จงระวังพวกมันให้ดี! ทำความรู้จักกับ ‘ปีศาจแมวญี่ปุ่น’ จากตำนานเมืองแห่งแดนอาทิตย์อุทัย
ธ.ค. 01, 2023
จงระวังพวกมันให้ดี! ทำความรู้จักกับ “ปีศาจแมวญี่ปุ่น” จากตำนานเมืองแห่งแดนอาทิตย์อุทัย
จากบทความในครั้งก่อนที่เราพูดถึงประวัติศาสตร์แมวในประเทศญี่ปุ่น เพื่อนๆคงจะได้รู้จักที่มาที่ไปของแมวบนเกาะญี่ปุ่นและเรื่องราวการนับถือแมวเป็นดั่งเทพเจ้าของชาวญี่ปุ่นกันแล้ว
ในครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆมารู้จักกับอีกด้านหนึ่งของความเชื่อเรื่องแมว นั่นก็คือ ปีศาจแมวญี่ปุ่น
เหล่าแมวเหมียวสุดอันตรายและชวนให้ขนลุกขนพองที่คอยหลอกหลอนชาวญี่ปุ่นโบราณมานานแสนนาน
ทุกคนคงสงสัยแล้วใช่ไหมล่ะคะว่าถ้าเจ้าแมวสี่ขาขนฟูที่มีนิสัยเหมือนอยากจะครองโลกกลายเป็นปีศาจ มันจะเป็นยังไง? 🧐
ก่อนจะเข้าเรื่อง ทุกคนคงทราบกันดีว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยเรื่องราวแปลกประหลาดมากมาย ซึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อทางศาสนา โดยเฉพาะศาสนาเก่าแก่ของญี่ปุ่นอย่างชินโต
ศาสนาชินโตที่มีคอนเซ็ปต์การเคารพต่อธรรมชาติ นั่นทำให้ญี่ปุ่นมีเทพเจ้าและปีศาจเกิดขึ้นตามมามากมาย โดยเฉพาะเรื่องราวของปีศาจที่มีมากมายหลายชนิดจนรวบรวมได้เป็นตำราเล่มหนาๆเลยค่ะ
แล้วพวกปีศาจนั่นก็ใช่ว่าจะเป็นปีศาจแปลกหน้าแปลกตาผุดออกจากอีกมิติ แต่โดยส่วนมากแล้วปีศาจของญี่ปุ่นก็มักจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งของที่อยู่รอบตัวในชีวิตประวันของเรานั่นเองค่ะ
วันนี้ fromJapan ขอพาทุกคนไปรู้จัก ปีศาจแมว (Kaibyo, 怪猫) หนึ่งในปีศาจที่อยู่ร่วมในสังคมมนุษย์ได้อย่างกลมกลืนยิ่งกว่าปีศาจชนิดอื่นๆ
โดยคำว่าปีศาจแมวมีที่มาจากคำว่า โยไค (妖怪) ที่แปลว่าปีศาจ และ เนโกะ (猫) ที่แปลว่าแมว พอรวมกันจึงกลายเป็นชื่อเรียกของแมวที่มีความผิดแปลกไปจากปกติ หรือเแมวที่มีความสามารถเหนือธรรมชาติในปกรณัมของญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดี ปีศาจแมวในญี่ปุ่นนั้นมีหลายชนิดค่ะ แต่วันนี้เราจะยกเอา 2 ประเภทใหญ่ๆที่พบเจอบ่อยและเรียกได้ว่ามีเรื่องเล่ามากมายมาให้ทุกคนได้รู้จักกันค่ะ 🥰
หากพร้อมกันแล้วก็ไปชมกันเลย!
