fbpx

ขนคิงลุก! 12 เรื่องเล่าสถานที่หลอนในญี่ปุ่น

ต.ค. 31, 2025

  • Clip

ขนคิงลุก! 12 เรื่องเล่าสถานที่หลอนในญี่ปุ่น

หลายคนมักหลงใหลในเรื่องลึกลับ ยิ่งถ้าหากสถานที่แห่งนั้นมีเรื่องเล่าชวนขนลุกมากเท่าใดก็ยิ่งเร้าใจเร้าอารมณ์มากเท่านั้นราวกับว่าเรากำลังอยู่ในหนังระทึกขวัญเลยทีเดียว

‘ญี่ปุ่น’ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีสถานที่ลี้ลับพ่วงมากับเรื่องเล่าชวนขนลุกมากมาย ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปดู 12 เรื่องเล่าสถานที่หลอนในญี่ปุ่น มาดูกันสิว่า ปัจจุบันยังมีสถานที่ไหนบ้างที่ยังหลอนและน่ากลัวอยู่บ้าง

แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปเยี่ยมชมสถานที่เฮี้ยนเหล่านี้ เราขอแนะนำกฎสำคัญ 5 ข้อ ที่ต้องปฏิบัติตามก่อนที่จะไปตามรอย

  1. ความผิดฐานบุกรุกถือเป็นอาชญากรรม (โปรดตรวจสอบพื้นที่ก่อนเข้าไป)
  2. ห้ามรบกวนคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง (ห้ามเสียงดังในยามวิกาล)
  3. ห้ามปลุกปั่นวิญญาณ (ห้ามขีดเขียนและทำลายสิ่งของโดยเด็ดขาด)
  4. ห้ามทิ้งขยะ (เพื่อปกป้องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
  5. แนะนำให้เดินทางเป็นกลุ่ม และเมื่อรู้สึกถึงอันตรายให้ถอยกลับทันที

1. อุโมงค์อินุนากิ จ. ฟุกุโอกะ

ระดับความน่ากลัว : ★★★★★

การเข้าถึง : ห้ามเข้า

เรื่องเล่า

อุโมงค์อินุนากิ ยังคงถูกพูดถึงในฐานะสถานที่ที่หลอนที่สุดในญี่ปุ่น แม้จะผ่านมาเกือบครึ่งศตวรรษแล้วหลังจากที่ปิดให้บริการในปี 1975 เนื่องจากเกิดดินถล่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ที่มา  : https://www.kkinternational.work/2021/10/24/inunaki-touge-jiken/

ต่อมาในปี 1988 เกิดเหตุคดีฆาตกรรมอันน่าสยดสยองที่กระทำโดยเยาวชนชาย 4 คน อายุประมาณ 15 – 16 ปี ได้ทำการขโมยรถยนต์พร้อมคนขับซึ่งมีอายุราว 20 ปี มาที่อุโมงค์อินุนากิแห่งนี้ จากนั้นก็ทำร้ายร่างกายเขาอย่างโหดเหี้ยมและราดน้ำมันจุดไฟเผาทั้งเป็น

นอกจากนี้ พบว่ามีข่าวลือแปลกๆมากมายเกี่ยวกับ ‘หมู่บ้านอินุนากิ’ ที่อยู่อีกฝั่งของอุโมงค์ อย่างในสมัยช่วงเอโดะ ว่ากันว่าหมู่บ้านแห่งนี้ถูกไล่ที่เพราะต้องการสร้างเขื่อน แม้ทางการจะกดดันผู้คนในหมู่บ้านด้วยการลบชื่อออกจากบันทึกและแผนที่ขนาดไหน แต่ชาวบ้านก็ยืนหยัดที่จะอยู่ที่นี่ต่อ และถ้าหากมีคนภายนอกพยายามเข้ามาในหมู่บ้าน พวกเขาก็จะโจมตีด้วยขวานหรือของมีคมทันทีที่เห็น ซึ่งปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ปรากฏอยู่ในแผนที่เลย

