รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดอิวาเตะ’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!
ม.ค. 25, 2022
บทนำ : ไปเที่ยวที่ ‘จังหวัดอิวาเตะ’ กันเถอะ!
จังหวัดอิวาเตะ เป็นจังหวัดที่ชื่ออาจจะยังไม่คุ้นหูคนไทยเท่าจังหวัดเพื่อนบ้านอย่างมิยากิหรือยามากาตะ แต่ที่นี่ก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยในแง่ของการท่องเที่ยว เพราะในอดีตอิวาเตะเคยเป็นฐานอำนาจของตระกูลฟูจิวาระ หนึ่งในสามตระกูลซามูไรใหญ่ที่มีอำนาจสูสีกับตระกูลมินาโมโตะและตระกูลไทระ โดยในช่วงยุคเฮอัน อิวาเตะมีความเจริญรุ่งเรืองพอๆกับเกียวโตเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าในเวลาต่อมาตระกูลฟูจิวาระจะถูกตระกูลมินาโมโตะยึดอำนาจชนิดถอนรากถอนโคน แต่พื้นที่เดิมของฟูจิวาระในเมืองฮิไรซุมิ (Hiraizumi) ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งหลงเหลืออยู่ แถมยังได้รับตำแหน่งมรดกโลกด้วย
ในส่วนของละแวกอื่น บริเวณพื้นที่เมืองซันริคุ (Sanriku) ก็มีชายหาดและหน้าผาที่สวยงามตระการตา โดยในปัจจุบันพื้นที่ในละแวกที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิส่วนใหญ่ก็ได้ฟื้นตัวกลับมาสวยงามดังเดิมแล้ว
การเดินทางไปอิวาเตะนั้นก็สะดวกพอสมควร สมมติว่าเดินทางโดยรถไฟชินคันเซ็นจากพื้นที่ต่างๆ (ปลายทาง Morioka) จะใช้เวลาดังนี้
-
- จากโตเกียว : 3 ชั่วโมง 49 นาที
- จากนาโกย่า : 4 ชั่วโมง 1 นาที
- จากโอซาก้า : 4 ชั่วโมง 53 นาที
ถ้ามีใครแพลนว่าจะไปเที่ยวอิวาเตะ รวมถึงจังหวัดอื่นๆด้วย เราก็ขอแนะนำให้ใช้ตั๋ว JR Pass หรือ JR Tohoku Pass เลยครับ เพราะจะช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากเลยทีเดียว
สารบัญ
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดอิวาเตะ
-
- ผาเกบิเค (Geibikei Gorge)
- วัดโมสึจิ (Motsuji Temple)
- วัดชูซอนจิ (Chusonji Temple)
- ทาคาดาจิกิเคโด (Takadachi Gikeido)
- สวนคิตะคามิ เท็นโชจิ (Kitakami Tenshochi Park)
- ชายฝั่งคิตะยามาซากิ (Kitayamazaki Coast)
- หาดโจโดงาฮามะ (Jodogahama Beach)
- ตลาดปลามิยาโกะ (Miyako Fish Market)
- ถ้ำริวเซ็นโด (Ryusendo Cave)
- สวนสาธารณะปราสาทโมริโอกะ (Morioka Castle Site Park / Iwate Park)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดอิวาเตะ
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดอิวาเตะ
1. ผาเกบิเค (Geibikei Gorge)
ผาเกบิเค (Geibikei Gorge) เป็นเขาหินปูนสูงชันที่มีแม่นํ้าซาเท็ตสึ (Satetsu River) ไหลผ่าน แม่น้ำสายนี้ไหลลงมาจากเทือกเขาคุริโคมะ ผ่านหุบเขาผาหินที่สูงถึง 50 เมตร โดยมีระยะทางยาวทั้งสิ้นประมาณ 2 กิโลเมตร
ตลอดสองฝั่งลำนํ้าเต็มไปด้วยทัศนียภาพของป่าไม้ธรรมชาติ ผู้คนนิยมมาล่องเรือเลียบไปตามลำนํ้าเพื่อชมความงามของธรรมชาติริมสองฝั่งแม่นํ้า โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วงจะมีความสวยงามมากเป็นพิเศษ
ลักษณะเด่นของการชมความสวยงามของผาแห่งนี้ อย่างแรกเลยก็คือเรา ‘เดิน’ ชมไม่ได้ครับ ต้องนั่งเรือชมเอา ซึ่งที่นี่จะมีเรือออกจากท่าทุกๆชั่วโมง
นอกจากนี้ เรือที่ผาเกบิเคก็ไม่ใช้เครื่องยนต์ด้วยครับ แต่คนควบคุมเรือจะใช้ไม้ค้ำยันถ่อเรือเอา ซึ่งนับว่าเป็นไม่กี่ที่ในญี่ปุ่นที่เรายังสามารถนั่งเรือชมวิวแบบโบราณสุดๆแบบนี้ได้
และถ้าใครมาเที่ยวโดยที่ยังไม่ได้ทานอะไรมาก็ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เพราะก่อนออกเรือจะมีอาหารและเครื่องดื่มขายบนเรือด้วย ?
