fbpx

รวม 10 ที่เที่ยวใน `จังหวัดโออิตะ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!

ต.ค. 15, 2021

บทนำ : ไปเที่ยว ‘จังหวัดโออิตะ’ กันเถอะ!

จังหวัดโออิตะ (Oita Prefecture) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของภูมิภาคคิวชู โดยมีพื้นที่ติดกับจังหวัดฟุกุโอกะ จังหวัดคุมาโมโตะ และจังหวัดมิยาซากิ หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนี้ก็คงหนีไม่พ้นออนเซ็นค่ะ เพราะที่นี่มีเมืองออนเซ็นที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดในญี่ปุ่นถึง 2 เมืองด้วยกัน คือเมืองเบปปุและเมืองยูฟุอิน จนโออิตะได้รับฉายาว่า จังหวัดออนเซ็น (Onsen Prefecture) ด้วยล่ะ

นอกจากเมืองออนเซ็นที่มีชื่อเสียงแล้วนั้น ในจังหวัดโออิตะก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าทึ่งอีกมากมายที่ซุกซ่อนอยู่ ราวกับเพชรงามที่ยังไม่ได้รับการเจียระไนด้วยสายตา ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เมืองที่มีทิวทัศน์สวยงามหลายแห่ง ไปจนถึงสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์และศาสนาที่ทรงคุณค่า จึงกล่าวได้ว่าจังหวัดแห่งนี้เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ควรค่าแก่การไปเยี่ยมเยือนเป็นอย่างยิ่ง!

สำหรับการเดินทางไปยังจังหวัดโออิตะนั้น เราสามารถตีตั๋วเครื่องบินของสายการบินหลักได้เลยค่ะ โดยมีรายละเอียดและเวลาที่ใช้ในการเดินทางดังนี้

    • จากสนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport) ใช้เวลาในการเดินทาง 95 นาที
    • จากสนามบินนาริตะ (Narita Airport) ใช้เวลาในการเดินทาง 115 นาที
    • จากสนามบินนาโกย่า (Nagoya Airport) ใช้เวลาในการเดินทาง 70 นาที
    • จากสนามบินอิตามิ (Itami Airport) หรือท่าอากาศยานนานาชาติโอซาก้า (Osaka International Airport) ใช้เวลาในการเดินทาง 60 นาที

นอกจากนี้คุณยังสามารถเดินทางด้วยรถไฟ JR Limited Express จากสถานีฮากาตะ (Hataka Station) ในจังหวัดฟุกุโอกะ มายังจังหวัดโออิตะได้โดยตรงค่ะ

สำหรับรถไฟ JR Kyushu ทุกคนสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่เลย >> JR Kyushu Railpass Guidebook (ภาษาไทย)

ส่วนอีกวิธีหนึ่งก็คือการเดินทางโดยใช้รถไฮเวย์บัส (highway bus) ของนิชิเท็ตสึ (Nishitetsu) จากสนามบินนานาชาติฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport International Terminal) ไปที่เบปปุคิตาฮามะ (Beppu Kitahama)

เอาล่ะ! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าที่ จังหวัดโออิตะ แห่งนี้จะมีอะไรให้เรายลบ้าง ตามมากันเลยค่ะ~!

สารบัญ (Index)

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดโออิตะ
    1. เบปปุออนเซ็น (Hells of Beppu)
    2. บ่อทรายร้อนหาดเบปปุ (Beppu Beach Sand Bath)
    3. สวนลิงทาคาซากิ (Mt. Takasaki Monkey Park)
    4. ถนนยูโนะสึโบะ (Yunotsubo Road)
    5. ทะเลสาบคินริน (Lake Kinrin)
    6. หมู่บ้านยูฟุอิน ฟลอรัล วิลเลจ (Yufuin Floral Village)
    7. สวนดอกไม้คุจู (Kuju Flower Park)
    8. ศาลเจ้าอุสะ (Usa Shrine)
    9. น้ำตกจิอง (Jion Falls)
    10. พระพุทธรูปหินสลักอุสึกิ (Usuki Stone Buddhas)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดโออิตะ
    1. โทริเท็น (Toriten)
    2. ริวกิว (Ryukyu)
    3. จิโกกุมูชิ (Jigoku Mushi)
    4. โทริเมชิ (Tori Meshi)
    5. เนื้อบุงโกะ (Oita Bungo Beef)

