fbpx

จ.อาคิตะ ในฤดูใบไม้ร่วงนี่สุดยอดจริงๆ !!!

พ.ย. 19, 2019

ฤดูใบไม้ร่วงปีนี้เป็นอะไรที่บีมได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามที่สุดในชีวิตแล้ว
อยากจะมาแชร์ภาพและสถานที่ที่บีมได้ไปเที่ยว เผื่อใครที่อยากตามไปปีหน้า
ใบไม้เปลี่ยนสีที่จังหวัดอาคิตะ บีมแนะนำช่วงเริ่มเข้าปลายเดือนตุลาคมนะคะ

บีมไปมาวันที่ 23-25 ตุลาคมค่ะ บนภูเขาคือแดงเพลิงเลย สวยมากกกกกกกก
มาอ่านรีวิวกันนะ

ตอนนี้มีบินตรงด้วยการบินไทยไปลงเซ็นไดแล้ว พวกเราน่าจะเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุกันได้สะดวกขึ้น แต่ถ้าบินโตเกียวก็สะดวกไม่แพ้กัน ถ้าจะไปอาคิตะ เพราะเรามี JR East Pass !!!

นี่คือ JR East Pass Tohoku Area ใช้ได้ห้าวันไม่ต้องติดกัน
ซื้อที่ไทย 19,000 เยน (ราคาไทยตามเรทเงินตอนนั้น) เราจะได้เป็นวอลเชอร์มา แล้วก็เอาไปแลกเป็นบัตรที่เค้าท์เตอร์
JR ที่สนามบิน หรือสถานีใหญ่ๆจ้ะ

คุ้มมากนะ แค่ไปกลับชิงคันเซ็นรอบนึงก็เกินคุ้มแล้ว แล้วนี่ใช้ได้ 5 วันไม่อั้นด้วย
ประหยัดไปได้มากๆเวอร์ สำหรับการท่องเที่ยว

รถไฟที่เราจะนั่งคือ Akita Komachi สีแดงๆค่ะ

จองที่นั่งกันก่อนเด้อ จองที่พนักงานขายตั๋วได้เลย

นั่งมาประมาณ 3 ชั่วโมง เรียกว่าหลับมาดีกว่า 555 หลับๆตื่นๆนอนบ้างดูวิวบ้าง ก็มาถึงปลายทาง คือ Kakunodate

อ้อ ครั้งนี้บีมจะเที่ยวบริเวณเขตที่เรียกว่า Semboku ค่ะ เขตนึงในจ.อาคิตะนี่แหละ

Kakunodate ที่เรามาถึงนี้เป็นเมืองซามุไรเก่าแก่กว่า 400 ปีที่โด่งดังมากในปัจจุบันโดยเฉพาะฤดูชมซากุระค่ะ ไหนๆมาเยือนเมืองเก่าแล้วก็มาใส่กิโมโนกันหน่อย

ร้านที่บีมเช่าวันนี้อยู่ตรงย่านเมืองซามูไรนี่แหละ ชื่อ Shanari ราคา 4000 เยน เช่าได้เช้าถึงเย็นเลย รวมทำผมให้ด้วยนะ

กิโมโนมีให้เลือกหลายแบบ สุดแล้วแต่ที่ชอบๆ

และนี่ก็คือชุดที่บีมเลือกกกกกกกก ใส่แล้วก็ออกมาเดินข้างนอกได้เลย

มีบริการรถลากพลังคนด้วยยย

นั่งเป็นเจ้าหญิงกันไปเลย
แล้วก็เดินดูบ้านเมืองเก่า ที่ยังคงความเก่าแก่ค่ะ บ้างบ้านก็เปิดให้เราเข้าไปชมด้วยนะ

อีกที่ที่อยากแนะนำคือ อยู่แถวนั้นแหละ ติดๆกัน
ที่จ.อาคิตะมีหมาพันธุ์อาคิตะ ที่โด่งดังมาก
มาอาคิตะก็ต้องไปดูหมาอาคิตะ
บ้านที่ดูหมาชื่อ “บ้านพักท้องถิ่น Enishi”
ซื้อโปสการ์ดน้องหมา 100 เยน ได้ถ่ายรูปและสัมผัสได้ตามใจต้องการ
ฮื้ออออ น่าย้ากกกกกกกกกกกกกกกก เพิ่งเคยได้สัมผัสนุ้งหมาอาคิตะ

