นั่งรถไฟ Shimakaze ชมวิวทะเลคันไซ ณ เกาะไข่มุกมิกิโมโตะ & เกาะคาชิโกะ
ม.ค. 18, 2024
นั่งรถไฟ Shimakaze ชมวิวทะเลคันไซ ณ เกาะไข่มุกมิกิโมโตะ & เกาะคาชิโกะ
เมื่อพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่แสนสงบในภูมิภาคคันไซ หนึ่งในสถานที่ที่เราอยากแนะนำก็คือ เกาะไข่มุกมิกิโมโตะ (Mikimoto Pearl Island) และ เกาะคาชิโกะ (Kashiko Island) ในจังหวัดมิเอะค่ะ เกาะทั้งสองแห่งนี้ไม่เพียงแต่ขึ้นชื่อเรื่องท้องทะเลที่สวยงาม แต่ยังรุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิมของผู้คนท้องถิ่นอีกด้วย
ส่วนวิธีการเดินทางนั้นก็ไม่ยากเลยค่ะ เพราะเราสามารถนั่งรถไฟด่วนเพื่อการท่องเที่ยว ‘ชิมะคาเสะ’ (Kintetsu Premium Express ‘Shimakaze’) ไปได้ รถไฟขบวนนี้จะเติมเต็มทริปท่องเที่ยวของคุณให้พิเศษตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง ทำให้ทริปมิเอะของคุณเต็มไปด้วยความทรงจำที่จะติดตรึงใจไปอีกนาน
ต่อจากนี้เราจะเริ่มแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอันแสนวิเศษอย่าง “เกาะไข่มุกมิกิโมโตะ” และ “เกาะคาชิโกะ” กันเลยนะคะ เราจะพาทุกคนไปดำดิ่งในโลกแห่งท้องสมุทรกับ “อามะซัง” หญิงผู้ทำอาชีพประมงด้วยวิธีการดำน้ำลงไปจับสัตว์ทะเลด้วยตัวเอง ซึ่งนับว่าเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของพื้นที่แถบนี้ รวมถึงมีรีวิวการเดินทางไปยังเกาะทั้งสองแห่งด้วยรถไฟท่องเที่ยว ‘ชิมะคาเสะ’
หากพร้อมจะก้าวเข้าสู่โลกแห่งท้องทะเลกันแล้วก็ขึ้นรถไฟมากับเราได้เลยค่ะ!
สารบัญ (Index)
- 1. ฤดูกาลไหนดีที่สุดสำหรับการไปเที่ยว “เกาะไข่มุกมิกิโมโตะ” และ “เกาะคาชิโกะ” ?
- 2. กิจกรรมแนะนำสำหรับการท่องเที่ยวบนเกาะไข่มุกมิกิโมโตะ & เกาะคาชิโกะ
- 3. “อามะซัง” สัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรมของเกาะไข่มุกมิกิโมโตะและเกาะคาชิโกะ
- 4. เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ไข่มุกมิกิโมโตะ
- 5. ชมวิวสุดอลังการของอ่าวอาโกะจากจุดชมวิวโยโกยามะ ณ เกาะคาชิโกะ
- 6. เดินทางสู่เกาะไข่มุกมิกิโมโตะและเกาะคาชิโกะด้วย “รถไฟด่วนพิเศษ Shimakaze”
- 7. ความพิเศษของรถไฟ Shimakaze
- 8. ค่าโดยสารของรถไฟ Shimakaze สายหลัก
- 9. วิธีจองตั๋วรถไฟด่วนพิเศษ Shimakaze
- 10. ทริคในการเที่ยวเกาะไข่มุกมิกิโมโตะและเกาะคาชิโกะให้สนุก!
1. ฤดูกาลไหนดีที่สุดสำหรับการไปเที่ยว “เกาะไข่มุกมิกิโมโตะ” และ “เกาะคาชิโกะ” ?
หากอยากเก็บประทับใจจากการท่องเที่ยว “เกาะไข่มุกมิกิโมโตะ” และ “เกาะคาชิโกะ” ให้ได้มากที่สุด เราขอแนะนำว่าควรเลือกช่วงเวลาในการมาเที่ยวให้ดีค่ะ
และช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการมาเที่ยวเกาะทั้งสองแห่งก็คือ ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง นั่นเอง เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นฤดูกาลที่สภาพอากาศปลอดโปร่ง ไร้พายุและลมฝน ทุกคนจึงสามารถชื่นชมความงดงามของท้องทะเลกันได้อย่างเต็มที่ค่ะ ส่วนฤดูกาลที่ควรหลีกเลี่ยงในการมาเที่ยวคือฤดูร้อนและฤดูหนาวนะคะ
เพียงเลือกช่วงเวลามาเที่ยวให้ถูกก็มีชัยไปกว่าครึ่ง! 😉เพราะทุกคนจะได้ทำกิจกรรมกลางแจ้งและเดินทางไปยังจุดต่างๆได้อย่างสะดวก ไร้อุปสรรคทางด้านสภาพอากาศค่ะ ดังนั้นลองวางแผนเลือกช่วงเวลามาเที่ยวให้ดีเพื่อประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าจดจำนะคะ
2. กิจกรรมแนะนำสำหรับการท่องเที่ยวบนเกาะไข่มุกมิกิโมโตะ & เกาะคาชิโกะ
