รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดนีงาตะ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!
ม.ค. 28, 2022
บทนำ : ไปเที่ยว ‘จังหวัดนีงาตะ’ กันเถอะ!
จังหวัดนีงาตะ (Niigata Prefecture) เป็นจังหวัดที่อยู่ในภูมิภาคชูบุ (Chubu Region) โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 เขตด้วยกันคือ โจเอ็ทสึ (Joetsu) จูเอ็ทสึ (Chuetsu) และคาเอ็ทสึ (Kaetsu)
ทั้งนี้ในแง่ของการท่องเที่ยวนั้น ถ้าหากกล่าวถึงจังหวัดนีงาตะ ภาพของลานสกียามหน้าหนาวก็จะลอยเข้ามาในหัวทันทีเลยค่ะ เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องสกีรีสอร์ตมากๆจนได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลยทีเดียว
นอกจากสกีรีสอร์ตแล้ว จังหวัดนีงาตะก็ยังมีภูมิประเทศที่น่าทึ่งด้วยค่ะ เพราะที่นี่ถูกล้อมรอบด้วยทะเลญี่ปุ่นที่แสนสวยงาม เรียกได้ว่าทิวทัศน์ธีมทะเลของนีงาตะนั้นไม่แพ้ที่ใดอย่างแน่นอนค่ะ และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นความสุดยอดของจังหวัดนีงาตะก็คือข้าวและสาเก เพราะว่ากันว่าข้าวและสาเกของจังหวัดนี้อร่อยเป็นที่ 1 ของญี่ปุ่นเลยล่ะ
อย่างไรก็ดี สถานที่ท่องเที่ยวภายในนีงาตะนั้นก็ยังมีจุดที่น่าสนใจอีกไม่น้อยเลยค่ะ อย่างปราสาททาคาดะที่แสนยิ่งใหญ่ หรือวนอุทยานที่แสนร่มรื่น ทุกสถานที่ก็ล้วนควรค่าแก่การไปโดนสักครั้งจริงๆค่ะ
สำหรับการเดินทางไปยังจังหวัดนีงาตะนั้นก็ถือว่าสะดวกสบายมาก เพราะเพื่อนๆสามารถนั่งรถไฟเจอาร์โจเอ็ทสึชินคันเซ็น (JR Joetsu Shinkansen) จากโตเกียวไปลงที่นีงาตะได้เลยค่ะ โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น!!
เอาล่ะ! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า ‘จังหวัดนีงาตะ’ จะมีอะไรให้เรายลบ้าง ตามมาได้เลยค่ะ~!
สารบัญ
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดนีงาตะ
-
- ปราสาททาคาดะ (Takada Castle)
- สวนทาคาดะ (Takada Park)
- สะพานบันได (Bandai Bridge)
- ริวงะคุโบะ (Ryugakubo)
- ซาซางาวะ นางาเระ (Sasagawa Nagare)
- สกีรีสอร์ตในจังหวัดนีงาตะ (Ski resorts in Niigata)
- ภูเขานาเอบะ (Mt. Naeba)
- เหมืองทองซาโดะคินซัง (Sado Kinzan Gold Mine)
- ล่องเรืออ่างที่อ่าวซาโดะ (Sado Bay)
- ศูนย์อนุรักษ์นกโทคิ (Toki Forest Park)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดนีงาตะ
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดนีงาตะ
1. ปราสาททาคาดะ (Takada Castle)
ปราสาททาคาดะ (Takada Castle) เป็นปราสาทญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนพื้นราบ (ปกติเพื่อนๆมักจะเห็นแต่ปราสาทญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นบนฐานกำแพงหินอีกทีหนึ่งใช่ไหมคะ แต่โครงสร้างของปราสาทแห่งนี้ยึดอยู่บนพื้นดินเลยค่ะ) ปราสาททาคาดะสร้างขึ้นในปี 1614 โดยมัตสึไดระ ทาดาเทรุ (Matsudaira Tadateru) ลูกชายคนที่ 6 ของโชกุนโทคุกาวะ อิเอยาสึ (Tokugawa Ieyasu) โดยปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณใจกลางเมืองโจเอ็ทสึ (Joetsu)
ตามประวัติความเป็นมา ปราสาททาคาดะเคยได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวถึงสองครั้ง โดยเกิดขึ้นในปี 1665 และ 1751 ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสร้างผิดหลักฮวงจุ้ย หรือเจ้าที่ไม่รัก หรือว่าไปรับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดแทนใครมา ปราสาทแห่งนี้จึงได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้อีก 2 ครั้งเช่นกัน ช่วงเวลาที่เกิดเหตุเพลิงไหม้นั้นคือปี 1802 และ 1870 โดยเพลิงไหม้ในปี 1802 นั้นสร้างความเสียหายให้กับตัวปราสาทอย่างหนักเลยล่ะค่ะ เพราะคราวนั้นโครงสร้างปราสาทที่เหลือรอดมาได้มีแค่ประตูกับหอคอยตรงมุมปราสาทเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ปราสาททาคาดะที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมในปี 1991 และปี 2017 ยิ่งไปกว่านั้น ปราสาทแห่งนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 100 ปราสาทที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นด้วยค่ะ