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดโออิตะ

1. เบปปุออนเซ็น (Hells of Beppu)

เบปปุออนเซ็น (Hells of Beppu) หรือ จิโกกุ เมกุริ (Jigoku Meguri) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองเบปปุ จังหวัดโออิตะ ซึ่งมีมนตร์เสน่ห์อันน่าประหลาดที่คอยดึงดูดผู้คนมากมายให้มาเยี่ยมชม การันตีได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวกว่าแสนคนจากทั่วประเทศญี่ปุ่นและจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ ออนเซ็นที่อยู่ในเบปปุนั้นไม่ใช่ออนเซ็นธรรมดาที่เราสามารถลงไปแช่ตัวได้นะ เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำพุร้อนนั้นสูงกว่าออนเซ็นทั่วไปมาก ดังนั้นออนเซ็นของที่นี่จึงเหมาะกับการเดินชมมากกว่าที่จะเอาตัวเราลงไปแช่ค่ะ และด้วยเหตุนี้เอง ที่นี่จึงได้ชื่อว่า “จิโกกุ เมกุริ” (Jigoku Meguri / Hells of Beppu) ที่หมายถึง “ทัวร์นรกในเบปปุ” อันเป็นคำเปรียบเทียบว่าน้ำที่นี่ร้อนดั่งนรกนั่นเอง

สำหรับจุดท่องเที่ยวของเบปปุออนเซ็นนั้นก็จะแบ่งออกเป็น 7 แห่ง โดย 5 ใน 7 แห่งตั้งอยู่ในเขตคันนาวะ และอีกสองแห่งที่เหลือตั้งอยู่ในเขตชิบาเซกิ

แม้เขาจะบอกว่านี่เป็นการทัวร์นรก แต่ก็คงจะเป็นนรกที่สวยที่สุดแล้วล่ะ นอกจากนี้เบปปุออนเซ็นยังเป็นสถานที่ที่ปรากฏให้เห็นในการ์ตูนยอดยมทูตจิ๋ว…เอ๊ย! ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ปีที่ 18 ด้วยค่ะ โดยเป็นตอนที่ 906 ซึ่งมีชื่อว่า ทัวร์นรกแห่งความรัก ภาคเบปปุ (Tour of Love’s Hell, Beppu Part)

แน่นอนว่าตอนดังกล่าวนั้นสนุกมาก แถมยังทำให้รู้สึกเหมือนได้เที่ยวโออิตะทิพย์ด้วยค่ะ ถ้าเพื่อนๆสนใจก็สามารถตามไปดูกันได้นะคะ

ข้อมูลเกี่ยวกับเบปปุออนเซ็น (Hells of Beppu)

วิธีเดินทาง
  • นั่งรถไฟ JR จากสถานี Hakata (ในจังหวัดฟุกุโอกะ) ไปลงที่สถานีรถไฟ JR Beppu โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นให้นั่งรถบัสสาย 5, 7 หรือ 9 ไปลงที่ Kannawa โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็จะถึง
ที่อยู่
  • 559-1 Kannawa, Beppu, Oita 874-0000, Japan
ติดต่อ
  • 0977-66-1577
เวลาทำการ
  • เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
  • ผู้ใหญ่ : 2,000 เยน
  • เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี : 1,000 เยน
  • หมายเหตุ : ตั๋วมีอายุ 2 วันนับจากวันที่ซื้อ
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

2. บ่อทรายร้อนหาดเบปปุ (Beppu Beach Sand Bath)

บ่อทรายร้อนหาดเบปปุ (Beppu Beach Sand Bath) เป็นออนเซ็นทรายร้อนที่ตั้งอยู่ริมชายหาดเบปปุ (Beppu Beach) โดยประโยชน์ที่จะได้รับจากการแช่ออนเซ็นทรายร้อนนั้นมีหลายข้อเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูกล้ามเนื้อหรือช่วยให้ข้อต่อที่อ่อนล้ากลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดข้อและอาการอักเสบเรื้อรังของกล้ามเนื้ออีกด้วย นอกจากนี้ทรายร้อนยังมีส่วนช่วยรักษาระดับความดันให้กลับมาเป็นปกติ ทั้งยังทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย!