เกาะไข่มุกมิกิโมโตะ (Mikimoto Pearl Island) เป็นสถานที่ที่มีความหมายอย่างมากต่อแวดวงการผลิตไข่มุก จนถึงกับมีคำกล่าวว่าเกาะมิกิโมโตะคือนิยามของศิลปะการเพาะเลี้ยงหอยมุกเลยทีเดียว
หัวใจสำคัญของวิถีแห่งการเพาะเลี้ยงหอยมุกที่นี่คือ “อามะซัง” หญิงผู้ทำอาชีพประมงด้วยการดำน้ำลึกไปจับสัตว์ทะเลและเป็นผู้เพาะเลี้ยงหอยมุกด้วยนั่นเอง เราจะได้ชมเทคนิคการเลี้ยงหอยมุกของเหล่าอามะซังที่เกาะมิกิโมโตะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการเลี้ยงหอยมุกของอามะซังที่ทั้งละเอียดและต้องอาศัยความพิถีพิถันอย่างมาก แต่ขั้นตอนต่างๆเหล่านี้ก็แสนจะคุ้มค่า เพราะนี่คือปัจจัยหลักที่ทำให้เกาะมิกิโมโตะเป็นแหล่งผลิตไข่มุกที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลกค่ะ
ด้วยประวัติศาสตร์แห่งการผลิตไข่มุกอันยาวนาน ที่นี่จึงมีการก่อตั้ง “พิพิธภัณฑ์ไข่มุกมิกิโมโตะ” ให้ทุกคนได้ไปชมประวัติการเพาะเลี้ยงหอยมุกของเกาะมิกิโมโตะ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะพาทุกคนย้อนเวลาไปศึกษาเรื่องไข่มุกในสถานที่ซึ่งมีการวิเคราะห์และวิจัยด้านการเลี้ยงหอยมุกมาอย่างยาวนาน เราจะได้เห็นถึงวิวัฒนาการและเทคนิคของการเลี้ยงหอยมุกจากสถานที่จริง รวมถึงได้ชมเครื่องประดับมุกแท้อันสวยงามเลอค่า
เรียกได้ว่าการมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ไข่มุกมิกิโมโตะเป็นโอกาสสำคัญในการชื่นชมและศึกษาประวัติศาสตร์ด้านไข่มุกของประเทศญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ
นอกจากเกาะมิกิโมโตะแล้ว อีกหนึ่งสถานที่ซึ่งเราอยากแนะนำเป็นพิเศษก็คือ เกาะคาชิโกะ (Kashiko Island) อัญมณีล้ำค่าแห่งอ่าวอาโกะที่ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติอันสมบูรณ์และหมู่บ้านอามะซัง
คุณจะได้เดินเล่นสบายๆบนเกาะที่สวยงาม ชมวิถีชีวิตของเหล่าอามะซังที่อาศัยอยู่ตามกระท่อม ดื่มด่ำกับความสงบเรียบง่ายของเกาะชนบท นอกจากนี้ทุกคนยังสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอลังการของอ่าวอาโกะและเกาะต่างๆได้ ณ จุดชมวิวโยโกยามะ (Yokoyama Observatory Deck) ค่ะ
3. “อามะซัง” สัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรมของเกาะไข่มุกมิกิโมโตะและเกาะคาชิโกะ
หญิงชาวประมงอย่าง “อามะซัง” นั้นเป็นดั่งผู้สืบทอดวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของเกาะไข่มุกมิกิโมโตะและเกาะคาชิโกะ อาชีพเก่าแก่ดั้งเดิมนี้ได้ดำเนินสืบต่อกันมายาวนานนับ 2,000 ปีเลยทีเดียว
ประเพณีสำคัญหลายๆอย่างของพื้นที่ชายฝั่งทะเลนี้ก็ดำรงสืบทอดจากอดีตมาสู่ปัจจุบันโดยอามะซัง ทั้งการดำน้ำงมสัตว์ทะเล การเพาะเลี้ยงหอยมุก รวมถึงการปรุงอาหารซีฟู้ดอันแสนขึ้นชื่อ พวกเธอเป็นที่กล่าวขานทั้งในแง่ของความแข็งแรง ความอดทน และความมีน้ำใจไมตรี อามะซังนั้นไม่เพียงแต่เป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมอันแสนล้ำค่าผ่านงานชุมชนและเทศกาลท้องถิ่นต่างๆอีกด้วย
4. เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ไข่มุกมิกิโมโตะ
พิพิธภัณฑ์ไข่มุกมิกิโมโตะ (Mikimoto Pearl Museum) เป็นสถานที่ที่พลาดไม่ได้เลยหากมาเที่ยวเกาะมิกิโมโตะ ทันทีที่ก้าวเข้าสู่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของอาณาจักรไข่มุกที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน รวมถึงได้เรียนรู้ประวัติการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงหอยมุกและขั้นตอนการผลิตไข่มุกอันแสนพิถีพิถัน ทั้งหมดนี้ได้กลายมาเป็นความนิยมในการนำมุกมาใช้เป็นเครื่องประดับจนถึงปัจจุบัน
โซนนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ก็มีการนำมุกที่หายากและเครื่องประดับมุกคอลเลคชั่นต่างๆมาจัดแสดง ทำให้ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้เข้าใจถึงความสำคัญของไข่มุกที่เชื่อมโยงในบริบทของวัฒนธรรมญี่ปุ่น
- เว็บไซต์พิพิธภัณฑ์ >> https://www.mikimoto-pearl-island.jp/en
5. ชมวิวสุดอลังการของอ่าวอาโกะจากจุดชมวิวโยโกยามะ ณ เกาะคาชิโกะ
จุดชมวิวโยโกยามะ (Yokoyama Observatory Deck) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทุกคนไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวเกาะคาชิโกะค่ะ จากจุดชมวิวแห่งนี้ทุกคนสามารถชมทิวทัศน์อ่าวอาโกะได้แบบพาโนรามา โดยเราจะได้ชมทัศนียภาพของเกาะแก่งต่างๆที่กระจายไปทั่วพื้นที่อ่าว เป็นความงามตามธรรมชาติที่จะทำให้คุณต้องประทับใจ
ใครเป็นสายถ่ายภาพหรือชื่นชอบธรรมชาติ ลองมาเติมความสดชื่นที่จุดชมวิวโยโกยามะกันนะคะ
หากโชคดีไปจุดชมวิวถูกเวลา คุณอาจจะได้เห็นเรือ Kashikojima Espana Cruise แล่นผ่านหน้าไปด้วยนะคะ เรือลำนี้มีสีสันสดใสและรูปร่างคล้ายเรือโจรสลัดเลยค่ะ
6. เดินทางสู่เกาะไข่มุกมิกิโมโตะและเกาะคาชิโกะด้วย “รถไฟด่วนพิเศษ Shimakaze”
สำหรับวิธีการเดินทางไปยังเกาะไข่มุกมิกิโมโตะและเกาะคาชิโกะนั้น เรานั่ง รถไฟด่วนพิเศษชิมะคาเสะ (Kintetsu Premium Express “Shimakaze”) ไปกันค่ะ โดยเราเริ่มต้นออกเดินทางที่สถานีรถไฟ Osaka-Namba ในโอซาก้าค่ะ
รถไฟท่องเที่ยวสุดหรูหราขบวนนี้จะวิ่งโลดแล่นไปท่ามกลางทิวทัศน์อันสวยงาม เผยให้เห็นวิวพาโนราม่าของชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นอันงดงาม เมื่อถึงปลายทางรถไฟชิมะคาเสะจะจอดลง ณ สถานีโทบะ (Toba Station) เป็นการเดินทางไปยังเกาะไข่มุกมิกิโมโตะและเกาะคาชิโกะที่สะดวกรวดเร็วมาก ทำให้ทริปนี้เริ่มต้นด้วยความทรงจำที่น่าประทับใจค่ะ
7. ความพิเศษของรถไฟ Shimakaze
รถไฟด่วนพิเศษชิมะคาเสะ (Kintetsu Premium Express “Shimakaze”) เป็นยานพาหนะที่เปลี่ยนความหมายของการเดินทางด้วยความหรูหราสะดวกสบาย ที่นั่งบนรถไฟกว้างขวางและบุด้วยเบาะผ้าสุดนุ่ม ด้านข้างมีหน้าต่างบานใหญ่ที่เผยให้เห็นทิวทัศน์อันงดงามระหว่างทาง ทุกๆรายละเอียดล้วนถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความสะดวกสบายของผู้โดยสารอย่างแท้จริง ดีไซน์การตกแต่งภายในรถไฟได้รับแรงบันดาลใจจากวิวทะเลอันสวยงาม ทำให้ผู้โดยสารยิ่งรู้สึกอินไปกับบรรยากาศระหว่างการเดินทางไปยังเมืองชายฝั่งทะเล
ที่นั่งของรถไฟชิมะคาเสะนั้นมีความกว้างถึง 125 เซนติเมตร เป็นขนาดความกว้างที่นั่งได้สบายกว่ารถไฟหัวกระสุนทั่วๆไป เบาะที่นั่งของรถไฟขบวนนี้หุ้มด้วยหนังแท้ที่ให้สัมผัสอ่อนนุ่ม อีกทั้งยังมีพนักพิงศีรษะกับฟังก์ชั่นปรับระดับการเอนของพนักพิงหลังอีกด้วย ที่พิเศษสุดๆคือมีฟังก์ชั่นเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่เพิ่มความผ่อนคลายให้กับผู้โดยสารเป็นอย่างมาก
ดังที่กล่าวไปว่ารถไฟชิมะคาเสะสร้างขึ้นโดยคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้โดยสารเป็นหลัก ดังนั้นรถไฟขบวนนี้จึงมีโซนที่นั่งประเภทห้องส่วนตัวสำหรับผู้ที่เดินทางกันเป็นกลุ่มและต้องการพูดคุยกันอย่างสบายใจด้วยค่ะ
ห้องส่วนตัวของรถไฟชิมะคาเสะมีด้วยกัน 2 แบบ คือห้องสไตล์ญี่ปุ่นและห้องสไตล์ตะวันตก

