สวรรค์ของคนรักอาหารทะเล! รวม 8 อาหารทะเลที่ต้องมาลองในคาโกชิม่า
ก.ย. 08, 2023
สวรรค์ของคนรักอาหารทะเล! รวม 8 อาหารทะเลที่ต้องมาลองในคาโกชิม่า
“จังหวัดคาโกชิม่า” เป็นดินแดนที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลจีนตะวันออก อ่าวคิงโคะ และมหาสมุทรแปซิฟิก อีกทั้งยังมีแนวชายฝั่งทะเลยาวที่สุดเป็นอันดับสามของญี่ปุ่น โดยมีระยะทางทั้งหมด 2,666 กิโลเมตร ไม่เพียงเท่านั้น คาโกชิม่ายังมีท่าเรือประมงเยอะเป็นอันดับห้าของประเทศ นอกจากนี้ปริมาณอาหารทะเลที่ได้มาจากการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น ปลาบุริและปลาไหล ก็ยังถือว่าเป็นอันดับต้นๆของประเทศด้วยค่ะ
แน่นอนว่าดินแดนที่อุดมไปด้วยทรัพยากรทางน้ำเช่นนี้ก็ย่อมต้องมีอาหารทะเลสดใหม่ให้ทานกันทุกวัน และอาหารทะเลบางชนิดก็ต้องมาทานถึงถิ่นจึงจะอร่อยถูกปาก ดังนั้นเราจึงรวบรวมรายชื่อ 8 อาหารทะเลรสเลิศที่อยากจะแนะนำให้ทุกคนมาลองทานกันสักครั้งหากมาเยือนคาโกชิม่าค่ะ
หากอยากรู้แล้วว่าแต่ละเมนูจะน่าทานขนาดไหน เราไปดูอาหารทะเลแสนอร่อยของคาโกชิม่ากันเลย!
สารบัญ (Index) : รวม 8 อาหารทะเลที่ต้องมาลองในคาโกชิม่า
- อุนางิ หรือ ปลาไหล (Unagi)
- คิบินาโกะ (Kibinago)
- ปลาคัตสึโอะ (Katsuo)
- กุ้งมังกรอิเสะ หรือ กุ้งมังกรญี่ปุ่น (Ise Lobster)
- อุนิ หรือ หอยเม่น (Uni)
- ปลาคัมปาจิ (Kampachi)
- ปลาซาบะ (Saba)
- ปลาบุริ (Buri)
1. อุนางิ หรือ ปลาไหล (Unagi)
คาโกชิม่าเป็นจังหวัดที่เพาะเลี้ยงปลาไหลได้ในปริมาณมากที่สุดของญี่ปุ่น เคล็ดลับความอร่อยของปลาไหลที่นี่มาจากการดูแลอย่างพิถีพิถัน เช่น การเลือกใช้น้ำที่มีคุณภาพและสภาพอากาศที่อบอุ่น
ไม่เพียงเท่านั้น ร้านปลาไหลหลายๆร้านในคาโกชิม่ายังมีซอสสูตรลับเฉพาะและต้องอาศัยทักษะการย่างปลาไหลของเชฟแต่ละร้านด้วย ดังนั้นหากใครอยากทานปลาไหลเนื้อนุ่มๆชุ่มซอสฉ่ำก็ต้องมาทานที่คาโกชิม่าเท่านั้นค่ะ