🐱😈🐱😈🐱😈
แมวผีบาเกเนโกะ (Bakeneko, 化け猫) นักสวมรอยแห่งยุคโบราณ👻
ถ้าพูดถึงปีศาจที่ชอบแปลงกายเป็นมนุษย์ หลายๆคนคงนึกถึงปีศาจจิ้งจอก แต่เราอยากให้เพื่อนๆได้รู้จักกับปีศาจอีกชนิดที่ทำตัวเนียนเป็นมนุษย์ได้เก่งพอๆกันค่ะ 🤣
เจ้าตัวนี้คือ “บาเกเนโกะ” ปีศาจแมวที่มีต้นกำเนิดมาจากแมวบ้านธรรมดาๆหรือแมวจรที่อาศัยอยู่ในแหล่งชุมชน
โดยคนญี่ปุ่นเชื่อว่าเมื่อแมวเหล่านี้มีอายุมากขึ้น พวกแมวก็จะได้รับพลังเหนือธรรมชาติและเริ่มเดินสองขาเหมือนนุษย์ แล้วต่อมาก็จะสามารถขยายขนาดตัวให้ใหญ่ขึ้นเท่ากับมนุษย์โตเต็มวัยและกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ในที่สุด
สำหรับอุปนิสัยของบาเกเนโกะนั้น พวกมันมักจะชอบเปลี่ยนร่างไปมาระหว่างรูปลักษณ์ของแมวธรรมดาและรูปร่างของมนุษย์ ตามแต่ว่ามันจะสะดวกแบบไหน🤣
แต่ที่พีคสุดๆคือพวกมันจะชอบแปลงร่างเป็นเจ้าของบ้านที่มันอาศัยอยู่ด้วย แถมยังชอบเรียนภาษามนุษย์และแต่งตัวแบบมนุษย์ เรียกได้ว่าเลียนแบบมนุษย์ได้เก่งมาก
นอกจากนี้ บาเกเนโกะยังชอบการเต้นรำและใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย ดังนั้นแม้ว่าจะกลายร่างเป็นปีศาจไปแล้ว พวกมันก็ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านเดิมหรืออยู่ในละแวกเมืองเสมอๆ
สำหรับเรื่องอาหารการกิน บาเกเนโกะเป็นพวกที่กินได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นอาหารคนหรืออาหารแมว เรียกว่าอยู่ง่ายกินง่ายสุดๆ
มาถึงจุดนี้เพื่อนๆคงคิดว่าเจ้าปีศาจแมวบาเกเนโกะนี่คงไม่มีพิษมีภัยหรอกมั๊ง แต่ผิดค่ะ!
เรื่องน่ากลัวและอันตรายอันดับแรกจากบาเกเนโกะคือ พวกมันมีแนวโน้มว่าอาจจะกินเจ้าของและสวมรอยเป็นเจ้าของแทนนั่นเอง 😱
และถึงน้องบาเกเนโกะจะไม่กินเราเข้าไป แต่มันก็สามารถดลบันดาลโชคร้ายหรือคำสาปต่างๆมาสู่ผู้เป็นเจ้าของได้ถ้าเกิดมันไม่พอใจเราขึ้นมา (เลี้ยงไม่เชื่องซะแล้ว!)
ที่แย่ไปกว่านั้นคือบาเกเนโกะบางตนมีพลังมากขนาดที่สามารถเรียก ลูกไฟวิญญาณ ออกมาได้ 🔥
โดยเจ้าลูกไฟวิญญาณพวกนี้แหละที่เขาว่ากันว่าเป็นฉนวนของการเกิดไฟไหม้บ้านในสมัยโบราณของญี่ปุ่น
บาเกเนโกะบางตน (หรือส่วนใหญ่) เมื่อเรียกลูกไฟวิญญาณออกมาแล้วลูกไฟจะติดอยู่ที่ปลายหางของมัน ทำให้เมื่อมันเล่นซุกซนไปทั่วตามประสาแมว หางที่มีลูกไฟวิญญาณอยู่ก็ลามติดไฟไปทั่วบ้านจนในที่สุดก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
อ่านถึงตรงนี้ เราว่าหลายๆคนต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วล่ะ เจ้าตัวนี้มันอันตรายชะมัด!