สำหรับไฮไลต์ของที่นี่ก็คือคูเมืองปราสาทและสะพานสีแดงที่สวยงามค่ะ นอกจากนี้ภายในสวนที่สวยงามก็มีต้นซากุระอยู่มากมาย พอเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ มันจะบานสะพรั่งจนทำให้ทัศนียภาพของปราสาททาคาดะยิ่งสวยงามมากขึ้นไปอีกเท่าตัวเลยค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาททาคาดะ (Takada Castle)
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Takada Station สามารถเดินไปที่ปราสาทได้ โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ที่อยู่
- 6-1 Motoshirocho, Joetsu, Niigata 943-0835, Japan
ติดต่อ
- +81255265915
เวลาทำการ
- เปิดทำการตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:00 น.
- วันปิดทำการ : ปราสาทปิดทุกวันจันทร์ วันที่ถัดจากวันหยุดนักขัตฤกษ์ไปหนึ่งวัน และวันที่ 29 ธันวาคม ถึง 3 มกราคม ของทุกปี
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ : 310 เยน
- นักเรียนประถมและมัธยม : 160 เยน
พิกัด
2. สวนทาคาดะ (Takada Park)
สวนทาคาดะ (Takada Park) ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับปราสาททาคาดะ โดยพื้นที่ขนาด 500,000 ตารางเมตรของปราสาทและสวนสาธารณะแห่งนี้ได้รับการกำหนดให้เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของญี่ปุ่น อีกทั้งสวนทาคาดะเองยังเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น และยังเป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงอีกด้วยค่ะ
สวนที่เต็มไปด้วยซากุระกว่า 4,000 ต้นแห่งนี้นับว่าเป็น 1 ใน 3 สถานที่ชมซากุระยามกลางคืนที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น โดยทิวทัศน์ของต้นซากุระที่เรียงรายเป็นแนวยาวไปตามทางนั้นได้รับการเรียกขานว่า ถนนซากุระ (Sakura Road) ยิ่งไปกว่านั้นซากุระเหล่านี้ก็ทำให้สวนทาคาดะดูเหมือนกับอุโมงค์ซากุระเลยค่ะ
หากเพื่อนๆอยากมาชมความงามที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบนี้ก็ต้องมาเที่ยวกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิกันนะคะ (ช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม) เราขอแอบกระซิบนิดนึงว่าบรรยากาศตอนกลางคืนของสวนทาคาดะนั้นโรแมนติกมากจริงๆค่ะ เพราะเขาจะประดับไฟแอลอีดีหลากสีตามทิวแถวของต้นซากุระด้วย! ดังนั้นถ้าใครมองหาที่เที่ยวในยามค่ำคืน ห้ามพลาดสวนทาคาดะเลยค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับสวนทาคาดะ (Takada Park)
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Takada Station สามารถเดินมาที่สวนทาคาดะได้ โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ที่อยู่
- Japan, 〒943-0835 Niigata, Joetsu, Motoshirocho, 44−1
ติดต่อ
- +81255265111
เวลาทำการ
- เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด
3. สะพานบันได (Bandai Bridge)
สะพานบันได (Bandai Bridge) เป็นสะพานหินที่ทอดตัวเหนือแม่น้ำชินาโนะ (Shinano River) ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สะพานที่มีขนาดกว้าง 22 เมตร ยาว 306.9 เมตรแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของสะพานโค้งที่สวยงามมาก
ยิ่งไปกว่านั้น สะพานแห่งนี้ยังเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองนีงาตะ และเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นด้วยค่ะ
และในปี 1964 สะพานบันไดก็ได้รับฉายาเพิ่มมาอีกหนึ่งฉายาว่าเป็น สะพานที่แข็งแกร่งที่สุดในญี่ปุ่น เพราะมันสามารถรอดพ้นจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่นีงาตะในปีนั้นได้ด้วยค่ะ อย่างไรก็ตาม สะพานบันไดก็ได้รับการซ่อมแซมและบูรณะใหม่ตามเหตุอันสมควรเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานค่ะ
นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมซากุระของจังหวัดนีงาตะด้วยนะ ถ้าเพื่อนๆมาเที่ยวที่นีงาตะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็อย่าลืมไปชมความงามของซากุระที่สะพานบันไดนะ!
