fbpx

15 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดไอจิ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!

มิ.ย. 15, 2021

บทนำ : ไปเที่ยว ‘จังหวัดไอจิ’ กันเถอะ

จังหวัดไอจิ (Aichi Prefecture) ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น โดยอยู่ตรงกลางระหว่างโซนจังหวัดสำคัญอย่างโตเกียวและโอซาก้า จังหวัดนี้ค่อนข้างจะถูกมองข้ามในแง่ของการท่องเที่ยว เพราะดันอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวตัวท็อปของญี่ปุ่นอย่างโอซาก้า เกียวโต และมิเอะ (ถูกมองข้ามจนคนส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยว่านี่คือจังหวัด พานคิดไปว่านาโกย่าเป็นจังหวัด ทั้งที่นั่นเป็นเพียงเมืองหนึ่งของจังหวัดไอจิ)

จริงๆแล้วไอจิเป็นจังหวัดที่มีความน่าสนใจในแง่การท่องเที่ยวอยู่มาก เพราะมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยในอดีตจังหวัดนี้เคยเป็นฐานที่มั่นของ 3 ขุนพลผู้รวมชาติญี่ปุ่น คือโอดะ โนบุนากะ, โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ และโทคุกาวะ อิเอยาสึ ด้วยเหตุนี้ไอจิจึงมีจุดท่องเที่ยวที่เป็นปราสาทอยู่หลายแห่ง และต่อมาในช่วงที่อุตสาหกรรมเฟื่องฟู จังหวัดนี้ก็เป็นฐานการผลิตของบริษัทชื่อดังอย่างโตโยต้า ที่นี่จึงมีจุดท่องเที่ยวเกี่ยวกับโตโยต้าด้วย และถ้าใครเป็นสายความรู้ก็น่าจะชอบจังหวัดนี้มากๆเลย เพราะมีพิพิธภัณฑ์เพียบ! แถมมีหลากหลายแนวด้วย ส่วนสายถ่ายรูปชมวิวก็มีจุดสวยๆให้ไปตามเก็บภาพอยู่เช่นกัน และเนื่องจากจังหวัดนี้มีเมืองใหญ่อย่างนาโกย่า สายชอปปิ้งย่อมไม่ผิดหวัง

ยิ่งไปกว่านั้น จังหวัดไอจิ ยังเป็นจังหวัดที่เดินทางสะดวกมากกกกก ส่วนหนึ่งคงเพราะมีเมืองใหญ่อย่างนาโกย่า แถมยังเป็นจังหวัดที่อยู่กลางประเทศด้วย เท่านั้นไม่พอ จังหวัดนี้ยังเป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติอีก ถ้าใครบินตรงจากไทยก็สามารถมาลงที่นี่ได้ ต่อรถเข้าเมืองแปบเดียวก็เที่ยวได้เลย ส่วนใครบินมาจากที่อื่นๆในญี่ปุ่นก็ยังเดินทางได้สะดวกเช่นกัน

    • จากโตเกียว ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 34 นาที (นั่งรถไฟชินคันเซ็น สายโทไคโดซันโย)
    • จากโอซาก้า ใช้เวลา 48 นาที (นั่งรถไฟชินคันเซ็น สายโทไคโดซันโย)
    • จากฮิโรชิม่า ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 19 นาที (นั่งรถไฟชินคันเซ็น สายโทไคโดซันโย)

สำหรับการเดินทางภายใน ‘จังหวัดไอจิ’ ถ้าเป็นการเดินทางภายในเมืองนาโกย่า เราแนะนำให้ซื้อตั๋ว Shoryudo Nagoya Subway & Bus 1 Day Pass (ราคา 620 เยน) หรือตั๋ว Nagoya City Bus & Subway 1-Day Ticket (ราคา 870 เยน) เพื่อใช้กับรถไฟใต้ดินและรถบัสที่วิ่งในเมือง (ถ้าเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะมีตั๋ว Donichi Eco Ticket ที่มีการใช้งานเหมือนกัน ในราคา 620 เยน)

ต่อจากนี้เราจะเริ่มแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิ้งใน ‘จังหวัดไอจิ’ กันเลยนะครับ

สารบัญ

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดไอจิ : โซนเมืองนาโกย่า
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดไอจิ : โซนเมืองอินุยามะ
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดไอจิ : โซนอื่นๆ
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดไอจิ

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดไอจิ : โซนเมืองนาโกย่า (Nagoya)

1. ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle)

ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle) แม้จะไม่ใช่ปราสาทดั้งเดิมแบบปราสาทฮิเมจิ แต่นี่ก็เป็นปราสาทแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติของชาติ และบริเวณโดยรอบของปราสาทยังเป็นจุดชมดอกซากุระกับใบไม้แดงที่สวยงามที่สุดของเมืองอีกด้วย

ในส่วนของประวัติปราสาทนาโกย่านั้น ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยคำสั่งของโชกุนโทคุกาวะ อิเอยาสึในปี 1612 แต่ท่านโชกุนไม่ได้เป็นผู้ออกงบสร้างเอง! ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยการเกณฑ์กำลังภายใต้การปกครองของของไดเมียว 20 คนที่ปกครองดินแดนญี่ปุ่นฝั่งตะวันตก (คือฟากที่เป็นศัตรูกับท่านโชกุนในสงครามเซกิงาฮาระ) โดยกำลังพลทั้งหมดได้มาช่วยกันสร้างปราสาท จัดหาและขนส่งหินใหญ่เป็นจำนวนหลายตัน ค่าใช้จ่ายสำหรับวัสดุก่อสร้างและแรงงานนั้นเป็นภาระการเงินที่หนักหนาแก่ขุนพลทั้งหลาย แต่มันก็เป็นการป้องกันไม่ให้พวกเขาใช้จ่ายไปกับอาวุธ ชุดเกราะ และกองทัพ ซึ่งช่วยลดโอกาสเรื่องการแข็งข้อต่อโชกุน โดยใครก็ตามที่ปฏิเสธเรื่องนี้จะถูกกำจัด อีกทั้งหลายๆคนยังได้แกะสลักตราประจำตระกูลบนก้อนหินที่พวกเขาหามาเพื่อพิสูจน์ความภักดี