ในช่วงปี 1990 – 2000 อุโมงค์แห่งนี้ยังคงถูกพูดถึงในกระทู้อย่างต่อเนื่อง บ้างก็ว่ามีคนเคยเห็นรถคันสีขาวของเด็กหนุ่มที่ถูกฆ่าปรากฏอยู่ในอุโมงค์ และยังมีคนเล่าว่าเคยมีคนพยายามเข้าไปสำรวจหมู่บ้านแห่งนี้และไม่ได้กลับออกมาเลย รวมถึงยังมีแก๊งวัยรุ่นจำนวนมากเดินทางมาที่อุโมงค์แห่งนี้เพื่อลองของกันมากมาย ทั้งถ่ายวิดีโอและขีดเขียนบนผนัง เรียกได้ว่าสร้างความวุ่นวายอยู่ไม่น้อย ว่ากันว่าเคยมีป้ายแปะอยู่ที่ปากอุโมงค์ว่า “ตั้งแต่จุดนี้เป็นต้นไป รัฐธรรมนูญญี่ปุ่นจะไม่มีผลบังคับใช้อีกต่อไป”

ต่อมาทางการจึงได้สร้างรั้วปิดปากอุโมงค์ที่สูงถึง 2.5 เมตร เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไป ปัจจุบันป่าไม้ได้ปกคลุมปากอุโมงค์แห่งนี้จนเกือบจะหมดแล้ว

พิกัด

 2. หน้าผาโทจินโบ (Tojinbo Cliffs) จ. ฟุคุอิ

ที่มา : https://www.fuku-e.com/spot/detail_1468.html

ระดับความน่ากลัว : ★★★☆☆

การเข้าถึง : เข้าถึงได้ / สถานที่ท่องเที่ยว

เรื่องเล่า

หน้าผาโทจินโบเป็นสถานที่ที่มีคนไปกระโดดฆ่าตัวตายบ่อยเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น ตามรายงานระบุว่า ตลอดในช่วง 10 ปี ก่อนปี 2003 จำนวนผู้ที่มาฆ่าตัวตายที่นี่มีมากถึง 256 ราย และในแต่ละมีจำนวนมากกว่า 20 ราย ในปัจจุบัน จำนวนคนฆ่าตัวตายเริ่มลดลงแล้ว

อย่างไรก็ตาม หน้าผาแห่งนี้ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้คนแวะเวียนมาถ่ายรูปชมวิวกันอยู่ตามปกติ แต่ก็มีเรื่องเล่าสุดหลอนที่เล่าขานกันมาว่า มีคนพบเห็นศพของคนที่กระโดดหน้าผาลอยมาติดอยู่บริเวณสะพานโอชิมะ และยังลือกันว่ามีคนเห็นวิญญาณจำนวนมากพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาบนสะพานอีกด้วย  

พิกัด

3.หลุมศพไทระ โนะ มาซาคาโดะ (Taira no Masakado’s Grave) โตเกียว

ที่มารูปภาพ : https://x.com/JIYUKENKYU_jp/status/1704432242376982856

ระดับความน่ากลัว : ★★★★☆

การเข้าถึง : เข้าถึงได้

เรื่องเล่า

ไทระ โนะ มาซาคาโดะ เป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงตามประวัติศาสตร์ และเป็นหนึ่งในวิญญาณอาฆาตที่เฮี้ยนเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น

โดยเรื่องเล่าและตำนานของไทระ โนะ มาซาคาโดะนั้นมีการเล่าขานกันมามากมาย หนึ่งในนั้นคือตำนานการสร้างหลุมศพที่เล่าไว้เป็นคำอธิบายบนป้ายด้านหน้าหลุมศพว่า เมื่อนานมาแล้วมีชาวบ้านพบเห็นศีรษะของมาซาคาโดะเรืองแสงเป็นสีขาวลอยตกลงมาที่ชิบาซากิ ซึ่งก็คือสถานที่ฝังศพในปัจจุบัน หลังจากนั้นชาวบ้านก็พากันตกใจและหวาดกลัว จึงสร้างหลุมศพมาซาคาโดะขึ้นมา