มีสองตัวชื่อสุจังกับฟุจิโกะ แต่ฟุจิโกะไม่ว่าง กำลังวิ่งเล่น 555

กอดๆๆๆ

แล้วก็เดินทางไปที่พักคืนนี้ค่ะ อยู่ตรงนั้นแหละใกล้ๆกันหมดเลย ที่พักชิคมากค่ะ เป็นแนวญี่ปุ่นวินเทจๆๆๆๆ มาทรงแบบบ้านซามุไรเลยย

พักที่โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ Tamachi Bukeyashiki Hotel

บรรยากาศในห้องพักค่ะ

อาหารของโรงแรมก็เป็นอาหารท้องถิ่นแบบญี่ปุ่นที่อร่อยและสดใหม่มากๆเลย

นอนพักฟื้นตื่นแล้วเช้าวันต่อมาเราไปดูที่ Information Center ของเมืองค่ะ สำรวจหน่อยอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ Kakunodate เลย

ข้างในมีของท้องถิ่นขาย มีพนักงานคอยแนะนำเผื่อนักท่องเที่ยวมีปัญหา มีคู่มือการเดินทางไรงี้จ้า
สำรวจเสร็จแล้วไปลุยกันต่อ

วันนี้จะนั่งรถไฟท้องถิ่น เรียกว่า รถไฟสาย Nairiku ค่ะ

เป็นรถไฟท้องถิ่นที่วิ่งอยู่ในจ.อาคิตะนี่แหละสถานีก็อยู่ข้างๆ
สถานี JR Kakunodate ค่ะ
หน้าสถานีมีโตโตโร่…ถามเขาว่า ทำไมมีโตโตโร่ตรงนี้

เจ้าหน้าที่บอกว่า มันน่ารักดี … ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับที่นี่แต่อย่างใด 55555

รถไฟน่ารักมุ้งมิ้งจัง สีสวยมากๆเวอร์ ข้างในก็น่ารัก มีลายหมาอาคิตะด้วย

ดีใจมีภาษาไทย 555

เราจะได้นั่งรถผ่านทุ่งนาป่าเขา ชมธรรมชาติสวยๆสไตล์ญี่ปุ่น

ตอนลง ต้องเดินข้ามทางรถไฟด้วย บีมนั่งมาลงที่สถานี Yasu ค่ะ
จากนั้นก็นั่งรถเช่า (แนะนำให้เช่ารถขับนะ)

ไปที่ Katakurikan

ที่นี่ว่ากันว่าเป็นสวนปลูกเกาลัด ที่มีเกาลัดลูกใหญ่เกือบเท่ากำปั้น แต่มันหมดหน้าแล้ว เลยได้เห็นแค่เพียงเท่านี้ แง เอาไซส์ LL ไป

นอกจากเกาลัดแล้ว ยังเป็นที่ทำกระดาษญี่ปุ่นด้วย 555
ทำไมก็ไม่ทราบ

แต่เราสามารถมาทำกระดาษญี่ปุ่นที่นี่ได้ด้วยนะ

เขาจะใช้ยางในเปลือกไม้มาต้มไปต้มมา ใส่รากไม้ให้เป็นเสมือนกาว จากนั้นก็วางลงบนพิมพ์ แล้วก็อบแห้ง เป็นอันเสร็จ ได้กระดาษกลับบ้านด้วยนะ กิจกรรมนี้ค่าทำไม่แพงจ้ะ กระดาษที่ได้ใบใหญ่มาก บีมต้องเดินทางอีกหลายวัน เลยฝากทิ้งไว้ที่บ้านเพื่อนที่ญี่ปุ่น 555

จากนั้นไปกินข้าวกลางวันที่ร้าน Tazawako Heart Herb

ร้านน่ารักมากมีสวนดอกไม้
แล้วยังมีโตโตโร่ด้วย ซึ่งไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษเหมือนกัน เขาบอกว่ามันน่ารักเลยเอามาวาง 555

อาหารขึ้นชื่อของจังหวัดนี้คือ Inaniwa Udon ค่ะ
อุด้งที่นี่น่าจะเป็นอะไรที่บีมชอบที่สุดในบรรดาอุด้งทั้งหมดแล้ว
มีมาตั้งแต่โบราณ และเป็นอุด้งชั้นสูง ที่ทำถวายจักรพรรดิ
เนื่องจากอาคิตะ อากาศดี น้ำดี แป้งที่ทำอุด้งก็เลยอร่อย
เส้นมันจะแบนๆนะไม่เหมือนอุด้งทั่วไป

จากนั้นเดินทางต่อไปที่ ทะเลสาบทาซาวะที่มีชื่อเสียงค่ะ
ก็อยู่ตรงหน้าที่กินข้าวเมื่อกี้เนี่ยแหละ ฮ่า

มาถึงอาคิตะ ไม่มาที่นี่ไม่ได้นะ

เขามีตำนานเล่าว่าาา…..

