TOYOTA เผยโฉม Land Cruiser FJ รุ่นใหม่ เตรียมลุ้นขายในไทย!
ต.ค. 24, 2025
TOYOTA เผยโฉม “Land Cruiser FJ” รุ่นใหม่ ลุ้นขายในไทย!

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา TOYOTA Motor ประเทศญี่ปุ่นได้เผยโฉมรถยนต์ Land Cruiser FJ รุ่นใหม่เป็นครั้งแรกให้โลกได้ชม! โดยรุ่นนี้จะเป็น Global Model ที่มีกำหนดวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นช่วงกลางปี 2026
สำหรับรถยนต์ในตระกูล Land Cruiser เริ่มต้นจากรุ่น TOYOTA BJ ในปี 1951 และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นรถที่ได้รับการกล่าวขานว่า “เดินทางไปได้ทุกที่และกลับมาได้อย่างปลอดภัย” และด้วยความเชื่อถือมั่นใจ ความทนทาน และสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยม ทำให้ในปัจจุบัน Land Cruiser (รวมถึง Lexus LX และ GX) ได้จำหน่ายไปแล้วมากกว่า 12.15 ล้านคันในกว่า 190 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ถือว่าเป็นรถที่ช่วยสนับสนุนชีวิตและการเดินทางของผู้คน และเป็นหนึ่งในรถรุ่นที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและคุณภาพของแบรนด์ TOYOTA ได้เป็นอย่างดี
ในปัจจุบัน Land Cruiser มีอยู่ 3 ซีรีส์หลัก ได้แก่
- “300 Series” รุ่นอันแสนภาคภูมิใจที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องในฐานะรถ Station Wagon
- “70 Series” รุ่น Heavy Duty ที่เน้นความทนทานและง่ายต่อการบำรุงรักษา
- “250 Series” รุ่นใหม่ที่เปิดตัวในปี 2024 ด้วยคอนเซปต์ที่ต้องการย้อนกลับสู่จุดเริ่มต้นของแบรนด์ โดยมุ่งเน้นความเรียบง่าย แข็งแกร่ง และตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น
และ Land Cruiser FJ ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้ถูกเพิ่มเข้ามาในไลน์อัปนี้เป็นคันที่ 4 โดยยังคงจุดแข็งของตระกูล Land Cruiser ได้แก่ ความเชื่อถือมั่นใจ ความทนทาน และสมรรถนะออฟโรดที่ยอดเยี่ยม พร้อมเพิ่มคุณค่าใหม่อย่าง “Freedom & Joy” ที่จะเพิ่มอิสรภาพและความสนุกในแบบของตัวเองของ Land Cruiser FJ คันนี้เท่านั้น
Land Cruiser FJ ที่ใช้งานง่ายขึ้นกับแชสซีแบบ IMV ที่มอบความมั่นใจยิ่งขึ้น
Land Cruiser FJ มีขนาดตัวถัง 4,575 × 1,855 × 1,960 มม. (ยาว×กว้าง×สูง) และระยะฐานล้อ 2,580 มม. เมื่อเทียบกับรุ่น Land Cruiser 250 VX ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตรเช่นเดียวกัน (ขนาด 4,925 × 1,980 × 1,925 มม.) รุ่น FJ จะมีตัวถังที่สั้นและแคบกว่าหนึ่งขนาด แต่มีความสูงมากกว่า โดยดีไซน์ของรถถูกออกแบบจากแรงบันดาลใจของ “ลูกเต๋า”

ให้รูปลักษณ์ทรงกล่องที่มีมิติดูแข็งแรงแต่ยังคงโค้งมนบริเวณขอบเอาไว้
ระยะฐานล้อของ Land Cruiser 250 อยู่ที่ 2,850 มม. ในขณะที่ FJ สั้นกว่า 270 มม. ผลลัพธ์คือทำให้รัศมีวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 5.5 เมตร (เมื่อเทียบกับ 6.0 เมตรในรุ่น 250) ทำให้การขับขี่คล่องตัวมากขึ้นในพื้นที่แคบ
แน่นอนว่าเมื่อได้เกิดมาอยู่ในตระกูล “Land Cruiser” จะมาพร้อมกับความคาดหวังในด้านความทนทานและสมรรถนะออฟโรด ซึ่งรุ่น FJ ก็สามารถตอบโจทย์ได้ด้วยการเลือกใช้ “แชสซีแบบ IMV (Innovative International Multi-purpose Vehicle)” ซึ่งได้ถูกพัฒนาให้สามารถผลิตและจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพในแต่ละภูมิภาคที่มีความต้องการ
แชสซีแบบ IMV ตัวนี้ถูกใช้ในรถหลายรุ่น เช่น Hilux (รถกระบะ), Innova (มินิแวน), Fortuner (SUV) และรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างรถบรรทุกขนาดเล็ก IMV0 (หรือ Champ) โดยเป็นโครงสร้างแบบ Ladder Frame (แชสซีคานเหล็ก) โดยมีทั้งรุ่นฐานล้อยาว 3,085 มม. และฐานล้อสั้น 2,750 มม. มีฐานผลิตในประเทศไทยและอินโดนีเซีย เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้คนในพื้นที่
สำหรับ Land Cruiser FJ นั้นจะใช้ฐานล้อที่สั้นที่สุดเพียง 2,580 มม. ซึ่งพัฒนาใหม่เฉพาะรุ่นนี้ เพื่อให้ได้สัดส่วนตัวรถที่กระทัดรัด แข็งแกร่ง และมีเอกลักษณ์ตามสไตล์ Land Cruiser โดยการผลิตจะดำเนินการที่โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้า (บ้านโพธิ์) ของ TOYOTA ประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานการผลิตหลักของแชสซีแบบ IMV

