fbpx

จัดอันดับ 5 รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ที่มีอายุการวางขายสั้นที่สุด

ส.ค. 15, 2025

  • Clip

จัดอันดับ 5 รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ที่มีอายุการวางขายสั้นที่สุด!

ช่วงหลังมานี้ เราจะเห็นว่ารถยนต์รุ่นใหม่ๆ มักจะใช้เวลานานถึง 6–7 ปี กว่าจะเปลี่ยนโฉมใหม่สักที ทั้งที่เมื่อก่อนแค่ 4 ปีก็ถือว่านานแล้ว แต่ทุกคนเชื่อไหมว่า ยังมีรถบางรุ่นที่อายุการวางขายสั้นสุดๆ แค่ปีเดียวก็หายวับจากตลาดไปเลย จนหลายคนต้องตกใจว่า “หายไปแล้วเหรอ!?”

ในบทความนี้ เราจะพาไปดู 5 อันดับ “รถญี่ปุ่นที่มีอายุการวางขายสั้น” เรียกได้ว่ามาไวไปไวสุดๆ รับรองว่าสายรถ JDM ต้องมีร้องอ้าวกันบ้าง!

อันดับ 5 : Autozam Clef – วางขายเพียง 2 ปี 3 เดือน

  • ช่วงเวลาจำหน่าย : พฤษภาคม ปี 1992 – สิงหาคม ปี 1994
  • ยอดขายรวม : 5,258 คัน

Autozam Clef โดดเด่นด้วยหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะชุดไฟหน้าที่ดูคล้ายกับ Roadster Generation 2 และมีไฟเสริมฝังอยู่ระหว่างไฟหน้าดวงหลัก

Clef เป็นรถซีดานรุ่นท็อปของโชว์รูม Autozam ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ลูกของ Mazda ที่เกิดจากยุทธศาสตร์การขยายเครือข่ายช่องทางจำหน่ายหลายแบรนด์ในยุคนั้น

Autozam Clef ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ Mazda Cronos โดยมีการขยายตัวถังให้กว้างถึง 1,750 มม. ซึ่งในญี่ปุ่นขณะนั้นถือว่ากว้างมากแล้ว ส่วนการตกแต่งภายนอกและภายในจะเน้นให้หรูหราอย่างชัดเจน มีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้ง V6 ขนาด 2.0L และ 2.5L ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0L 4 สูบเรียง

อย่างไรก็ตาม ในยุคนั้นถือเป็นช่วงที่ Mazda กำลังสับสนในกลยุทธ์ เพราะนอกจากจะเปลี่ยนชื่อรุ่น Capella ให้กลายเป็น Cronos แล้ว ยังแยกขาย Cronos เดียวกันภายใต้แบรนด์ต่างๆ ถึง 5 ชื่อ ได้แก่

  • Autozam ขายภายใต้ชื่อรุ่น Clef
  • Mazda ขายภายใต้ชื่อรุ่น Cronos
  • ɛ̀fini (Anfini) ขายภายใต้ชื่อรุ่น MS-6 และ MS-8
  • Eunos ขายภายใต้ชื่อรุ่น Eunos 500
  • Autorama ขายภายใต้ชื่อรุ่น Ford Telstar

ความซับซ้อนนี้เรียกได้ว่าสร้างความสับสนให้ทั้งพนักงานขายและผู้บริโภคค่อนข้างมาก ประกอบกับช่วงนั้นยอดขายรถ Sedan กำลังลดลงทั่วทั้งตลาด ทำให้ Autozam Clef  ต้องยุติการผลิตภายในเวลาเพียง 2 ปี 3 เดือน โดยมียอดขายรวมเพียง 5,258 คันเท่านั้น

อันดับ 4 : Toyota Voltz – วางขายเพียง 1 ปี 8 เดือน

  • ช่วงเวลาจำหน่าย : เดือนสิงหาคม ปี 2002 – เดือนเมษายน ปี 2004
  • ยอดขายรวม : 9,012 คัน