เมื่อนานมาแล้วมีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อทัตสึโกะ เธอมีหน้าตาสะสวยมากๆๆๆๆๆ
แต่เมื่อเธออายุมากขึ้นร่างกายก็ค่อยๆแก่ไปตามกาลเวลา เธอรับไม่ได้
เพราะต้องการคงความน่ารักสวยงามของเธอเอาไว้ตลอดไปจึงไปขอพรกับเจ้าแม่กวนอิม

เจ้าแม่กวนอิมบอกว่าเธอลองไปดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่บ่อน้ำทางตอนเหนือดู (อยู่ติดทะเลสาบ)
ทัตสึโกะจึงออกตามหาบ่อน้ำนั้น จนพบและดื่มเข้าไป

แต่ไม่รู้ทำไมยิ่งดื่มคอยิ่งแห้งคอแห้งก็ยิ่งดื่มเยอะขึ้นเยอะขึ้นเยอะขึ้นจนมารู้ตัวอีกทีน้ำหมดบ่อ !!!

และเธอก็กลายเป็นมังกรตัวใหญ่ไปเลย
แล้วแม่ของเธอก็ออกตามหาพบว่าลูกกลายเป็นมังกรไปแล้วก็ตกใจและเสียใจมาก จึงโยนคบเพลิงที่ถือมาลงไปในทะเลสาบ

คบเพลิงกลายเป็นปลาชนิดหนึ่งในทะเลสาบแต่ตอนนี้สูญพันธุ์ไปแล้ว 555
ในท้ายที่สุดมังกรทัตสึโกะตัวนี้ได้พบรักกับมังกรหนุ่มที่อยู่คนละตำนาน
เป็นมังกรของทะเลสาบโทวาดะ

มังกรหนุ่มจะมาหามังกรสาวในหน้าหนาว ทำให้ไม่มีใครเฝ้าทะเลสาบโทวาดะ
ทะเลสาบโทวาดะจึงกลายเป็นน้ำแข็งช่วงฤดูหนาว

ส่วนทะเลสาบทาซาวะที่บีมอยู่นี้ จะไม่แข็ง
เพราะ !!!

มีมังกรสองตัว

มาพลอดรักกัน

ทุก

หน้า

หนาว !!!!!

อือหือ พล็อตเรื่องสุดๆๆๆ

เราสามารถนั่งเรือชมทะเลสาบได้ด้วยนะ วนรอบเลยสนุกมาก ลมเย็นตีหน้าพั่บๆๆๆๆ

ถ่ายกับรูปปั้นสาวสวยเป็นที่ระลึก

จากนั้นแวะไปที่ ร้านน้ำผึ้งชื่อดังของจังหวัด Yama no Hachimitsuya ค่ะ
ที่นี่ดังมากจริงๆนะ น้ำผึ้งเขาดีมาก บีมเอากลับมาไทย 3 แบบ อร่อยมากกกกกกกกกกก
น้ำผึ้งแท้ กินแล้วดีต่อคอ

มีไอติมรสน้ำผึ้งด้วย

มีเล่นทอยลูกเต๋าจ้า ถ้าทอยได้เบอร์ 6 จะได้รับการตกแต่งจริงจัง 555 ชอบๆ แล้วตาคนนี้คือดวงดีมากๆ ใช้ดวงหมดแล้วมั้ง ทอยได้ 2 รอบเลย เอาไปทั้งผึ้งทั้งสวนดอกไม้

จากนั้นแวะเข้าที่พักค่ะ ที่พักวันนี้ของบีมคือ Nyuto Onsen ในตำนานนนนนน

บีมอยากพักที่นี่มานานแล้วววววว เพราะได้ยินคนพูดถึงเยอะมากกกกกกก ว่ามันดีมาก
อยากจะรู้ว่ามันดียังไง ทำไมทุกคนเชียร์

ปล.จองยากหน่อยนะ อาจจะต้องโทรศัพท์ไปจอง

เริ่มจากต้องขับรถขึ้นเขาจริงจัง แต่ทางแบบคือ สวยมากกก สวยสุดๆ
เป็นสีแดงเพลิงทั้งเขา ใบไม้เปลี่ยนสีกำลังงาม ไปถูกช่วงมาก น้ำตาจะไหล

