รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดฟุกุชิมะ’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!
ต.ค. 20, 2021
บทนำ : ไปเที่ยว ‘จังหวัดฟุกุชิมะ’ กันเถอะ
จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima Prefecture) ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku Region) อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่นด้วย ฟุกุชิมะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างโออุจิจูคุ (Ouchi-Juku) และเมืองไอสึวากามัตสึ (Aizuwakamatsu) ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเมืองออนเซ็นเก่าแก่อย่างฮิงาชิยามะออนเซ็น (Higashiyama Onsen) รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามอย่างบึงโกชิคินุมะ (Goshikinuma Pond)
แม้ว่าเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ขึ้นที่จังหวัดฟุกุชิมะ ซึ่งนับว่าเป็นแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ซ้ำร้ายยังเป็นเหตุให้เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีจำนวนมากจากเตาปฏิกรณ์ของโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานนิวเคลียร์ (Fukushima Daiichi Nuclear Power Plant) แต่ปัจจุบันร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้นในตอนนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไปแล้ว เนื่องด้วยความช่วยเหลือจากทั้งในและนอกประเทศ ที่นี่จึงกลับมาสวยงามดังเดิมได้อีกครั้งค่ะ
อย่างไรก็ดี จังหวัดฟุกุชิมะเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนที่รักประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก หากเพื่อนๆเป็นอีกคนหนึ่งที่หลงใหลในความเป็นญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ ต้องมาเที่ยว จังหวัดฟุกุชิมะ ให้ได้สักครั้งนะคะ
สารบัญ (Index)
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดฟุกุชิมะ
-
- บึงโกชิคินุมะ (Goshikinuma Pond)
- โออุจิจูคุ (Ouchi-Juku)
- ถ้ำอาบุคุมะ (Abukuma Cave)
- ฮิงาชิยามะออนเซ็น (Higashiyama Onsen)
- อาชิโนะมากิออนเซ็น (Ashinomaki Onsen)
- อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park)
- ทะเลสาบอินาวะชิโระ (Lake Inawashiro)
- วัดชิรามิซุอามิดาโดะ (Shiramizu Amidado)
- ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle)
- ภูเขาอีโมริยามะ (Iimoriyama)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดฟุกุชิมะ
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดฟุกุชิมะ
1. บึงโกชิคินุมะ (Goshikinuma Pond)
บึงโกชิคินุมะ (Goshikinuma Pond) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติบังไดอาซาฮิ (Bandai-Asahi National Park) อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการแนะนำโดยมิชลิน กรีน ไกด์ (Michelin Green Guide) ประจำปี 2016
นอกจากนี้คำว่า ‘โกชิคินุมะ’ (Goshikinuma) ยังมีความหมายว่า ‘บึงห้าสี (Five Coloured Ponds)’ อีกด้วย โดยบึงห้าสีที่ว่านี้ประกอบด้วย :
- บึงบิชามอนนุมะ (Bishamonnuma Pond) เป็นบึงหลักที่มีปลาคาร์ปหลากสีอาศัยอยู่ จึงเป็นที่มาของฉายา ‘บึงหลากสี’ ในภายหลัง เพราะชื่อของบึงแห่งนี้มาจากสีสันอันสวยงามของปลาคาร์ปที่แหวกว่ายไปมาอย่างอ้อยอิ่งนั่นเองค่ะ ทั้งนี้เราสามารถเช่าเรือพายเพื่อสำรวจความงามของธรรมชาติอย่างใกล้ชิดได้ด้วยค่ะ
- บึงอากะนุมะ (Akanuma Pond) หรือบึงสีแดง ชื่อนี้มาจากพืชพรรณที่ขึ้นอยู่ในละแวกนั้น ซึ่งล้วนแต่มีโทนสีแดงและอุดมไปด้วยธาตุเหล็กสูง
- บึงมิโดโระนุมะ (Midoro Pond) เป็นบึงอีกแห่งหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘บึงหลากสี’
- บึงทัตสึนุมะ (Tatsunuma Pond) เป็นบึงสองสีที่สามารถเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาลที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว น้ำในบึงแห่งนี้ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม แต่พอฤดูใบไม้ผลิมาเยือน น้ำก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งทั้งสองสีนี้ก็ให้ความสวยงามที่แตกต่างกันไปค่ะ
- บึงเบ็นเต็นนุมะ (Bentennuma Pond) หรือบึงน้ำสีคราม (Turquoise Pond)
ข้อมูลเกี่ยวกับบึงโกชิคินุมะ (Goshikinuma Pond)
วิธีเดินทาง
- ดูรายละเอียดการเดินทางได้ที่นี่ >> Click Here
ที่อยู่
- Kengamine Hibara, Kitashiobara, Yama District, Fukushima 966-0501, Japan
ติดต่อ
- 0241-32-2349
เวลาทำการ
- เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
- สำหรับ Urabandai Sightseeing Information Center จะเปิดให้บริการในเวลา 9:00 – 17:00 น.