ความจริงแล้วที่นี่ควรเป็นหนึ่งในปราสาทดั้งเดิมที่รอดมาจนถึงปัจจุบัน แต่ในวันที่ 14 พฤษภาคม ปี 1945 เพียงไม่ถึงเดือนก่อนประเทศญี่ปุ่นจะยอมแพ้สงคราม เครื่องบินทิ้งระเบิดของอเมริกาก็ได้ถล่มปราสาท ป้อมปืน ประตู กำแพง และพระราชวังที่สง่างาม จนเหลือเพียงเถ้าถ่านในท้ายที่สุด มีเพียงหอคอย 3 แห่งและประตู 2 แห่งที่เหลือรอดมาได้ ทั้งนี้ ปราสาทที่เห็นในปัจจุบันได้รับการบูรณะใหม่เกือบทั้งหมดในปี 1959

นอกจากปราสาทแล้วก็ยังมีส่วนของ พระราชวังฮอมมารุ (Hommaru Palace) ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของขุนพลผู้ครองปราสาท แต่เป็นของท่านโชกุนในภายหลัง

สถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในส่วนของพระราชวังนั้นงดงามมากจริงๆ อาคารทั้งหลังล้วนก่อสร้างด้วยไม้สนฮิโนกิ และตกแต่งอย่างหรูหราด้วยภาพวาดหลากสีสันบนแผ่นทองคำบริสุทธิ์ รูปเสือ เสือดาว นก และสัตว์มงคล รวมถึงต้นไม้และดอกไม้

แต่โชคไม่ดีเช่นเดียวกันกับปราสาทนาโกย่า พระราชวังฮอมมารุถูกทำลายไปในระหว่างการโจมตีทางอากาศในปี 1945 แต่ก่อนหน้านั้นงานศิลปะสำคัญหลายชิ้นได้ถูกย้ายออกไปและเก็บรักษาไว้ในคลังเรียบร้อยแล้ว จึงช่วยให้รอดพ้นจากการถูกทำลาย ทั้งนี้พระราชวังฮอมมารุได้รับการบูรณะใหม่ในปี 2018

ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle)

ที่อยู่
  • Nagoya castle, 1-1 Honmaru, Naka Ward, Nagoya, Aichi 460-0031
โทร
  • 052-231-1700
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:00 – 16:30 น.
  • หยุดวันที่ 29 ธันวาคม – 1 มกราคม
ค่าเข้าชม
  • ผู้ใหญ่ : 500 เยน
  • เด็กมัธยมต้นลงไป : เข้าชมฟรี
วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ Nagoya ให้ขึ้นรถบัสไปลงที่ป้าย Shiyakusho (ใช้เวลา 15 นาที ค่าโดยสาร 210 เยน) แล้วเดินต่ออีก 2 นาที (ใช้ตั๋ววันของรถใต้ดินและรถบัสได้)
เว็บไซต์
แผนที่

Back To Index

2. พิพิธภัณฑ์ศิลปะโทคุกาวะและสวนโทคุกาวะ (Tokugawa Art Museum and Tokugawa Garden)

พิพิธภัณฑ์ศิลปะโทคุกาวะ (Tokugawa Art Museum) เป็นสถานที่เก็บสมบัติของ ‘ตระกูลโทคุกาวะ’ ตระกูลโชกุนที่ปกครองญี่ปุ่นในช่วงยุคเอโดะ โดยงานศิลปะและข้าวของต่างๆที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์ หลักๆแล้วจะเป็นอาวุธ เช่น ดาบและธนูของตระกูลโทคุกาวะ ส่วนงานศิลปะต่างๆจะเน้นไปที่งานเกี่ยวกับตำนานเก็นจิ โมโนกาตาริ (Genji Monogatari) และยังมีเครื่องดนตรีต่างๆกับชุดละครโนะอีกด้วย

โดยชิ้นงานบางส่วนนั้น นอกจากเราจะได้ชมของจริงแล้ว ทางพิพิธภัณฑ์ก็มีข้อมูลให้ดูผ่านคอมพิวเตอร์แบบรูปด้านบนด้วยครับ

ส่วนข้างๆพิพิธภัณฑ์จะเป็นที่ตั้งของสวนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า สวนโทคุกาวะ (Tokugawa Garden) สวนแห่งนี้สร้างขึ้นโดยโทคุกาวะ มิตสึโมโตะ ผู้เป็นเจ้าบ้านตระกูลโทคุกาวะสายโอวาริ (เป็นตระกูลรองจากสายหลักของโตเกียว)

ในฤดูใบไม้ร่วงวิวใบไม้แดงที่นี่จะสวยมาก จึงมีคนมาถ่ายรูปกันเยอะ โดยเฉพาะรูปพรีเวดดิ้งครับ

ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะโทคุกาวะและสวนโทคุกาวะ (Tokugawa Art Museum and Tokugawa Garden)

ที่อยู่
  • Tokugawa Art Museum : 1017 Tokugawacho, Higashi-ku, Nagoya, Aichi Prefecture 461-0023, Japan
  • Tokugawa Garden : 001, Tokugawacho, Higashi-ku, Nagoya 461-0023, Aichi Prefecture
โทร
  • Tokugawa Art Museum : 052-935-6262
  • Tokugawa Garden : 052-935-8988
วันและเวลาทำการ
  • Tokugawa Art Museum : เปิดบริการในวันอังคารถึงวันอาทิตย์ เวลา 10:00 – 17:00 น. / ปิดช่วงกลางเดือนธันวาคมถึงวันที่ 3 มกราคม
  • Tokugawa Garden : เปิดบริการในวันอังคารถึงวันอาทิตย์ เวลา 9:30 – 17:30 น. / ปิดบริการในวันที่ 29 ธันวาคม ถึงวันที่ 1 มกราคม
ค่าเข้าชม
  • ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Tokugawa Art Museum : 1,400 เยน
  • ค่าเข้าชมสวน Tokugawa Garden : 300 เยน
  • กรณีเข้าชมทั้งสองที่ : 1,550 เยน
วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ Nagoya ให้ขึ้นรถบัสไปลงที่ป้าย Tokugawaenshindeki (ใช้เวลา 35 นาที ค่าโดยสาร 210 เยน) แล้วเดินอีก 1 นาที (ใช้ตั๋ววันสำหรับรถใต้ดินและรถบัสได้)
  • นอกจากนี้ ยังสามารถนั่งรถไฟ JR จากสถานีนาโกย่าได้เช่นกัน โดยให้นั่งไปลงที่สถานี Ozone (ใช้เวลา 12 นาที ค่าโดยสาร 200 เยน)
เว็บไซต์
แผนที่
  • Tokugawa Art Museum