บริเวณพวงมาลัย ติดตั้งสวิตช์แบบปุ่มกดที่ใช้งานได้สะดวกและง่ายต่อการควบคุม

คอนโซลแบบดิจิตอล
ปุ่มหมุนสำหรับปรับโหมดระบบขับเคลื่อนแบบ Part-Time 4WD พร้อมติดตั้งระบบล็อกเฟืองท้าย (Rear Differential Lock)
สวิตช์เปิด/ปิดเครื่องเสียง และการปรับระดับเสียงเป็นแบบปุ่มกดและปุ่มหมุน เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
ที่นั่งเบาะคู่หน้า
ที่นั่งเบาะคู่หลัง
ประตูหน้าของคนขับ
สวิตช์ควบคุมที่ประตูหน้าของคนขับ
ติดตั้งพอร์ต USB-C สำหรับที่นั่งแถวหน้า และช่องต่อไฟ DC12V สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
ห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย
ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายเมื่อพับเบาะหลังลงจะได้พื้นที่เก็บของกว้างมากขึ้น

ประตูท้ายเป็นแบบเปิดข้าง (Single Side-Opening Door)
ประตูท้ายติดตั้งโช้คค้ำประตูเพื่อช่วยในการเปิด-ปิดอย่างนุ่มนวล
เครื่องยนต์ 2.7 ลิตร เหมือนรุ่น Land Cruiser 250 แต่เบากว่าประมาณ 200 กก.

Land Cruiser FJ รุ่นใหม่นี้มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 2.7 ลิตร รหัส “2TR-FE” มอบกำลังสูงสุด 120 kW และแรงบิดสูงสุด 246 Nm ซึ่งได้รับการปรับจูนเฉพาะสำหรับรุ่น FJ แต่มีสเปกพื้นฐานเหมือนกับ Land Cruiser 250
แม้น้ำหนักตัวรถยังไม่ได้รับการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะมีน้ำหนักเบากว่า Land Cruiser 250 ประมาณ 200 กก. โดยหากรุ่น 250 มีน้ำหนัก 2,240 กก. รุ่น FJ อาจจะอยู่ประมาณ 2,040 กก.
ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ Part-Time 4WD พร้อมระบบเลือกโหมดการขับ H2, H4, L4 (2WD / 4WD) และติดตั้งฟังก์ชันล็อกเฟืองท้าย (Rear Differential Lock) เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด “6 Super ECT” มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้เลย
ในส่วนของข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการเช่นกัน แต่เนื่องจากใช้ระบบขับเคลื่อนเดียวกับ Land Cruiser 250 แต่บนโครงสร้างที่เบากว่าราว 200 กก. คาดว่าจะให้สมรรถนะและอัตราเร่งที่ดีกว่าอย่างแน่นอน
ส่วนของความปลอดภัย ได้มีการติดตั้งระบบ TSS (Toyota Safety Sense) รุ่นล่าสุด พร้อมระบบช่วยเบรกก่อนการชน (Pre-Collision System) และฟังก์ชัน ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) อื่นๆ ส่วนเบรกมือเป็นแบบแมนนวล (Hand Brake) จึงอาจไม่มีฟังก์ชัน Auto Hold เหมือนระบบเบรกมือไฟฟ้า
ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการในส่วนของมุมจาก (Departure Angle) เช่นกัน แต่คาดว่ามีมุมหน้าอยู่ราว 30 องศา และมุมหลังประมาณ 20 กว่าองศา ซึ่งเป็นสเปกที่คงเอกลักษณ์ของ Land Cruiser
และในอนาคตทาง TOYOTA ยังมีแผนจะเปิดตัวรุ่นตกแต่งพิเศษเพิ่มเข้ามาอีก โดยในต่างประเทศมีการจัดแสดง Land Cruiser FJ รุ่นโคมไฟหน้าทรงกลมแบบสไตล์ Retro ให้ชมกันแล้วด้วย
ในขณะที่ Land Cruiser 300 และ 250 ใช้แชสซีแบบ GA-F (TNGA Ladder Frame) และ Land Cruiser 70 ใช้แชสซีแบบดั้งเดิม แต่รุ่น FJ เลือกใช้แชสซีแบบ “IMV” ซึ่งมีผลงานโดดเด่นในประเทศที่มีสภาพถนนขรุขระ ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบดับเบิลวิชโบน ส่วนด้านหลังเป็นแบบแอ็กเซิลลิงก์ (Trailing Link Axle) เน้นความทนทานและง่ายต่อการบำรุงรักษา อีกทั้งแชสซีแบบ IMV ยังมีอะไหล่แต่งและอุปกรณ์เสริมมากมายในตลาดทั่วโลก จึงคาดว่า Land Cruiser FJ จะเป็นรุ่นที่มีศักยภาพสูงสำหรับสายแต่งและผู้ชื่นชอบการปรับแต่งรถอีกด้วย
ช่วงล่างด้านหน้าใช้เป็นระบบช่วงล่างแบบปีกนกคู่ (Double Wishbone Suspension)