ในขณะที่ล่องเรือลัดเลาะไปตามหุบเขา คนคุมเรือก็จะถ่อเรือไปพร้อมๆกับร้องเพลง Geibi Oiwake ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านโบราณประเภทหนึ่งของญี่ปุ่นที่หาฟังได้ยากแล้วในปัจจุบัน
เมื่อล่องเรือมาจนถึงปลายทาง ผู้โดยสารสามารถลงจากเรือไปเดินชมวิวตรงช่วงสุดท้ายได้ด้วย
ตรงนี้จะมีจุดที่ให้เราลองทำกิจกรรมเพิ่มความเฮงกันนิดหน่อย คือจะมีหินให้ลองโยน 5 ก้อน (ค่าหิน 100 เยน) โดยเราจะต้องโยนก้อนหินให้ลงรูตรงหน้าผาฝั่งตรงข้ามให้ได้ ว่ากันว่าถ้าโยนเข้าได้สำเร็จเราก็จะเฮง สิ่งที่ปรารถนาจะกลายเป็นความจริง ทั้งนี้ หินจะมีให้เลือกหลายแบบ แต่ละแบบจะให้โชคในแบบที่แตกต่างกันไป เช่น ความรัก เงินทอง ฯลฯ
อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับผาเกบิเค
- โยนหินขอพรให้ชีวิตปังสุดๆที่แก่งเกบิเค จ. อิวาเตะ
- เที่ยวโซนมรดกโลก UNESCO ที่ฮิไรซุมิ : ล่องเรือชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ผาเกบิเค
ข้อมูลเกี่ยวกับผาเกบิเค (Geibikei Gorge)
วิธีเดินทาง
- จากสถานี JR Ichinoseki ขึ้นรถไฟสาย JR Ofunato ไปลงที่สถานี Geibikei (ค่ารถไฟ 580 เยน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) แล้วเดินต่อจากสถานีอีกประมาณ 5 นาทีเพื่อไปที่ท่าเรือ
- นอกจากนี้ เรายังสามารถเดินทางจากสถานี JR Hiraizumi ด้วยรถบัสได้เช่นกัน ค่ารถบัส 500 เยน ใช้เวลาประมาณ 35 นาที (มีตั๋ว BUS PASS ที่สามารถซื้อได้ที่บริเวณสถานี ราคาประมาณ 1,000 เยน นั่งรถกี่รอบก็ได้ ผู้เขียนขอแนะนำให้ใช้ตั๋วแบบนี้ครับ)
ที่อยู่
- Geibikei gorge (猊鼻渓), 467, Nagasaka-cho, Higashiyama-cho, Ichinoseki-shi, Iwate 029-0302
โทร
- 0191-47-2341
วันและเวลาทำการ
- บริการล่องเรือเปิดทำการทุกวัน ในช่วงเวลาดังต่อไปนี้
- เดือนเมษายนถึงเดือนสิงหาคม เวลา 8:30 น. – 16:30 น.
- เดือนกันยายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน เวลา 8:30 น. – 16:00 น.
- กลางเดือนพฤศจิกายน เวลา 8:30 น. – 15:30 น.
- ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนมีนาคม เวลา 9:30 น. – 15:00 น.
- ปลายเดือนมีนาคม เวลา 9:30 น. – 15:30 น.
ค่าเข้าชม
- ค่านั่งเรือชมวิว 1,600 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
2. วัดโมสึจิ (Motsuji Temple)
วัดโมสึจิ (Motsuji Temple) เป็นวัดพุทธที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของนิกายเทนได วัดนี้ถูกสร้างขึ้นช่วงยุคหลังของเฮอันในปี 850 โดยหลวงพ่อจิกากุไดชิ
จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ สวนแดนสุขาวดี (PURE LAND GARDEN) ซึ่งเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่น สวนแดนสุขาวดีเป็นสวนที่พยายามจำลองสวรรค์ในนิยามของพุทธศาสนาออกมาเป็นของจริง โดยมีลักษณะเด่นคือบ่อน้ำขนาดใหญ่ตรงกลางสวน
ความสวยงามของสวนแดนสุขาวดีนั้น ทำให้ในยุคหนึ่งยอดกวีกลอนไฮกุนามว่า ‘บาโช’ (Basho) เดินทางมาเยี่ยมชมสวนแห่งนี้ และท่านก็ได้แต่งกลอนเกี่ยวกับความไม่จีรังยั่งยืนของเกียรติยศและลาภยศต่างๆ โดยเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของกลอนไฮกุนี้คือ “The summer grass / ‘Tis all that’s left / Of ancient warriors’ dreams” (ที่มา : dailyglimpsesofjapan.blogspot.com)
นอกจากนี้ในช่วงหน้าร้อน ที่นี่จะมีงานเทศกาลชมสวนเพื่อนั่งแต่งกลอนพร้อมกับจิบสาเกไปด้วย (พระญี่ปุ่นดื่มเหล้าได้นะครับ ไม่ถือว่าผิดศีล)
ส่วนด้านในหอพระหลักจะเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางหายป่วย เชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องของการขอพรให้มีสุขภาพดี หรือขอให้หายจากอาการเจ็บป่วยครับ
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัดโมสึจิ
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดโมสึจิ (Motsuji Temple)
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ JR Hiraizumi ให้ขึ้นรถบัส Hiraizumi Loop Bus ไปลงที่ป้าย Motsuji (ใช้เวลาประมาณ 3 นาที ค่าโดยสาร 210 เยน)
- หมายเหตุ : มีตั๋ว BUS PASS ที่สามารถซื้อได้บริเวณสถานี ราคาประมาณ 1,000 เยน ใช้นั่งรถกี่รอบก็ได้ แนะนำให้ใช้พาสแบบนี้ครับ
ที่อยู่
- Motsuji Temple (毛越寺), Osawa-58 Hiraizumi, Hiraizumi-cho, Nishiwakui-gun, Iwate 029-4102
โทร
- 0191-46-2331
วันและเวลาทำการ
- วัดเปิดทุกวัน เวลา 8:30 น. – 17:30 น.