ห้องส่วนตัวสไตล์ญี่ปุ่น (Japanese-style Room)
ห้องส่วนตัวสไตล์ญี่ปุ่น จะมีโต๊ะที่นั่งสไตล์คล้ายๆที่นั่งแบบ ‘โฮริโกะทัตทสึ’ (horigotatsu) หรือที่นั่งซึ่งมีลักษณะเป็นโต๊ะเตี้ยพร้อมเก้าอี้ไร้ขา และมีช่องให้สอดขาลงไปที่พื้น ภายในห้องส่วนตัวจะมีหน้าต่างบานกว้างให้ชมวิวเช่นเดียวกับที่นั่งด้านนอก แสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านหน้าต่างรถไฟช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่นยิ่งขึ้น ทั้งนี้ค่าโดยสารของห้องส่วนตัวสไตล์ญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นจากที่นั่งปกติ 1,050 เยนค่ะ

ห้องส่วนตัวสไตล์ตะวันตก (Western-style Room)
เรามาดู ห้องส่วนตัวสไตล์ตะวันตก กันบ้างนะคะ ห้องแบบตะวันตกนั้นได้รับการดีไซน์ให้มีบรรยากาศแบบห้องนั่งเล่น โซฟาจะโค้งไปตามแนวผนังเป็นลักษณะคล้ายตัวอักษรแอล (L) โต๊ะถูกจัดวางตรงกลางในตำแหน่งที่ทุกคนในห้องสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก เป็นโซนที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายราวกับห้องนั่งเล่นในบ้าน สำหรับค่าโดยสารของห้องส่วนตัวสไตล์ตะวันตกจะเพิ่มขึ้นจากที่นั่งปกติ 1,050 เยนค่ะ

