สักการะเทพเบนไซเตนและชมไฟสวยๆที่เอโนชิมะ
พ.ค. 08, 2020
ศาลเจ้าเอโนชิมะ
ศาลเจ้าเอโนชิมะ (Enoshima Shrine) เป็นศาลเจ้าสายเทพเบนไซเตน (เทพเจ้าแห่งความงาม ศิลปะ ดนตรี และภูมิปัญญา) ที่ใหญ่ที่สุดร่วมกันกับศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ จังหวัดฮิโรชิม่าและศาลเจ้าจิคุบุชิมะ จังหวัดชิกะ
เมื่อเดินจากสะพานที่พาเราข้ามฝั่งมายังเอโนชิมะ เราจะเจอกับประตูโทริอิทำจากทองแดงซึ่งสร้างขึ้นในปี 1821
สิ่งหนึ่งที่เอโนชิมะมีเยอะคือน้องแมว ที่นี่เป็นหนึ่งในเกาะแมวที่มีชื่อเสียงครับ ใครเป็นทาสแมวมาแล้วน่าจะชอบ
นอกจากน้องแมวแล้ว ถนนการค้าหน้าศาลเจ้าก็ยังมีร้านขายของที่ระลึกในธีมคิตตี้ด้วยครับ
เมื่อมาถึงบริเวณหน้าศาลเจ้าโซนแรก คือโซนเฮทสึมิยะ เราจะเจอประตูโทริอิขนาดใหญ่
รวมถึงรูปสลักของเทพเบนไซเตน
เทพเบนไซเตนเป็นหนึ่งในเทพแห่งโชคลาภทั้ง 7 ของญี่ปุ่น โดยดั้งเดิมแล้วเทพเบนไซเตนเป็นเทพจากศาสนาฮินดู ซึ่งก็คือพระนางสุรัสวดีที่ถูกผนวกเข้ามาในความเชื่อของชินโต (จริงๆแล้วเทพแห่งโชคลาภทั้ง 7 มีเทพญี่ปุ่นแท้ๆเพียงองค์เดียวคือเทพเอบิสึ)
ที่ศาลเจ้าเอโนชิมะมีตำนานเกี่ยวกับเทพเบนไซเตนและมังกร 5 หัวด้วยครับ ตามตำนานท้องถิ่นของเอโนชิมะนั้น ในอดีตกาลบริเวณนี้มีมังกร 5 หัวออกอาละวาด สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน
ต่อมาวันหนึ่ง เทพเบนไซเตนได้มาทำให้เจ้ามังกรกลับใจและช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้พื้นที่ย่านนี้มีความเจริญมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นเหตุให้มีการสร้างศาลเจ้าเอโนชิมะขึ้นมานั่นเอง
กลับมาที่การท่องเที่ยวกันต่อ เมื่อเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆเราจะเจออาคารหลักของโซนเฮทสึมิยะ
ส่วนอันนี้หอโฮอันเด็ง เป็นที่ประดิษฐานของเทพเบนไซเตนปางแปดหัตถ์และเทพีเบนไซเตนปางดีดพิณ (ตอนที่ผมไปถึงฟ้ามืดแล้ว เลยไม่ทันได้เข้าไปถ่ายรูปข้างใน)
รูปด้านล่างนี้คือศาลย่อยของเทพซุซาโนโอะหรือเทพแห่งพายุ จะว่าไปความเหมือนกันของเทพเบนไซเตนและเทพสุซาโนโอะก็คือ ทั้งสองต่างก็เป็นเทพที่มีตำนานเรื่องการปราบอสูรร้ายทั้งคู่ (เทพซุซาโนโอะมีตำนานเรื่องการปราบยามาตะ โนะ โอโรจิหรืองูยักษ์ 8 หัวครับ สามารถอ่านตำนานการปราบยามาตะ โนะ โอโรจิได้จากเรื่องศาลเจ้าอัตสึตะในบทความนี้ > ชมใบไม้เปลี่ยนสียามค่ำคืนที่โครันเค เที่ยวพิพิธภัณฑ์ศิลปะโทคุกาวะและชมสวนญี่ปุ่น สักการะสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าอัตสึตะ)
ต้นไม้คู่ตรงนี้เป็นที่ที่คนจะมาแขวนป้ายขอพรเรื่องความรักกัน (แต่เดิมนอกจากเรื่องเงินทองและศิลปะแล้ว เทพเบนไซเตนเองก็มีชื่อเสียงด้านความรักเช่นกัน งานนี้คนโสดก็มาลองขอพรกันดูได้)
พอเดินเข้ามาเรื่อยๆเราจะเจอศาลเจ้าโซนนากาสึมิยะ ตรงนี้จะมีบ่อน้ำมังกร เป็นจุดที่ให้เราเอาเงินไปล้างเพราะเชื่อกันว่าจะทำให้เงินเข้าเยอะ
พอเดินไปอีกสักพักใหญ่เราจะเจอศาลเจ้าโซนโอคุสึมิยะ ซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดสักการะเจ้ามังกร
นอกจากนี้ใกล้ๆกันก็จะมีถ้ำอิวายะ ซึ่งเป็นถ้ำที่ในอดีตนักบวชจะเข้ามาฝึกปฏิบัติธรรม
เมื่อเดินไปอีกสักพักเราจะเจอกับระฆังตรงนี้ ซึ่งคนที่เป็นแฟนกันจะนิยมมาเคาะระฆังร่วมกัน
และมีที่ให้เอากุญแจมาร้อย เพราะเชื่อกันว่าจะทำให้รักยืนยาว
(จริงๆตรงนี้มีจุดชมวิวด้วยนะครับ แต่ตอนผมไปฟ้ามืดแล้ว เลยไม่มีรูปมาให้ดู)
เครื่องรางที่ขายดีคือเครื่องรางความสุข ซึ่งความสุขที่ว่านี้รวมไปถึงเรื่องเงินทองด้วย