  • Tokugawa Garden

Back To Index

3. ศาลเจ้าอัตสึตะ (Atsuta Shrine)

ศาลเจ้าอัตสึตะ (Atsuta Shrine) เป็นศาลเจ้าชินโตที่สำคัญมากแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใน ‘จังหวัดไอจิ’ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 1,900 ปีก่อนในยุคสมัยของจักรพรรดิเคโกะ จักรพรรดิองค์ที่ 12 ของญี่ปุ่น สิ่งสำคัญที่ถูกเก็บเอาไว้ที่ศาลเจ้านี้คือ ‘ดาบคุซานางิ’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสมบัติของราชวงศ์ยามาโตะ ร่วมกับกระจกยาตะและอัญมณียาซากาติโนะมากาตามะ

โดยตำนานเพิ่มเติมเกี่ยวกับดาบเล่มนี้ก็คือ ดาบคุซานางิเป็นดาบแห่งชัยชนะ มีเรื่องเล่าของผู้ที่มาสักการะดาบเล่มนี้แล้วได้ชัยชนะคือ ‘โอดะ โนบุนากะ’ โดยเป็นชัยชนะจากยุทธการที่โอเกฮาซามะ (Battle of Okehazama) ที่เขานำกำลังพลประมาณ 2,000 คนไปรบจนชนะกองทัพของฝ่ายอิมางาวะที่มีจำนวนรวมถึง 50,000 คน (และเนื่องจากตามตำนาน ดาบเล่มนี้เป็นดาบของสุริยเทวีอามาเทราสึแห่งศาลเจ้าอิเสะ เมื่อมาสักการะที่นี่แล้ว ผู้คนจำนวนมากจึงหาเวลาไปสักการะศาลเจ้าอิเสะเพิ่มเติมอีกที่หนึ่งครับ)

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าอัตสึตะ (Atsuta Shrine)

ที่อยู่
  • Atsuta Shrine, 1-1 1-1 Jingu, Atsuta-ku, Nagoya, Aichi Prefecture 456-8585, Japan
โทร
  • 052-671-4151
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
  • ไม่มีค่าเข้าชม
วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ Nagoya ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ไปลงที่สถานี Sakae จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นสาย Mejiro แล้วลงที่สถานี Jingunishi (ใช้เวลา 19 นาที ค่าโดยสาร 240 เยน) แล้วเดินอีก 5 นาที (ใช้ตั๋ววันของรถใต้ดินและรถบัสได้)
เว็บไซต์
แผนที่

Back To Index

4. พิพิธภัณฑ์รถไฟนาโกย่า (SCMAGLEV and Railway Park)

พิพิธภัณฑ์รถไฟนาโกย่า (SCMAGLEV and Railway Park) เป็นพิพิธภัณฑ์การรถไฟญี่ปุ่นที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ของรถไฟตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังมีการจัดแสดงรถไฟประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ รถไฟชินคันเซ็น หรือรถไฟหัวกระสุนที่ถูกบันทึกไว้เป็นสถิติโลก รวมถึงรถไฟที่​ใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าหรือแม็กเลฟรุ่นล่าสุด (Maglev / Magnetically Levitating) นอกจากนี้เรายังสามารถทดลองขับรถไฟจำลองได้ ทั้งรถไฟธรรมดาและรถไฟชินคันเซ็น (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 100 เยน หรือ 500 เยน แล้วแต่แบบ)

ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์รถไฟนาโกย่า (SCMAGLEV and Railway Park)

ที่อยู่
  • SCMAGLEV and Railway Park, 3-2-2 Kinjofuto,Minato-ku,Nagoya, Aichi,455-0848,Japan
โทร
  • 052-389-6100
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10:00 – 17:30 น.
  • หยุดทุกวันอังคาร และวันที่ 28 ธันวาคม – 1 มกราคมของทุกปี
ค่าเข้าชม
  • ค่าเข้าชม 1,000 เยน
วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ Nagoya ขึ้นรถไฟสาย Aonami ไปลงที่สถานี Kinjofuto (ใช้เวลา 24 นาที ค่าโดยสาร 360 เยน) แล้วเดินอีก 3 นาที
เว็บไซต์
แผนที่

Back To Index

5. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์นาโกย่า (Nagoya City Science Museum)

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์นาโกย่า (Nagoya City Science Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใน ‘จังหวัดไอจิ’ ภายในพิพิธภัณฑ์มีทั้งหมด 7 ชั้น โดย 5 ชั้นจะเป็นส่วนจัดแสดงนิทรรศการถาวร ส่วนนิทรรศการชั่วคราวจะจัดขึ้นเป็นระยะๆที่ชั้นใต้ดิน

นิทรรศการของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เหมาะกับผู้เข้าชมทุกเพศทุกวัย โดยทุกคนจะได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านการทดลองแบบโต้ตอบ เช่น ห้องแล็บทอร์นาโด ห้องแล็บไฟฟ้า และห้องแล็บแช่แข็งที่จำลองสภาวะบริเวณขั้วโลก โดยโซนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเห็นจะเป็นท้องฟ้าจำลอง ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในท้องฟ้าจำลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์นาโกย่า (Nagoya City Science Museum)

ที่อยู่
  • Nagoya City Science Museum, 17-1, Sakae 2-chome, Naka-ku, Nagoya, 460-0008 Japan
โทร
  • 052-201-4486
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:30 – 17:00 น.
  • หยุดทุกวันจันทร์และวันศุกร์ในสัปดาห์ที่สามของทุกเดือน และวันที่ 29 ธันวาคม – 3 มกราคมของทุกปี
ค่าเข้าชม
  • 400 เยน (หรือ 800 เยน หากรวมการแสดงที่โซนท้องฟ้าทำลองด้วย)
วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ Nagoya ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ไปลงที่สถานี Fushimi (ใช้เวลา 3 นาที ค่าโดยสาร 210 เยน) แล้วเดินต่ออีก 9 นาที (ใช้ตั๋ววันของรถใต้ดินและรถบัสได้)
เว็บไซต์
แผนที่

Back To Index

6. สวนโนริทาเกะ (Noritake Garden)