เพียงแค่เราลองฝังตัวลงไปในทรายร้อนสัก 15 นาที ร่างกายก็จะรู้สึกผ่อนคลาย หายเครียดเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ ถ้าเพื่อนๆอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศจากการแช่บ่อน้ำพุร้อนบ้าง เราว่าออนเซ็นทรายนี่แหละที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุดเลย

ข้อมูลเกี่ยวกับบ่อทรายร้อนหาดเบปปุ (Beppu Beach Sand Bath)

วิธีเดินทาง
  • นั่งรถบัสจากหน้าสถานี JR Beppu Station โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที
ที่อยู่
  • Shoningahamacho, Beppu, Oita 874-0023, Japan
ติดต่อ
  • 0977-66-5737
เวลาทำการ
  • เดือนมีนาคม – พฤศจิกายน : เปิดตั้งแต่เวลา 8:30 – 18:00 น. (เปิดให้เข้ารอบสุดท้ายของวันในเวลา 17:00 น.)
  • เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ : เปิดตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:00 น. (เปิดให้เข้ารอบสุดท้ายของวันในเวลา 16:00 น.)
  • ปิดทำการทุกวันพุธของสัปดาห์ที่ 4 ของทุกเดือน หากวันพุธตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ก็จะปิดในวันพฤหัสบดีแทน
ค่าเข้าชม
  • 1,050 เยน
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

3. สวนลิงทาคาซากิ (Mt. Takasaki Monkey Park)

สวนลิงทาคาซากิ (Mt. Takasaki Monkey Park) เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1952 และสถานที่แห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในสวนลิงที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีประชากรลิงแสมมากกว่า 1,500 ตัวเลยทีเดียว

ส่วนกิจกรรมที่เราแนะนำให้เพื่อนๆได้ลองทำกันก็คือ ไปเดินชมน้องลิงที่กำลังเล่นกับเพื่อนๆของพวกมันค่ะ เพราะเราจะได้เห็นภาพน่ารักๆอย่างตอนที่น้องกำลังดูแลกัน วิ่งเล่น นั่งตากแดด หรือกินอาหาร เรียกได้ว่าเป็นโมเมนต์เล็กๆที่อบอุ่นหัวใจมากเลยทีเดียวค่ะ

แม้ว่าที่ภูเขาทาคาซากิแห่งนี้จะมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและอาหารเป็นอย่างมาก แต่เราก็ไม่ควรไปแตะต้องหรือยุ่งกับอาหารของเหล่าน้องลิงนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการจ้องตาน้องหรือแกล้งน้องนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเลยนะคะ เพราะเพื่อนๆอาจจะโดนเจ้าลิงน้อยเอาคืนด้วยพฤติกรรมที่ก้าวร้าวและดุร้ายได้ค่ะ

ถ้าเพื่อนๆคนไหนหวั่นใจเพราะเข็ดกับความเกรียนแตกของลิงลพบุรีบ้านเราก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะน้องลิงแสมญี่ปุ่นมีนิสัยที่น่ารักมากค่ะ น้องทำได้มากสุดแค่วิ่งลอดหว่างขาเราเท่านั้นเอง อย่างไรก็ดี หากเพื่อนๆได้ไปเที่ยวด้วยตัวเองก็อาจจะเจอเหตุการณ์ที่ไม่เหมือนกันก็ได้น๊า ดังนั้นเซฟตัวเองไว้ระดับนึงก็จะดีมากจ้า

ข้อมูลเกี่ยวกับสวนลิงทาคาซากิ (Mt. Takasaki Monkey Park)