ข้อมูลเกี่ยวกับสะพานบันได (Bandai Bridge)
วิธีเดินทาง
ที่อยู่
- 2 Chome-4 Bandai, Chuo Ward, Niigata, 950-0088, Japan
เวลาทำการ
- เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าใช้จ่าย
เว็บไซต์
พิกัด
4. ริวงะคุโบะ (Ryugakubo)
ริวงะคุโบะ (Ryugakubo) เป็นแหล่งน้ำจืดตามธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมืองสึนัน (Tsunan Town) จังหวัดนีงาตะ
ถ้าลองสังเกตลักษณะของน้ำในบึงแห่งนี้ เพื่อนๆก็จะพบว่ามันใสแบบไม่เห็นสีโคลนเลย นั่นเป็นเพราะว่าในทุกๆวันจะมีน้ำปริมาตร 43,000 ตันไหลทะลักออกจากบึงแห่งนี้ค่ะ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวที่นี่ก็คือช่วงฤดูใบไม้ร่วงค่ะ เพราะเพื่อนๆจะได้เห็นทัศนียภาพของต้นบีชและต้นสนซีดาร์สีแดงส้มที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำ ราวกับเป็นกระจกที่สะท้อนภาพจากสวรรค์อย่างไม่มีผิดเลยค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับริวงะคุโบะ (Ryugakubo)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถแท็กซี่จากสถานีรถไฟ JR Ashidaki Station โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที
- วิธีเดินทางโดย Google Map
ที่อยู่
- 6217 Yachi, Tsunan, Nakauonuma District, Niigata 949-8204, Japan
ติดต่อ
- +81257653115
เว็บไซต์
พิกัด
5. ซาซางาวะ นางาเระ (Sasagawa Nagare)
ซาซางาวะ นางาเระ (Sasagawa Nagare) เป็นชื่อของชายฝั่งทะเลที่ตั้งอยู่ในเมืองมุราคามิ (Murakami) จังหวัดนีงาตะ
ชายฝั่งที่มีความยาวถึง 11 กิโลเมตรแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงาม และด้วยทัศนียภาพที่สวยจนสรรหาคำมาบรรยายไม่ได้นั้น รัฐบาลญี่ปุ่นจึงยกให้ที่นี่เป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติของญี่ปุ่นค่ะ (scenic beauty and natural monuments of Japan)
เพราะไม่ว่าจะเป็นน้ำทะเลที่ใสราวกับคริสตัล หาดทรายสีขาวสะอาดตา ต้นสนเขียวขจีที่ขึ้นเรียงกันเป็นทิวแถว และหน้าผาที่สวยแปลกตา ทั้งหมดก็ล้วนเป็นองค์ประกอบที่รวมกันเป็นชายฝั่งซาซางาวะ นางาเระที่สวยงามแห่งนี้ค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับซาซางาวะ นางาเระ (Sasagawa Nagare)
วิธีเดินทาง
- ่นั่งรถไฟ JR Uetsu Main Line ไปลงที่สถานี Kuwagawa Station จากนั้นเดินต่ออีก 5 นาทีก็จะถึงซาซางาวะ นางาเระ
ที่อยู่
- Murakami, Niigata 958-0000, Japan
ติดต่อ
- +81254772259
เวลาทำการ
- เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
เว็บไซต์
พิกัด
6. สกีรีสอร์ตในจังหวัดนีงาตะ (Ski resorts in Niigata)