ปัจจุบันหลุมศพแห่งนี้ได้รับการบูรณะใหม่จนสวยงามและเป็นจุดรับพลังงานศักดิ์สิทธิ์ (Power Spot) ว่ากันว่าที่ดินบริเวณหลุมศพแห่งนี้มีมูลค่าสูงกว่า 4 พันล้านเยน และในอนาคตก็คาดว่าราคาก็จะสูงขึ้นอีก

พิกัด

4.ซากปราสาทฮาจิโอจิ (Hachioji Castle Ruins) โตเกียว

ที่มารูปภาพ : https://blog2.hisway306.jp/nihon-100meijou-stamp-tokyo-hachiojijou

ระดับความน่ากลัว : ★★★☆☆

การเข้าถึง : เข้าถึงได้บางส่วน

เรื่องเล่า

ปราสาทฮาจิโอจิ สร้างขึ้นในยุคเทนโช (ค.ศ. 1573 – 1592) เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคเซ็นโกกุของภูมิภาคคันโต ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขา ถ้าหากใครอยากมาเที่ยวชมที่นี่อาจจะต้องฟิตร่างกายกันสักหน่อย เพราะต้องใช้พละกำลังในการเดินขึ้นไปยังปราสาท

กล่าวกันว่าในช่วงยุคเซ็นโกกุประมาณปี 1590 เคยเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นที่ปราสาทฮาจิโอจิ เมื่อกองทัพโทโยโทมิที่มีกำลังพล 15,000 นาย ได้บุกเข้ามาโจมตี ซึ่งในตอนนั้นเจ้าผู้ครองปราสาทและข้าราชบริพารคนสำคัญกลับไม่ได้อยู่ที่ปราสาท กลุ่มซามูไรจำนวนหนึ่งและข้าราชบริพารที่เหลือ รวมถึงประชาชนราว 3,000 คน จึงเลือกที่จะยืนหยัดต่อสู้อยู่ที่นี่ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถปกป้องปราสาทฮาจิโอจิไว้ได้ และพ่ายแพ้ให้กับกองทัพโทโยโทมิภายในวันเดียว

ต่อมาเพื่อเป็นการทำลายขวัญกำลังใจทหาร กองทัพโทโยโทมิได้จับผู้หญิงและเด็กไปตัดศีรษะและนำไปประจานต่อหน้าเหล่าทหารกองทัพของเจ้าผู้ครองปราสาท ว่ากันว่าภรรยาและลูกของเจ้าผู้ครองปราสาท รวมถึงผู้หญิงและเด็กคนอื่นๆตัดสินใจแทงคอตัวเองด้วยมีดสั้นและโยนตัวเองลงไปในน้ำตกแทนที่จะถูกนำใช้เป็นกลยุทธ์อันไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ กล่าวกันว่าน้ำที่ไหลจากน้ำตกนั้นแดงฉานไปด้วยเลือด

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปราสาทมีขนาดใหญ่มากและมีการต่อเติมขยายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จึงมีข่าวลือว่าการที่ปราสาทพังทลายลงทั้งหมดนั้นอาจเป็นเพราะมันยังสร้างไม่เสร็จก็เป็นได้

พิกัด

5.โรงพยาบาลเหมืองถ่านหินยูเบตสึ (Yubetsu Coal Mine Ruins) ฮอกไกโด

12 เรื่องเล่าสถานที่หลอนในญี่ปุ่น

ที่มารูปภาพ : https://touring.hokkaido.world/?p=4288 

ระดับความน่ากลัว : : ★★★★☆

การเข้าถึง : เข้าไปได้ แต่อันตราย

เรื่องเล่า

โรงพยาบาลเหมืองถ่านหินยูเบตสึ เป็นโรงพยาบาลประจำเหมืองถ่านหินยูเบตสึที่ให้การรักษาพยาบาลทุกประเภท ตั้งแต่การเจ็บป่วยในชีวิตประจำวัน การคลอดบุตร การบาดเจ็บ ไปจนถึงการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในเหมือง และยังมีห้องแยกโรคติดเชื้อ เช่น โรคบิด

ต่อมาเหมืองถ่านหินยูเบตสึได้เข้าสู่ยุคตกต่ำจนต้องเลิกจากคนงานกว่า 3,737 คน ทำให้ผู้คนเริ่มย้ายออกจากเมืองจนเกือบจะเป็นเมืองร้าง และในปี 1968 โรงพยาบาลก็ถูกไฟไหม้ทำลาย