ที่มา : www.japan-guide.com

สวนโนริทาเกะ (Noritake Garden) เป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมในเมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ โดยนอกจากสวนสวยๆกับอาคารอิฐแดงแล้ว ที่นี่ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงผลิตภัณฑ์เก่าแก่ของบริษัท Noritake ผู้สร้างพื้นที่สวนแห่งนี้ โดยบริษัทแห่งนี้เป็นบริษัทอุตสาหกรรมเซรามิกชั้นนำของญี่ปุ่นที่ก่อตั้งมายาวนานกว่า 100 ปี พิพิธภัณฑ์นี้จึงมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์เซรามิกที่หลากหลาย เช่น อุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร ผลิตภัณฑ์จากอุตสาหกรรม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีการตัดขอบที่ใช้ในบริษัท ฯลฯ และยังมีโซนชอปปิ้งสินค้าเซรามิกกับร้านอาหารต่างๆอีกด้วย

ข้อมูลเกี่ยวกับสวนโนริทาเกะ (Noritake Garden)

ที่อยู่
  • Noritake Garden, 3 Chome-1-36 Noritakeshinmachi, Nishi Ward, Nagoya, Aichi 451-8501
โทร
  • 052-561-7114
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตามเวลาดังนี้
    • พิพิธภัณฑ์ –> 10:00 – 17:00 น.
    • ร้านค้า,คาเฟ่ –> 10:00 – 18:00 น.
    • ร้านอาหาร –> 11:30 – 16:00 น.
  • ปิดทำการทุกวันจันทร์ และช่วงวันปีใหม่
ค่าเข้าชม
  • สวน : ไม่มีค่าเข้าชม
  • พิพิธภัณฑ์ : 500 เยน
วิธีเดินทาง
  • จากสถานี Nagoya ให้ขึ้นรถบัสไปลงที่ป้าย Noritakenomori (ใช้เวลา 5 นาที ค่าโดยสาร 210 เยน) แล้วเดินต่ออีก 2 นาที (ใช้ตั๋ววันของรถใต้ดินและรถบัสได้)
เว็บไซต์
แผนที่

Back To Index

7. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำท่าเรือนาโกย่า (Port of Nagoya Public Aquarium)

ที่มา : https://nagoyaaqua.jp

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำท่าเรือนาโกย่า (Port of Nagoya Public Aquarium) เป็นอควาเรียมขนาดใหญ่ติดอันดับท็อป 5 ของญี่ปุ่น ที่นี่มีการจัดแสดงสัตว์น้ำกว่า 500 ชนิด โดยจุดเด่นที่สุดของอควาเรียมแห่งนี้คือการแสดงโลมาในบ่อกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำท่าเรือนาโกย่ายังเป็นไม่กี่ที่ในญี่ปุ่นที่เราสามารถชมวาฬเพชฌฆาตได้อีกด้วย

ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำท่าเรือนาโกย่า (Port of Nagoya Public Aquarium)

ที่อยู่
  • Port of Nagoya Public Aquarium, 1-3 Minatomachi, Minato Ward, Nagoya, Aichi 455-0033
โทร
  • 052-654-7080
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตามเวลาดังนี้
    • กลางเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤศจิกายน : 9:30 – 17:30 น.
    • เดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมีนาคม : 9:30 – 17:00 น.
    • ช่วง Golden Week และวันหยุดอื่นๆ : 9:30 – 20:00 น.
  • ปิดทำการทุกวันจันทร์ และอาจะปิดเพิ่มเติมในบางวันเพื่อทำความสะอาด (โปรดตรวจสอบจากตารางในเว็บไซต์นี้ >> https://nagoyaaqua.jp/calendar/)
ค่าเข้าชม
  • ผู้ใหญ่ : 2,030 เยน
  • เด็กมัธยมต้นและประถม : 1,010 เยน
  • เด็กอนุบาล : 500 เยน
วิธีเดินทาง
  • จากสถานี Nagoya ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ไปลงที่สถานี Sakae จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นสาย Mejiro แล้วลงที่สถานี Nagoyako (ใช้เวลา 38 นาที ค่าโดยสาร 270 เยน) แล้วเดินต่ออีก 7 นาที (ใช้ตั๋ววันของรถใต้ดินและรถบัสได้)
เว็บไซต์
แผนที่

Back To Index

8. พิพิธภัณฑ์รถยนต์โตโยต้า (Toyota Automobile Museum)

พิพิธภัณฑ์รถยนต์โตโยต้า (Toyota Automobile Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมรถยนต์ที่ผลิตโดยบริษัทโตโยต้าตั้งแต่ช่วงปลายปี 1800 จนถึงช่วงปี 1960 โดยมีรถครบทุกรุ่นทั้งที่ขายในญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา

นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์รถยนต์โตโยต้าก็ไม่ได้มีเพียงการแสดงรถยนต์ของโตโยต้าอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังจัดแสดงนวัตกรรมของรถยนต์แบรนด์อื่นๆทั่วโลกอีกด้วย โดยมีรถยนต์ที่นำมาจัดแสดงกว่า 140 คัน ทั้งแบรนด์ของญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรป เพื่อแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าและความหลากหลายของยานยนต์ในแต่ละประเทศ รวมถึงแรงบันดาลใจของแต่ละแบรนด์ในการผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆ

ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์รถยนต์โตโยต้า (Toyota Automobile Museum)

ที่อยู่
  • Toyota Automobile Museum, 41-100 Yokomichi, Nagakute, Aichi 480-1118
โทร
  • 056-163-5151
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:30 – 17:00 น.
  • หยุดทุกวันจันทร์ และช่วงวันหยุดปีใหม่
ค่าเข้าชม
  • 1,200 เยน
วิธีเดินทาง
  • จากสถานี Nagoya ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ไปลงที่สถานี Fujigaoka จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Linimo แล้วลงที่สถานี Geidaidori (ใช้เวลา 47 นาที ค่าโดยสาร 610 เยน) แล้วเดินต่ออีก 5 นาที (ใช้ตั๋ววันของรถใต้ดินและรถบัสได้ในช่วงที่นั่งถึงสถานี Fujigaoka)
เว็บไซต์
แผนที่

Back To Index

9. วัดโอสึคันนงและย่านการค้าโอสึ (Osu Kannon Temple and Osu Shopping Arcade)