วิธีเดินทาง
  • นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Oita Station จากนั้นให้นั่งรถบัสจากสถานี Beppu Station หรือ Beppu Kitahama ซึ่งเป็นสถานีรถบัสที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟ ไปลงที่ป้ายรถบัส Takasakiyama Bus Stop
ที่อยู่
  • 3098-1 Kanzaki, Oita, 870-0802, Japan
ติดต่อ
  • 097-532-5010
เวลาทำการ
  • เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:00 น. (เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายของวันในเวลา 16:30 น.)
ค่าเข้าชม
  • ผู้ใหญ่ : 520 เยน
  • เด็กอายุ 6-14 ปี : 260 เยน
  • เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี : เข้าชมฟรี
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

4. ถนนยูโนะสึโบะ (Yunotsubo Road)

ถนนยูโนะสึโบะ (Yunotsubo Road) เป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟ JR ยูฟุอิน (JR Yufuin) กับทะเลสาบคินริน (Lake Kinrin) โดยถนนแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขายูฟุดาเกะ (Mt. Yufu Dake)

ถนนยูโนะสึโบะนั้นมีบรรยากาศที่คึกคักเพราะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ตลอดทางจะมีร้านค้ามากมายเรียงรายไปตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของที่ระลึก ซึ่งจำหน่ายทั้งอาหารพื้นเมืองโออิตะและสินค้าต่างๆ หรือร้านอาหารก็มีเช่นกัน

จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งที่อยู่บนถนนเส้นนี้ก็คือ ตรอกยูโนะสึโบะ (Yunotsubo Alley) ซึ่งเป็นตรอกเล็กๆที่เต็มไปด้วยร้านขายของมากมาย โดยส่วนใหญ่จะจำหน่ายอาหารและขนมที่ทำจากวัตถุดิบตามฤดูกาล รวมถึงของจุกจิกน่ารักและงานคราฟต์ที่มีเอกลักษณ์สุดเก๋ ซึ่งทั้งหมดนี้สร้างสรรค์โดยคนท้องถิ่นค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับถนนยูโนะสึโบะ (Yunotsubo Road)

วิธีเดินทาง
  • เดินจากสถานีรถไฟ JR Yufuin Station โดยใช้เวลา 6 นาที
ที่อยู่
  • Japan, 〒879-5102 Oita, Yufu, Yufuincho Kawakami, 川上湯の坪
ติดต่อ
  • 097-785-4464
เวลาทำการ
  • เปิดทำการตลอดทั้งปี
  • ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดทำการในเวลาประมาณ 17:00 – 18:00 น.
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

5. ทะเลสาบคินริน (Lake Kinrin)

ทะเลสาบคินริน (Lake Kinrin) ตั้งอยู่ในเมืองออนเซ็นประจำจังหวัดโออิตะ นั่นก็คือเมืองยูฟุอิน (Yufuin City) นั่นเองค่ะ ถ้าถามเราว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจบ้าง เราก็ขอตอบทุกคนตรงนี้สั้นๆเลยว่าวิวหมอกตอนเช้าในช่วงฤดูหนาวของที่นี่สวยมว้ากกก~

ปรากฏการณ์นี้เกิดจากอุณหภูมิที่แตกต่างกันอย่างมากของน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ค่ะ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าปกติน้ำในทะเลสาบคินรินจะมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติเนื่องจากความร้อนใต้พิภพ แต่พอเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งอากาศจะเย็นกว่าปกติ ไอน้ำที่อยู่บริเวณผิวน้ำจะระเหยขึ้นไปในอากาศแล้วกระทบกับอากาศเย็น จนเกิดการควบแน่นของไอน้ำเป็นจำนวนมาก และในท้ายที่สุดไอน้ำก็จะกลายเป็นหมอกอันแสนสวยงามอย่างที่เราเห็นกันค่ะ

เราขอจบสาระไว้แต่เพียงเท่านี้นะคะ ทีนี้เราไปดูกันดีกว่าว่าทะเลสาบคินรินแห่งนี้จะมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง

ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสได้ไปเดินเลียบบนถนนสายหลักที่เชื่อมระหว่างตัวเมืองยูฟุอินกับทะเลสาบคินริน ทุกคนก็จะเห็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ออนเซ็น ร้านค้า อาหาร และคาเฟ่สวยๆติดริมทะเลสาบ ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือหากเดินไปยังบริเวณตอนใต้สุดของทะเลสาบ เราจะเห็นศาลเจ้าเล็กๆด้วย! เรียกได้ว่าครบเครื่องเรื่องธีมท่องเที่ยวจริงๆเลยค่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ คาเฟ่ หรือศาลเจ้า เราก็สามารถพบได้ที่ทะเลสาบคินรินแห่งนี้ค่ะ!