ที่นั่งแถวยาวแบบ Salon Seats
นอกจากนี้ รถไฟชิมะคาเสะก็ยังมีโซนที่นั่งสำหรับผู้เดินทางเป็นกลุ่มที่ไม่ใช่ห้องส่วนตัวอีกด้วย โซนนี้จะมี ที่นั่งแถวยาวแบบ Salon Seats ซึ่งมีลักษณะเป็นเก้าอี้ติดกัน 3 ที่ และมีความแตกต่างจากที่นั่งธรรมดาเพราะมีโต๊ะยาวตรงกลางให้ด้วย เป็นโซนที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางด้วยกันเป็นกลุ่มหลายคน
อย่างไรก็ตาม ที่นั่ง Salon Seats สามารถนั่งได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในจำนวนผู้โดยสารสูงสุด 6 ท่านนะคะ

โซนคาเฟ่และบาร์ขายอาหารแบบบิวท์อิน
นอกเหนือจากที่นั่งแบบห้องส่วนตัวและแบบ Salon Seats ที่เราแนะนำกันไป รถไฟชิมะคาเสะยังมี โซนคาเฟ่และบาร์ขายอาหารแบบบิวท์อิน บนรถไฟอีกด้วย โซนดังกล่าวนี้อยู่ที่ชั้น 2 ของรถไฟซึ่งเป็นชั้นที่ยกพื้นสูงขึ้นจากชั้นธรรมดาค่ะ ทุกคนสามารถไปลองทานอาหารและเครื่องดื่มจากวัตถุดิบท้องถิ่นของเมืองที่รถไฟสายนี้วิ่งผ่านได้ตั้งแต่ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทางเลยทีเดียว
อาหารที่เสิร์ฟบนรถไฟชิมะคาเสะล้วนปรุงขึ้นอย่างสดใหม่ โดยเมนูขึ้นชื่อจะมีดังต่อไปนี้
- หอยนางรมย่างซอสโชยุ
- ซุปมิโสะพร้อมกุ้งมังกรอิเสะ
- พิลาฟทะเล (ข้าวอบทะเล)
- ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น
- ข้าวกล่องหน้าเนื้อวัวมัตสึซากะ
อาหารบนรถไฟชิมะคาเสะส่วนใหญ่มีราคาจานละ 1,500 เยน ราคาค่อนข้างสูงกว่าข้าวกล่องที่จำหน่ายตามสถานีรถไฟเล็กน้อย แต่ก็อยู่ในระดับที่เอื้อมถึงและไม่ได้แพงจนเกินไปค่ะ
8. ค่าโดยสารของรถไฟ Shimakaze สายหลัก
รถไฟชิมะคาเสะมีค่าโดยสารที่ค่อนข้างถูกกว่ารถไฟหัวกระสุนทั่วๆไป โดยค่ารถไฟจากสถานีหลักๆจะอยู่ที่ราคาดังต่อไปนี้
เส้นทาง | ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) | เด็ก (อายุ 6-11 ปี) |
โอซาก้า–นัมบะ > คาชิโกะจิมะ (เกาะคาชิโกะ) | 5,460 เยน | 2,730 เยน |
เกียวโต > คาชิโกะจิมะ (เกาะคาชิโกะ) | 6,150 เยน | 3,075 เยน |
คินเท็ตสึนาโกย่า > คาชิโกะจิมะ (เกาะคาชิโกะ) | 5,060 เยน | 2,530 เยน |
หากต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าโดยสารของรถไฟสายอื่นๆ สามารถดูได้ที่หน้าเว็บไซต์นี้ >> https://www.kintetsu.co.jp/foreign/english/shimakaze/
9. วิธีจองตั๋วรถไฟด่วนพิเศษ Shimakaze
ตั๋วโดยสารของรถไฟด่วนพิเศษ Shimakaze สามารถจองได้ที่เคาน์เตอร์ตามสถานีรถไฟฟ้าคินเท็ตสึหรือจองผ่านเว็บไซต์ก็ได้เช่นกันค่ะ หากต้องการจองในเว็บไซต์สามารถเข้าไปที่นี่ได้เลยค่ะ >> https://www.ticket.kintetsu.co.jp/vs/en/e-ticket/
หากต้องการซื้อตั๋วเองโดยไม่ผ่านเว็บไซต์ ให้มองหาสัญลักษณ์รถไฟด่วนพิเศษ “Limited Express Tickets” ตามภาพด้านบน ณ บริเวณเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วของสถานีรถไฟฟ้าคินเท็ตสึได้เลยค่ะ