วัดโอสึคันนง (Osu Kannon Temple) เป็นวัดพุทธที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ ตัววัดดั้งเดิมสร้างขึ้นในปี 1333 ที่แคว้น Owari (ในอดีตเป็นฐานอำนาจของโอดะ โนบุนากะ ในปัจจุบันคือจังหวัดกิฟุ) เนื่องจากวัดเดิมถูกน้ำท่วมบ่อยครั้ง ในปี 1612 โชกุนโทคุกาวะ อิเอยาสึจึงย้ายที่ตั้งของวัดมาอยู่ที่เมืองนาโกย่าแทน

สิ่งที่ทำให้วัดโอสึคันนงมีชื่อเสียงโด่งดังมากๆนั้น คงเป็นเพราะวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของเทพีคันนอน (เจ้าแม่กวนอิมนั่นแหละ) เชื่อกันว่าเป็นเทพีที่ขึ้นชื่อเรื่องความเมตตา โดยรูปเคารพของเจ้าแม่ได้รับการแกะสลักอย่างประณีตโดยหลวงพ่อโกโบ ไดชิ (Kobo Daishi) พระผู้ก่อตั้งพระพุทธศาสนานิกายชินกอนในญี่ปุ่น

ส่วนถนนทางเดินที่อยู่เยื้องกับบริเวณวัดก็คือ ย่านการค้าโอสึ (Osu Shopping Arcade) ย่านการค้าที่มีร้านค้าและร้านอาหารกว่า 400 ร้านเรียงรายอยู่สองข้างทาง โดยร้านค้าส่วนใหญ่จะเน้นขายสินค้าทันสมัย เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชุดคอสเพลย์ และการ์ตูนอนิเมะ (ย่านนี้ถูกเปรียบว่าเป็นอากิฮาบาระของจังหวัดไอจิเลยทีเดียว)

ข้อมูลเกี่ยวกับวัดโอสึคันนงและย่านการค้าโอสึ (Osu Kannon Temple and Osu Shopping Arcade)

ที่อยู่
  • Osu Kannon Temple : 2 Chome-21-47 Osu, Naka Ward, Nagoya, Aichi 460-0011
  • Osu Shopping Arcade : Osu, Naka Ward, Nagoya, Aichi 460-0011
โทร
  • Osu Kannon Temple : 052-231-6525
  • Osu Shopping Arcade : 052-261-2287
วันและเวลาทำการ
  • Osu Kannon Temple : เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน ตลอดเวลา
  • Osu Shopping Arcade : ร้านค้าส่วนมากเปิดทำการทุกวัน เวลา 11:00 – 20:00 น.
ค่าเข้าชม
  • Osu Kannon Temple : ไม่มีค่าเข้าชม
  • Osu Shopping Arcade : ไม่มีค่าเข้าชม
วิธีเดินทาง
  • จากสถานี Nagoya ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ไปลงที่สถานี Fushimi จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นสาย Tsurumai แล้วลงที่สถานี Osukan-Non (ใช้เวลา 12 นาที ค่าโดยสาร 210 เยน) แล้วเดินต่ออีก 3 นาที (ใช้ตั๋ววันของรถใต้ดินและรถบัสได้)
เว็บไซต์
แผนที่
  • Osu Kannon Temple

  • Osu Shopping Arcade

Back To Index

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดไอจิ : โซนเมืองอินุยามะ (Inuyama)

1. ย่านการค้าหน้าปราสาทอินุยามะ (Inuyama Jokamachi)

ย่านการค้าหน้าปราสาทอินุยามะ (Inuyama Jokamachi) เป็นย่านการค้าที่สร้างมาพร้อมๆกับปราสาทอินุยามะ ที่นี่นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมือง มีทั้งร้านขายของทั่วไป คาเฟ่ และร้านของฝากเรียงรายกันอยู่ ด้วยอาคารที่สร้างด้วยไม้เก่า ที่นี่จึงมีบรรยากาศย้อนยุค เหมาะแก่การเดินเล่น โดยเราอาจจะเช่ากิโมโนใส่เพื่อเพิ่มความย้อนยุคไปอีก

นอกจากนี้ ภายในบริเวณย่านการค้าจะมีพิพิธภัณฑ์ด้วย โดยที่แรกคือพิพิธภัณฑ์หุ่น

ส่วนอีกที่หนึ่งคือพิพิธภัณฑ์เมืองอินุยามะ

ส่วนอันนี้คือพิพิธภัณฑ์รถแห่ ภายในมีการจัดแสดงรถแห่ของงานเทศกาลอินุยามะ ซึ่งจัดขึ้นในวันเสาร์อาทิตย์ในสัปดาห์ที่ 1 ของเดือนเมษายน โดยงานเทศกาลอินุยามะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติ และเมื่อปี 2016 ได้รับตำแหน่งมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของโลกจากองค์การยูเนสโก

ข้อมูลย่านการค้าหน้าปราสาทอินุยามะ (Inuyama Jokamachi)

ที่อยู่
  • Inuyama Jokamachi, 4-21 Matsumotocho, Inuyama City, Aichi Prefecture 484-0086
โทร
  • 0568-61-2825
แฟ็กซ์
  • 0568-61-2512
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้บริการ เวลา 09:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
  • ถนนย่านการค้า : ไม่มีค่าเข้าชม
  • พิพิธภัณฑ์ : แต่ละแห่งมีค่าเข้าชม 100 เยน (แนะนำตั๋วชุด 600 เยนที่ใช้กับปราสาทอินุยามะได้)
  • ศาลเจ้า : ไม่มีค่าเข้าชม
วิธีเดินทาง
  • จากสถานี Nagoya ให้ขึ้นรถไฟสาย Meitetsu ไปลงที่สถานี Inuyama-Yuen (ใช้เวลา 37 นาที ค่าโดยสาร 620 เยน) แล้วเดินอีก 10 นาที
เว็บไซต์
แผนที่

Back To Index

2. ปราสาทอินุยามะ (Inuyama Castle)

ปราสาทอินุยามะ (Inuyama Castle) เป็นหนึ่งในสิบสองปราสาทดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ยังคงรอดจากสงครามและภัยธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในห้าปราสาทที่ได้รับตำแหน่งสมบัติของชาติร่วมกับปราสาทฮิเมจิ ปราสาทมัตสึโมโตะ ปราสาทมัตสึเอะ และปราสาทฮิโกเนะ โดยปราสาทอินุยามะนั้นมีชื่อเสียงในฐานะของจุดชมซากุระและใบไม้แดงที่สวยงาม