- เฉพาะวันที่ 5 พฤศจิกายนถึง 4 เมษายน วัดจะเปิดจนถึงเวลา 16.30 น.
ค่าเข้าชม
- 500 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
3. วัดชูซอนจิ (Chusonji Temple)
วัดชูซอนจิ (Chusonji Temple) เป็นวัดพุทธนิกายเทนไดที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งสร้างขึ้นในปี 850 โดยหลวงพ่อเอ็นนิน (Ennin) เกจิอาจารย์ระดับสูงจากภูเขาฮิเอ
จุดเด่นอย่างแรกของวัดนี้คือ ทางลาดสำหรับเดินขึ้นไปสู่อาคารหลักของวัดที่เรียกว่า ‘สึกิมิซากิ’ หรือ ‘เนินชมจันทร์’ โดยตลอดสองฝั่งทางเดินจะมีต้นสนขนาดใหญ่เรียงรายกันเป็นแนวอย่างสวยงาม
อาคารในภาพด้านบนนี้คือ วิหารทองคำคนจิกิโด (Konjikidō Golden Hall) อาคารแห่งเดียวของวัดชูซอนจิที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 และยังคงสภาพเดิมมาจนถึงปัจจุบัน
ความพิเศษของวิหารแห่งนี้อยู่ที่ใต้ฐานพระพุทธรูป เพราะนี่คือสถานที่ฝังร่างของ คิโยฮิระ ฟูจิวาระ (Kiyohira Fujiwara) ผู้ก่อตั้งตระกูลฟูจิวาระซึ่งปกครองดินแดนในสมัยศตวรรษที่ 12
นอกจากนี้รอบวิหารยังปิดทองคำเปลวไว้อย่างงดงาม ซึ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีการเปิดไฟตอนกลางคืน แสงไฟที่สะท้อนกับทองคำเปลวจึงให้บรรยากาศที่สวยงามแปลกตา ดังจะเห็นได้จากรูปด้านบน
สำหรับหอในรูปนี้ก็คือ หอเบงเค ซึ่งสร้างขึ้นเนื่องจาก ‘เบงเค’ ได้จบชีวิตลงที่นี่
ว่าแต่เบงเคเป็นใครกันล่ะ?
เบงเค เป็นพระนักรบในยุคสงครามเฮจิที่เก่งกาจแข็งแกร่งที่สุดในยุคนั้น เขาได้ออกจากวัดไปตอนอายุ 17 ปี เนื่องจากถูกพระในวัดที่ตนบวชอยู่ใส่ร้าย หลังจากนั้นเบงเคได้กลายเป็นอลัชชี (นักบวชนอกรีต) อยู่ที่สะพานโกะโจในเกียวโต คอยดักปล้นฆ่าเหล่าทหารและซามูไรที่สัญจรผ่านไปมา พร้อมกับยึดอาวุธของคนเหล่านั้นไว้
เบงเครวบรวมอาวุธได้ถึง 999 เล่ม แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่คู่ต่อสู้คนที่ 1,000 ซึ่งก็คือ มินาโมโตะ โยชิสึเนะ นักรบซามูไรผู้โด่งดัง
เบงเคยอมรับในความพ่ายแพ้และได้ปฏิญาณตนเป็นข้ารับใช้ของโยชิสึเนะตั้งแต่บัดนั้นตราบจนวันที่เขาล่วงลับไป โดยเบงเคได้ต่อสู้เพื่อปกป้องโยชิสึเนะจนถูกธนูระดมยิงไปทั่วร่าง แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมล้มลง เบงเคยืนตระหง่านอย่างทระนงขณะสิ้นลมหายใจ
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัดชูซอนจิ
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดชูซอนจิ (Chusonji Temple)
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ JR Hiraizumi ขึ้นรถบัส Hiraizumi Loop Bus ไปลงป้าย Chūson-ji ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
- หมายเหตุ : มีตั๋ว BUS PASS ที่สามารถซื้อได้บริเวณสถานี ราคาประมาณ 1,000 เยน ใช้นั่งรถกี่รอบก็ได้ ผมขอแนะนำให้ใช้ตั๋วนี้ครับ
ที่อยู่
- Chusonji Temple (中尊寺), 202 Hiraizumi Kinseki, Hiraizumi-cho, Nishiwasei-gun, Iwate Prefecture 029-4102
โทร
- 0191-46-2211
วันและเวลาทำการ
- วัดเปิดทุกวัน เวลา 8:30 – 17:00 น.
