชิโซบะ (Echizen Oroshi Soba)
- ซูชิของร้าน O-edo
- ฮะจิบัง ราเมน (Hachiban Ramen)
- ดังโงะ ยูเมะสึเกะ (Dango Yumesuke)
-
1. ปูเอจิเซ็น (Echizen Crab)
ปูซุวะอิ (Zuwai-gani) หมายถึงปูหิมะชนิดหนึ่งที่จับได้ในจังหวัดฟุกุอิ ปูชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น จนได้รับฉายาว่าเป็น ‘ราชาแห่งอาหารรสเลิศในฤดูหนาว’ เลยทีเดียว แหล่งที่อยู่อาศัยของปูซุวะอิคือทะเลญี่ปุ่นและทะเลโอคอสต์ (Okhotsu Sea) แต่ทั้งนี้ หนึ่งในสายพันธุ์ย่อยของปูซุวะอิที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยก็คือ ปูเอจิเซ็น (Echizen Crab)
ปูเอจิเซ็นเป็นปูชนิดเดียวที่เคยมีการนำไปถวายแด่ราชวงศ์ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะทานปูชนิดนี้แบบซาชิมิสดๆ แบบปิ้งย่าง หรือแบบชาบูหม้อไฟก็ล้วนอร่อยหมดทุกเมนู
สำหรับร้านแนะนำในจังหวัดฟุกุอิ เราขอแนะนำ Echizen gani museum (越前がにミュージアム) ที่เราสามารถกินบุฟเฟ่ต์ปูได้อย่างจุใจ!
เว็บไซต์
2. ฟุกุอิแซลมอน (Fukui Salmon)
สำหรับ ฟุกุอิแซลมอน (Fukui Salmon) นั้น จริงๆแล้วหากจะเรียกปลาชนิดนี้ว่าเป็นแซลมอนก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะที่จริงแล้วฟุกุอิแซลมอนคือปลาเทราต์ครับ! อย่างไรก็ตาม มันก็จัดว่าเป็นปลาในกลุ่มเดียวกับแซลมอนอยู่ดีครับ
และอย่างที่เห็นในรูป ดูสีส้มชวนน่ากินนั่นสิครับ!
3. ปลาไหลเมืองวากาสะ (Wakasa Unagi)
เมื่อพูดถึงปลาไหล เราอาจจะคิดว่าหากินที่ไหนในญี่ปุ่นก็ได้นี่นา แต่ ปลาไหลเมืองวากาสะ (Wakasa Unagi) โดยเฉพาะที่จับขึ้นมาจากทะเลสาบมิกาตะนั้น เป็นหนึ่งในปลาไหลที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลยล่ะครับ!
ถ้าได้ไป ‘จังหวัดฟุกุอิ’ ลองแวะไปทานปลาไหลที่ร้าน Unagiya genyomon ดูนะครับ
เว็บไซต์
4. ซูชิปลาซาบะย่าง (Wakasa Grilled Sushi)
ที่เมืองวาคาสะมีอาหารท้องถิ่นอย่างหนึ่งคือ Hamayaki Saba หรือการนำปลาซาบะมาเสียบไม้ย่าง เนื่องจากปลาซาบะเป็นปลาที่เก็บรักษายาก ชาวเมืองวาคาสะจึงเอาปลาซาบะมาย่างและปรุงรสเพื่อให้เก็บไว้กินได้นานๆ และหนึ่งในอาหารที่น่าลองก็คือ ซูชิปลาซาบะย่าง (Wakasa Grilled Sushi) ครับ
5. ยากิโทริ (Yakitori)
ยากิโทริ (Yakitori) เป็นหนึ่งในอาหารง่ายๆแต่ครองใจคนญี่ปุ่น และร้านยากิโทริแห่งหนึ่งที่ครองใจคนญี่ปุ่นมานานก็คือร้าน Akiyoshi ซึ่งมีสาขามากมายกว่า 30 สาขาในจังหวัดฟุกุอิ
ถ้าไปฟุกุอิแล้วต้องไม่พลาดครับ
เว็บไซต์
6. ข้าวหน้าไข่และทงคัตสึราดแกงกะหรี่ (Volga Rice)
Volga Rice เป็นชื่อเรียกข้าวหน้าไข่ออนท็อปด้วยทงคัตสึ แล้วราดด้วยแกงกระหรี่ แม้ว่าที่มาของชื่ออาหารจะไม่แน่ชัดเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆคือนี่เป็นเมนูขึ้นชื่อของเมืองเอจิเซ็น จังหวัดฟุกุอิ
7. ข้าวหน้าหมูทอดราดซอสวูสเตอร์ (Sauce Katsudon)