สำหรับความเป็นมาของปราสาทอินุยามะนั้น แรกเริ่มเดิมทีปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1537 ซึ่งเป็นช่วงยุคเซ็นโกคุ (ช่วงที่ญี่ปุ่นแตกเป็นแคว้นมากมายและไดเมียวผู้ครองแคว้นก็พยายามแย่งกันเป็นโชกุน) โดยโอดะ โนบุยาสึ ผู้เป็นอาของโอดะ โนบุนากะ (หนึ่งในไดเมียวผู้โด่งดังและเป็น 1 ใน 3 ของผู้รวมชาติญี่ปุ่น)

ต่อมาปราสาทนี้ได้ตกเป็นของโทคุกาวะ อิเอยาสึ (หนึ่งในไดเมียวผู้โด่งดังและเป็น 1 ใน 3 ผู้รวมชาติญี่ปุ่น) และในปี 1584 ได้เกิดการรบกันระหว่างโทโยโทมิ ฮิเดโยชิกับอิเอยาสึที่บริเวณปราสาทนี้ ผลของการรบคือไม่มีฝ่ายใดชนะเด็ดขาด ทั้งสองฝ่ายต่างตกลงสงบศึก

ต่อมาเมื่ออิเอยาสึชนะการรบครั้งสำคัญที่เซกิกาฮาระและได้ขึ้นเป็นโชกุนแล้ว เขาได้มอบปราสาทให้นารุเสะ มาซานาริ ซึ่งปราสาทก็อยู่ในความครอบครองของตระกูลนารุเสะจนถึงตอนสิ้นสุดยุคโชกุน

กิมมิคสนุกๆของปราสาทอินุยามะคือ ข้างในมี ‘ศาลเจ้าซังโคอินาริ’ ด้วยครับ ศาลเจ้านี้มีชื่อเสียงอย่างมากด้านความรักและการเงิน (เอาเงินล้างน้ำแล้วจะรวย เขาว่ามาอย่างนั้น)

หากใครสนใจเรื่องราวของปราสาทอินุยามะ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ >> เดินกินลมชมวิวที่ปราสาทอินุยามะและย่านการค้าโดยรอบ

ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทอินุยามะ (Inuyama Castle)

ที่อยู่
  • Inuyama Castle : 65-2 Inuyama Kita old ticket, Inuyama City, Aichi Prefecture 484-0082, Japan
  • Sanko Inari Jinja Shrine : 41-1 Inuyama Kita old ticket, Inuyama City, Aichi Prefecture 484-0081, Japan
โทร
  • Inuyama Castle : 056-861-1711
  • Sanko Inari Jinja Shrine : 056-861-0702
วันและเวลาทำการ
  • Inuyama Castle : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:00 – 17:00 น. / ปิดในวันที่ 29 – 31 ธันวาคม
  • Sanko Inari Jinja Shrine : เปิดให้สักการะทุกวัน ในเวลา 09:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
  • Inuyama Castle : 550 เยน
  • นอกจากนี้ยังมีตั๋วชุด 600 เยน สำหรับใช้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ของเมืองได้
  • Sanko Inari Jinja Shrine : ไม่มีค่าเข้าชม
วิธีเดินทาง
  • จากสถานี Nagoya ให้ขึ้นรถไฟสาย Meitetsu ไปลงที่สถานี Inuyama-Yuen (ใช้เวลา 37 นาที ค่าโดยสาร 620 เยน) แล้วเดินอีก 17 นาที (ระหว่างทางเดินไปปราสาทจะเป็นย่านการค้า)
เว็บไซต์
แผนที่

Back To Index

3. พิพิธภัณฑ์เมจิมูระ (Meiji Mura Museum)

พิพิธภัณฑ์เมจิมูระ (Meiji Mura Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์สไตล์กลางแจ้งที่จัดแสดงอาคารสิ่งปลูกสร้าง รวมไปถึงสิ่งของต่างๆในช่วงยุคปฏิวัติเมจิ (ปี 1868 – 1912)

ที่มา : https://historyxsite.wordpress.com

ยุคนี้เป็นยุคที่ญี่ปุ่นปรับปรุงประเทศครั้งใหญ่ เพื่อให้มีความทันสมัยและเจริญก้าวหน้าตามแบบชาติตะวันตก โดยยุคนี้นับว่าเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่กลุ่มหัวก้าวหน้าในแคว้นโชชูและแคว้นซัตสึมะผนึกกำลังกันล้มล้างระบอบโชกุนและซามูไร หลังจากล้มระบอบโชกุนได้แล้ว ก็มีการสถาปนารัฐธรรมนูญและรัฐบาลใหม่ที่มีองค์จักรพรรดิเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจ ซึ่งจักรพรรดิในยุคนั้นคือจักรพรรดิเมจิ ยุคนี้จึงมีชื่อว่ายุคเมจิ

จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คืออาคารต่างๆ อาคารที่เราเห็นกันอยู่นี่คืออาคารของจริงเลยนะครับ เป็นอาคารสำคัญๆจากทั่วประเทศที่ถูกย้ายมาตั้งไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เพื่อรักษามรดกทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมเอาไว้ (หาดูได้ยากมาก เนื่องจากอาคารส่วนใหญ่ถูกทำลายในช่วงสงครามหรือถูกทุบทิ้งแล้วสร้างเป็นเมือง) นอกจากนี้ข้าวของบางส่วนในอาคารก็เป็นของจริงนะครับ

เนื่องจากยุคเมจิเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเพิ่งเปิดประเทศและกำลังปรับปรุงประเทศให้ทันสมัยตามตะวันตก (ญี่ปุ่นปิดประเทศไป 250 ปี) การก่อสร้างอาคารจึงได้รับอิทธิพลของชาติตะวันตกมาด้วย อาคารที่เห็นในยุคนี้จำนวนมากจึงมีสไตล์แบบตะวันตกครับ (ที่นี่สวยมากช่วงใบไม้แดง)

ความสนุกเพิ่มเติมคือที่นี่มีรถไฟโบราณให้ลองนั่งกันด้วยนะ (ข้างในพื้นที่กว้างมาก เดินเองหมดอาจจะขาลาก แนะนำให้ลองนั่งรถไฟดูครับ)

ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์เมจิมูระ (Meiji Mura Museum)