- เฉพาะวันที่ 4 พฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ วัดจะเปิดจนถึงเวลา 16.30 น.
ค่าเข้าชม
- 800 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
4. ทาคาดาจิกิเคโด (Takadachi Gikeido)
ทาคาดาจิกิเคโด (Takadachi Gikeido) เป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึง ‘มินาโมโตะ โยชิสึเนะ’ นักรบซามูไรที่จบชีวิตของตนลงในปี 1189
มินาโมโตะ โยชิสึเนะ เกิดในตระกูลเซวะเง็น เป็นบุตรชายคนที่ 9 ของมินาโมโตะ โยชิโตโมะ ในปี 1160 ตระกูลมินาโมโตะพ่ายแพ้ต่อตระกูลไทระ โยชิโตโมะถูกสังหารในป่าขณะหลบหนี พี่ชายต่างมารดาและสมาชิกตระกูลมินาโมะโตะที่เหลือต่างถูกกวาดล้างและประหารชีวิต เหลือเพียงโยชิสึเนะและพี่ชายของเขา คือโนริโยริและโยริโตโมะ ซึ่งพวกเขาต่างสาบานตนว่าจะต้องแก้แค้นตระกูลไทระให้ได้
ในที่สุด โยชิสึเนะและโนริโยริก็ยกทัพไปเอาชนะกองทัพของตระกูลไทระได้ในยุทธการอิชิโนะตะนิเมื่อปี 1184 ชัยชนะเหนือตระกูลไทระทำให้สมาชิกตระกูลไทระเกือบทั้งหมดกระโดดลงทะเลเพื่อหนีความพ่ายแพ้จนจบชีวิตลง
แต่นั่นก็นำมาซึ่งจุดจบของโยชิสึเนะเช่นกัน
ด้วยความอิจฉาและกังวลว่าอาจถูกแย่งชิงอำนาจ โยริโตโมะพี่ชายของเขาได้ออกหมายตามล่าโยชิสึเนะ ส่งผลให้ในปี 1185 โยชิสึเนะต้องหนีมาพึ่งตระกูลฟูจิวาระที่ฮิไรซุมิ
แต่ในที่สุดเมื่อปี 1189 โยริโตโมะก็ส่งกำลังพลมาตามล่าโยชิสึเนะอีกครั้ง ส่งผลให้โยชิสึเนะต้องจบชีวิตตนเองโดยการคว้านท้อง
ภายในพื้นที่ของอนุสรณ์สถานจะมีแผนที่แสดงการเดินทางตลอดชีวิตของโยชิสึเนะ
รวมถึงบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับโยชิสึเนะ
อีกทั้งยังมีรูปปั้นไม้ที่เป็นตัวแทนของโยชิสึเนะและเบงเคด้วย
และจากเนินเขาภายในพื้นที่ของทาคาดาจิกิเคโด เราสามารถชื่นชมทัศนียภาพของแม่น้ำคิตากามิได้ด้วยครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับทาคาดาจิกิเคโด (Takadachi Gikeido)
วิธีเดินทาง
- จากสถานี JR Hiraizumi ให้ขึ้นรถบัส Hiraizumi Loop Bus ไปลงที่ทาคาดาจิกิเคโด ใช้เวลาประมาณ 15 นาที (มีตั๋ว BUS PASS ที่สามารถซื้อได้ในบริเวณสถานี ราคาประมาณ 1,000 เยน เราสามารถนั่งรถกี่รอบก็ได้ ผมขอแนะนำให้ใช้ตั๋วนี้ครับ)
ที่อยู่
- Takadachi Gikeido (高館義経堂), 14 Hiraiyanagi Gosho, Hiraizumi-cho, Nishiwakui-gun, Iwate Prefecture 029-4102
โทร
- 0191-46-3300
วันและเวลาทำการ
- เปิดทำการทุกวัน เวลา 8:30 น. – 16:30 น.
- เฉพาะวันที่ 5 พฤศจิกายน – 4 เมษายน เปิดจนถึงเวลา 16:00 น.