เว็บไซต์
พิกัด
2. โออุจิจูคุ (Ouchi-Juku)
โออุจิจูคุ (Ouchi-Juku) เป็นเมืองเก่าที่อยู่ระหว่างเส้นทางการค้าไอสึนิชิไคโดะ (Aizu-Nishi Kaido) โดยเมืองนี้สร้างขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวหรือชาวเมืองที่ต้องการสัญจรไปมาระหว่างเมืองมีที่พัก ทั้งนี้ ในสมัยเอโดะโออุจิจูคุก็อยู่ภายใต้การดูแลควบคุมของโชกุน และด้วยความมีชีวิตชีวาแบบสังคมเมือง ที่นี่จึงได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง ร้านรวงต่างๆ ร้านอาหาร หรือบ้านพัก ก็ล้วนแต่สวยงามทั้งนั้น
เมื่อมาที่โออุจิจูคุ นอกจากจะได้สัมผัสกับบรรยากาศย้อนยุคฉบับเอโดะแล้ว เราก็ยังได้ชมความน่ารักของบ้านหลังคามุงจาก (Thatched Roof House) อีกด้วย โดยเราจะเห็นว่าหลังคาของบ้านมีลักษณะนุ่มฟู ส่วนทรงบ้านก็มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมอวบๆ ซึ่งเราสามารถเห็นบ้านลักษณะแบบนี้ได้ที่ชิราคาวะโกะ (Shirakawago Village) โกคายามะ (Gokayama Village) และที่นี่ค่ะ
ปัจจุบันบ้านเหล่านี้ได้รับการอนุรักษ์อย่างดี อีกทั้งยังเป็นสถานที่จำหน่ายของที่ระลึก รวมไปถึงร้านโซบะ คาเฟ่ และที่อยู่อาศัยส่วนตัว แต่ถ้าถามว่าควรจะทำอะไรก่อนดีหากมีโอกาสได้มาที่นี่ เราขอแนะนำให้คุณไปลิ้มลองของดังประจำเมืองไอสึวากามัตสึ (Aizuwakamatsu) อย่างเนงิโซบะ (Negi Soba) หรือจะพักผ่อนด้วยการดื่มชาอุ่นๆก็ย่อมได้ค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับโออุจิจูคุ (Ouchi-Juku)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟจากสถานี Aizuwakamatsu Station ไปลงที่ Yunokamionsen Station โดยใช้เวลา 40 นาที จากนั้นนั่งแท็กซี่จากหน้าสถานีดังกล่าวไปลงที่ Ouchi-Juku โดยใช้เวลา 15 นาที
ที่อยู่
- Ouchi, Shimogo, Minamiaizu District, Fukushima 969-5207, Japan
ติดต่อ
- 024-168-3611
เวลาทำการ
- เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม
- 250 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
3. ถ้ำอาบุคุมะ (Abukuma Cave)
ถ้ำอาบุคุมะ (Abukuma Cave) เป็นถ้ำหินปูนที่ตั้งอยู่ในเมืองทามุระ ถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบในปี 1969 ระหว่างการทำเหมืองหินปูน
ความพิเศษของถ้ำแห่งนี้เห็นจะเป็นโถงถ้ำขนาดใหญ่ที่มีหินงอกหินย้อยสูงถึง 29 เมตร! ซึ่งข้อมูลทางธรณีวิทยาระบุเอาไว้ว่า ต้องใช้เวลาประมาณร้อยกว่าปีกว่าหินงอกหินย้อยจะโตขึ้น 1 เซนติเมตร เราจึงสามารถสันนิษฐานได้ว่าถ้ำแห่งนี้มีอายุประมาณ 80 ล้านปี! แน่นอนว่าถ้ำแห่งนี้จะต้องเกิดขึ้นทันช่วงปลายมหายุคมีโซโซอิก (Mesozoic Era) อันเป็นยุคที่ไดโนเสาร์ยังเป็นเจ้าครองโลกอยู่เลยก็ว่าได้!
หากใครชอบที่เที่ยวที่เต็มไปด้วยเรื่องราวแบบนี้ เราขอแนะนำถ้ำอาบุคุมะไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในอ้อมใจ เพราะคุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่แสนยิ่งใหญ่ ภายใต้การผจญภัยอย่างการสำรวจถ้ำนั่นเอง
ข้อมูลเกี่ยวกับถ้ำอาบุคุมะ (Abukuma Cave)
วิธีเดินทาง
- นั่งแท็กซี่จากสถานีรถไฟ Kanmata Station โดยใช้เวลา 5 นาที
ที่อยู่
- Japan, 〒963-3601 Fukushima, Tamura, Takinemachi Sugaya, Higashikamayama-1
ติดต่อ
- 024-778-2125
เวลาทำการ
- เปิดทำการในเวลาดังต่อไปนี้
- 21 มิถุนายน – 30 กันยายน >> 08:30 – 17:30 น.