Toyota ได้บทเรียนจากความล้มเหลวของการขาย Chevrolet Cavalier ในญี่ปุ่น จึงกลับมาจับมือกับ GM เพื่อพัฒนา Voltz ขึ้นมา โดยแบ่งหน้าที่ให้ Toyota เป็นผู้นำหลักด้านการออกแบบและประเมินผล ขณะที่การผลิตมอบให้โรงงาน NUMMI (New United Motor Manufacturing, Inc.) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมทุนระหว่างทั้งสองบริษัทและถือว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่มากในยุคนั้น โดย Toyota Voltz ถูกวางจำหน่ายผ่านโชว์รูม Netz ที่เน้นกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นโดยเฉพาะ

เครื่องยนต์หลักคือเบนซิน 1.8 ลิตร DOHC 4 สูบ กำลังสูงสุด 132 แรงม้า และยังมีรุ่นที่มีสมรรถนะสูงที่สามารถสร้างแรงม้าได้ถึง 190 แรงม้าให้เลือกด้วย โดยสามารถจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ หรือเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ (เฉพาะรุ่น 190 แรงม้า)

แม้ฟีลลิ่งการขับขี่จะอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้โดดเด่นมาก แต่จุดแข็งของ Toyota Voltz คือความกว้างขวางของห้องโดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงพื้นที่เก็บสัมภาระที่จุได้เยอะตามสไตล์รถสายอเมริกัน บวกกับความสูงใต้ท้องรถแบบ SUV ทำให้การใช้งานจริงสะดวกทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม Toyota Voltz กลับไม่สามารถชนะใจคนญี่ปุ่นได้มากนัก ด้วยยอดขายรวมแค่ 9,012 คัน ในเวลาเกือบ 2 ปี อาจเป็นเพราะดีไซน์ที่แปลกแหวกแนวเกินไปในสายตาคนญี่ปุ่นยุคนั้นหรืออาจเป็นเพราะว่าตลาดยังไม่เข้าใจแนวคิดของ “Crossover SUV” ที่ผสมหลายสไตล์เข้าด้วยกัน ทำให้ Toyota Voltz ต้องยุติสายการผลิตไปอย่างน่าเสียดายในที่สุด

อันดับ 3 : Subaru Impreza Retna – วางขายเพียง 1 ปี 6 เดือน

  • ช่วงเวลาจำหน่าย : เดือนพฤศจิกายน ปี 1992 – เดือนพฤษภาคม ปี 1994
  • ยอดขายรวม : ไม่แน่ชัด

Subaru Impreza Retna คือ รถคูเป้ที่ดูแล้วค่อนข้างขาดความสมดุลในด้านดีไซน์ และไม่ได้ให้ความรู้สึกปราดเปรียวเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับรุ่น 4 ประตูหรือ Wagon ที่ใช้งานได้หลากหลายกว่าแล้ว ยิ่งรู้สึกด้อยลงไปอีก ส่งผลให้ยอดขายไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง

Subaru เปิดตัวรถรุ่น Retna ในเดือนมกราคม ปี 1995 ซึ่งเป็นเวอร์ชัน 2 ประตูของ Impreza ที่เดิมทีทำตลาดเฉพาะในอเมริกาเหนือ สาเหตุที่นำเข้ามาขายในญี่ปุ่นก็เพราะช่วงนั้นรถคูเป้ขนาดเล็กอย่าง Nissan Lucino Coupe หรือ Toyota Cynos กำลังขายดีในหมู่คนรุ่นใหม่ และโฆษณาที่ใช้สโลแกน “รถสำหรับผู้ใหญ่ – Retna” ก็สะท้อนเจตนานั้นอย่างชัดเจน