ทางเดินเข้าที่พักเป็นหินบ้างเป็นบันไดบ้าง กระเป๋าเดินทางถ้าหนักจะลำบาก
รถบัสมี แต่แนะนำให้รถเช่าจะสะดวกกว่า

Nyuto Onsen คือชื่อเมืองออนเซ็นบนเขาที่มีที่พักหลายแห่ง

บีมพักที่ Tsuru no yu ค่ะ ที่นี่สวยและได้รับความนิยมมากที่สุดในบรรดา 7 แห่งค่ะ

ไปถึงคือสะพรึง
สวยมากจริง บรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก
ออนเซ็นสีน้ำนมธรรมชาติ ด้วยแร่ธาตุของแถวนั้น
ตัดกับสีแดงส้มของใบไม้ ฟินสุดจะบรรยาย

มีบ่อรวมด้วยนะ ลงร่วมกันกับผู้ได้นะ อิอิ  แต่น้ำมันก็จะสีน้ำนมๆ มองไรไม่เห็นหรอก ถ้าไม่ลุกพรวดขึ้นมา 555

สีที่ตาเห็นมันเป็นแบบนี้เลยจริงๆนะ ปลาบปลื้มมาก
มีหลายบ่อด้วย ลงมันให้หมด 555

ที่พักเป็นสไตล์บ้านพักท้องถิ่นแบบญี่ปุ่นเลย
มีอิโรริ (เตากลางบ้านแบบญี่ปุ่น) ในบางห้องด้วย เราสามารถทานอาหารเย็นที่นี่ได้ เขาจะยกมาให้

ที่นี่ไม่มีมดไม่ต้องกังวล
เช้าวันสุดท้ายเราจะไปเที่ยวกันอีกนิดหน่อยก่อนจะกลับโตเกียวค่ะ

ใน Nyuto Onsen มีรถบัสที่ชื่อ Yumeguri ด้วยแหละ
คือจะวิ่งวนไปตามที่พักใน Nyuto Onsen สำหรับแฟนคลับออนเซ็น
จะได้ลงมันทุกบ่อ ทุกโรงแรม 555

บรรยากาศระหว่างทางจะเป็นแบบนี้
งื้อออ ดีต่อใจ

นอกจาก Tsurunoyu ที่บีมพักแล้ว ก็มีที่พักอื่นด้วยนะ เช่น

Kuroyu

หรือ แบบโมเดิร์นสมัยใหม่สไตล์โรงแรมก็มี เช่น

Kyukamura

หมดการตระเวนโรงแรม ไปสายบุญกันต่อ
แถวทะเลสาบมีวัดเจ้าแม่กวนอิมทองด้วยนะ Tazawa Lake Gold Great Kannon

สักการะเสร็จก็ไปกินข้าว มือสุดท้ายที่อาคิตะนี้บีมกินที่นี่เลย

มีธงไทยเพราะเหมือนกรุงเทพคริสเตียนกำลังมาทัศนศึกษา 555

พี่จอย พี่แฟนเพจที่น่ารัก พอได้ยินว่าบีมมาอาคิตะ พี่จอยก็เลยแวะมาหาค่ะ
ขอบคุณมากๆนะคะ ดีใจที่ได้เจอมากๆเลย

มากินสเต็กหมูค่ะ แต่จริงๆเมนูเด็ดเขาคือเนื้อหมักเบียร์นะ
จากนั้นเดินไปนิดนึงจะเห็น Akita Art Village เราจะไปดูการแสดงประจำจังหวัดกันค่ะ

สาวอาคิตะเขาว่ากันว่างดงามมากๆเลยนะ สวยทุกคนจริงๆด้วยค่ะ
รวมเราด้วย อยู่ที่ไหน เป็นคนที่นั่น 55555555

สถานที่สุดท้ายที่บีมไปเยือนคือหุบเขา Dakigaeri ค่ะ แต่เนื่องจากวันนั้นฝนตก ประกอบกับ พิษจากไต้ฝุ่นลูกใหญ่ เลยเข้าไปไม่ถึงข้างใน ขออนุญาตเอารูปภาพที่เจ้าหน้าที่ส่งให้มาลงแทนนะคะ

สวยมากเลยเนอะ

โอกาสหน้าบีมก็อยากมาอีกนะคะ
อยากพาคนรักและครอบครัวไปที่ Nyuto Onsen ค่ะ
ขึ้นอันดับ 1 ออนเซ็นในใจไปเลย
ของเขาสุดจริง

หวังว่าทุกท่านจะชอบรีวิวนี้นะคะ
ไว้พบกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ
บ๊ายบายยย