ค่าเข้าชม
- 200 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
5. สวนคิตะคามิ เท็นโชจิ (Kitakami Tenshochi Park)
สวนคิตะคามิ เท็นโชจิ (Kitakami Tenshochi Park) เป็นสวนที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคิตากามิ จุดเด่นของสวนแห่งนี้คือต้นซากุระกว่า 10,000 ต้น ซึ่งโน้มกิ่งเป็นอุโมงค์ซากุระเรียงรายไปตามทางเดินริมแม่น้ำยาวกว่า 2 กิโลเมตร ด้วยเหตุนี้สวนคิตะคามิ เท็นโชจิจึงเป็นจุดชมซากุระยอดนิยม จนได้รับการยอมรับว่าเป็น 1 ใน 3 จุดชมซากุระที่ดีที่สุดของภูมิภาคโทโฮคุ ร่วมกับปราสาทฮิโรซากิในจังหวัดอาโอโมริ และเมืองคาคุโนะดาเตะในจังหวัดอาคิตะ
หนึ่งในวิธีชมซากุระที่น่าสนใจของสวนแห่งนี้ก็คือ การล่องเรือแบบภาพด้านบน หรือนั่งรถม้าแบบภาพด้านล่าง
ข้อมูลเกี่ยวกับสวนคิตะคามิ เท็นโชจิ (Kitakami Tenshochi Park)
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ JR Kitakami สามารถเดินไปที่สวนได้ โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที
- ในช่วงซากุระบานจะมีบริการเรือข้ามฟากจากสถานีไปยังฝั่งสวน ค่าบริการ 400 เยน
ที่อยู่
- Kitakami Tenshochi Park (北上市立公園展勝地), 10 Chiwari Tachibana, Kitakami, Iwate 024-0043
เบอร์ติดต่อ
- 0191463300
วันและเวลาทำการ
- เปิดวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 8:30 – 17:15 น.
- ปิดวันเสาร์อาทิตย์ วันปีใหม่ และวันหยุดราชการอื่นๆ
- ซากุระจะบานช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด
6. ชายฝั่งคิตะยามาซากิ (Kitayamazaki Coast)
ชายฝั่งคิตะยามาซากิ (Kitayamazaki Coast) เป็นแหลมที่ยื่นออกไปนอกชายฝั่งทะเลเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Sanriku
จุดเด่นของชายฝั่งคิตะยามาซากิคือหน้าผาต่างๆที่มีความสูง 150-200 เมตร จุดที่ดีที่สุดสำหรับการชมวิวชายฝั่งทะเลคือจุดชมวิวคิตะยามาซากิ (Kitayamazaki Observatory) ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ โดยมีทั้งหมด 3 ชั้น
และสำหรับผู้ที่สนใจอยากชมแนวหินผาในระยะใกล้ ขอแนะนำให้ลองนั่งเรือชมวิวครับ
นอกจากนี้ ไกลออกไปทางทิศใต้ของชายฝั่งคิตะยามาซากิประมาณ 10 กิโลเมตรก็มี ผาอูโนซุ (Unosu Cliff) ซึ่งเป็นชายฝั่งทะเลที่มีความโดดเด่นเช่นกัน
ผาแห่งนี้มีระยะทางยาว 4 กิโลเมตร และมีความสูงประมาณ 200 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวหน้าผาแห่งนี้ได้จากจุดชมวิวทางทิศใต้ (ใครเป็นสายดูนกน่าจะชอบตรงนี้ เพราะคำว่า ‘อูโนซุ’ หมายถึงนกต่างๆ และเหตุผลที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะว่าผาอูโนซุมีนกเหยี่ยวนกนางนวลอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากนั่นเอง)
ข้อมูลเกี่ยวกับชายฝั่งคิตะยามาซากิ (Kitayamazaki Coast)
วิธีเดินทาง
- จุดชมวิวคิตะยามาซากิ (Kitayamazaki Observatory)
- จากสถานี Miyako นั่งรถไฟสาย Sanriku Railway Northern Line ไปลงที่สถานี Tanohata (ใช้เวลา 45 นาที ค่าโดยสาร 1,010 เยน) จากนั้นนั่งรถแท็กซี่ โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ค่าโดยสารคนละ 800 เยน (เป็น Share Taxi)
- ตารางเวลาของรถแท็กซี่สามารถได้ดูที่นี่ >> Click
- เรือชมวิว Kitayamazaki Cliff Cruise Sightseeing Boat
- จากสถานี Miyako นั่งรถไฟสาย Sanriku Railway Northern Line ไปลงที่สถานี Shimanokoshi (ใช้เวลา 40 นาที ค่าโดยสาร 1,010 เยน) จากนั้นเดินอีก 10 นาทีเพื่อไปที่ท่าเรือ
- ผาอูโนซุ (Unosu Cliff)
- จากสถานี Tanohata นั่งรถแท็กซี่ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ค่าโดยสารคนละ 1,500 เยน (เป็น Share Taxi)
- ตารางเวลาของรถแท็กซี่สามารถได้ดูที่นี่ >> Click
ที่อยู่
- จุดชมวิวคิตะยามาซากิ (Kitayamazaki Observatory)
- Kitayamazaki Observatory, Tanohata, Shimohei District, Iwate 028-8402
