ตามรอยประวัติศาสตร์สุดมันส์ที่ Date Masamune Historical Museum และเที่ยววัดโกะไดโด
ม.ค. 21, 2020
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ดาเตะ มาซามุเนะ (Date Masamune Historical Museum)
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ดาเตะ มาซามุเนะ เป็นสถานที่สำหรับมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ของดาเตะ มาซามุเนะ ผู้บุกเบิกเมืองเซนไดและเป็นหนึ่งในแม่ทัพที่ทรงพลังมากที่สุดในสมัยสงครามกลางเมืองของประเทศญี่ปุ่น
พอเข้ามาจะเจอบรรดาหุ่นขี้ผึ้งของบุคคลสำคัญแห่งจังหวัดมิยากิ เช่น นักเขียนดาไซ โอซามุ, มิยาซาวะ เคนจิ และศิลปินเลื่องชื่ออย่างชิโกะ มุนาคาตะ
ทีนี้พอเดินเข้ามาเรื่อยๆ เราจะเจอโซนหุ่นขี้ผึ้งที่แสดงประวัติชีวิตของดาเตะ มาซามุเนะ ตรงนี้จะมีคำบรรยายภาษาอังกฤษแปะไว้ให้อ่าน นอกจากนี้ยังมีเสียงบรรยายให้ฟังด้วย แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นนะ
ประวัติโดยย่อ ดาเตะ มาซามุเนะเกิดเมื่อปี 1567 ในปราสาทของตระกูลโยเนซาวะ เขาเป็นลูกชายคนโตของไดเมียว(ผู้ครองนคร)แคว้นมุตสึ มาซามุเนะสูญเสียดวงตาข้างขวาตั้งแต่กำเนิดด้วยโรคไข้ทรพิษ
ต่อมาในปี 1581 เมื่อดาเตะ มาซามุเนะมีอายุ 14 ปี เขาก็ได้ออกศึกครั้งแรกร่วมกับบิดาในการรบกับไดเมียวแคว้นอื่น ด้วยความฉลาดในการวางแผนกลยุทธ์ รวมถึงความโหดเหี้ยมในการฟาดฟันทำศึกสงคราม มาซามุเนะจึงช่วยให้กองทัพของเมืองตัวเองได้รับชัยชนะอย่างสวยงาม
และในปี 1584 บิดาของเขาก็ได้สละตำแหน่งไดเมียวแห่งโยเนซาวะให้แก่มาซามุเนะ ทำให้เขาขึ้นเป็นไดเมียวด้วยอายุเพียง 17 ปี และออกศึกสงครามในฐานะผู้นำทัพ
ชื่อเสียงเรื่องความเก่งกาจของเขายิ่งเป็นที่เลื่องลืออีกครั้ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่บิดาของเขาถูกคนตระกูลฮาตาเกยามะจับเป็นตัวประกันในปี 1585 เหตุเพราะตระกูลฮาตาเกยามะเคยขอเข้าร่วมเป็นพันธมิตรหลายครั้งแต่ถูกปฏิเสธ เมื่อบิดาถูกจับไป มาซามุเนะก็รีบจัดทัพเพื่อไปช่วยทันที
ในช่วงแรกเขาวิตกกังวลกับการวางแผนเพื่อบุกเข้าไปในเมืองศัตรู เพราะกลัวว่าบิดาจะได้รับอันตราย แต่หลังจากนั้นมาซามุเนะก็ได้รับข้อความจากบิดาที่แอบฝากพรรคพวกออกมาว่า “ไม่ต้องห่วงฉัน สิ่งที่ควรทำอย่างเดียวคือการบุกทะลวงเมืองให้สิ้นซาก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มาซามุเนะจึงตัดสินใจยกทัพเข้าตีเมืองแบบซึ่งหน้าทันที เขาฆ่าฟันกวาดล้างศัตรูไปเป็นจำนวนมาก แม้ศึกครั้งนี้จะทำให้เขาสูญเสียบิดาไป แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเขาดังสะท้านไปทั่วทั้งแผ่นดิน ใครๆต่างก็รู้ดีถึงความใจแข็งโหดเหี้ยมเด็ดขาด ไม่เกรงกลัวใครหน้าไหน แม้ต้องแลกกับชีวิตบิดาก็พร้อมจะบุกเข้าปลิดชีพศัตรู ทำให้ไม่มีตระกูลใดในละแวกใกล้เคียงกล้าลุกขึ้นต่อกรกับนักรบตาเดียวผู้นี้อีก