ยังไม่จบค่ะ นอกจากบาเกเนโกะจะสร้างเรื่องให้กับคนในบ้านแล้ว ยังมีตำนานการพบเจอพวกมันในสถานที่อื่นๆจากสมัยเอโดะด้วย
เล่ากันว่าในยุคนั้นปีศาจบาเกเนโกะมักจะจำแลงกายเป็นหญิงสาวสวยและทำอาชีพขายบริการในย่านโคมแดง
ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้ใช้บริการหลายรายที่บอกว่าตนเองเห็นเงาของหญิงสาวมีรูปร่างเป็นเงาของแมว หรือที่หนักที่สุดคือเมื่อร่วมหลับนอนกันแล้วพวกเขากลับตื่นมาพบว่า หญิงสาวที่เคยมีใบหน้าสวยงามกลับมีหน้าเป็นแมวและกำลังกินซากสัตว์อยู่ 😱
อย่างไรก็ตาม แม้บาเกเนโกะจะเป็นแมวปีศาจที่ดูอันตราย แต่พวกมันก็ยังไม่อันตรายเท่าแมวปีศาจอีกหนึ่งชนิดที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งเราจะพูดถึงกันในหัวข้อต่อไปค่ะ
เนโกะมาตะ (Nekomata, 猫又) ปีศาจนักล่าที่ไม่ควรเผชิญหน้าด้วย 👿
“เนโกะมาตะ” เป็นปีศาจแมวที่มีจุดเด่นตรงหางของมันที่มีถึง 2 หาง โดยเรื่องราวของเจ้าปีศาจตนนี้มักจะปรากฏอยู่ในนิทานปรัมปรา ปกรณัมท้องถิ่น และเรื่องเล่าสยองขวัญของประเทศญี่ปุ่น
ส่วนเหตุที่มันมีชื่อเสียงกระฉ่อนเมืองนั้นก็มาจากความโหดเหี้ยมของมันค่ะ เทียบกันแล้วหากเราพูดถึงบาเกเนโกะว่ามัน ‘อาจ’ สวมรอยเป็นเจ้าของหรือจับเจ้าของกินได้ แต่บาเกเนโกะก็ไม่ได้ชอบการกินมนุษย์หรือมุ่งร้ายต่อมนุษย์สักเท่าไหร่ค่ะ ซึ่งข้อนี้นี่เองที่ทำให้มันต่างจากเจ้าเนโกะมาตะอย่างสิ้นเชิง
นั่นก็เพราะว่าเนโกะมาตะเป็นปีศาจแมวที่ประสงค์ร้ายต่อมนุษย์ โดยเฉพาะกับเจ้าของของมันเอง 😱
เนโกะมาตะมีฤทธิ์เดชเหมือนกับบาเกเนโกะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการเรียกลูกไฟวิญญาณ ความสามารถในการจำแลงกายเป็นมนุษย์ รวมถึงความสามารถในการเรียนรู้ภาษาต่างๆ
ที่แตกต่างออกมามีเพียงเมื่อพวกมันกลายร่างเป็นปีศาจเนโกะมาตะเต็มตัวแล้ว มันจะมีหางงอกออกมาถึง 2 หาง ในขณะที่บาเกเนโกะที่มีเพียง 1 หาง
ความแตกต่างอีกอย่างหนึ่งก็คือเนโกะมาตะเป็นปีศาจแมวที่มุ่งร้ายต่อเจ้าของอย่างแท้จริง ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่มันกลายร่างเป็นปีศาจเต็มตัว พวกมันจะหาทางทำร้ายหรือจู่โจมมนุษย์ทันที
โดยวิธีทั่วไปที่มันใช้จัดการเราก็อาจเป็นการจับกินแล้วสวมรอยแทน หรือโหดขึ้นมาหน่อยก็คือการใช้เวทมนตร์บังคับให้เจ้าของกลายเป็นทาส (หรือนี่จะเป็นต้นกำเนิดของคำว่า ‘ทาสแมว’…)
รวมไปถึงการปลุกศพขึ้นมาใช้เป็นหุ่นเชิดเพื่อรังควานคนที่มันเล็งเอาไว้ จนคนผู้นั้นเสียสติหรือมีอันเป็นไปในที่สุด 😱
นอกจากเนโกะมาตะจะพยายามทำร้ายเจ้าของแล้ว พวกมันยังชอบรังควานและสวบคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ไปทั่วด้วยค่ะ เรียกได้ว่าพวกมันสนุกสนานกับการได้ทำร้ายมนุษย์และจับมนุษย์มาเป็นทาส
แต่อย่างไรก็ดี ว่ากันว่าเนโกะมาตะที่อยู่ในเมืองหรือเป็นแมวบ้านมาก่อนก็ยังไม่ร้ายเท่าพวกที่อาศัยอยู่ตามหุบเขาหรือป่าลึก
คนญี่ปุ่นโบราณเชื่อว่าพวกแมวป่าที่กลายร่างเป็นเนโกะมาตะมักจะมีนิสัยดุร้ายคูณสิบ! เหมือนกับพวกเสือดาวหรือสิงโตที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ โดยพวกมันจะตัวใหญ่มากกว่าเนโกะมาตะตามบ้านคน นั่นทำให้อาหารการกินของพวกมันมักจะเป็นสัตว์ใหญ่ตามไปด้วย
แน่นอนว่ามนุษย์ที่หลงป่าไปเจอกับมันเข้าก็ต้องกลายเป็นอาหารให้มันอย่างเลี่ยงไม่ได้ 😭
สำหรับเรื่องเล่าที่โด่งดังของปีศาจเนโกะมาตะก็คือเรื่องของเจ้าชายและเกอิชาสาวงาม
เรื่องมีอยู่ว่า ปีศาจเนโกะมาตะตนหนึ่งได้สวมรอยเป็นเกอิชาคนโปรดของเจ้าชาย (หลังจากสวบหญิงสาวคนนั้นและนำศพไปฝัง)
เจ้าชายนัดพบกับเกอิชาสาวยามค่ำคืนตามปกติ แต่เมื่อผ่านไปนานๆเข้า เขากลับรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายตัวเองที่เริ่มอ่อนแอลงอย่างหาสาเหตุไม่ได้ เจ้าชายจึงได้ให้เหล่าทหารมาคอยดูแลเขาอย่างใกล้ชิด
ต่อมานายทหารคนหนึ่งรู้สึกสงสัยในตัวเกอิชาจึงแอบตามดูพฤติกรรมของนาง จนเขาพบว่าเกอิชาสาวคือปีศาจแมวเนโกะมาตะที่แอบดูดเลือดของเจ้าชายยามหลับ!