- 14 มีนาคม – 20 มิถุนายน >> 08:30 – 17:00 น.
- 1 ตุลาคม – 20 พฤศจิกายน >> 08:30 – 17:00 น.
- 21 พฤศจิกายน – 13 มีนาคม >> 08:30 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม
- บุคคลอายุ 16 ปีขึ้นไป : 1,200 เยน
- บุคคลอายุ 13 – 15 ปี : 800 เยน
- บุคคลอายุ 7 – 12 ปี : 200 เยน (ตลอดคอร์ส)
เว็บไซต์
พิกัด
4. ฮิงาชิยามะออนเซ็น (Higashiyama Onsen)
ฮิงาชิยามะออนเซ็น (Higashiyama Onsen) เป็นออนเซ็นรีสอร์ตเก่าแก่อายุ 1,300 ปีที่ตั้งอยู่ในหุบเขาทางตะวันออกของย่านใจกลางเมืองไอสึ (Aizu) เราสามารถเที่ยวที่นี่ได้อย่างสะดวกสบายเพราะมีทั้งโรงแรมขนาดใหญ่รวมถึงร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้เคียงกัน และความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของออนเซ็นรีสอร์ตแห่งนี้ก็คืออ่างน้ำร้อนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันแสนงดงาม
และที่ยิ่งไปกว่านั้น วิวสะพานข้ามแม่น้ำที่เชื่อมเรียวกังหลายแห่งในเมืองออนเซ็นแห่งนี้เข้าไว้ด้วยกันก็นับว่าเป็นทัศนียภาพที่มีชื่อเสียงมากเลยค่ะ
นอกจากนี้ ฮิงาชิยามะออนเซ็นยังเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของ น้ำพุร้อนซัลเฟต (Sulfate Spring water) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหนังนุ่มนวลและเรียบเนียน อีกทั้งการแช่ออนเซ็นก็ช่วยทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดของเราทำงานได้ดีขึ้นด้วยค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับฮิงาชิยามะออนเซ็น (Higashiyama Onsen)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถบัสจากสถานี Aizuwakamatsu Station โดยใช้เวลา 15 นาที
ที่อยู่
- Japan, 〒965-0814 Fukushima, Aizuwakamatsu, Higashiyamamachi Yumoto
ติดต่อ
- 024-227-7051
เว็บไซต์
พิกัด
5. อาชิโนะมากิออนเซ็น (Ashinomaki Onsen)
อาชิโนะมากิออนเซ็น (Ashinomaki Onsen) เป็นหมู่บ้านออนเซ็นเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 1,200 ปี โดยออนเซ็นแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองไอสึวากามัตสึ (Aizuwakamatsu) จังหวัดฟุกุชิมะ อีกทั้งยังได้รับฉายาว่า หมู่บ้านออนเซ็นปีศาจ (Phantom Hot Spring Village) เนื่องจากสภาพแวดล้อมของออนเซ็นที่ตั้งอยู่ในหุบเขาสูงชันและมีทางเข้าที่คดเคี้ยวลึกลับ
แม้จะได้ชื่อว่า ออนเซ็นปีศาจ แต่ที่นี่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ทุกคนคิดนะ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรียวกังหรือออนเซ็นกลางแจ้งก็ล้วนตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมค่ะ โดยเฉพาะไฮไลต์อย่างต้นยิวญี่ปุ่น (Japanese Yew Trees) ที่ปลูกเรียงรายอยู่รอบบริเวณของสถานีอาชิโนมากิ ออนเซ็น (Ashinomaki Onsen Station) และนายสถานีที่น่ารักที่สุดในโลกอย่างน้องแมวค่ะ! นอกจากนี้ก็มีออนเซ็นทางเดินอาชิป๊ปโปะ (Ashi Poppo Footbath) ที่เราสามารถเดินลุยบนออนเซ็นกันได้แบบชิลล์ๆ แถมยังได้ซึมซับบรรยากาศดีๆด้วยนะ
ยิ่งไปกว่านั้นบรรยากาศของโรงแรมอาชิโนะมากิออนเซ็น โอกาวาโสะ (Ashinomaki Onsen Okawaso) ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงแรมออนเซ็นของที่นี่ ก็ดูละม้ายคล้ายกับสถานที่แห่งหนึ่งที่ปรากฏในอนิเมะชื่อดังเรื่องดาบพิฆาตอสูร (Kimetsu no Yaiba) ซึ่งก็คือ ‘ปราสาทไร้ขอบเขต’ ศูนย์บัญชาการของอสูรต้นกำเนิด ‘คิบุซึจิ มุซัน’ นั่นเองค่ะ เรียกได้ว่าถ้าใครเป็นแฟนอนิเมะเรื่องนี้จะต้องฟินกับการไปตามรอยอย่างแน่นอน!