ปกติแล้วคัตสึด้ง (ข้าวหน้าหมูทอด) ในภูมิภาคอื่นของญี่ปุ่นจะเป็นหมูทอดราดไข่กับต้นหอม แต่ที่ ‘จังหวัดฟุกุอิ’ นั้นเป็นหมูทอดราดซอสวูสเตอร์ ซึ่งให้รสชาติที่อร่อยไม่เหมือนใคร ถ้ามีโอกาสได้ไปฟุกุอิบอกเลยว่าต้องลองครับ
8. เอจิเซ็น โอโรชิโซบะ (Echizen Oroshi Soba)
ชื่อของ เอจิเซ็น โอโรชิโซบะ (Echizen Oroshi Soba) นั้นมีที่มาจากตอนที่จักรพรรดิโชวะเดินทางไปเยือน ‘จังหวัดฟุกุอิ’ เมื่อปี 1947 และได้รับประทานโอโรชิโซบะขณะทรงประทับที่เมืองนี้ หลังจากการมาเยือนในครั้งนั้น ท่านได้กล่าวกับคนสนิทอย่างชื่นชมถึงรสชาติของโซบะที่ได้รับประทานที่เอจิเซ็น ว่าโอโรชิโซบะช่างมีรสชาติที่แสนเอร็ดอร่อยเหลือเกิน
ดังนั้นหากได้มาเที่ยวที่จังหวัดฟุกุอิ ทุกคนควรลองลิ้มรสโอโรชิโซบะที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ในอาหาร 100 จานหลักจากชนบทญี่ปุ่นดูสักครั้งครับ
9. ซูชิของร้าน O-edo
หากอยากทานซูชิที่ ‘จังหวัดฟุกุอิ’ แต่ก็อยากถ่ายรูปสวยๆด้วย เราขอแนะนำ ร้าน O-edo ซึ่งเป็นร้านที่จะทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์การทานซูชิในแบบที่ไม่เหมือนร้านไหนๆ เพราะซูชิที่นี่จะถูกตกแต่งมาในจานอย่างสวยงามราวกับงานศิลปะ
รับประกันได้เลยว่าร้าน O-edo จะทำให้คุณอดใจไม่ไหว ต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปซูชิสวยๆอย่างแน่นอน
เว็บไซต์ >> https://tabelog.com/en/fukui/A1802/A180202/18007399/
10. ฮะจิบัง ราเมน (Hachiban Ramen)
Hachiban Ramen คือราเมนหมายเลข 8 ‘ฮะจิบัง ราเมน‘ ที่คนไทยคุ้นเคยกันดีนั่นเอง หลายๆคนอาจเคยสงสัยว่าทำไมมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่ยักเจอร้านนี้? คำตอบคือในประเทศญี่ปุ่นนั้น ฮะจิบังเป็นร้านเชนราเมนที่มีเยอะในละแวกโฮคุริคุ ซึ่งประกอบไปด้วยจังหวัดอิชิกาวะ จังหวัดโทยามะ และ ‘จังหวัดฟุกุอิ’ ครับ
ถ้าใครอยากลองทานราเมนหมายเลข 8 แบบดั้งเดิมละก็ สาขาที่จังหวัดฟุกุอิก็น่าไปโดนครับ!
11. ดังโงะ ยูเมะสึเกะ (Dango Yumesuke)
ดังโงะ ยูเมะสึเกะ (Dango Yumesuke) เป็นดังโงะที่มีขายในร้านชื่อดังของเมืองโอโนะ นอกจากรสชาติจะแสนอร่อยแล้ว หน้าตาของเจ้าดังโงะก็ยังมีสีสันสวยงามน่ากินมากมาย
ถ้าใครได้ไปเที่ยวปราสาทโอโนะต้องลองแวะไปกินดูนะครับ
เว็บไซต์ >> https://seimido.com/
แหล่งอ้างอิง
เว็บไซต์ทางการของจังหวัดฟุกุอิ
อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับจังหวัดฟุกุอิ
- ‘ปราสาทมารุโอกะ’ หรือปราสาทหมอกควัน 1 ใน 100 จุดชมซากุระชั้นนำของญี่ปุ่น
- ดื่มด่ำกับทิวทัศน์อันงดงามของห้าทะเลสาบแห่งมิกาตะที่สวนลอยฟ้า Rainbow Line Summit Park
- ท่องโลกล้านปีที่พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์จังหวัดฟุกุอิ
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