ส่วนร้านอาหารสำหรับทานปลาไหลย่างนั้น ในตัวเมืองคาโกชิม่าก็มีให้เลือกหลายร้านเลยค่ะ แต่หากใครต้องการทานปลาไหลแบบสดใหม่ก็ต้องมาลิ้มลองกันที่ “เมืองโอซากิ” (Osaki) เพราะเมืองนี้เป็นหนึ่งในแหล่งเพาะเลี้ยงปลาไหลชั้นนำของญี่ปุ่นนั่นเอง
- อ่านรีวิวเพิ่มเติม >> Unagi no Sueyoshi ข้าวหน้าปลาไหลในตำนานของชาวคาโกชิม่า
2. คิบินาโกะ (Kibinago)
คิบินาโกะ คือปลาเฮอร์ริงรูปร่างกลมแถบสีเงินและมีขนาดลำตัวเล็กประมาณ 10 ซม. ปลาชนิดนี้เป็นเมนูท้องถิ่นของโซนตอนเหนือของคาโกชิม่า แต่ก็สามารถพบได้ทั่วไปตามเมืองต่างๆของคาโกชิม่าค่ะ
เนื้อของปลาคิบินาโกะนั้นนุ่มและมีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งเรายังสามารถนำปลาคิบินาโกะมาทำอาหารได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบทอด ย่างเกลือ ทำน้ำซุป หรือจะทานแบบซาชิมิก็ได้เช่นกัน แต่ปลาคิบินาโกะจะมีอายุการเก็บรักษาไม่นานนัก ดังนั้นเราจึงขอแนะนำให้เพื่อนๆมาลองทานกันที่เมืองซัตสึมะเซนได ซึ่งตั้งอยู่ที่โซนทางเหนือของคาโกชิม่าค่ะ
เมืองซัตสึมะเซนไดเป็นเมืองที่เราสามารถไปทานปลาคิบินาโกะแบบสดๆได้ อีกทั้งคนในเมืองนี้ยังนิยมทานปลาคิบินาโกะแบบซาชิมิกันด้วย โดยส่วนใหญ่ผู้คนที่นี่มักจะทานปลาคิบินาโกะคู่กับน้ำส้มสายชูที่หมักด้วยมิโซะนั่นเองค่ะ
3. ปลาคัตสึโอะ (Katsuo)
ในสมัยก่อนคนญี่ปุ่นจะนิยมนำปลาคัตสึโอะมาผลิตเป็นแบบแห้ง หรือที่เรียกอีกอย่างว่า ‘ปลาโอแห้ง’ นั่นเองค่ะ คนญี่ปุ่นมักจะนำปลาโอแห้งมาโรยหน้าอาหารและใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการทำน้ำซุปดาชิ เนื่องจากปลาโอแห้งเป็นส่วนผสมสำคัญที่ช่วยให้อาหารมีรสชาติกลมกล่อมมากขึ้นค่ะ
แต่นอกเหนือจากการนำปลาชนิดนี้มาโรยใส่อาหารหรือทำน้ำซุปแล้ว ที่คาโกชิม่ายังนิยมนำปลาคัตสึโอะมาทานแบบซาชิมิด้วยนะ และด้วยความที่คาโกชิม่าเป็นจังหวัดติดทะเล การทานปลาคัตสึโอะแบบซาชิมิที่นี่จึงได้ความสดใหม่แบบจัดเต็มเลยค่ะ!