อ่านบทความเพิ่มเติมเรื่องสถานที่ในญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับดาบพิฆาตอสูร
ข้อมูลเกี่ยวกับอาชิโนะมากิออนเซ็น (Ashinomaki Onsen)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถประจำทางจากสถานี Ashinomaki Onsen Station โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที
- ขับรถยนต์บนเส้นทาง Aizu-Wakamatsu IC (Banetsu Expressway) โดยใช้เวลาประมาณ 35 นาที
ที่อยู่
- Ashinomaki Onsen Shitadaira-1082-4 Otomachi Oaza Ashinomaki, Aizuwakamatsu, Fukushima 969-5147, Japan
- Ashinomaki Onsen Okawaso 984, Otomachi Ashinomaki, Aizuwakamatsu Shi, Fukushima Ken, 969-5147, Japan
- Ashinomaki Onsen Station Kashu Otomachi Kamimiyori, Aizuwakamatsu, Fukushima 969-5122, Japan
ติดต่อ
- Ashinomaki Onsen : 0242922336
- Ashinomaki Onsen Okawaso : 0242922111
เวลาทำการ
- Ashinomaki Onsen : 09:00 – 17:00 น.
- Ashinomaki Onsen Okawaso
- เวลาเช็กอิน : 15:00 น.
- เวลาเช็กเอาต์ : 10:00 น.
เว็บไซต์
พิกัดของ Aizu Ashinomaki Onsen
พิกัดของ Ashinomaki Onsen Okawaso
พิกัดของ Ashinomaki Onsen Station
6. อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park)
อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park) เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนรักการผจญภัยและธรรมชาติว่าเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับการปีนเขา โดยอุทยานแห่งนี้ประกอบไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่จำนวนมากซึ่งอยู่ห่างจากโตเกียวไปทางทิศเหนือประมาณ 150 กิโลเมตร โดยไฮไลต์ของที่นี่ก็คือพื้นที่ราบลุ่มโอเซะกาฮาระ (Ozegahara Marshland) และบึงโอเซะนุมะ (Ozenuma Pond) ค่ะ
ส่วนความพิเศษสุดๆของอุทยานแห่งนี้ก็คือช่วงเวลาระหว่างปลายฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงต้นฤดูร้อน เพราะช่วงนั้นต้นกะหล่ำปลีสกังค์ (Skunk cabbage) จะผลิดอกสวยงามแปลกตามากเลยค่ะ และในฤดูใบไม้ร่วงนั้น เราจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพของภูเขาซึ่งถูกย้อมด้วยสีโทนร้อนของใบไม้ที่กำลังผลัดใบ ตลอดจนหน้าหนาวที่อุทยานแห่งนี้จะเต็มไปด้วยสีขาวโพลนของหิมะ อันเป็นทิวทัศน์ที่สวยซะจนต้องมาเห็นกับตาให้ได้สักครั้ง
ข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park)
วิธีเดินทาง
- ดูรายละเอียดที่นี่ >> Click Here
ที่อยู่
- Katashina, Tone District, Gunma 378-0411, Japan
ติดต่อ
- 0486000516
เว็บไซต์
พิกัด
7. ทะเลสาบอินาวะชิโระ (Lake Inawashiro)
ทะเลสาบอินาวะชิโระ (Lake Inawashiro) เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติบังไดอาซาฮิ (Bandai Asahi National Park) ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของ ‘จังหวัดฟุกุชิมะ’ อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะที่เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของญี่ปุ่น โดยมีขนาดถึง 104 ตารางกิโลเมตร!