ทหารนายนั้นได้พยายามเข้าไปต่อสู้กับปีศาจแมวแต่มันก็วิ่งหนีหายไป เมื่อเจ้าชายฟื้นขึ้นมาจึงได้ตามไปสืบเรื่องของเกอิชาจนเจอกับศพของเกอิชาตัวจริงที่ถูกฝังอยู่
เจ้าชายโกรธแค้นมากจึงสั่งให้นายทหารคนนั้นตามหาและสังหารปีศาจแมวตนนั้นซะ และเรื่องราวก็จบลงที่ตรงนี้…
เป็นยังไงกันบ้างคะ ทุกคนเริ่มระแวงแมวที่บ้านหรือยัง 555555
แต่ก่อนจะจากกันไปในวันนี้ เรามีวิธีเช็คว่าแมวแบบไหนมีโอกาสกลายเป็นปีศาจมาฝากกันค่ะ 🧐
อันดับแรกเลยก็ต้องดูที่อายุของน้องเหมียว โดยปกติแล้วแมวที่มีอายุมากกว่า 13 ปีขึ้นไปถือว่ามีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นปีศาจในอนาคต
หรือจะเป็นแมวที่มีขนาดใหญ่เกินมาตรฐานแมวทั่วไปและมีการเติบโตอย่างรวดเร็วจนผิดปกติ
แต่ข้อนี้คงจะต้องเช็คให้ดีสักหน่อยนะคะว่าแมวเรากำลังจะกลายเป็นปีศาจหรือแค่กินเยอะกันแน่.. 555555
มาถึงข้อสุดท้ายที่ชาวญี่ปุ่นฟันธงว่านี่แหละคือสัญญาณเตือนของการกลายร่าง นั่นก็คือแมวที่มีหางยาวค่ะ 🐈
เรียกได้ว่ายิ่งยาวยิ่งอายุมากก็ยิ่งฉลาดมาก และอาจกลายเป็นแมวผีในอนาคต บรื๋อ!
ดังนั้น แมวใครเข้าข้อไหนบ้างก็จับตาดูกันให้ดีๆนะคะ เดี๋ยวจะโดนสวบโดยไม่รู้ตัว 🤣
ที่มา (Ref.) :
🐱😈🐱😈🐱😈
สำหรับวันนี้เราก็ต้องขอลากันไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในครั้งหน้าค่ะ 🫡
แต่ถ้าใครยังอยากอ่านบทความดีๆมีสาระ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน ช็อป เที่ยว หรือเรื่องวัฒนธรรมสุดยูนีคของญี่ปุ่นก็สามารถอ่านได้ในเว็บไซต์ fromJapan หรือคลิกที่บทความด้านล่างได้เลยค่ะ 👇🏻
อ่านบทความสนุกๆจาก fromJapan
- เทพเจ้าเหมียวกับ ‘ประวัติศาสตร์แมวในญี่ปุ่น’
- ไขข้อข้องใจ : ทำไม ‘เสาโทริอิ’ จึงเป็นสีแดง?
- ขอพรกับ ‘ดารุมะ’ ตุ๊กตาแห่งความโชคดีของชาวญี่ปุ่น
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