10. ทริคในการเที่ยวเกาะไข่มุกมิกิโมโตะและเกาะคาชิโกะให้สนุก!
- ท่องเที่ยวตามวิถีท้องถิ่น : หากมาเที่ยวเกาะไข่มุกมิกิโมโตะและเกาะคาชิโกะ เราอยากให้ทุกคนลองเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นและใช้ชีวิตตามแบบฉบับอามะซังดูนะคะ ทุกคนจะได้รับประสบการณ์และความเข้าใจในวิถีชีวิตของชุมชนชาวอามะซังอย่างละเอียดลึกซึ้งแน่นอนค่ะ
- พร้อมรับบริการที่แสนมีระดับ : บริการต่างๆบนรถไฟด่วนพิเศษ ‘ชิมะคาเสะ’ นั้นเต็มไปความพิเศษ ค่าใช้จ่ายในการขึ้นรถไฟขบวนนี้จึงสูงกว่ารถไฟธรรมดาเล็กน้อย ดังนั้นหากเป็นไปได้ให้ลองเตรียมวางแผนค่าใช้จ่ายสำหรับบริการที่น่าประทับใจเหล่านี้ไว้ด้วยนะคะ
- วางแผนจัดกระเป๋า : ก่อนถึงวันเดินทาง ลองดูแนวโน้มของสภาพอากาศและเลือกสิ่งของที่จะพกติดตัวให้เหมาะกับการเดินทางด้วยรถไฟและการเที่ยวเกาะในฤดูต่างๆด้วยนะคะ
- เรียนรู้และเคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น : เกาะไข่มุกมิกิโมโตะมีชื่อเสียงเรื่องการได้ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของอามะซัง การมาเที่ยวที่นี่จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และทำความเข้าใจในวัฒนธรรมดั้งเดิมของภูมิภาคนี้ค่ะ
*.。.*゚*.。.*゚*
และทั้งหมดนี้ก็คือทริปเที่ยวเกาะไข่มุกมิกิโมโตะและเกาะคาชิโกะด้วยรถไฟด่วนพิเศษ Shimakaze ค่ะ การเดินทางด้วยรถไฟขบวนนี้ไม่ได้เป็นเพียงประสบการณ์การท่องเที่ยวธรรมดาๆ แต่ยังเป็นการให้รางวัลตัวเองด้วยการเดินทางอย่างหรูหรามีระดับ อีกทั้งยังได้ใกล้ชิดกับวิถีชุมชนดั้งเดิมด้วยค่ะ การได้สัมผัสประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเกาะไข่มุกมิกิโมโตะ รวมถึงวิวธรรมชาติที่สวยงามของเกาะคาชิโกะนั้น นับว่าเป็นประสบการณ์ล้ำค่าอันหาจากที่ไหนไม่ได้
หากใครมีโอกาสได้เดินทางมายังจังหวัดมิเอะ ลองวางแผนท่องเที่ยวและจองตั๋วรถไฟชิมะคาเสะเพื่อมาค้นพบประสบการณ์อันล้ำค่า ณ เกาะไข่มุกมิกิโมโตะและเกาะคาชิโกะกันนะคะ แล้วคุณจะได้สัมผัสกับอัญมณีที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ความหรูหราระหว่างการเดินทางครั้งนี้ค่ะ 😊
อ่านบทความอื่นๆจาก fromJapan
- แวะพักแช่น้ำพุร้อน & เที่ยวชมฟาร์มสตรอว์เบอร์รี ณ “รีสอร์ตออนเซ็น AQUAIGNIS”
- ท่องไปในโลกแห่งความสนุกสุดระทึกใจ ณ สวนสนุกอิโกมะซันโจ
- นั่งรถไฟ Aoniyoshi ไปเที่ยวสวนนารา ชมใบไม้เปลี่ยนสีสุดตระการตา
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ
แท็กยอดนิยม
แชร์บทความนี้
Klook.com
บทความแนะนำจังหวัดใน
ภูมิภาค
คันไซ

จังหวัด โอซาก้า

จังหวัด เกียวโต

จังหวัด เฮียวโกะ

จังหวัด นารา

จังหวัด มิเอะ

จังหวัด ชิกะ

จังหวัด วาคายามะ