นอกจากนี้ทะเลสาบอินาวะชิโระก็มีอีกชื่อหนึ่งว่า ธารสะท้อนแดนสวรรค์ (Heavenly Mirror Lake) ดังนั้นเราจึงคาดหวังได้เลยค่ะว่าจะได้เจอกับทิวทัศน์ที่สวยงามท่ามกลางอากาศปลอดโปร่ง ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังสวยงามในทุกๆฤดูกาลอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นวิวซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ตาน้ำใหม่ที่จะผุดขึ้นทุกหน้าร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และเกล็ดหิมะบริสุทธิ์ในหน้าหนาว ทุกบรรยากาศก็ล้วนสัมผัสได้จากทะเลสาบแห่งนี้ค่ะ
และกิจกรรมที่เราอยากให้เพื่อนๆได้ลองทำเมื่อมาเที่ยวที่นี่ก็คือ การให้อาหารและเล่นกับน้องหงส์หรือน้องนกเป็ดน้ำที่แสนน่ารักค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับทะเลสาบอินาวะชิโระ (Lake Inawashiro)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถประจำทางจากหน้าสถานี Inawashiro ไปลงที่ป้ายหยุดรถ Nagahama Bus Stop โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที (ทะเลสาบจะอยู่ใกล้ๆกับป้ายหยุดรถค่ะ)
ที่อยู่
- Lake Inawashiro, Fukushima, Japan
ติดต่อ
- Inawashiro Tourist Association: 0242622048
เว็บไซต์
พิกัด
8. วัดชิรามิซุอามิดาโดะ (Shiramizu Amidado)
วัดชิรามิซุอามิดาโดะ (Shiramizu Amidado) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังประจำเมืองอิวากิ (Iwaki) จังหวัดฟุกุชิมะ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1160 โดยตระกูลฟูจิวาระ (Fujiwara) และต่อมาก็ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติแห่งชาติในปี 1952
ทั้งนี้ วัดชิรามิซุอามิดาโดะได้รับความเสียหายอย่างหนักในเหตุการณ์แผ่นดินไหวปี 2011 อย่างไรก็ดี สถานที่แห่งนี้ได้รับการซ่อมแซมและกลับมาเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปได้เข้าชมอีกครั้งในปีถัดมา
สำหรับความพิเศษของวัดชิรามิซุอามิดาโดะก็จะอยู่ที่สวนญี่ปุ่นสไตล์ Pure Land Garden ซึ่งเป็นรูปแบบการจัดสวนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยเฮอัน (794 – 1185) โดยรายละเอียดของสวนจะประกอบด้วยสระน้ำ เกาะกลางสระน้ำ และศาลา อันเป็นสิ่งสมมุติตามแนวคิดพุทธนิกายมหายาน กล่าวคือ แดนสวรรค์ที่บริสุทธิ์หมดจด (Pure Land Paradise) แม้จะเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ตัวอย่างของการจัดสวนรูปแบบนี้เป็นสิ่งที่หาชมได้ยากมากๆ นอกจากที่จังหวัดฟุกุชิมะแล้ว ก็ยังมีอีกที่หนึ่งคือวัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple) เมืองอุจิ จังหวัดเกียวโต
แม้พื้นที่บริเวณรอบสระน้ำจะเปิดให้เข้าชมได้ฟรี แต่ถ้าใครต้องการชมหออามิดาโดะ (Amidado Hall) ใกล้ๆก็อาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อยนะคะ
ข้อมูลเกี่ยวกับชิรามิซุอามิดาโดะ (Shiramizu Amidado)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถประจำทางที่ผ่าน Kawadaira จากสถานี Iwaki Station ไปลงที่ป้าย Amidado และเดินต่ออีกประมาณ 8 นาที
ที่อยู่
- Hirohata-221 Uchigoshiramizumachi, Iwaki, Fukushima 973-8405, Japan
ติดต่อ
- 0246267008
วันและเวลาทำการ
- เปิดทำการในเวลา 08:30 – 16:00 น. โดยเปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนเวลาปิด 15 นาที
- เฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม เปิดทำการในเวลา 08:30 – 15:30 น.
- หยุดทุกวันพุธที่ 4 ของเดือน
ค่าเข้าชม
- 500 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
9. ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle)
ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle) เป็นปราสาทที่สำคัญที่สุดของ ‘จังหวัดฟุกุชิมะ’ โดยสร้างขึ้นเมื่อปี 1384 และผลัดเปลี่ยนผู้ถือครองกันมาหลายรุ่น
แต่แล้วปราสาทสึรุกะก็ได้รับความเสียหายจากสงครามโบชิน (Boshin War) ในปี 1868 ซึ่งเป็นเหตุการณ์การก่อจลาจลโดยกลุ่มผู้ต่อต้านการก่อตั้งรัฐบาลเมจิ (Meiji Government) และปราสาทสึรุกะแห่งนี้ก็เป็นที่มั่นสุดท้ายให้กับพวกเขา
อย่างไรก็ดี ปราสาทสึรุกะก็ได้รับการซ่อมแซมรวมถึงก่อสร้างใหม่ในปี 1960 และเสร็จสิ้นในปี 2011 ซึ่งความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือสีของหลังคาที่จากเดิมเคยเป็นสีเทา แต่ปัจจุบันหลังคาก็กลับมาเป็นสีแดงแบบดั้งเดิมค่ะ และสีนี้ก็กลายเป็นเอกลักษณ์ของปราสาทแห่งนี้ไปโดยปริยาย
ภายในปราสาทจะมีพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าประวัติความเป็นมาของปราสาทสึรุกะและวิถีชีวิตของซามูไร หากลองเดินชมรอบปราสาทในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เราก็จะได้ชมดอกซากุระสวยๆท่ามกลางบรรยากาศที่แสนร่มรื่นของสวนด้วยค่ะ และถ้ามาเที่ยวในช่วงฤดูหนาว เราจะมีโอกาสได้เห็นวิวปราสาทที่ปกคลุมไปด้วยหิมะด้วยนะ เป็นภาพที่สวยงามเหมือนอยู่ในฝันมากๆค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle)
วิธีเดินทาง
- เดินจากป้ายรถประจำทาง Tsurugajo Iriguchi bus stop โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ที่อยู่
- 1-1 Otemachi, Aizuwakamatsu, Fukushima 965-0873, Japan
ติดต่อ
- 0242274005
เวลาทำการ
- เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:00 น.