ที่อยู่
  • Meiji Mura Museum,1 Uchiyama, Inuyama City, Aichi Prefecture 484-0000, Japan
โทร
  • 056-867-0314
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้บริการตามเวลาดังนี้
    • ช่วงเดือนมีนาคมถึงวันที่ 22 กรกฎาคม และช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม –> 9:30 – 17:00 น.
    • วันที่ 23 กรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม –> 10:00 – 17:00 น.
    • เดือนพฤศจิกายน –> 9:30 – 16:00 น.
    • เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ –> 10:00 – 16:00 น.
  • ปิดในวันที่ 17, 18, 24, 31 ธันวาคม และวันที่ 3 – 7 กันยายน และวันที่ 7 – 11 มกราคม และทุกวันจันทร์ในช่วงวันที่ 21 มกราคมถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์
ค่าเข้าชม
  • ผู้ใหญ่ : 1700 เยน
  • นักศึกษา : 1,300 เยน
  • เด็กมัธยมปลาย : 1,000 เยน
  • เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี : 600 เยน
วิธีเดินทาง
  • จากสถานี Nagoya นั่งรถไฟสาย Meitetsu ไปลงที่สถานี Inuyama (ใช้เวลา 35 นาที ค่าโดยสาร 570 เยน) แล้วขึ้นรถบัสไปลงที่ป้าย Meiji-Mura Seimon-mae (ใช้เวลา 21 นาที ค่าโดยสาร 430 เยน)
เว็บไซต์
แผนที่

Back To Index

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดไอจิ : โซนอื่นๆ

1. โครันเค (Korankei)

หุบเขาโครันเค (Korankei) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีมากที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคจูบุ ช่วงที่สวยงามที่สุดคือตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงปลายเดือน โดยจุดที่สวยที่สุดคือเส้นทางริมแม่น้ำ Tomoe River ซึ่งมีสะพานไม้ Taigetsukyo สะพานสัญลักษณ์ประจำโครันเคที่เป็นจุดถ่ายภาพที่สวยมากกกกก และในช่วงเทศกาลในเดือนพฤศจิกายนจะมีการจัดไฟประดับสะพานในระหว่างเวลา 17:00 – 21:00 น. ด้วย

หากได้มาเที่ยวที่ ‘จังหวัดไอจิ’ แห่งนี้แล้ว หุบเขาโครันเคถือเป็นสถานที่ที่เราไม่ควรพลาดเลยล่ะ!

ข้อมูลเกี่ยวกับโครันเค (Korankei)

ที่อยู่
  • Korankei, Mt. Iimori, Asuke Town, Toyota City, Aichi Prefecture 444-2424, Japan
โทร
  • 056-562-1272
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้ชมตลอดเวลา (เทศกาลฤดูใบไม้ร่วงมีตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือน มีการประดับไฟตอนกลางคืนจนถึงเวลา 21:00 น.)
ค่าเข้าชม
  • ไม่มีค่าเข้าชม
วิธีเดินทาง
  • จากสถานี Nagoya ให้ขึ้นรถไฟสาย Meitetsu ไปลงที่สถานี Toyotashi แล้วนั่งรถบัสสาย 61 ไปลงที่ป้าย Korankeiichinotaniguchi (香嵐渓一の谷口) แล้วเดินต่ออีก 5 นาที (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ค่าโดยสารประมาณ 1,600 เยน)
เว็บไซต์
แผนที่

Back To Index

2. ปราสาทโอคาซากิ (Okazaki Castle)

ปราสาทโอคาซากิ (Okazaki Castle) เป็นปราสาทซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของตระกูลมัตสึไดระ และเป็นสถานที่กำเนิดของโชกุนผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของญี่ปุ่นอย่าง ‘โทคุกาวะ อิเอยาสึ’ ปราสาทแห่งนี้เป็นฐานที่มั่นในสมัยที่อิเอยาสึยังไม่แข็งแกร่งนัก จากนั้นพอเขามีอำนาจทางการทหารมากขึ้น เขาจึงย้ายฐานอำนาจไปยังที่อื่นๆ และในที่สุดหลังจากขึ้นเป็นโชกุน อิเอยาสึก็ย้ายฐานที่มั่นไปยังเอโดะ ซึ่งก็คือโตเกียวในปัจจุบัน

ปราสาทโอคาซากิเป็นจุดชมซากุระที่สวยงามในฤดูใบไม้ผลิ และในช่วงฤดูร้อนที่นี่ก็ยังมีการแสดงดอกไม้ไฟอีกด้วย

ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทโอคาซากิ (Okazaki Castle)

ที่อยู่
  • Okazaki Castle, 561-1 Kōseichō, Okazaki, Aichi 444-0052
โทร
  • 056-422-2122
วันและเวลาทำการ
  • ปราสาทเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
  • 200 เยน (หรือ 500 เยน ถ้ารวมค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ใกล้ๆ)
วิธีเดินทาง
  • จากสถานี Nagoya ให้ขึ้นรถไฟสาย Meitetsu ไปลงที่สถานี Okazakikōen-Mae (ใช้เวลา 50 นาที ค่าโดยสาร 680 เยน) แล้วเดินต่ออีก 8 นาที
เว็บไซต์
แผนที่

Back To Index

3. ศาลเจ้าโทโยคาวะอินาริ (Toyokawa Inari Shrine)

ที่มา : https://gaijinpot.scdn3.secure.raxcdn.com

ศาลเจ้าโทโยคาวะอินาริ (Toyokawa Inari Shrine) เป็น 1 ใน 3 ศาลเจ้าสายเทพอินาริ เทพแห่งการเกษตรและเงินทอง ซึ่งมีเอกลักษณ์เป็นรูปปั้นจิ้งจอกที่เราคุ้นตากันเป็นอย่างดี แต่เดิมศาลเจ้าแห่งนี้เป็นวัดพุทธนิกายโซโตะที่สร้างขึ้นในปี 1441 โดยหลวงพ่อโทไก เกกิ ในช่วงที่ญี่ปุ่นนับถือพุทธและชินโตรวมๆกัน (Shinbutsu)

แม้ว่าในเวลาต่อมาจะมีการแยกศาสนาพุทธกับชินโตออกจากกันในช่วงยุคเมจิแล้ว แต่ที่นี่ก็ยังคงมีลักษณะเป็นวัดรวมกับศาลเจ้าครับ (ในญี่ปุ่นหายากแล้ว)

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าโทโยคาวะอินาริ (Toyokawa Inari Shrine)