หากพูดถึงแหล่งปลาคัตสึโอะในคาโกชิม่า ยังไงก็ต้องเป็นเมืองมากุระซากิ (Makurazaki) เลยค่ะ เพราะเมืองนี้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาคัตสึโอะรายใหญ่ของญี่ปุ่น นอกจากจะได้ลิ้มลองเมนูแสนอร่อยที่รังสรรค์มาจากปลาคัตสึโอะแล้ว เพื่อนๆยังสามารถเข้าชมโรงงานแปรรูปปลาคัตสึโอะได้อีกด้วยค่ะ
- อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : รีวิวทริปเที่ยว KATSU ICHI แหล่งผลิตคัตสึโอะบุชิ ผลิตภัณฑ์จากปลาโออันเป็นที่รักของคนญี่ปุ่น
4. กุ้งมังกรอิเสะ หรือ กุ้งมังกรญี่ปุ่น (Ise Lobster)
กุ้งมังกรอิเสะเป็นอาหารทะเลชั้นเลิศที่หาทานได้ยาก เนื้อของกุ้งสายพันธุ์นี้จะนุ่มหวานละมุนลิ้นกว่ากุ้งสายพันธุ์อื่นๆ และคนญี่ปุ่นยังมีความเชื่อมาตั้งแต่สมัยโบราณอีกว่า หากเราทานกุ้งมังกรอิเสะแล้วจะมีอายุยืนยาว นอกจากนี้กุ้งมังกรอิเสะยังเป็นวัตถุดิบที่ขาดไม่ได้ในช่วงงานเทศกาลด้วยค่ะ
แม้ว่าสำหรับคนส่วนใหญ่กุ้งมังกรอิเสะจะเป็นอาหารทะเลที่มีภาพจำว่ามาจากคาบสมุทรโบโซในจังหวัดชิบะและจังหวัดมิเอะ แต่ทุกคนทราบไหมคะว่าจังหวัดคาโกชิม่าก็ติดอันดับ 1 ใน 10 แหล่งผลิตกุ้งมังกรอิเสะชั้นนำของญี่ปุ่นมาโดยตลอดด้วยนะ
และยิ่งไปกว่านั้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี เมืองคิโมะซึกิ (Kimotsuki) จะจัดงานเทศกาลกุ้งมังกรอิเสะด้วยค่ะ ภายในงานจะมีเมนูอาหารที่ทำมาจากกุ้งมังกรญี่ปุ่นหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นซาซิมิเนื้อหวานหรือซุปมิโซะเข้มข้น หากเพื่อนๆคนไหนมาเยือนคาโกชิม่าแล้ว ก็อย่าลืมแวะมาลิ้มลองกุ้งมังกรอิเสะกันดูนะคะ
5. อุนิ หรือ หอยเม่น (Uni)
เมืองอาคุเนะ (Akune) เป็นหนึ่งในแหล่งตกปลาที่ดีที่สุดของคาโกชิม่า อีกทั้งแนวชายฝั่งของเมืองอาคุเนะยังมีระยะทางยาวกว่า 40 กิโลเมตร ดังนั้นผู้คนในเมืองนี้จึงสามารถจับสัตว์และพืชทะเลได้มากมาย เช่น สาหร่ายทะเลและหอยเม่นทะเล เป็นต้น
เมืองอาคุเนะมีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นแหล่งผลิตเม่นทะเล เนื่องจากแต่ละฤดูมีเม่นทะเลให้จับหลากหลายชนิด และชนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ “เม่นทะเลสีม่วง” เป็นเม่นทะเลที่ต้องจับอย่างระมัดระวังและจับทีละตัวด้วยวิธีการดำน้ำแบบ Freediving ส่วนใหญ่ชาวประมงจะนิยมจับเม่นทะเลชนิดนี้กันในช่วงตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมค่ะ
ส่วนเรื่องของรสชาตินั้น แม้ว่าเม่นทะเลของเมืองอาคุเนะจะมีขนาดเล็ก แต่รสชาติของมันกลับหวานและมีรสอูมามิ หากใครอยากลองทานเม่นทะเลที่ทั้งสดและใหม่ ต้องมาลิ้มลองที่คาโกชิม่ากันนะคะ
6. ปลาคัมปาจิ (Kampachi)
‘คัมปาจิ’ เป็นปลาขนาดใหญ่ในวงศ์ปลาหางแข็ง คนญี่ปุ่นนิยมนำปลาชนิดนี้มาทำเป็นซูชิและซาชิมิ เนื่องจากเนื้อของปลาคัมปาจิมีไขมันในปริมาณที่พอเหมาะ ดังนั้นหากทานแบบสดๆเนื้อปลาก็จะมีความกรุบกรอบนั่นเองค่ะ