- หมายเหตุ : ปราสาทเปิดตลอดทั้งปี ไม่มีวันหยุด
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ : 410 เยน
- เด็ก : 150 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
10. ภูเขาอีโมริยามะ (Iimoriyama)
ภูเขาอีโมริยามะ (Iimoriyama) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงปลายยุคเอโดะ แต่ก่อนที่จะเฉลยว่าสถานที่แห่งนี้แท้จริงแล้วคืออะไร เราขออนุญาตท้าวความถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวพันกับความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้กันสักเล็กน้อย
ย้อนกลับไปยังปี 1867 อันเป็นช่วงเวลาในยุคเสื่อมอำนาจของโชกุน กองกำลังต่อต้านรัฐบาลเมจิได้ตั้งฐานทัพอยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku Region) แต่แล้วกลุ่มผู้ต่อต้านกลับพ่ายแพ้ต่อรัฐบาลเมจิไปอย่างสมบูรณ์ในปี 1868 อันเป็นเหตุการณ์ที่นำมาสู่จุดสิ้นสุดของยุคสมัยโชกุน และยุทธภูมิสุดท้ายที่พวกเขาใช้สำหรับการตัดสินชี้ขาดในเรื่องทิศทางการปกครองบ้านเมืองก็คือปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle)
ขณะที่หนึ่งในกองกำลังต่อต้านที่เหลือรอดอย่าง เบี๊ยกโกะไต (Byakkotai) ซึ่งเป็นกลุ่มทหารเยาวชนอายุราว 14 – 16 ปีจำนวน 20 คน ก็ได้หลบหนีไปยังเชิงเขาอีโมริยามะ และเมื่อหันกลับไปมองปราสาทสึรุกะพวกเขาก็พบว่ามันกำลังมอดไหม้ในกองเพลิงสีแดงฉาน เบี๊ยกโกะไตทั้ง 20 คนจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะทำ ‘เซ็ปปุกุ’ ทันที (Seppuku : พิธีกรรมจบชีวิตด้วยการคว้านท้อง อันเป็นเกียรติสูงสุดของซามูไร)
แม้ว่าพวกเราจะรับรู้ได้ในภายหลังว่าแท้จริงแล้วเกิดเพลิงไหม้ขึ้นเฉพาะที่บริเวณกำแพงนอกปราสาทเท่านั้น ไม่ได้ไหม้ตัวปราสาทด้านในแต่อย่างใด แต่การทำเซ็ปปุกุของกลุ่มเบี๊ยกโกะไตที่เกิดจากความเข้าใจผิดนั้น ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีและความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์อัปยศอันเกิดขึ้นจากพวกตน ซึ่งก็คือการพ่ายแพ้สงครามนั่นเองค่ะ มิหนำซ้ำเรื่องราวนี้ยังกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับมังงะ ภาพยนตร์ และตำนานอีกหลายเรื่องของญี่ปุ่นด้วยค่ะ
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ภูเขาอีโมริยามะ จึงนับว่าเป็นสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ยอดนิยมที่ผู้คลั่งใคล้ประวัติศาสตร์(เช่นยัยคนเขียนเนี่ย 555)จะต้องมาให้ได้สักครั้งค่ะ เพราะนอกจากจะเป็นสถานที่ที่เบี๊ยกโกะไตทำการเซ็ปปุกุแล้ว ภูเขาอีโมริยามะยังเป็นสถานที่แห่งการสิ้นสุดยุคเอโดะและเป็นจุดเริ่มต้นของยุคเมจิอีกด้วย
ทั้งนี้บริเวณรอบๆภูเขาก็มีร้านขายของฝาก สุสานของเบี๊ยกโกะไต (19 tombs for Byakkotai soldiers) พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์พื้นเมืองเบี๊ยกโกะไต (Byakkotai Folklore and Historical Museum) และหออนุสรณ์เบี๊ยกโกะไต (Byakkotai Memorial Hall)
นอกจากนี้ หากเดินไปทางตอนเหนือของภูเขาอีโมริยามะ เราจะพบกับสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจอย่างวัดและเจดีย์ซาซะเอโดะ (Sazaedo Pagoda) ด้วยค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับภูเขาอีโมริยามะ (Iimoriyama)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถบัส Aizu Loop Bus มาลงที่ป้ายหยุดรถ Iimoriyama Shita Bus Stop หากเดินทางจากสถานี Aizu Wakamatsu Station ในเส้นทางที่รถบัสวิ่งตามเข็มนาฬิกาจะใช้เวลาประมาณ 5 นาที ในขณะเดียวกัน เส้นทางที่รถบัสวิ่งทวนเข็มนาฬิกาจะใช้เวลาประมาณ 45 นาทีจึงจะถึงที่หมาย
ที่อยู่
- Yamatoyamaotsu Itsukimachi Oaza Yahata, Aizuwakamatsu, Fukushima 965-0003, Japan
เวลาทำการ
- Byakkaotai Memorial Hall
- เดือนเมษายน – ตุลาคม เปิดทำการตั้งแต่เวลา 8:00 – 17:00 น.