ที่อยู่
  • Toyokawa Inari Shrine, 〒442-0033 Aichi, Toyokawa, Toyokawacho, 1
โทร
  • 053-385-2030
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
  • ไม่มีค่าเข้าชม
วิธีเดินทาง
  • จากสถานี Nagoya ให้ขึ้นรถไฟสาย Meitetsu ไปลงที่สถานี TOYOKAWA-INARI (ใช้เวลา 71 นาที ค่าโดยสาร 1,140 เยน) แล้วเดินอีก 5 นาที
เว็บไซต์
แผนที่

Back To Index

อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดไอจิ

1. มิโสะคัตสึ (Miso Katsu)

มิโสะคัตสึ (Miso Katsu) เป็นเมนูที่แตกต่างจากหมูทอดทงคัตสึทั่วไปตรงซอสที่ทำจากมิโสะ (ซอสนี้เรียกว่า Misodare) และมิโสะที่ใช้ทำซอสดังกล่าวก็ไม่ใช่มิโสะทั่วๆไปด้วย แต่เป็นมิโสะที่เรียกว่า มาเมะมิโสะ (Mamemiso) เป็นมิโสะชนิดหนึ่งที่ผลิตเฉพาะในแถบนี้ โดยมาเมะมิโสะที่มีชื่อเสียงก็คือ ฮัตโจมิโสะ (Hatcho Miso) ซึ่งเป็นมิโสะขึ้นชื่อของจังหวัดไอจิ รสชาติของซอสมิโสะที่ว่านี้จะมีความหวานและเข้มข้น

  • ร้านแนะนำ : Yabaton

Back To Index

2. ฮิทสึมะบุชิ (Hitsumabushi)

ฮิทสึมะบุชิ (Hitsumabushi) เป็นเมนูข้าวหน้าปลาไหลที่มีความแตกต่างจากข้าวหน้าปลาไหลย่างทั่วๆไป คือต้องหั่นซอยเนื้อปลาไหลย่างเป็นชิ้นย่อยๆและวางลงบนข้าวที่ใส่ในชามทรงกลมใหญ่

และที่สำคัญคือมีวิธีการรับประทานแตกต่างกันด้วย โดยในตอนแรกให้ใช้ทัพพีแบ่งข้าวในชามใหญ่ดังกล่าวออกเป็นสี่ส่วน แล้วตักข้าวส่วนใดส่วนหนึ่งลงไปในถ้วยข้าวถ้วยแรก

  • สำหรับข้าวถ้วยแรก ให้กินข้าวโดยไม่ต้องปรุงอะไรเลย
  • ต่อไปให้ตักข้าวส่วนที่ 2 ใส่ลงในถ้วยข้าวเช่นกัน แล้วใส่เครื่องปรุงลงไป (เช่น ต้นหอม, วาซาบิ, สาหร่าย) คลุกเคล้าให้เข้ากันกับข้าว เสร็จแล้วก็ลงมือกินได้เลย
  • ข้าวส่วนที่ 3 ให้ตักใส่ถ้วยข้าวและใส่เครื่องปรุงดังกล่าวเช่นกัน แต่ให้เทน้ำซุปหรือน้ำชาลงไปในถ้วยด้วย
  • ข้าวส่วนที่ 4 ให้กินในแบบที่ตัวเองชอบมากที่สุดจากวิธีการทานของ 3 ถ้วยที่ผ่านมา

วิธีรับประทานแบบนี้จะทำให้เราสามารถลิ้มรสชาติได้ถึง 3 แบบเลยทีเดียว

Back To Index

3. คิชิเมน (Kishimen)

คิชิเมน (Kishimen) เป็นอุด้งแบบเส้นแบนที่ให้รสสัมผัสต่างจากอุด้งแบบเส้นกลม และอาจจะเสิร์ฟแบบน้ำซุปใสที่มีรสชาติค่อนข้างหวานและใส่เครื่องต่างๆ เช่น ลูกชิ้นคามาโบโกะบางๆ ผักปวยเล้งลวกราดซีอิ๊วและแผ่นเต้าหู้ทอด และโรย Katsuobushi (ปลาโอแห้งฝอย) หรือต้มเส้นอุด้งสดๆด้วยน้ำซุปที่ทำจากมิโสะแดง ซึ่งเป็นมิโสะท้องถิ่นขึ้นชื่อของจังหวัดไอจิที่เรียกว่ามาเมะมิโสะ (Mamemiso) รวมทั้งวัตถุดิบอื่นๆ เช่น เห็ดหอม ซุปที่ทำจากมิโสะดังกล่าวนี้มีรสชาติเข้มข้น แต่พอทานเสร็จแล้วจะไม่รู้สึกเลี่ยน (ส่วนตัวชอบแบบหลังมากกว่า)

Back To Index

4. เทบาซากิ (Tebasaki)

เทบาซากิ (Tebasaki) เป็นปีกไก่ทอดที่มีลักษณะพิเศษในการทอด นั่นคือเชฟจะทอดปีก 2 ครั้ง เมนูนี้เป็นอาหารเรียบง่ายที่ปรุงด้วยน้ำจิ้มรสเผ็ดหวาน แล้วชูรสด้วยพริกไทยกับงา เหมาะสำหรับกินเป็นกับแกล้มเหล้าเบียร์ต่างๆ

ร้านแนะนำ : Furaibo

Back To Index

5. ราเมนไต้หวัน (Taiwan Ramen)

ราเมนไต้หวัน (Taiwan Ramen) เป็นราเมนที่นำหมูสับผัดด้วยพริกเผ็ดๆกับกระเทียมมาใส่ในชามบะหมี่เต็มชาม ต้นกำเนิดของเมนูนี้มาจากร้านอาหารจีนแห่งหนึ่งในเมืองนาโกย่า เมื่อสูดเส้นเข้าปากไปได้สักครู่หนึ่ง ความเผ็ดร้อนที่ซึมออกมาในน้ำซุปจะเริ่มกระจายไปทั่วปาก ทำให้รู้สึกแสบลิ้นนิดๆและมีเหงื่อออกที่หน้าผาก เป็นอาหารรสชาติเผ็ดที่กินแล้วติดใจ ทำให้รู้สึกอยากจะกินอีกเรื่อยๆ

ร้านแนะนำ : Misen เป็นร้านดั้งเดิมที่คิดค้นเมนูนี้เลย!

Back To Index

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top