- เบอร์ติดต่อ : 0194333248
- เรือชมวิว Kitayamazaki Cliff Cruise Sightseeing Boat
- 104-2 Shimanokoshi, Tanohata-mura, Shimohei -gun, Iwate 028-8404
- เบอร์ติดต่อ : 0194332113
- ผาอูโนซุ (Unosu Cliff)
- Magizawa, Tanohata, Shimohei District, Iwate 028-8405
วันและเวลาทำการ
- จุดชมวิวคิตะยามาซากิ (Kitayamazaki Observatory)
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
- เรือชมวิว Kitayamazaki Cliff Cruise Sightseeing Boat
- มีเรือให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.40 – 15.30 น. (สามารถดูรอบเรือโดยละเอียดได้ที่นี่ >> Click )
ค่าเข้าชม
- จุดชมวิวคิตะยามาซากิ (Kitayamazaki Observatory)
- ไม่มีค่าเข้าชม
- เรือชมวิว Kitayamazaki Cliff Cruise Sightseeing Boat
- ผู้ใหญ่ : 1,500 เยน
- เด็ก : 750 เยน
- ผาอูโนซุ (Unosu Cliff)
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
- https://www.vill.tanohata.iwate.jp/kankou/see/kitayamazaki.html
- https://www.vill.tanohata.iwate.jp/kankou/see/dangai-cruise.html
พิกัด
7. หาดโจโดงาฮามะ (Jodogahama Beach)
หาดโจโดงาฮามะ (Jodogahama Beach) เป็นชายหาดแห่งหนึ่งในเมืองมิยาโกะ ซึ่งเมื่อมองออกไปเราจะเห็นชะง่อนผาสีขาวรูปทรงแหลมตั้งเรียงรายกันเป็นแนว โดยมีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นปกคลุมอยู่ด้านบน
สีขาวของผาหินนั้นตัดกันดีกับสีเขียวของพืชพรรณต่างๆ รวมถึงสีฟ้าของท้องฟ้าและน้ำทะเล เกิดเป็นภูมิทัศน์ที่มีความงดงามเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ชื่อ โจโดงาฮามะ นั้นแปลตรงตัวได้ว่า แดนสุขาวดี เหตุผลที่ชายหาดได้ชื่อนี้ก็เพราะว่าหินสีขาวนั้นดูตัดกับวิวรอบข้าง จนดูเหมือนสรวงสวรรค์ในทางพุทธศาสนา
นอกจากนี้ ที่หาดโจโดงาฮามะยังมีเรือนำเที่ยวที่จะพาเราไปชม ถ้ำสีฟ้า(Aonodokutsu) ถ้ำขนาดเล็กที่น้ำทะเลข้างในเป็นสีฟ้าโคบอลต์ เป็นการรังสรรค์ของธรรมชาติที่สวยงามน่าประทับใจมากครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับหาดโจโดงาฮามะ (Jodogahama Beach)
วิธีเดินทาง
- หาดโจโดงาฮามะ
- จากสถานี Miyako นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Oku-Jodogahama (ใช้เวลา 20 นาที ค่าโดยสาร 230 เยน)
- เรือนำเที่ยว Blue Cave Cruise
- จากสถานี Miyako นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Jodogashima Visitor Center (ใช้เวลา 15 นาที ค่าโดยสาร 180 เยน) แล้วเดินไปที่จุดขายตั๋วใกล้ๆกับป้าย (จากป้ายหากเดินไปยังท่าเรือจะใช้เวลา 5 นาที)
ที่อยู่
- หาดโจโดงาฮามะ
- 7-32 Usugi Kuwagasaki , Miyako-shi, Iwate
- เรือนำเที่ยว Blue Cave Cruise
- 32-4 Hitachihamacho, Miyako City, Iwate Prefecture
- เบอร์ติดต่อ : 0193631327
วันและเวลาทำการ
- หาดโจโดงาฮามะ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
- เรือนำเที่ยว Blue Cave Cruise : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:00 น. (หยุดให้บริการช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์)
ค่าเข้าชม/ค่าโดยสาร
- หาดโจโดงาฮามะ : ไม่มีค่าเข้าชม
- เรือนำเที่ยว Blue Cave Cruise : ค่าโดยสารเรือ 1,500 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
8. ตลาดปลามิยาโกะ (Miyako Fish Market)
ตลาดปลามิยาโกะ (Miyako Fish Market) เป็นตลาดปลาประจำเมืองมิยาโกะที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลสดใหม่จากแหล่งตกปลาชั้นนำของญี่ปุ่นอย่างชายฝั่ง Sanriku ด้วยเหตุนี้ ตลาดปลามิยาโกะจึงมีอาหารทะเลจำหน่ายทุกวันในราคาที่ถูกกว่าซุปเปอร์มาร์เก็ต