ในปี 2007 โรงพยาบาลเหมืองถ่านหินยูเบตสึได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมญี่ปุ่นโดย METI Ministry of Economy, Trade and Industry ส่งผลให้ตัวอาคารโรงพยาบาลได้รับการดูแลรักษา

อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลเหมืองถ่านหินยูเบตสึกลับขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่หลอน เนื่องจากมีอุบัติเหตุและเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นภายในเหมืองมากมายจนทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกนำเสนอในสื่อต่างๆในฐานะสถานที่ผีสิงที่น่ากลัวที่สุดในฮอกไกโดโดยนักจิตสัมผัสไอโกะ กิโบ (Aiko Gibo)

ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในปี 1942 เกิดอุบัติเหตุน้ำท่วมเหมืองโดยมีชาวเกาหลี 2 คน อยู่ในจำนวนผู้เสียชีวิต 7 คนด้วย และในปี 1943 เกิดแก๊สระเบิดจนทำให้คนงานเสียชีวิต 5 คน ว่ากันว่าผู้เสียชีวิตที่ไม่มีใครมารับจะถูกนำไปฝังไว้ด้านหลังของโรงพยาบาล

นอกจากนี้ ด้วยความที่โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหอผู้ป่วยแยกโรคติดเชื้อที่มีถึง 18 เตียง และยังจำเป็นต้องแยกออกจากหอผู้ป่วยทั่วไปและเขตชุมชนท้องถิ่นด้วย ดังนั้น ผู้คนที่เข้ามารักษาตัวที่นี่จึงเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว ความทุกข์ทรมาน และยังพบเจอกับความตายอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งหลายคนเชื่อกันว่าดวงวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในสภาพเช่นนี้ไม่อาจหลับใหลอย่างสงบสุขและยังคงอยู่ในโลกนี้นั่นเอง

พิกัด

6.น้ำตกเฮวะ (Heiwa no Taki) ฮอกไกโด

12 เรื่องเล่าสถานที่หลอนในญี่ปุ่น

ที่มารูปภาพ : https://touring.hokkaido.world/?p=13956, https://ghostmap.jp/spotdetail.php?spotcd=1

ระดับความน่ากลัว : : ★★★☆☆

การเข้าถึง : เข้าถึงได้ / สถานที่ท่องเที่ยว

เรื่องเล่า

น้ำตกเฮวะเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของฮอกไกโด และยังเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่หลอนอีกด้วย เพราะที่นี่มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นมากมาย ว่ากันว่ามีคนเคยกระโดดฆ่าตัวตายในแอ่งน้ำตก บ้างก็ว่าในอดีตเคยมีคนเผาตัวเองในห้องน้ำสาธารณะของลานจอดรถน้ำตก ซึ่งเชื่อกันว่าวิญญาณของบุคคลนั้นยังคงหลอกหลอนอยู่ และเคยมีเด็กนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งแขวนคอฆ่าตัวตายที่นี่ด้วย

นอกจากนี้ บริเวณด้านข้างลานจอดรถยังมีป้ายอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อไว้อาลัยให้กับดวงวิญญาณของชาวเกาหลีที่เสียชีวิตขณะถูกบังคับให้มาทำงานในเหมืองถ่านหินของฮอกไกโดตามคำสั่งของกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 

พิกัด

 

7.อุโมงค์เซ็นบะเก่า (Zenba Pass) จ. คานากาวะ

12 เรื่องเล่าสถานที่หลอนในญี่ปุ่น

ที่มารูปภาพ: https://www.kanaloco.jp/news/social/article-800953.html

ระดับความน่ากลัว : : ★★★☆☆

การเข้าถึง : สัญจรได้ปกติ

เรื่องเล่า

มีข่าวลือว่าวิญญาณของจุนอิจิ เด็กชายที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ยังคงหลอกหลอนอยู่ในอุโมงค์แห่งนี้ และในช่วงนั้นยังเคยมีป้ายเขียนไว้ว่า もう死なないで準一 หรือแปลว่า ‘อย่าตายอีกเลยนะ จุนอิจิ’ เพื่อเป็นการอธิษฐานขอให้ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีก

