teamlab ดิจิตอลอาร์ตมิวเซียมสุดเท่ แลนด์มาร์กยอดฮิตแห่งใหม่ของโตเกียว
ต.ค. 23, 2019
หลายคนอาจจะคุ้นตากับผลงานเท่ๆ อาร์ตๆ ของ teamlab จากนิทรรศการที่สิงคโปร์หรืองานนิทรรศการชั่วคราวในญี่ปุ่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังจากได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม teamlab ได้ฤกษ์ก่อตั้งมิวเซียมถาวรของตัวเองสักที คราวนี้แฟนๆ เลยได้มาสัมผัสประสบการณ์สุดล้ำให้ฉ่ำใจในคราวเดียว ด้วยความที่สวย เท่ แปลกใหม่และถ่ายรูปขึ้นมากๆ ด้วย นอกจากนักท่องเที่ยวทั่วไป แม้แต่เซเลบดาราต่างชาติที่มาโตเกียวต้องแวะมาถ่ายรูปที่นี่กันแทบทุกคน ตอนนี้เขาเปิดพิพิธภัณฑ์ดิจิอาร์ตถึง 2 สาขาใกล้ๆ กัน คือ teamlab borderless และ teamlab planets ไม่ว่าจะไปที่ไหน เราขอแนะนำให้จองตั๋วก่อนไปนะ เพราะบางรอบขายตั๋วหมดก่อนวันจริงก็มี เฉลี่ยแล้วใช้เวลาประมาณ 2 ช.ม. ในการเดินดูนะ (แล้วแต่ใครอินมากอินน้อยด้วยแหละ)
teamlab borderless
จะเรียกว่าที่นี่เป็นดิจิตัลอาร์ตมิวเซียมแห่งแรกของโลกก็ว่าได้ ตั้งอยู่ที่โอไดบะใกล้ๆ กับห้างวีนัสฟอร์ดและชิงช้าสวรรค์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์โดดเด่นของโอไดบะ teamlab borderless มีทั้งหมด 2 ชั้น แบ่งเป็นโซนเป็นห้องแยกตามตีม โดยไม่กำหนดเส้นทางการเดินรับชม เราสามารถเดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ได้อย่างอิสระ บางห้องอาจจะแอบๆ ซ่อนตัวอยู่ ต้องตั้งใจหาหน่อย เขาบอกว่าตั้งใจให้ความไม่แน่นอนนี้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของที่นี่ แม้จะมาหลายครั้ง ก็ยังจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ (เพราะในห้องเดิม แต่ก็มีการเปลี่ยนเนื้อหา, รูปแบบการจัดแสดงเป็นระยะ) ใครเคยเห็นรูปโคมไฟหลายสิบดวงลอยๆ ฟุ้งๆ ชวนฝัน นั่นแหละ, ห้องยอดฮิต forest of reasonating lamps เดอะมัสต์ของที่นี่เลย งานอื่นๆ ที่คนชอบไม่แพ้กันได้แก่ ห้อง flower forest ที่ฉายรูปดอกไม้สีสันสดใสทั่วพื้นและเพดาน และห้อง the crystal world ที่เต็มไปด้วยไฟ led นับแสนดวง ฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวเป็นที่สุด ห้องยอดฮิตต่างๆ อาจจะต้องต่อคิวนานหน่อยไม่แพ้ดิสนีย์แลนด์ แต่ในแง่ดีคือ คิวจะยาวออกมาล้นหน้าห้องจนเราไม่ต้องคลำหาเองอีกต่อไปยังไงล่ะ
teamlab planets
ส่วนที่นี่ตั้งอยู่ที่สถานี Toyosu เปิดหลังบอร์เดอร์เลสแป๊บเดียว แม้จะมีหลายห้องที่จัดแสดงงานเหมือนกัน (เพราะมันเป็นผลงานเอกที่ใครๆ ก็ชอบ) แต่รูปแบบการรับชมนั้นแตกต่าง เพราะที่นี่บังคับเส้นทางการเดินเป็นแบบวันเวย์ และต้องเดินตามทางที่กำหนดไว้เท่านั้น โดยส่วนตัวแล้วเราชอบที่นี่มากกว่าเพราะค่อนข้าง adventure และได้ใช้ประสาทสัมผัสหลายแบบในการรับชมซึ่งนำมาสู่ความเพลิดเพลิน เช่น ห้อง Soft Black Hole ที่เป็นคล้ายๆ หลุมดำ เราต้องเดินเหยียบพื้นนุ่มๆ ที่เหมือนบีนแบ็กกำลังจะดูดเราลงไปยังด้านล่าง ห้อง Expanding Three-dimensional Existence in Intentionally Transforming Space ของที่นี่เราก็ชอบมากกว่า เพราะพื้นที่กว้างกว่าเยอะ เราสามารถเล่นกับลูกบอลยักษ์สีพาลเทลสดใสได้อย่างอิสระ ถ่ายรูปสนุกมาก! ข้อเสียของที่นี่คือ ไม่มีห้องโคมไฟยอดนิยม ส่วนไฮไลต์ของที่นี่คือ “น้ำ” มีทั้งน้ำตกยักษ์ที่ให้อิมแพคดีมากๆ และห้องบ่อปลาที่เราได้เดินเล่นกลางสระน้ำสุดแฟนตาซีที่มีทั้งปลาและดอกไม้แหวกว่ายชวนมอง ใครใส่ขายาวมาไม่ต้องกังวล เขามีกางเกงขาสั้นให้ยืม และมีผ้าขนหนูให้เช็ดขาพร้อมเลย เอาเป็นว่า ถ้ามีเวลาและชอบอะไรแนวนี้ก็ไปทั้งคู่เลยได้จ้ะ