สำหรับรถรุ่น Retna นั้นไม่ได้มีการออกแบบตัวเครื่องมาให้แรงเหมือนกับรุ่น WRX ที่ติดตั้งเทอร์โบและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่จะใช้เป็นเครื่องยนต์แบบธรรมดาอย่าง 1.5L SOHC (FF) และ 1.6L SOHC (AWD) เท่านั้น แม้จะตั้งใจให้เป็นรุ่นต่อยอดจาก Sedan และ Wagon แต่ในตลาดจริงรถรุ่น Retna กลับไปไม่รอด ทำให้ต้องยุติการขายภายในเวลาเพียง 1 ปี 6 เดือน

อย่างไรก็ตาม ถึงตัวรถรุ่น Retna เองจะขายไม่ดี แต่เมื่อถูกนำไปพัฒนาเป็นรุ่น 2 ประตูของ Impreza WRX STI กลับกลายเป็นรถที่หล่อเท่แบบคนละเรื่องจนหลายคนยังจำได้ไม่ลืม

อันดับ 2 : Nissan March BOX – วางขายเพียง 1 ปี 5 เดือน

  • ช่วงเวลาจำหน่าย : เดือนมีนาคม ปี 2002 – เดือนสิงหาคม ปี 2003
  • ยอดขายรวม : ประมาณ 8,000 คัน

Nissan March BOX คือรถ Station Wagon ที่พัฒนาจาก March 5 ประตู (โฉมที่ 2) โดยไม่ได้เปลี่ยนระยะฐานล้อ แต่เพิ่มความยาวส่วนท้ายเข้าไป 260 มม. ที่เน้นพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่กว้างขวางและมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าแบบครอบครัวและคนที่ชอบทำกิจกรรมหรือไลฟ์สไตล์อื่นๆ

ในด้านฟังก์ชัน รถรุ่น March BOX เรียกได้ว่าสามารถจุสิ่งของได้จัดเต็ม แม้จะเป็นรถทรง Wagon ที่มีลำตัวรถสั้น แต่ก็มีการออกแบบมือจับแบบดึงของฝากระโปรงหลังและเบาะหลังแบบพับแยก 60:40 ที่สามารถพับได้ด้วยมือเดียวได้อย่างดี เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายอย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะใช้ระยะฐานล้อเดียวกับรถรุ่นปกติ แต่ก็ได้มีการขยายความยาวด้านท้ายเพิ่มเป็น 3,980 มม. และเพิ่มความสูงของตัวรถอีก 25 มม. ที่ดีไซน์มาจากรถรุ่น March (รุ่น K11) ทำให้ห้องโดยสารมีพื้นที่เหนือศีรษะกว้างขวางและรู้สึกโปร่งโล่งมากขึ้น

แต่ในด้านยอดขาย March BOX กลับไม่ค่อยประสบความสำเร็จเหมือนซีรีส์รถแนวแฟชั่นของ Nissan อย่าง Be-1, Pao หรือ Figaro ได้ โดยทำยอดขายไปได้เพียง 8,000 คันเท่านั้น และในที่สุดก็ต้องยุติการผลิตภายในเวลาเพียง 1 ปี 5 เดือน

อันดับ 1 : Mitsubishi Proudia / Dignity – วางขายเพียง 1 ปี 1 เดือน

  • ช่วงเวลาจำหน่าย : เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2000 – เดือนมีนาคม ปี 2001
  • ยอดขายรวม : Proudia จำนวน 1,228 คัน / Dignity จำนวน 59 คัน

Mitsubishi Proudia เป็นรถซีดานหรูขนาดใหญ่ที่ออกมาชนกับ Toyota Celsior และ Nissan Cima โดยตรง ซึ่งออกแบบมาพร้อมขุมพลัง GDI ที่ Mitsubishi ผลักดันในยุคนั้น มีทั้งแบบเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.5L และเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.5L ให้เลือก แต่ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหน้าที่ไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบในรถหรู ทำให้เสียงตอบรับไม่ดีเท่าที่ควร