ถ้าใครชอบสายเข้มๆเท่ๆก็ขอแนะนำเครื่องรางลายเจ้ามังกรตัวนี้ครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าเอโนชิมะ (Enoshima Shrine)
ที่อยู่
Enoshima Shrine
2-3-8 Enoshima, Fujisawa-shi, Kanagawa 251-0036 Japan
โทร
0466-22-4020
วันและเวลาทำการ
เปิดให้เข้าสักการะตลอดเวลา
ส่วนสำนักงานศาลเจ้าเปิดทำการเวลา 8.30 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม
ไม่มีค่าเข้าชม
การเดินทาง
จากสถานี Kamakura หรือสถานี Fujisawa ให้นั่งรถราง Enoden ไปลงที่สถานี Enoshima แล้วเดินจากสถานีไปอีกประมาณ 20 นาที (อาจแวะโซนร้านค้าระหว่างทางก่อนก็ได้)
ส่วนการเดินทางมาสถานี Kamakura นั้น หากเดินทางจากสถานี Shinjuku ให้นั่งรถไฟ JR สาย Yokosuka หรือสาย Shonan Shinjuku (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 940 เยน) หรือหากใช้รถไฟสาย Odakyu ให้นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Fujisawa (ใช้เวลา 1 ชั่วโมง) แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถราง Enoden โดยนั่งไปจนสุดสาย (ใช้เวลา 30 นาที) อันนี้เวลาโดยรวมจะนานกว่า แต่เราสามารถซื้อ Enoshima Kamakura Free Pass ราคา 1,520 เยนมาใช้ได้ (พาสนี้ใช้สำหรับไปกลับ Shinjuku – Kamakura หนึ่งรอบ และนั่งรถราง Enoden ไม่จำกัดเที่ยว) ถ้ามีแพลนจะเที่ยวหลายๆจุด ผมแนะนำวิธีนี้มากกว่าครับ
เว็บไซต์
ประภาคารเอโนชิมะ
ประภาคารเอโนชิมะ (Enoshima Sea Candle) เป็นประภาคารที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 101.5 เมตร ตั้งอยู่ในสวนซามูเอล คอกกิง ซึ่งเป็นสวนที่ตั้งชื่อตามพ่อค้าชาวอังกฤษที่เป็นผู้สร้างสวนแห่งนี้
ในช่วงฤดูหนาวสวนแห่งนี้จะเปิดไฟประดับในช่วงกลางคืน
ความสวยงามของไฟตอนกลางคืนทำให้มีคนมาดูไฟที่นี่เยอะพอประมาณ
แต่ก็ไม่ได้เบียดแน่นมากจนน่าอึดอัด
แถมสายถ่ายภาพยังใช้ขาตั้งกล้องได้สะดวกซะด้วย
ถ่ายรูปได้สบายๆเลยครับ
จากบนประภาคาร เราสามารถชมวิวของเอโนชิมะได้ ซึ่งทัศนียภาพช่วงเย็นไปจนถึงช่วงพลบค่ำจะมีความสวยงามเป็นพิเศษ จนประภาคารแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางด้านทัศนียภาพในยามค่ำคืนของญี่ปุ่นในปี 2010
ข้อมูลเกี่ยวกับประภาคารเอโนชิมะ (Enoshima Sea Candle)
ที่อยู่
Enoshima Sea Candle
2-3-28 Enoshima, Fujisawa-shi, Kanagawa 251-0036 Japan
โทร
0466-23-2444
วันและเวลาทำการ
เปิดให้เข้าชมในเวลา 9.00 – 20.00 น.
การเปิดไฟช่วงฤดูหนาวจะมีในวันที่ 23 พ.ย. – 16 ก.พ.
ค่าเข้าชม
รวมค่าขึ้นประภาคาร
- ผู้ใหญ่ 500 เยน
- เด็ก 250 เยน
ไม่รวมค่าขึ้นประภาคาร
- ผู้ใหญ่ 200 เยน
- เด็ก 100 เยน
การเดินทาง
จากสถานี Kamakura หรือสถานี Fujisawa ให้นั่งรถราง Enoden ไปลงที่สถานี Enoshima แล้วเดินจากสถานีไปอีกประมาณ 30 นาที (อาจแวะโซนร้านค้าและศาลเจ้าระหว่างทางได้)
ส่วนการเดินทางมายังสถานี Kamakura นั้น หากเดินทางจากสถานี Shinjuku ให้นั่งรถไฟ JR สาย Yokosuka หรือสาย Shonan Shinjuku (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 940 เยน) หรือหากใช้รถไฟสาย Odakyu ให้นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Fujisawa (ใช้เวลา 1 ชั่วโมง) แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถราง Enoden โดยนั่งไปจนสุดสาย (ใช้เวลา 30 นาที) อันนี้เวลาโดยรวมจะนานกว่า แต่เราสามารถซื้อ Enoshima Kamakura Free Pass ราคา 1,520 เยนมาใช้ได้ (พาสนี้ใช้สำหรับไปกลับ Shinjuku – Kamakura หนึ่งรอบ และนั่งรถราง Enoden ไม่จำกัดเที่ยว) ถ้ามีแพลนจะเที่ยวหลายๆจุด ผมแนะนำวิธีนี้มากกว่าครับ