จุดเด่นที่สุดของตลาดปลามิยาโกะคือ Gyosai Hiroba หรือบริการย่างอาหารทะเลและอาหารอื่นๆ พร้อมด้วยน้ำจิ้มต่างๆที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน ทำให้เราสามารถกินอาหารทะเลสดใหม่ที่เลือกซื้อและย่างให้ตรงนั้นได้ทันที
ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดปลามิยาโกะ (Miyako Fish Market)
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Miyako Station สามารถเดินมาที่ตลาดปลาได้ภายใน 10 นาที
ที่อยู่
- Miyako Fish Market, 1-1 Satsukicho, Miyako, Iwate 027-0072
- เบอร์ติดต่อ : 0193621521
วันและเวลาทำการ
- ตลาดปลาเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6:30 – 17:30 น. (ปิดทุกวันพุธ)
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด
9. ถ้ำริวเซ็นโด (Ryusendo Cave)
ถ้ำริวเซ็นโด (Ryusendo Cave) เป็น 1 ใน 3 ถ้ำหินปูนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นร่วมกับถ้ำอาคิโยชิโด (Akiyoshido Cave) จังหวัดยามากาตะ และถ้ำริวกะโด (Ryugado) จังหวัดโคจิ ถ้ำแห่งนี้มีความยาวประมาณ 4,088 เมตร แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมถึงช่วง 700 เมตรเท่านั้น
ด้วยลักษณะภายในถ้ำที่สวยงามตระการตา อีกทั้งยังเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของค้างคาวหลายสายพันธุ์ ถ้ำริวเซ็นโดจึงได้รับเลือกให้เป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญทางธรรมชาติของญี่ปุ่น
จุดเด่นที่สุดของถ้ำริวเซ็นโดคือทะเลสาบใต้ดินที่เกิดจากน้ำบริสุทธิ์ โดยภายในพื้นที่ของถ้ำแห่งนี้มีทะเลสาบใต้ดินทั้งหมด 8 แห่ง (เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ 3 แห่ง)
ทะเลสาบใต้ดินในถ้ำริวเซ็นโดนับเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำที่ใสที่สุดในโลก ลักษณะเด่นของน้ำที่นี่คือมีสีน้ำเงินสวยงาม ทำให้ทะเลสาบใต้ดินแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า “มังกรสีน้ำเงิน” เพราะสีและรูปร่างของสายน้ำที่ดูคล้ายมังกรนั่นเอง
ข้อมูลเกี่ยวกับถ้ำริวเซ็นโด (Ryusendo Cave)
วิธีเดินทาง
- จากสถานี Miyako นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Iwaizumi-Omoto (ใช้เวลา 33 นาที ค่าโดยสาร 780 เยน) จากนั้นให้นั่งรถบัสไปที่ถ้ำ (ใช้เวลา 20 นาที ค่าโดยสาร 580 เยน / หมายเหตุ : ใช้ตั๋ว JR Pass ไม่ได้นะครับ)
- ถ้าเริ่มต้นจากสถานีรถไฟ JR Morioka ให้นั่งรถบัส JR ไปลงที่ถ้ำ (ใช้เวลา 135 นาที ค่าโดยสาร 2,170 เยน / ใช้ตั๋ว JR Pass ได้)
ที่อยู่
- Ryūsendō Cave, 1-1 Aza Kannari, Iwaizumi, Iwaizumi Town, Shimohei District, Iwate Prefecture 027-0501
เบอร์ติดต่อ
- 0194222566
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:00 น. (เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน เปิดถึงเวลา 18:00 น.)
- เวลาทำการชั่วคราวในช่วงโควิด เวลา 10:00 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ : 1,100 เยน
- นักเรียนมัธยมต้น – ประถม : 550 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
10. สวนสาธารณะปราสาทโมริโอกะ (Morioka Castle Site Park / Iwate Park)
สวนสาธารณะปราสาทโมริโอกะ (Morioka Castle Site Park / Iwate Park) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองโมริโอกะ แต่เดิมสวนแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทโมริโอกะที่ถูกสั่งรื้อถอนไปในปี 1874 หลังจากนั้นที่ตรงนี้ก็ถูกทิ้งร้างอยู่นาน
จนกระทั่งในปี 1906 พื้นที่ของปราสาทโมริโอกะเก่าก็ได้รับการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ใหม่ จนกลายมาเป็นสวนสาธารณะที่สวยงามดังที่เห็นกันในปัจจุบัน
ขอบอกว่าช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ สวนแห่งนี้จะสวยงามมากๆเลยล่ะครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับสวนสาธารณะปราสาทโมริโอกะ (Morioka Castle Site Park / Iwate Park)