พิกัด

8.อุโมงค์ฮอนซากะเก่า (Honsaka) ณ ช่องเขาฮอนซากะ จ. ไอจิ

12 เรื่องเล่าสถานที่หลอนในญี่ปุ่น

ที่มารูปภาพ :https://x.com/wug0029/status/1264896379308011522

ระดับความน่ากลัว : ★★★☆☆

การเข้าถึง : เข้าถึงได้

เรื่องเล่า

อุโมงค์ฮอนซากะเก่า เป็นอุโมงค์ที่เปิดใช้งานมานานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ปี 1915 เพื่อพัฒนาการขนส่งบนถนนโทไคโด อุโมงค์นี้เดิมที่ถูกสร้างด้วยอิฐ แม้จะได้รับการซ่อมแซมอยู่เรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา

อุโมงค์แห่งนี้ทอดยาวระหว่างเมืองโทโยฮาชิในจ.ไอจิ และเมืองฮามามัตสึในจ.ชิซูโอกะ และสร้างขึ้นบนถนนที่มีชื่อว่า “ฮิเมะไคโดะ” หรือถนนเจ้าหญิง ซึ่งเป็นทางหลวงที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ กล่าวกันว่ามีหลายทฤษฎีเล่าขานเกี่ยวกับที่มาของชื่อถนน แต่มีหนึ่งข้อเท็จจริงที่ว่าถนนเส้นนี้มักถูกใช้โดยผู้หญิง

ในช่วงสมัยเอโดะ มีการควบคุมการเข้าออกของอาวุธปืนและผู้หญิงอย่างเข้มงวด ผู้หญิงในยุคนั้นจึงเลือกใช้เส้นทางถนนฮิเมะไคโดที่ผ่านช่องเขาฮอนซากะเป็นทางอ้อม นับตั้งแต่นั้นมา ก็มีข่าวลือเกี่ยวกับวิญญาณหญิงปรากฏกายขึ้นที่นั่น บ้างก็ว่าเจอหญิงสาวห้อยหัวลงมาจากเพดานอุโมงค์ เจอวิญญาณหญิงสาวในชุดกิโมโนยืนอยู่ เจอผีหญิงชรากำลังโบกมือ และเจอผีสาวกำลังอุ้มเด็กทารกอยู่

พิกัด

9. Orange House จ. ชิบะ

12 เรื่องเล่าสถานที่หลอนในญี่ปุ่น

ที่มารูปภาพ : https://x.com/wug0029/status/1239510191386718208

ระดับความน่ากลัว : : ★★★★★

การเข้าถึง : เข้าได้ แต่ไม่เข้าไปจะดีกว่า เพราะอันตรายมาก

เรื่องเล่า

ที่นี่คือบ้านพักร้างที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวในป่าลึก ห่างไกลจากย่านที่อยู่อาศัย กล่าวกันว่ามีครอบครัวหนึ่งได้ฆ่าตัวตายในปี 1982 ต่อมาได้มีการส่งผู้รับเหมาเข้ามารื้อถอนอาคาร ซึ่งในระหว่างที่คนงานกำลังพยายามทำลายอาคารแห่งนี้อยู่นั้นก็ได้รับบาดเจ็บหลายต่อหลายครั้งและยังประสบปัญหาอื่นๆ จนต้องยุติการรื้อถอนไปในที่สุด อย่างไรก็ตามหลายคนบอกว่า ไม่เคยได้ยินว่าที่นี่เคยมีคนฆ่าตัวตาย แต่เรื่องผู้รับเหมาได้รับบาดเจ็บบ่อยๆคือเรื่องจริง

ภายนอกของบ้านเป็นสีขาวไม่ใช่สีส้มตามชื่อ และไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าทำไมจึงเรียกว่า Orange House (บ้านสีส้ม) และคนที่เคยไปสำรวจสถานที่แห่งนี้ต่างก็กล่าวกันว่า ‘มันน่ากลัวมากจนไปต่อไม่ไหว’ หรือ ‘ฉันคงไม่กลับไปอีกเป็นครั้งที่สองแน่’