นอกจากนี้ คาโกชิม่ายังเป็นพื้นที่ที่ผลิตปลาคัมจิได้มากที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย เนื่องจากจังหวัดนี้มีแหล่งเพาะพันธุ์ปลาที่เอื้ออำนวยต่อความอุดมสมบูรณ์อย่างอ่าวคิงโคะ ไม่เพียงเท่านั้น นอกจากแหล่งเพาะพันธุ์จะเหมาะสมแล้ว ชาวประมงยังใส่ใจเรื่องการเลี้ยงปลาอย่างเข้มงวด รวมถึงการเลี้ยงปลาด้วยอาหารที่มีเฉพาะในท้องถิ่นอีกด้วยค่ะ หากเพื่อนๆคนไหนอยากลองทานปลาคัมปาจิแบบสดๆก็สามารถเลือกร้านที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับอ่าวคิงโคะได้เลย
7. ปลาซาบะ (Saba)
ปลาซาบะเป็นปลาที่สูญเสียความสดได้อย่างรวดเร็ว และเป็นปลาที่เราไม่ควรทานแบบดิบอีกด้วย แต่ทว่าจังหวัดคาโกชิม่ากลับมีปลาซาบะแสนอร่อยที่สามารถทานเป็นแบบซาชิมิได้ เนื่องจากปลาซาบะที่จับได้ในคาโกชิม่าส่วนใหญ่จะมีปริมาณไขมันต่ำกว่าปลาซาบะทั่วไป ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าจังหวัดนี้มีแหล่งเพาะพันธุ์ที่สะดวก รวมถึงมีการเพาะเลี้ยงเพื่อนำมาทำเมนูซาชิมิโดยเฉพาะ
นอกจากปลาซาบะที่คาโกชิม่าจะอร่อยและมีเนื้อสัมผัสหนึบหนับแล้ว ปลาซาบะยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อร่างกายอีกมากมาย เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก และวิตามินบี 2 ค่ะ
8. ปลาบุริ (Buri)
จังหวัดคาโกชิม่ามีอ่าวที่เหมาะแก่การเลี้ยงปลาอยู่หลายแห่ง นับตั้งแต่เริ่มมีการทดลองเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในปี 1958 ทางจังหวัดก็ได้มีการก่อตั้งสมาคมเพาะเลี้ยงปลาบุริขึ้น เนื่องจากในสมัยก่อนเคยมีชาวประมงตกปลาบุริขึ้นมาได้
แม้ว่าฤดูกาลของปลาบุริจะเป็นช่วงหน้าหนาว แต่ทางสมาคมได้มีการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับปลาขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน รวมถึงมีการดูแลจัดการอาหารสัตว์อย่างเข้มงวด ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถส่งออกปลาบุริที่อร่อยและมีคุณภาพได้ตลอดทั้งปีนั่นเอง นอกจากนี้ทางคาโกชิม่าไม่เพียงแต่ส่งออกผลิตภัณฑ์ปลาบุริเฉพาะในประเทศเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆในยุโรปได้อีกด้วย
ปัจจุบันคาโกชิม่าได้กลายเป็นจังหวัดที่มีปริมาณการผลิตปลาบุริสูงที่สุดในญี่ปุ่น เช่นเดียวกับปลาซาบะซึ่งเป็นปลาที่รสชาติอร่อยและได้รับความนิยมมาโดยตลอด พื้นที่แต่ละแห่งในคาโกชิม่าก็ล้วนมีเมนูอาหารที่ทำมาจากปลาบุริหลากหลายแบบ เพราะปลาบุริสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายวิธีนั่นเอง เช่น ทานเแบบซาชิมิ แบบย่าง ต้ม และแบบทอดค่ะ
ที่มา
เฟซบุ๊ก Kagoshima Thailand
เว็บไซต์จังหวัดคาโกชิม่า
อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับจังหวัดคาโกชิม่า
- พาเที่ยวสุสานโบราณที่หาชมได้ยากของญี่ปุ่น ณ “สุสานจักรพรรดิไอระซันเรียว”
- “เกาะโยรอน” ดินแดนอันงดงามราวกับสวรรค์บนดิน! จ. คาโกชิม่า
- พาเยือนถิ่นโคอาล่าหนึ่งเดียวของเกาะคิวชูที่ “สวนสัตว์ฮิราคาวะ” (Hirakawa Zoo)
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