เป็นที่ทราบกันดีว่าจังหวัดนีงาตะมีพื้นที่ติดกับจังหวัดนากาโนะ แน่นอนว่าชื่อเสียงด้านสกีรีสอร์ตของนีงาตะจึงไม่ได้ด้อยไปกว่าเพื่อนบ้านอย่างนากาโนะเลยค่ะ ความโด่งดังของสกีรีสอร์ตที่นีงาตะนั้นสามารถการันตีได้จากความสนใจของนักท่องเที่ยวนับล้านจากทั่วทุกมุมโลกที่มีต่อสถานที่แห่งนี้ค่ะ
สำหรับสกีรีสอร์ตที่มีชื่อเสียงในนีงาตะนั้น บางแห่งก็ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีเอจิโกะยูซาวะ (Echigo Yuzawa) และอีกหนึ่งสกีรีสอร์ตที่มีชื่อเสียงก็คือนาเอบะสกีรีสอร์ต (Naeba Ski Resort) ค่ะ
สกีรีสอร์ตแต่ละแห่งนั้นมีคอร์สสกีและสโนว์บอร์ดที่แตกต่างกัน แต่คอร์สสกีส่วนใหญ่ของสกีรีสอร์ตในนีงาตะล้วนเป็นมิตรต่อเด็กๆและมือใหม่ที่อยากเข้าวงการสกีค่ะ ใครอยากมาหัดเล่นสกีที่นี่จึงไม่ต้องกังวลใจไปเลย เพราะทุกคนจะได้สนุกสนานกันอย่างแน่นอน
ข้อมูลเกี่ยวกับสกีรีสอร์ตในจังหวัดนีงาตะ (Ski resorts in Niigata)
วิธีเดินทาง
- ECHIGO YUZAWA STATION : สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> คลิก!
- Naeba Ski Resort : นั่งแท็กซี่จากสถานี Echigo Yuzawa Station โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ที่อยู่
- ECHIGO YUZAWA STATION : 2427-1 大字湯沢主水 湯沢町 Minamiuonuma District, Niigata 949-6100, Japan
- Naeba Ski Resort : 202 Mikuni, Yuzawa, Minamiuonuma District, Niigata 949-6212, Japan
ติดต่อ
- ECHIGO YUZAWA STATION : +815020161600
- Naeba Ski Resort : +81257894117
เวลาทำการ
- Naeba Ski Resort : 8:00 – 20:30 น.
เว็บไซต์
พิกัด
- ECHIGO YUZAWA STATION
- Naeba Ski Resort
7. ภูเขานาเอบะ (Mt. Naeba)
ภูเขานาเอบะ (Mt. Naeba) เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ในเอจิโกะยูซาวะ (Echigo Yuzawa) จังหวัดนีงาตะ ภูเขาแห่งนี้เป็นจุดศูนย์กลางของกิจกรรมบันเทิงหลายอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า เล่นสกี หรือสโนว์บอร์ด อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติบนยอดเขาอย่าง ‘สวนอัลไพน์’ ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
นอกจากนี้ อีกหนึ่งกิจกรรมที่มีชื่อเสียงของภูเขานาเอบะก็คือเทศกาลดนตรีร็อกประจำปี ซึ่งเป็นเสมือนงาน Big Mountain เวอร์ชันญี่ปุ่นที่แท้เลยค่ะ โดยเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมไปจนถึงต้นเดือนสิงหาคม ที่นี่จะมีการจัดเทศกาลดนตรีฟูจิร็อก (The Fuji Rock Festival) ซึ่งถือว่าเป็นเทศกาลดนตรีที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่นเลยค่ะ
แต่ถ้าใครต้องการหลีกหนีความวุ่นวายไปหาความสงบสุขอยู่เป็นเนืองๆ เราขอแนะนำออนเซ็นแบบญี่ปุ่นแท้ๆที่อยู่บนเขานาเอบะแห่งนี้ค่ะ ขอบอกว่าที่นี่มีพื้นที่ชุ่มน้ำอันสวยงามให้เพื่อนๆได้ชื่นชมกันด้วยนะคะ
แบบนี้ไม่ไปไม่ได้แล้วนะทุกคน~!