ปัจจุบันบ้านพักร้างแห่งนี้ค่อนข้างพุพัง บันไดที่ขึ้นไปชั้นสองไม่มีราวจับที่มั่นคง ซึ่งค่อนข้างอันตรายมาก ส่วนภายในบ้านก็เต็มไปด้วยกราฟฟิตี้ตามฝาผนัง รวมถึงยังเป็นสวรรค์ของเหล่าแมลงวันและแมงมุมอีกด้วย

พิกัด

10.โรงแรมคัตสึเกียว (Hotel Katsugyo / ホテル活魚) จ. ชิบะ

12 เรื่องเล่าสถานที่หลอนในญี่ปุ่น

ที่มารูปภาพ : https://ruins-nurenezumi.hatenablog.com/entry/2022/05/10/203750, https://news.livedoor.com/article/detail/29547375/

ระดับความน่ากลัว : : ★★★★★

การเข้าถึง : ห้ามเข้า เนื่องจากเป็นสถานที่ส่วนบุคคล

เรื่องเล่า

สถานที่แห่งนี้รู้จักกันในชื่อ ‘โรงแรมคัตสึเกียว’ ในอดีตเคยเป็นโรงแรมที่มีชื่อว่า ‘โรงแรมยูอิแกรนด์’ ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นอาคารร้างที่มีต้นไม้ขึ้นหนาจนเกือบมองไม่เห็นตัวอาคารแล้ว

ย้อนกลับไปในสมัยที่สถานที่แห่งนี้ยังเปิดให้บริการโรงแรมอยู่ มีคู่รักคู่หนึ่งทะเลาะกันอย่างรุนแรงและแทงกันจนเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังมีชายคนหนึ่งฆ่าตัวตายด้วยการเผาตัวเองในห้องพัก ต่อมาหลังจากโรงแรมประสบปัญหาทางการเงินจึงได้เปิดร้านอาหารทะเลสด แต่ก็ไปไม่รอดจึงได้กลับมาทำธุรกิจโรงแรมอีกครั้ง และท้ายที่สุดแล้วโรงแรมแห่งนี้ก็ต้องปิดตัวลงอีกครั้ง นับตั้งแต่นั้นมาอาคารแห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้างจนถึงปัจจุบัน

12 เรื่องเล่าสถานที่หลอนในญี่ปุ่นต่อมาได้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นอีกครั้งในปี 2004 เป็นคดีฆาตกรรมนักเรียนหญิงมัธยมปลายที่ถูกกลุ่มชายห้าคนทำร้ายร่างกาย ปล้นทรัพย์ และลักพาตัวเธอมายังโรงแรมร้างแห่งนี้ ตามข้อมูลเธอถูกรัดคอด้วยสายไฟจนเสียชีวิตและนำศพไปทิ้งในตู้เย็นภายในโรงแรม โดยผู้ต้องหาที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุนี้คือ กลุ่มอันธพาลท้องถิ่นที่มีอายุราวๆ 18-21 ปี โดยพวกเขาอธิบายว่า เดิมทีตั้งใจจะปล้นทรัพย์ แต่เมื่อพบว่าเหยื่อเป็นน้องสาวของเพื่อนร่วมชั้นในกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งเธอก็เห็นหน้าพวกเขาแล้วจึงตัดสินใจฆ่าเธอ แม้ว่าผู้ก่อเหตุจะถูกจับกุมแล้วก็ตาม แต่ความแค้นของหญิงสาวยังไม่จางหายไป และมีเรื่องเล่าว่าเธอยังคงหลอกหลอนอยู่ในโรงแรมแห่งนี้

พิกัด

11.สะพานยากิยามะ (Yagiyama Bridge) จ. มิยากิ

12 เรื่องเล่าสถานที่หลอนในญี่ปุ่น

ที่มารูปภาพ: https://photo-sendai.com/search/photodata/view/25-13, https://ghostmap.jp/spotdetail.php?spotcd=12