ในปี 1590 โทโยโตมิ ฮิเดโยชิออกคำสั่งให้ไดเมียวในภูมิภาคโทโฮะคุทั้งหมดเข้าสวามิภักดิ์ต่อตนเองและช่วยเหลือโทโยโตมิในการสู้รบกับตระกูลโฮโจ มาซามุเนะมีความลังเลที่จะเข้าสวามิภักดิ์ต่อโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ จนกระทั่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าโทโยโตมิจะได้รับชัยชนะในสงครามกับตระกูลโฮโจ คาตากุระ คาเง็ตสึนะซึ่งเป็นที่ปรึกษาคนสนิทของมาซามุเนะจึงแนะนำให้เขาเข้าสวามิภักดิ์ต่อโทโยโตมิ ฮิเดโยชิในที่สุด
ในปี 1595 ฮิเดโยชิได้ทำการกวาดล้างเสี้ยนหนาม ซึ่งมาซามุเนะติดร่างแหทางการเมืองไปด้วย แต่ด้วยความช่วยเหลือของโทคุกาวะ อิเอยาสึ มาซามูเนะจึงได้รับการลดโทษโดยถูกเนรเทศไปยังแคว้นอิโยะ
ฮิเดโยชิถึงแก่อสัญกรรมในปี 1598 ทำให้เกิดการแย่งชิงอำนาจระหว่างอิชิดะ มิตสึนาริและโทคุกาวะ อิเอยาสึ ฝ่ายที่สนับสนุนอิชิดะ มิตสึนาริเรียกว่าฝ่ายกองทัพตะวันตก ส่วนฝ่ายที่สนับสนุนโทคุกาวะ อิเอยาสึเรียกว่าฝ่ายกองทัพตะวันออก
ดาเตะ มาซามุเนะเข้าร่วมกับกองทัพฝ่ายตะวันออกและให้การสนับสนุนแก่โทคุกาวะ อิเอยาสึ แม้ว่ามาซามุเนะจะไม่ได้เข้าร่วมในยุทธการเซกิงาฮาระแต่ก็มีบทบาทในการสู้รบกับอุเอสึกิ คาเกคัตสึ หลังจบสงครามเซกิงาฮาระ โทคุกาวะ อิเอยาสึผู้ได้รับชัยชนะจึงอนุญาตให้ดาเตะ มาซามุเนะย้ายฐานที่มั่นมาอยู่ที่เมืองเซนได ตระกูลมาซามุเนะจึงได้ปกครองแคว้นเซนไดอันยิ่งใหญ่ไปตลอดสมัยเอโดะ รวมแล้วเป็นเวลาประมาณ 250 ปี
ในปี 1612 โชกุนโทคุกาวะ ฮิเดทาดะ ออกประกาศกฎหมายห้ามมิชชันนารีชาวตะวันตกเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ต่อมาในปี 1613 บาทหลวงหลุยส์ โซเทโล (Luis Sotelo) ซึ่งเป็นบาทหลวงนิกายฟรังซิสกันชาวสเปนถูกทางการของรัฐบาลโชกุนเข้าจับกุม มาซามุเนะได้ช่วยเหลือบาทหลวงหลุยส์โซเทโลไม่ให้ถูกประหารชีวิตดังเช่นบาทหลวงคนอื่นๆ เนื่องจากบาทหลวงโซเทโลเคยช่วยรักษาภรรยาน้อยคนหนึ่งของมาซามุเนะให้หายจากอาการเจ็บป่วย บาทหลวงโซเทโลเข้ามาลี้ภัยยังเมืองเซนไดและเสนอโครงการให้ดาเตะ มาซามุเนะส่งตัวแทนไปเจริญสัมพันธไมตรีกับสเปน จึงนับได้ว่ามาซามุเนะเป็นไดเมียว (ผู้ครองแคว้น) ไม่กี่คนที่มีสัมพันธไมตรีที่ดีกับยุโรป