ข้อมูลเกี่ยวกับทะเลสาบคินริน (Lake Kinrin)

วิธีเดินทาง
  • เดินจากสถานี JR Yufurin Station โดยใช้เวลาประมาณ 25 นาที
ที่อยู่
  • 1561-1 Yufuincho Kawakami, Yufu, Oita 879-5102, Japan
ติดต่อ
  • 097-784-3111
เวลาทำการ
  • เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

6. หมู่บ้านยูฟุอิน ฟลอรัล วิลเลจ (Yufuin Floral Village)

Suchart Boonyavech / Shutterstock.com

หมู่บ้านยูฟุอิน ฟลอรัล วิลเลจ (Yufuin Floral Village) เป็นธีมพาร์คที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภูมิภาคคอตส์โวลส์ (Cotswolds) ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังในตำนานอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) และแน่นอนว่าหมู่บ้านยูฟุอิน ฟลอรัล วิลเลจแห่งนี้จะต้องมอบความรื่นเริงบันเทิงใจให้กับพวกเราอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเพื่อนๆที่ชื่นชอบความแฟนตาซีหรือความเป็นเทพนิยายสไตล์ยุโรป บอกได้เลยว่าไม่ควรพลาดการมาเที่ยวที่นี่จริงๆค่ะ

ภายในธีมพาร์คแห่งนี้ประกอบด้วยร้านค้าขนาดเล็กกะทัดรัดน่ารักๆมากมายเรียงรายไปตามเส้นทางที่เดินผ่าน อีกทั้งยังมี Pet Shop ที่เปิดให้เราเข้าไปเล่นกับน้องๆสัตว์เลี้ยงด้วย เช่น  น้องแมวและนกฮูกที่แสนน่ารัก นอกจากนี้ก็ยังมีร้านขายของที่ระลึกด้วยค่ะ ซึ่งเราขอเคลมกันตรงนี้เลยว่าสินค้าแต่ละอย่างนั้นมีความน่ารักปุ๊กปิ๊ก เหมาะแก่การนำทรัพย์สินมาละลายทิ้งมากเลยค่ะ!

สำหรับร้านดังที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนลองไปก็คือร้าน กิกิเบเกอรี (Kiki’s Bakery) ที่จำลองมาจากผลงานภาพยนตร์แอนิเมชั่นจากค่ายสตูดิโอจิบลิเรื่องแม่มดน้อยกิกิ (Kiki Delivery Service) และร้าน เดอะแรบบิต (The Rabbit) ที่จำหน่ายสินค้าปีเตอร์ แรบบิต (Peter Rabbit) คาแรคเตอร์แสนน่ารักที่หลายๆคนรู้จักกันดีจากวรรณกรรมเด็กชื่อดังระดับโลกอย่าง The Tale of Peter Rabbit

ความสวยงามน่ารักของธีมพาร์คแห่งนี้จะทำให้ทุกคนรู้สึกเพลิดเพลินราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์เลยล่ะ

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมืองยูฟุอิน จ.โออิตะ

ข้อมูลเกี่ยวกับหมู่บ้านยูฟุอิน ฟลอรัล วิลเลจ (Yufuin Floral Village)

วิธีเดินทาง
  • เดินจากสถานีรถไฟ JR Yufuin Station โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที
ที่อยู่
  • 1503-3 Yufuincho Kawakami, Yufu, Oita 879-5102, Japan
ติดต่อ
  • 097-785-5132
เวลาทำการ
  • เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 – 18:00 น. (เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายของวันในเวลา 17:30 น.)
เว็บไซต์
เฟซบุ๊ก
พิกัด

