2 วัน 1 คืน กับการตามรอยภาพยนต์สุดโรแมนติกเรื่องแฟนเดย์ฯที่ฮาโกดาเตะ
ธ.ค. 13, 2019
หลังจากที่ภาพยนต์เรื่อง ‘แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว’ ฉายไปแล้วนั้น เราก็ได้มาที่ Hakodate
สถานที่ที่คิดว่าอยากจะลองมาให้ได้สักครั้งค่ะ
แน่นอนว่าถ่ายภาพมาเพียบเลยล่ะค่ะ เชิญชมภาพบรรยากาศที่เราเก็บมาฝากด้วยนะค๊าาา
ฮาโกดาเตะวันแรก : 31 ตุลาคม 2016
ขึ้นเครื่องบินรอบเช้าจากสนามบินฮาเนดะไปยังฮาโกดาเตะ
นั่งเครื่องบินจากโตเกียวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
น่าเสียดายที่เมื่อถึงฮาโกดาเตะแล้วฝนดันตกซะงั้น (><)
ไม่มีรถไฟจากสนามบินไปยังตัวเมือง ดังนั้นจึงเดินทางด้วยรถบัส!
จากสนามบินฮาโกดาเตะไปยัง Hakodate Station
ใช้เวลาเดินทางโดยรถบัสประมาณ 20 นาที
ค่ารถบัส: 410 เยน
เมื่อถึงสถานีฮาโกดาเตะฝนก็หยุดตกแล้วล่ะ
บรรยากาศภายในสถานีฮาโกดาเตะ
มีแผนที่แจกอยู่ตรงจุดบริการนักท่องเที่ยว สามารถไปรับมาฟรีได้จากที่นี่
มีแนะนำเป็นภาษาไทยด้วย เยอะแยะไปหมด
เช็กอินที่โรงแรมใกล้ๆกับสถานีฮาโกดาเตะแล้วตรงดิ่งไปเที่ยวในตัวเมืองกันเลย
ที่ฮาโกดาเตะนั้นการเดินทางโดยรถรางถือว่าสะดวกมากๆ สามารถไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้โดยรถราง
บรรยากาศภายในรถราง
ใช้บริการรถราง 1 ครั้งจะอยู่ที่ราคาประมาณ 210 เยน
ดังนั้นหากใครมีแพลนจะขึ้นมากกว่า 3 ครั้งให้ซื้อตั๋วขึ้นรถแบบ 1 วันจะคุ้มกว่าค่ะ
ผู้ใหญ่ 600 เยน • เด็ก 300 เยน
จาก Hakodate eki Mae Station ไปยัง Goryokakukoen Mae Station
เดินจาก Goryokakukoen Mae Station ประมาณ 7 นาทีก็สามารถมองเห็น Goryokaku Tower ได้
ด้านหน้า Goryokaku Tower นั้นมีร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังที่มีขายเฉพาะที่ฮาโกดาเตะอยู่ด้วย
เจอ LUCKY PIERROT แล้วก็เข้าร้านเลย
ลองทานเซ็ตแนะนำของร้านชื่อ Chinese Chicken Burger Set
ปริมาณกำลังดีเหมาะสำหรับมื้อเที่ยงเลย
พอท้องอิ่มแล้วก็ไปยัง Goryokaku Tower!
Goryokaku นั้นถูกเรียกว่าเป็นป้อมปราการรูปทรงดาว
Goryokaku Tower นั้นถูกสร้างขึ้นสำหรับชม Goryokaku จากมุมบนได้
นี่คือภาพทิวทัศน์ที่เห็นจากจุดชมวิวดังกล่าวค่ะ
เลนส์กล้องกว้างไม่พอเลยไม่สามารถถ่ายรูปทรงดาวได้สวยเท่าไหร่นัก
อากาศก็ไม่ค่อยจะดี น่าเสียดายมากเลย
แต่จากบนนี้สามารถชมเมืองฮาโกดาเตะได้ทั่วเลย
คราวหน้าอยากจะมาลองดูตอนที่อากาศแจ่มใสให้ได้เลยล่ะค่ะ
ที่ชั้น 1 ของ Goryokaku Tower นั้นมีพื้นที่สำหรับนั่งพักและมีจุดขายของที่ระลึกด้วย
เมล่อนที่นี่อร่อยมากๆ
จุดขายบัตรเข้าชม
ค่าเข้าชมจุดชมวิว Goryokaku Tower
ผู้ใหญ่: 840 เยน
นักเรียนประถม: 420 เยน
จุดขายของที่ระลึก
หลังจากที่ขึ้นไปบน Goryokaku Tower มาแล้วก็ลองไปที่สวนสาธารณะ Goryokaku มาด้วยล่ะ
Goryokaku Tower ที่มองเห็นจากสวนสาธารณะ Goryokaku
ต้นไม้พวกนี้คือต้นซากุระค่ะ
ตอนดอกซากุระบานช่วงฤดูใบไม้ผลิก็อยากมาอีกจังน้า~
ก่อนจะไปจาก Goryokaku มีของขึ้นชื่อที่อยากจะทานให้ได้นั่นก็คือชิโอะราเม็ง
แนะนำร้านที่อยู่ตรงตึกสองชั้นหน้า Goryokaku Tower ค่ะ
ชิโอราเม็งที่พนักงานแนะนำอร่อยสุดๆไปเลย
หลังจากเพลิดเพลินกับการวนเที่ยวรอบ Goryokaku แล้วก็ขึ้นรถรางไปยัง Hakodate Station
ไป Daimonyokochou ตามที่เขาลือกันว่าเป็นสีสันยามค่ำคืนของฮาโกดาเตะ
เพราะว่าเป็นวันจันทร์จึงไม่ค่อยมีผู้คนเท่าไหร่นัก
อยากลองมาตอนที่ครึกครื้นกว่านี้จังเลยน้า~
เนื่องจากวันนี้ค่อนข้างเหนื่อยจากการเดินทางจึงรีบกลับไปพักผ่อนเติมแรงที่โรงแรมก่อนค่ะ
ฮาโกดาเตะวันที่ 2:1 พฤศจิกายน 2016
เช้านี้ที่ฮาโกดาเตะ!