ช่วงล่างด้านหลังใช้เป็นแบบเทรลิ่งอาร์ม (Trailing Arm Suspension)
สำหรับราคาจำหน่ายคาดว่าจะอยู่ในระดับที่สามารถจับต้องได้มากกว่า Land Cruiser 250 ซึ่งราคาเริ่มต้นของรุ่น VX อยู่ที่ 5.45 ล้านเยน (ประมาณ 1.3 ล้านบาท) จึงเป็นจุดที่หลายคนให้ความสนใจว่า Land Cruiser FJ จะมีราคาต่างกันแค่ไหนเมื่อเปิดขายอย่างเป็นทางการ
Land Cruiser FJ ใช้โครงสร้างแชสซีแบบ IMV และรถที่จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นจะเป็นรถที่ถูกส่งออกจากโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้า (บ้านโพธิ์) ของ TOYOTA ประเทศไทย เนื่องจากตระกูล Land Cruiser เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงทั่วโลกจึงมักประสบปัญหาการผลิตไม่ทันความต้องการ แต่ด้วยแชสซีแบบ IMV ที่มีกำลังการผลิตจำนวนมากในเครือข่ายของโตโยต้า คาดว่าจะช่วยปรับปรุงสถานการณ์ด้านซัพพลายให้ดีขึ้นได้
ตอนนี้ Land Cruiser FJ รุ่นใหม่นี้จะถูกนำไปจัดแสดงที่บูธของ TOYOTA ในงาน Japan Mobility Show 2025 ณ ประเทศญี่ปุ่น
รุ่นตกแต่งพิเศษสำหรับตลาดต่างประเทศที่มาพร้อม “ไฟหน้าทรงกลม” สไตล์ Retro อันโดดเด่น
มุมมองจากด้านข้าง
มุมมองรอบคันจากด้านท้ายรถ

กระจังหน้ารถที่ดูดุดัน
ตัวอย่างติดตั้งสน็อกเกิ้ลรถยนต์

บันไดข้างตัวรถ

ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยด์

ตัวอย่างการบรรทุกสัมภาระในห้องเก็บของด้านหลัง
แผงอเนกประสงค์ที่ติดตั้งบนประตูด้านหลัง

การปรับแต่งกันชนหลัง

เมื่อมีการเสริมทัพด้วย Land Cruiser FJ รุ่นใหม่ ทำให้ไลน์อัปของตระกูล Land Cruiser ซึ่งประกอบด้วยรุ่น 300, 250 และ 70 กลายเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งและครบครันมากยิ่งขึ้น
สำหรับการเปิดตัวครั้งนี้ของ TOYOTA Land Cruiser FJ อาจจะคาดหวังการตีตลาดวางขายในประเทศไทยได้ เนื่องจากเป็น Global Model ที่มีฐานการผลิตและประกอบในประเทศไทย และอาจจะสามารถคาดหวังราคาที่สามารถจับต้องได้ง่ายขึ้นเพื่อต่อสู่กับตลาดรถยนต์จีนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในประเทศไทย
ที่มา (Ref.) :
อ่านบทความที่น่าสนใจจาก fromJapan
- ขับรถในญี่ปุ่นต้องระวัง! ‘การฝ่าฝืนกฎจราจรโดยประมาท 5 ข้อ’ ที่แม้แต่คนญี่ปุ่นก็เผลอทำโดยไม่รู้ตัว!
- จัดอันดับ! ราคาตลาดแมนชั่นมือสองตามสถานีรถไฟญี่ปุ่น ประจำปี 2024
- ทำไม ‘คนญี่ปุ่น’ ส่วนใหญ่ไม่นิยมซื้อ ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ ?!