ข้อมูลเกี่ยวกับภูเขานาเอบะ (Mt. Naeba)
วิธีเดินทาง
- จากหน้าสถานี Echigo Yuzawa Station ให้นั่งรถบัสที่มุ่งหน้าไปยัง Mt. Naeba Prince Hotel โดยลงรถที่ Mitsumata หรือจะนั่งแท็กซี่แทนรถบัสก็ได้เช่นกัน
ที่อยู่
- Mikuni, Yuzawa, Minamiuonuma District, Niigata 949-6212, Japan
พิกัด
8. เหมืองทองซาโดะคินซัง (Sado Kinzan Gold Mine)
เหมืองทองซาโดะคินซัง (Sado Kinzan Gold Mine) เป็นเหมืองทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่เริ่มมีการขุดเจาะครั้งแรกในปี 1601 โดยอุโมงค์ของเหมืองแห่งนี้มีความยาวถึง 400 กิโลเมตรเลยทีเดียวค่ะ
ตลอดระยะเวลา 400 ปีที่ผ่านมา เหมืองแห่งนี้ประสบกับช่วงขาขึ้นขาลงอย่างโชกโชนเลยทีเดียว จนท้ายที่สุดเหมืองทองซาโดะคินซังแห่งนี้ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นค่ะ
สำหรับเพื่อนๆที่อยากมาเที่ยวที่นี่ เขาก็มีคอร์สสำรวจเหมืองให้เพื่อนๆได้เลือกชมมากมายเลยค่ะ (ในส่วนตรงนี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะ) โดยมีทั้งคอร์สที่ต้องจองล่วงหน้าและคอร์สสดหน้างาน หรือถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากเที่ยวพร้อมๆกับเสพความรู้ไปด้วยก็สามารถเลือกคอร์สที่มีไกด์ได้นะคะ
ข้อมูลเกี่ยวกับเหมืองทองซาโดะคินซัง (Sado Kinzan Gold Mine)
วิธีเดินทาง
ที่อยู่
- 1305 Shimoaikawa, Sado, Niigata 952-1501, Japan
ติดต่อ
- +81259742389
เวลาทำการ
- เดือนเมษายน – ตุลาคม : เปิดตั้งแต่เวลา 8:00 – 17:30 น.
- เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม : เปิดตั้งแต่เวลา 8:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
- ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ : http://www.sado-kinzan.com/en/
เว็บไซต์
พิกัด
9. ล่องเรืออ่างที่อ่าวซาโดะ (Sado Bay)
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ทุกคนไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวที่นีงาตะก็คือ การล่องเรืออ่าง (Tub-boat Sailing) ในอ่าวซาโดะ
การล่องเรืออ่างถือเป็นประเพณีเก่าแก่ของจังหวัดนีงาตะค่ะ จุดเริ่มต้นของประเพณีนี้มาจากการที่ชาวเกาะซาโดะต้องการเก็บสาหร่าย หอยเป่าฮื้อ และหอยตาวัว แต่พื้นน้ำแห่งนี้กลับมีพื้นที่แคบ ซับซ้อน และเต็มไปด้วยแนวปะการัง คนพื้นเมืองจึงคิดค้นเรือที่เหมาะต่อวิถีชีวิตของคนแถวนี้ขึ้นมา นั่นก็คือเจ้าเรือที่มีรูปร่างคล้ายอ่างน้ำนั่นเอง
ข้อดีของเรือทรงกลมแบบนี้มีหลายอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความสมดุลต่อการลอยน้ำ ความสะดวกต่อการเลี้ยวในทางเล็กๆที่คดเคี้ยว แถมยังสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว เหมาะแก่การใช้จับปลาในบริเวณน้ำตื้นมากเลยค่ะ
เรียกได้ว่าเจ้าเรืออ่างที่แสนน่ารักลำนี้เกิดมาเพื่อการล่องในอ่าวแห่งนี้จริงๆค่ะ อย่างไรก็ดี เรามองว่าการลองนั่งเรืออ่างน้ำชมความงามของเมืองซาโดะนั้น มันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากเลยล่ะ!