ระดับความน่ากลัว : : ★★★★☆

การเข้าถึง : สัญจรได้ตามปกติ

เรื่องเล่า

สะพานยากิยามะ (Yagiyama Bridge) เป็นจุดฆ่าตัวตายอันโด่งดัง เพราะด้านล่างของสะพานเป็นหุบเขาสูงชัน สะพานแห่งนี้เคยเป็นสะพานแขวนมาก่อนและมีคนมากระโดดฆ่าตัวตายจำนวนมากโดยเฉพาะในช่วงยุคโชวะ (ปี 1937-1938)

ต่อมาในปี 1965 ทางการได้บูรณะสะพานใหม่และติดตั้งราวกันตกสูง 1.2 เมตร เพื่อป้องกันการฆ่าตัวตาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถหยุดยั้งการฆ่าตัวตายได้ ปัจจุบันสะพานยากิยามะถูกติดตั้งด้วยรั้วเหล็กดัดสูงถึง 2 เมตร อย่างไรก็ตาม แม้รั้วจะถูกติดตั้งมาอย่างดีแต่ก็ยังมีผู้คนมาฆ่าตัวตายที่นี่อยู่เรื่อยๆ

สำหรับคนในพื้นที่มักจะเลี่ยงสัญจรสะพานแห่งนี้ในช่วงเวลากลางคืน เพราะมีคนเล่าว่าเคยเห็นมือจำนวนมากเกาะอยู่ที่รั้ว รวมถึงยังเคยเจอผีวิ่งไล่ตามอีกด้วย

พิกัด

 12.สวนสาธารณะโมริ โนะ ชิซูกุ (MORI NO SHIZUKU Park) จ. อิวาเตะ

12 เรื่องเล่าสถานที่หลอนในญี่ปุ่น

ที่มา: https://ghostmap.jp/spotdetail.php?spotcd=5, https://www2.nhk.or.jp/archives/movies/?id=D0009030104_00000

ระดับความน่ากลัว : : ★★★★☆

การเข้าถึง : เข้าได้

เรื่องเล่า

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ปี 1971 เครื่องบินโบอิ้ง 727 ของสายการบิน All Nippon Airways (ANA) และเครื่องบินรบของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศญี่ปุ่นพุ่งชนกันกลางอากาศ ส่งผลให้เครื่องบินทั้งสองลำแตกกระจายลงมาที่ป่าอนุสรณ์ เมืองชิซูกุอิชิ (慰霊の森) ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือรวม 162 คน เสียชีวิตทั้งหมด พยานที่พบเห็นเหตุการณ์ในตอนนั้นเล่าว่า “ผู้คนร่วงหล่นลงมาจากฟ้าราวกับฝนตก”

ในปี 1975 เมืองชิซูกุอิชิได้สร้างพื้นที่รำลึกถึงผู้เสียชีวิตด้วยการสร้างป้ายอนุสรณ์ที่จารึกชื่อของผู้เสียชีวิต และถัดไปด้านหลังก็เป็นโถงอนุสรณ์สถานสีขาว 

ต่อมาในปี 2019 ทางการได้จัดพิธีรำลึกวันครบรอบ 48 ปี หลังจากเกิดเหตุการณ์ โดยมีการปรับปรุงพื้นที่และอนุสรณ์สถาน รวมถึงเปลี่ยนชื่อสถานที่แห่งนี้ใหม่เป็น ‘สวนสาธารณะโมริ โนะ ชิซูกุ’

เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในอุบัติเหตุอันน่าเศร้านี้ สถานที่แห่งนี้จึงไม่ใช่สถานที่สำหรับการเยี่ยมชมเพื่อความสนุกสนาน อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าเคยมีคนพบเห็นผีผู้ชายปรากฏขึ้นที่บริเวณนี้อีกด้วย

พิกัด

ที่มา 

https://ghostmap.jp/

อ่านบทความน่าสนใจจาก fromJapan

 

Back To Top


แท็กยอดนิยม


แชร์บทความนี้

Klook.com

Top 5 Articles




อัปเดตเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุก ๆ
เพิ่มเติมได้ที่เพจ fromJapan !


Copyright © 2025 fromJapan.com All Rights Reserved.