จริงๆแล้วอยากทานอาหารเช้าอร่อยๆที่โรงแรมมากเลยค่ะ แต่อดทนไว้
เพราะว่าถ้ามาที่ฮาโกดาเตะแล้วละก็ ต้องไปทานอาหารเช้าที่ตลาด!
ที่ตลาดเช้าAsaichi ของฮาโกดาเตะนั้นมีตรอก Donburi yokocho Market ที่มีร้านข้าวหน้าต่างๆรวมอยู่มากมาย
ดิฉันชอบปูและไข่หอยเม่นมากจึงเลือกข้าวหน้านี้ค่ะ!
อร่อยสุดๆไปเลยล่ะค่ะ
สถานที่ขึ้นชื่อรองลงมาจาก Donburi yokochou ก็คือ Ekini Market
ภายในนั้นมีร้านขายอาหารทะเลและร้านของฝากมากมายเลยค่ะ
และเราก็ได้เจอกับร้านตกปลาหมึกค่ะ
ปลาหมึกที่ตกจากร้านนี้เขาจะทำอาหารมาให้เราทานได้ทันทีเลยค่ะ
แถวๆนี้มีร้านให้เดินกินเพียบเลยล่ะค่าาา
หลังจากเติมท้องให้อิ่มที่ตลาดเช้า Asaichi แล้วก็มาต่อกันที่ Kanemori Red Brick Warehouse ค่ะ
ที่ Kanemori Red Brick Warehouse นั้นอยู่ห่างจากตลาดเช้า Asaichi ประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น
สามารถเดินเท้ามาได้ค่ะ
ตู้ขายน้ำอัตโนมัติที่เจอระหว่างทาง เครื่องดื่มในตู้น่าสนใจมากค่ะ
Hakodate nikitekuda Cider
เป็นไซเดอร์รสหวานๆ ดื่มแล้วสดชื่น
Kanemori Red Brick Warehouse ที่ถูกใช้ในหนัง
ภายในตัวอาคารมีร้านขายของต่างๆอยู่มากมาย
ขนมหวานอร่อยๆที่เจอที่นี่ก็คือเจ้านี่ค่ะ
รสหวานละมุนของเค้กกับกาแฟที่มาเป็นเซ็ตนี่เยี่ยมสุดๆเลยค่ะ
เป็นรสชาติที่รู้สึกอยากจะทานอีกให้ได้
และอีกอย่างคือไอศกรีมที่ทำเป็นดอกกุหลาบของ MILKISSIMO
น่ารักซะจนเวลาทานก็นึกเสียดายเลยล่ะค่ะ
หลังจากที่เดินวนรอบ Kanemori Red Brick Warehouse แล้วก็เดินไปยัง Hachimanzaka ต่อค่ะ
ที่นี่ก็เป็นจุดที่ใช้ถ่ายทำโปสเตอร์ของหนังแฟนเดย์ฯด้วย เป็นสถานที่ที่ค่อนข้างขึ้นชื่อมากเลยทีเดียวค่ะ
ส่วนมากทุกคนจะขึ้นไปถ่ายภาพจากด้านบนทางลาดนี้
แต่ครั้งนี้ลองถ่ายจากด้านล่างขึ้นไปด้วยค่ะ
ทางลาดค่อนข้างชันพอสมควร แนะนำว่าให้ใส่รองเท้าที่เดินสะดวกๆมานะคะ!
หากเดินจาก Hachimanzaka ไปยังจุดขึ้น Mt.Hakodate Ropeway แล้วล่ะก็
จะมีทางลาดที่เต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ลสีแดงสวยงาม
และสามารถมองเห็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงได้ด้วย
เดินจาก Hachimanzaka เพียง 5 นาทีก็มาถึง Mt.Hakodate Ropeway
ถ่ายภาพสวนสาธารณะข้างหน้าไว้สักรูปหนึ่ง
ตอนนี้แค่คิดว่าจะไปบนยอดเขานั้นก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเลยล่ะค่ะ
Gondora รถรางขนาดที่ให้ดูท่าทางน่าจะจุผู้โดยสารได้ประมาณ 100 คน
ทิวทัศน์ของเมืองฮาโกดาเตะที่ค่อยๆเผยให้เห็นทีละน้อย
ที่บนยอดเขานั้นมีร้านอาหารอยู่ด้วย ดังนั้นการได้รับประทานอาหารพร้อมกับเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพยามพระอาทิตย์ตกดินนั้นน่าจะดีไม่น้อยเลยค่ะ
Mt.Hakodate Ropeway
ค่าโดยสาร (ไป-กลับ)
ผู้ใหญ่ (ตั้งแต่นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป): 1,280 เยน
เด็ก: 640 เยน
เพียงแค่ 2 วัน 1 คืนก็สามารถท่องเที่ยวเมืองฮาโกดาเตะได้อย่างเต็มอิ่มเลยล่ะค่ะ
เป็นเมืองที่ค่อนข้างสะดวกสบายมากๆ การเดินทางก็ง่ายสุดๆ
ครั้งต่อไปอยากจะมาตอนที่อากาศแจ่มใสให้ได้เลยค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ!
สามารถอ่านข้อมูลฮาโกดาเตะเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ!!
http://www.hakodate.travel/th/