- พฤศจิกายน – มีนาคม เปิดทำการตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:00 น.
- ปิดทำการทุกๆวันอังคาร
- Byakkotai Folklore and Historical Museum
- เดือนเมษายน – พฤศจิกายน เปิดทำการตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:00 น.
- เดือนธันวาคม – มีนาคม เปิดทำการตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:30 น.
- ไม่มีวันปิดทำการ
- Sazaedo Pagoda
- เดือนเมษายน – ธันวาคม เปิดทำการตั้งแต่เวลา 8:15 น. ไปจนถึงเวลาอาทิตย์ตกดิน
- เดือนมกราคม – มีนาคม เปิดทำการตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:30 น.
- ไม่มีวันปิดทำการ
ค่าเข้าชม
- Byakkaotai Memorial Hall : 400 เยน
- Byakkotai Folklore and Historical Museum : 300 เยน
- Sazaedo Pagoda : 400 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดฟุกุชิมะ
อย่างที่ทราบกันดีว่า ‘จังหวัดฟุกุชิมะ’ เป็นจังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคโทโฮคุ อีกทั้งยังมีภูมิประเทศที่สวยงามหาตัวจับยาก เนื่องด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเลสาบ หรือป่าไม้ ทุกๆสิ่งก็ล้วนแต่งแต้มสีสันให้พื้นที่แห่งนี้สวยงามยิ่งขึ้น
เพราะความสมบูรณ์ของธรรมชาตินี้เอง วิถีการกินอยู่ของผู้คนที่นี่จึงมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ดังจะเห็นได้จากอาหารท้องถิ่นอย่างเนงิโซบะ (Negi Soba) หรือโคสึยุ (Kozuyu) ที่สืบทอดกันมาเป็นเวลานาน
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการเกริ่นนำเท่านั้น ถ้าอยากรู้ว่า ‘จังหวัดฟุกุชิมะ’ นั้นจะมีของกินที่หน้าตาน่าอร่อยขนาดไหน เราตามมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ~
1. เนงิโซบะ (Negi Soba)
เนงิโซบะ (Negi Soba) เป็นเมนูท้องถิ่นประจำเมืองไอสึ (Aizu) เพื่อนๆอาจจะคิดว่ามันเป็นเพียงโซบะประจำท้องถิ่นชนิดหนึ่งของจังหวัดฟุกุชิมะ แต่แท้จริงแล้ว ความน่าสนใจของเนงิโซบะอยู่ที่วิธีการรับประทานค่ะ
โดยปกติแล้ว เราจะใช้ตะเกียบเป็นอุปกรณ์สำหรับทานโซบะใช่ไหมคะ แต่ที่นี่จะไม่ใช้ตะเกียบในการทานเนงิโซบะ เพราะเขาใช้กระเทียมหอม (Leek) ก้านใหญ่ๆเป็นอุปกรณ์ตักอาหารแทนตะเกียบค่ะ
ส่วนฤดูกาลที่เหมาะต่อการกินโซบะที่นี่ก็คือฤดูใบไม้ร่วง เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวบัควีต (Buckwheat) อันเป็นวัตถุดิบสำคัญที่สุดในการทำโซบะค่ะ
2. คิตะคาตะราเมน (Kitakata Ramen)
คิตะคาตะราเมน (Kitakata Ramen) เป็นหนึ่งในเมนูท้องถิ่นประจำเมืองคิตะคาตะ ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังเป็นเมนูยอดนิยมที่ครองใจชาวญี่ปุ่นมานานด้วย ถึงแม้ว่าคิตะคาตะราเมนอาจจะดูไม่ค่อยโดดเด่นนักเมื่อเทียบกับเมนูราเมนแบบอื่นๆ แต่หารู้ไม่ว่าความคลาสสิกและความเรียบง่ายแบบนี้นี่แหละที่ครองใจเราอย่างแท้จริง!