- อ่านรีวิวการล่องเรืออ่างที่อ่าวซาโดะ จาก NuttyNihonGo >> นั่งเรือกะละมัง ‘Tarai bune’ เที่ยวญี่ปุ่นไม่ซ้ำใคร
ข้อมูลเกี่ยวกับการล่องเรืออ่างที่อ่าวซาโดะ (Sado Bay)
วิธีเดินทาง
ที่อยู่
- Ogimachi, Sado, Niigata 952-0604, Japan
ติดต่อ
- +81259863153
เวลาทำการ
- เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8:15 – 17:00 น.
เว็บไซต์
พิกัด
10. ศูนย์อนุรักษ์นกโทคิ (Toki Forest Park)
ศูนย์อนุรักษ์นกโทคิ (Toki Forest Park) เป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถชมนกโทคิ (Toki) ซึ่งเป็นนกไอบิสหงอนญี่ปุ่น (Japanese Crested Ibis) ที่มีรูปลักษณ์สวยแปลกตา แถมหายากอีกด้วย ซึ่งภายในสถานที่แห่งนี้จะประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่จะทำให้เราได้ชมนกโทคิอย่างใกล้ชิด
พื้นที่ของ Toki Exchange Hall เอื้ออำนวยให้เราได้สังเกตพฤติกรรมของนกโทคิเวลาที่พวกมันอยู่ในธรรมชาติจริงๆ รวมไปถึงลักษณะของแหล่งที่อยู่อาศัยที่นกโทคิชอบด้วย ส่วนบริเวณ Toki Material Exhibition Hall เป็นพื้นที่จัดแสดงวัตถุที่มีความเกี่ยวข้องกับนกโทคิมากมายเลยค่ะ
หากเพื่อนๆคนไหนรักสัตว์และรักธรรมชาติ ศูนย์อนุรักษ์นกโทคิแห่งนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ทุกคนได้เป็นอย่างดีค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์อนุรักษ์นกโทคิ (Toki Forest Park)
วิธีเดินทาง
- เดินจากป้ายรถบัส Toki-no-mori Koen bus stop (Minami Line) โดยใช้เวลาเพียงเล็กน้อย
ที่อยู่
- 383-2 Niibonagaune, Sado, Niigata 952-0101, Japan
ติดต่อ
- +81259224123
เวลาทำการ
- เปิดทำการตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:00 น.
- หยุดทำการทุกวันจันทร์และช่วงวันหยุดปีใหม่
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ : 400 เยน
- เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี : 100 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดนีงาตะ
เป็นที่รู้กันดีว่า จังหวัดนีงาตะ นั้นมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย แต่นอกจากที่เที่ยวแล้ว อาหารท้องถิ่นของนีงาตะก็น่าสนใจเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะซาซาดังโงะกับเนื้อมุราคามิเนี่ยถือเป็นของเด็ดเลยล่ะ ถ้าใครมานีงาตะแล้วไม่ได้ลองทานก็จะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากเลย
และในบทความนี้ ทีมงานคุณภาพ fromJapan ก็นำ ‘เมนูเด็ดประจำจังหวัดนีงาตะ’ มาฝากทุกคนด้วยกันถึง 5 อย่าง ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ
1. เต้าหู้ทอดเมืองโทชิโอะ (Tochio Fried Tofu)
เต้าหู้ทอด (Tochio Fried Tofu) เป็นอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงของเมืองโทชิโอะ (Tochio) ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของจังหวัดนีงาตะ อีกทั้งยังเป็นเมนูที่ครองใจชาวโทชิโอะมากว่า 300 ปีด้วยค่ะ พออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เพื่อนๆอาจจะสงสัยกันว่าเจ้าเต้าหู้ทอดของเมืองโทชิโอะเป็นเมนูแบบไหนกันนะ เราจะมาเฉลยให้ฟังที่ย่อหน้าถัดไปกันค่ะ