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ JR Morioka สามารถเดินมาที่สวนได้ โดยใช้เวลาประมาณ 10 – 15 นาที
ที่อยู่
- Morioka Castle Site Park (Iwate Park), 1-1-37 Uchimaru, Morioka, Iwate 020-0023
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดอิวาเตะ
1. วังโกะโซบะ (Wanko Soba)
วังโกะโซบะ (Wanko Soba) ถูกจัดเป็น 1 ใน 3 โซบะที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น ร่วมกับโทกาคุชิโซบะของจังหวัดนากาโนะ และอิซุโมะโซบะของจังหวัดชิมาเนะ ว่ากันว่าเมนูนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่ชาวอิวาเตะอยากให้ทุกคนได้มีโซบะปรุงสดๆกินกัน
วังโกะโซบะนั้นมีวิธีการทานที่เป็นเอกลักษณ์มาก เพราะเมนูนี้ไม่ได้เสิร์ฟมาเป็นชามเดียวใหญ่ๆเหมือนโซบะทั่วไป แต่จะถูกจัดใส่ถ้วยเล็กๆ (คำว่า Wanko เป็นภาษาถิ่นที่หมายถึง ถ้วยที่ทำจากไม้) และแต่ละถ้วยก็จะมีเส้นโซบะใส่มาในปริมาณพอดีหนึ่งคำ
หลังจากนั้นพนักงานของร้านจะเทเส้นโซบะใส่ถ้วยน้ำซุปที่ให้ลูกค้าถือไว้ พอเราทานหมดหนึ่งคำ พนักงานก็จะเติมเส้นโซบะใส่ถ้วยของเราต่อทันที เมื่ออิ่มแล้วก็ให้เรานำฝามาปิดถ้วยของตัวเอง เป็นการส่งสัญญาณบอกพนักงานว่าไม่ต้องเติมแล้ว
- ร้านแนะนำ : Wankosoba-Kajiya
2. โมริโอกะเรเมน (Morioka Reimen)
โมริโอกะเรเมน (Morioka Reimen) เป็นบะหมี่เย็นสไตล์โมริโอกะ จุดกำเนิดของเมนูนี้เริ่มมาจากตอนที่ Teruto Aoki ชาวเกาหลีเหนือที่อพยพมาอยู่เมืองโมริโอกะได้เปิดร้านอาหารในปี 1954 เขาได้นำบะหมี่เย็นเปียงยางมาปรับสูตรโดยทำให้เผ็ดน้อยลง จนกลายมาเป็นเมนู ‘โมริโอกะเรเมน’ หลังจากนั้นเมนูจานเด็ดนี้ก็เริ่มแพร่หลายจนกระทั่งบูมสุดๆในช่วงปี 1980
จุดเด่นของโมริโอกะเรเมนนั้น นอกจากเนื้อและกิมจิแล้ว ในชามยังมีท็อปปิ้งที่ขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือผลไม้ตามฤดูกาลที่ปลูกในอิวาเตะ อาทิ แตงโม สาลี่ แอปเปิล ฯลฯ
ด้วยผลไม้ตามฤดูกาลเหล่านี้ โมริโอกะเรเมนจึงเป็นบะหมี่ที่ทานแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น ชาวจังหวัดอิวาเตะจึงนิยมทานเมนูนี้กันเป็นพิเศษในช่วงหน้าร้อน
- ร้านแนะนำ : pyonpyonsya
3. โมริโอกะจาจาเมน (Morioka Jajamen)
โมริโอกะจาจาเมน (Morioka Jajamen) เป็นเมนูอาหารที่คิดค้นโดย Takashina Kanshou โดยในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาได้ย้ายไปอยู่ที่แมนจูกัว (พื้นที่ตอนเหนือของจีนในปัจจุบัน) และได้รู้จักกับเมนู ‘จาจางเหมี่ยน’
เมื่อจบสงครามในปี 1945 Takashina Kanshou ก็กลับบ้านเกิดที่เมืองโมริโอกะ และเขาก็ได้นำสูตรจาจางเหมี่ยนที่เคยกินมาปรับรสชาติ จนได้ออกมาเป็น ‘โมริโอกะจาจาเมน’ ที่มีรสชาติผสมผสานกันระหว่างความเค็มของซอสมิโซะเนื้อ ความเผ็ดของกระเทียม และความสดชื่นของแตงกวา
เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติทั้งหมดนี้พร้อมกับสัมผัสความหนึบของเส้นอุด้ง ไม่ว่าใครก็ต้องติดใจแน่นอน!
- ร้านแนะนำ : Hakuryu
4. มิยาโกะราเมน (Miyako Ramen)
มิยาโกะราเมน (Miyako Ramen) เป็นราเมนสูตรเฉพาะของเมืองมิยาโกะ (Miyako) จุดเด่นของเมนูนี้คือซุปใสที่มีเบสเป็นปลาหลากหลายชนิด ส่วนเส้นก็ใช้เส้นราเมนที่มีลักษณะเล็กและหยัก ให้รสชาติกลมกล่อม เป็นเมนูที่กินได้เรื่อยๆไม่เลี่ยนเลยครับ
- ร้านแนะนำ : Tarafuku
5. เนื้อมาเอซาวะ (Maesawa Beef)
เนื้อมาเอซาวะ (Maesawa Beef) เป็นอีกหนึ่งเนื้อวากิวชั้นดีของญี่ปุ่น เนื้อวากิวชนิดนี้มาจากวัวที่เลี้ยงในเมืองมาเอซาวะ (Maesawa) โดยมีจุดเด่นอยู่ตรงมันที่แทรกเป็นริ้วสีขาว ตัดกับเนื้อสีแดงสดชวนรับประทาน ทั้งนี้ เนื้อมาเอซาวะเป็นเนื้อที่เหมาะกับการนำมาทำเมนูสเต๊กเป็นพิเศษครับ
- ร้านแนะนำ : Wakana สาขา Kitakami
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