สำหรับวิธีการเสิร์ฟนั้น เขาจะเทน้ำซุปใสรสเข้มข้นลงไปบนชามที่มีเส้นราเมน จากนั้นก็วางท็อปปิ้งอย่างหมูสไลด์ย่าง หน่อไม้เมนมะ (Menma) หรือต้นหอมสไลด์ลงไป ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้น
3. คัตสึด้ง (Katsudon)
แม้ว่าคัตสึด้ง (Katsudon) จะเป็นเมนูอาหารญี่ปุ่นที่ดูธรรมดามากและทุกคนก็ได้ยินชื่ออยู่บ่อยครั้ง แต่ถ้าได้มาที่ ‘จังหวัดฟุกุชิมะ’ แห่งนี้แล้ว เราก็จะพบว่าคัตสึด้งไม่ใช่เมนูธรรมดาอีกต่อไปค่ะ
เป็นที่รู้กันดีว่า ‘คัตสึด้ง’ นั้นเป็นเมนูอาหารที่เกิดจากการนำไข่ดิบปรุงรสและหอมหัวใหญ่ผัดเทลงไปบนกระทะร้อนที่มีทงคัตสึ (หมูชุบเกล็ดขนมปังทอดแบบญี่ปุ่น) เมื่อไข่เริ่มมีลักษณะกึ่งสุกกึ่งดิบแล้วก็ถือว่าเสร็จสิ้นการปรุงอาหารค่ะ ทั้งนี้ เราอาจจะเทมันลงบนชามที่มีข้าวสวยร้อนๆก็ได้ หรือจะวางเป็นจานกับก็ได้เช่นกันค่ะ
แต่ขอบอกว่าคัตสึด้งของ ‘จังหวัดฟุกุชิมะ’ นั้น เป็นคัตสึด้งที่ไม่ได้ใช้ไข่ดิบปรุงรสเหมือนคัตสึด้งทั่วๆไป แต่จะใช้วูสเตอร์ซอส (Worcestershire Sauce) แทนค่ะ นอกจากนี้เขาก็นิยมทานคู่กับกะหล่ำปลีฝอยด้วย
ใครได้มาเที่ยวฟุกุชิมะ ต้องลองมาชิมคัตสึด้งสูตรเฉพาะของจังหวัดนี้กันแล้วล่ะ!
4. โคสึยุ (Kozuyu)
โคสึยุ (Kozuyu) เป็นซุปแบบดั้งเดิมของฟุกุชิมะที่นิยมรับประทานกันในโอกาสพิเศษ อย่างช่วงขึ้นปีใหม่หรือพิธีการต่างๆ อีกทั้งการถ่ายทอดสูตรลับในการทำโคสึยุนั้นยังส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นเฉพาะในหมู่ชาวฟุกุชิมะด้วย เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นเมนูเก่าแก่แล้ว ยังสามารถรับประทานได้เฉพาะที่ฟุกุชิมะเท่านั้น
สำหรับส่วนประกอบคร่าวๆของโคสึยุก็จะมีหอยเชลล์อบแห้ง แครอท เห็ด เส้นหมี่ชิราตากิ (Shirataki Noodles) ขนมปังครูตองซ์ที่ทำจากกลูเตนของแป้งสาลี (Mamefu ; Wheat Gluten Croutons) โชยุ และเกลือ
5. พีช (Peach)
รู้หรือไม่ว่า ‘จังหวัดฟุกุชิมะ’ นั้นถือเป็นสวรรค์ของคนรักผลไม้อีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น โดยเฉพาะผลิตผลแสนอร่อยอย่าง พีช (Peach) นั้นได้รับการส่งออกจากฟุกุชิมะเป็นจำนวนมากกว่า 20% ของปริมาณส่งออกทั้งหมด
ทั้งนี้เป็นเพราะฤดูกาลปลูกพีชของจังหวัดฟุกุชิมะยาวนานกว่าพื้นที่อื่น โดยเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนไปจนถึงกลางเดือนกันยายน เมื่อมาฟุกุชิมะในช่วงเวลาดังกล่าว เราจึงสามารถดื่มด่ำกับความอร่อยของพีชได้อย่างจุใจเลยทีเดียวค่ะ
สำหรับชนิดของพีชที่ชาวฟุกุชิมะนิยมปลูกกันก็จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 ชนิด คืออากาสึกิพีช (Akatsuki Peach) ฮัตสึฮิเมะพีช (Hatsuhime Peach) และ ยุโซระพีช (Yuzora Peach)
นอกจากนี้ หน้าตาของพีชที่ปลูกจากฟุกุชิมะก็จะมีลักษณะอวบ กลม และมีสีชมพูระเรื่อไปทั่วทั้งผล แถมยังหอมกลิ่นพีชชัดเจนมาก ส่วนรสชาติคงไม่ต้องพูดถึงกันแล้ว เพราะมันต้องอร่อยเลิศอย่างแน่นอน
ถ้าใครรักพีช ชอบพีช ก็อย่าลืมไปลองชิมพีชของ ‘จังหวัดฟุกุชิมะ’ กันน๊า!
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