ด้วยเหตุผลดังกล่าว Mitsubishi Proudia และ Dignity จึงกลายเป็นหนึ่งใน “รถอายุสั้น” ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรถญี่ปุ่น ด้วยอายุการวางขายเพียงแค่ 1 ปีเศษๆเท่านั้น โดยตัวรถเป็นผลงานร่วมกันระหว่าง Mitsubishi และ Hyundai จากเกาหลีใต้ ถึงจะมีดีไซน์ที่หรูหราและสเปคแรง แต่ก็ไม่สามารถฝ่าด่านตลาดรถหรูในญี่ปุ่นไปได้ จนต้องยุติการผลิตไปอย่างรวดเร็ว

จากพื้นฐานของ Proudia ทางค่าย Mitsubishi ได้เพิ่มความหรูไปอีกขั้น ด้วยการยืดระยะฐานล้อออกไปอีก 250 มม. กลายเป็นเวอร์ชันลิมูซีนที่มีชื่อว่า Dignity ซึ่งคู่แข่งโดยตรงของรถรุ่นนี้คือ Toyota Century และ Nissan President ซึ่งเป็นรถสำหรับผู้บริหารระดับสูงโดยเฉพาะ แต่ถึงอย่างนั้นความหรูของ Dignity ยังไปไม่รอด

สำหรับรถรุ่น Dignity แล้วแทบจะมีความต้องการใช้งานแค่ในฐานะ “รถรับ-ส่งผู้บริหาร” ของกลุ่มบริษัท Mitsubishi  เท่านั้น ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FF) ทำให้ทั้ง Proudia และ Dignity มีพื้นที่เบาะหลังที่กว้างขวางเพียงพอ แต่ในทางกลับกัน ในฐานะรถหรูแล้ว การควบคุมและฟีลลิ่งการขับกลับไม่ได้รับผลตอบรับดีเท่าที่ควร

ดีไซน์ภายนอกของรถรุ่น Dignity ให้อารมณ์ที่หรูหราและสง่างาม มีความหนักแน่นด้วยกระจังหน้าและเสากลางแบบจัดเต็มสมกับเป็นรถลิมูซีน แต่กลับขายได้เพียง 59 คันเท่านั้น ตลอดช่วงระยะเวลาที่วางจำหน่าย

แต่สิ่งที่เจ็บจี๊ดยิ่งกว่าคือ รุ่นพี่ร่วมสายเลือดอย่าง Hyundai Equus ซึ่งพัฒนาร่วมกัน กลับทำยอดขายดีในเกาหลีใต้และอยู่ในตลาดได้ถึง 10 ปี ตัดภาพกลับมาที่ญี่ปุ่น Mitsubishi Dignity นั้นกลับลาวงการไปแบบเงียบๆหลังเปิดตัวได้ไม่นาน

จากผลการจัดอันดับ 5 รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ที่มีอายุการวางขายสั้นที่สุด รถยนต์หลายคันที่ดูเหมือนว่าจะเปิดตัวไม่ได้จังหวะอย่าง Toyota Voltz รถสไตล์ Crossover SUV ที่เหมือนจะพยายามเปิดตลาดใหม่ แต่ก็ไปไม่รอดเพราะว่าผู้บริโภคไม่อินกันดีไซน์ หรืออย่าง Subaru Impreza Retna ที่ออกมาขายในตลาดที่มีคู่เทียบตัวเองในค่ายเดียวกัน ซึ่งมีเครื่องยนต์และรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดมากกว่า และอย่างอันดับสุดท้าย Autozam Clef ที่ค่ายหลักตัดสินใจทำการตลาดที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนจึงทำให้รถจบไม่ค่อยสวย โดยบทเรียนของรถยนต์ญี่ปุ่นเหล่านี้ยังคงเป็นอุทาหรณ์ไม่มากก็น้อยนั่นเอง

ที่มา

https://bestcarweb.jp/feature/column/1286231

อ่านบทความอื่นๆ

 

Back To Top


แท็กยอดนิยม


แชร์บทความนี้

Klook.com

Top 5 Articles




อัปเดตเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุก ๆ
เพิ่มเติมได้ที่เพจ fromJapan !


Copyright © 2025 fromJapan.com All Rights Reserved.