ดาบจำลองจากดาบจริงที่ดาเตะ มาซามุเนะเคยใช้
ร้านขายของที่ระลึก ส่วนมากจะเป็นพวงกุญแจที่มีดีไซน์อิงจากดาเตะ มาซามุเนะ
นอกจากนี้ยังมีโซนที่ให้เราทดลองสวมชุดเกราะซามูไรและมีบริการถ่ายรูปด้วยครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ดาเตะ มาซามุเนะ
ที่อยู่
Date Masamune Historical Museum
13-13 Fugendo, Matsushima, Miyagi-gun, Miyagi Prefecture 981-0213
โทร
022-354-4131
วันเวลาทำการ
เปิดทำการทุกวัน ในช่วงเวลา 9:00 น. – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 500 เยน / นักเรียนมัธยมปลาย 300 เยน / นักเรียนประถมและมัธยมต้น 300 เยน (โปรดแสดงพาสปอร์ต และบัตรนักเรียนนักศึกษาด้วย)
การเดินทาง
จากสถานี JR Sendai ขึ้นรถไฟสาย JR Senseki ไปลงที่สถานี Matsushima Kaigan (ค่ารถไฟ 410 เยน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) แล้วเดินต่อจากสถานีอีกประมาณ 12 นาที
เว็บไซต์
https://www.date-masamune.jp/eng.php
วัดโกะไดโด
วัดโกะไดโดถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 807 เพื่อเป็นที่ประดิษฐานของพระภิกษุ 5 รูปที่เป็นผู้ก่อตั้งวัดซุยกันจิ แต่อาคารที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นเป็นอาคารที่สร้างขึ้นใหม่ในสมัยของดาเตะ มาซามุเนะในปี 1604 โดยมีลักษณะเด่นคือตรงหลังคามีการสลักรูปปีนักษัตรทั้ง 12 นักษัตรไว้
ภายในอาคารมีพระพุทธรูปโกะไดเมียวโอประดิษฐานอยู่ ชื่อของอาคารนี้จึงถูกเรียกตามองค์พระประธานนั่นเอง การเข้าชมองค์พระโกะไดเมียวโอนั้น ในรอบ 33 ปีจะเปิดให้เข้าชมเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น
ส่วนสะพานสีแดงซึ่งเชื่อมต่อกับโกะไดโดเรียกว่า ซุคะชิบะชิ (เพราะซี่ไม้ของสะพานแต่ละซี่ห่างกันมากจนเกิดร่องใหญ่จนมองเห็นด้านล่าง) คู่รักหนุ่มสาวมักจะมาจูงมือกันข้ามสะพานแห่งนี้ เพราะเชื่อว่าจะทำให้สายสัมพันธ์แห่งรักแนบแน่นยิ่งขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดโกะไดโด
ที่อยู่
Godaido Temple
111, Matsushima, Matsushima, Miyagi-gun, Miyagi Prefecture 981-0213
โทร
022-354-2023
วันเวลาทำการ
เปิดทำการทุกวัน ในช่วงเวลา 8:00 น. – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
ไม่มีค่าเข้าชม
การเดินทาง
จากสถานี JR Sendai ขึ้นรถไฟสาย JR Senseki ไปลงที่สถานี Matsushima Kaigan (ค่ารถไฟ 410 เยน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) แล้วเดินต่อจากสถานีอีกประมาณ 10 นาที