เต้าหู้ทอดเมืองโทชิโอะเป็นเมนูเต้าหู้ทอดที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เพราะเขาใช้ชิ้นเต้าหู้ที่หนากว่าปกติเพื่อดึงเอารสชาติของถั่วเหลืองให้ออกมาเข้มข้นกว่าปกติ และเมื่อนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆแล้ว เขาก็จะเสิร์ฟพร้อมกับซีอิ๊วปรุงรสแบบโฮมเมดที่มีรสชาติยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียวค่ะ
2. ข้าวโคชิฮิคาริ (Koshihikari Rice)
ข้าวโคชิฮิคาริ (Koshihikari Rice) ถือเป็นอีกหนึ่งพันธุ์ข้าวชั้นเยี่ยมของญี่ปุ่น ซึ่งแหล่งผลิตรายใหญ่ที่สุดจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากที่จังหวัดนีงาตะนี่เองค่ะ โดยข้าวโคชิฮิคาริที่ดีที่สุดของนีงาตะนั้นอยู่ที่เมืองมินามิอุโอนุมะ
นอกจากนี้ ข้าวโคชิฮิคาริก็ยังเป็นข้าวที่ขึ้นชื่อว่ามีกลิ่นหอมกว่าข้าวทั่วไป อีกทั้งรสสัมผัสก็ยังนุ่มนวลอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอดข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่นเลยค่ะ
3. ซาซาดังโงะ (Sasa Dango)
ซาซาดังโงะ (Sasa Dango) เป็นโมจิรสหญ้าโยโมกิสีเขียวเข้ม (dark green yomogi flavored mochi) ที่มีไส้ข้างในเป็นถั่วแดงกวนและห่อด้วยใบไผ่อีกทีค่ะ ทั้งนี้ซาซาดังโงะนั้นถือเป็นขนมประจำจังหวัดนีงาตะเลยก็ว่าได้ค่ะ เนื่องด้วยกลิ่นหอมหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของใบโยโมกิ ผสมผสานกับรสหวานกลมกล่อมของถั่วแดงกวน บวกกับแป้งโมจิเหนียวนุ่ม เรียกได้ว่าเป็นองค์ประกอบของขนมพื้นเมืองที่สุดยอดมากเลยค่ะ
ถ้าเพื่อนๆอยากลองลิ้มรสซาซาดังโงะ ก็สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปและร้านขายของที่ระลึกในนีงาตะค่ะ
4. เห็ดฮิราตาเกะ (Hiratake Mushroom)
เห็ดฮิราตาเกะ (Hiratake Mushroom) หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า เห็ดนางรม (Oyster Mushroom) เป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบขึ้นชื่อของจังหวัดนีงาตะค่ะ คนที่นี่เพาะฟาร์มเห็ดฮิราตาเกะกันหลายสายพันธุ์เลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นเห็ดฮิราตาเกะของนีงาตะก็ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อเห็ดที่ชุ่มฉ่ำ รวมถึงกลิ่นที่หอมมากด้วยค่ะ
5. เนื้อมุราคามิ (Murakami Beef)
เนื้อมุราคามิ (Murakami Beef) เป็นแบรนด์วากิวของนีงาตะที่มีคุณภาพตั้งแต่เกรด B-4 ไปจนถึง A-4 ค่ะ โดยเนื้อมุราคามินั้นเป็นเนื้อที่มาจากวัวดำนีงาตะ (Black-hair Niigata) ซึ่งเป็นสายพันธุ์วัวที่เลี้ยงกันอย่างแพร่หลายในเมืองมุราคามิ (Murakami City)
สำหรับคุณภาพและความอร่อยของเนื้อมุราคามินั้นก็ไม่ได้เป็นสองรองใครเลยค่ะ เพราะมันเป็นเนื้ออีกชนิดหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องของลายหินอ่อนที่สวยงาม (Marbling) และรสสัมผัสที่นุ่มลิ้นค่ะ
หากเพื่อนๆได้ไปเที่ยวที่นีงาตะ ก็ลองไปทานสเต๊กเนื้อมุราคามิกันดูนะคะ ^0^
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