Back To Index

7. สวนดอกไม้คุจู (Kuju Flower Park)

สวนดอกไม้คุจู (Kuju Flower Park) ตั้งอยู่ห่างจากคุโรคาวะออนเซ็น (Kurokawa Onsen) ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 15 กิโลเมตร โดยสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยดอกไม้กว่า 500 สายพันธุ์ ในจำนวนกว่า 3 ล้านต้น! หากจะขนานนามที่นี่ว่าเป็นสวนดอกไม้แห่งความฝันก็คงเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงแต่อย่างใดเลยค่ะ

ภายในสวนที่กว้างราว 49 เอเคอร์แห่งนี้ประกอบไปด้วยพันธุ์ไม้ดอกสวยงามต่างๆมากมาย เช่น ลาเวนเดอร์ (lavender) ซัลเวีย (salvia) บลูเบอร์รี (blueberries) พิงค์มอส (pink moss) ทิวลิป (tulips) ทานตะวัน (sunflowers) และป็อปปี้ (poppies)

ถ้าวันไหนอากาศแจ่มใส เราก็จะได้สัมผัสกับวิวทิวทัศน์ที่แสนสดใสและสวยงามของดอกไม้หลากสีสัน โดยมีฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีครามกับเทือกเขาคุจูด้วยค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับสวนดอกไม้คุจู (Kuju Flower Park)

วิธีเดินทาง
  • นั่งแท็กซี่จาก Oita City โดยใช้เวลาประมาณ 60 นาที
ที่อยู่
  • Japan, 〒878-0201 Oita, Taketa, 久住町 大字久住 4050
ติดต่อ
  • 097-476-1422
เวลาทำการ
  • ช่วงเวลาเปิดทำการ : สวนเปิดให้บริการในเดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายน ตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:30 น. (เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายของวันในเวลา 17:00 น.)
  • ช่วงเวลาปิดทำการ : สวนปิดทำการในช่วงฤดูหนาวของทุกปี ตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงกุมภาพันธ์
ค่าเข้าชม
  • ผู้ใหญ่ : 1,300 เยน
  • เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี : 500 เยน
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

8. ศาลเจ้าอุสะ (Usa Shrine)

ศาลเจ้าอุสะ (Usa Shrine) ตั้งอยู่บริเวณตอนปลายของคาบสมุทรคุนิซากิ (Kunisaki Peninsula) ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 8 และเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะที่เป็นศาลเจ้าหลักของศาลเจ้าสายเทพฮาจิมัง (Head of Hachiman Shrines) โดยศาลเจ้าสายเทพฮาจิมังหรือเทพแห่งสงครามนั้นมีศาลย่อยกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่งเลยทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ศาลเจ้าอุสะยังเป็นศาลเจ้าที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณคาบสมุทรคุนิซากิแห่งนี้เป็นอย่างมาก

ภายในศาลเจ้าแห่งนี้ประกอบด้วยศาลเจ้าฝั่งบน (Upper Shrine Complex) ศาลเจ้าฝั่งล่าง (Lower Shrine Complex) หอเก็บสมบัติ (Treasure Hall) สระน้ำคู่ (A Couple of Ponds) และอาคารศาลเจ้ารองอีกหลายแห่ง

ศาลเจ้าฝั่งบน (Upper Shrine Complex) นั้นตั้งอยู่บริเวณยอดเนินเขา ประกอบไปด้วยห้องโถงหลัก 3 แห่งอันเป็นสถานที่สักการะ เทพฮาจิมัง เทพเจ้าแห่งสงครามและการยิงธนูตามความเชื่อของลัทธิชินโต นอกจากนี้ที่นี่ก็ยังสร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เป็นสถานที่บูชาจักรพรรดินีจิงกู (Empress Jingu) มารดาของจักรพรรดิโอจินซึ่งในภายหลังได้กลายมาเป็นเทพฮาจิมัง รวมถึงฮิเมะโอกามิ (Hime Okami) ผู้เป็นภรรยาของจักรพรรดิโอจิน

ส่วนศาลเจ้าฝั่งล่าง (Lower Shrine Complex) จะตั้งอยู่ตรงบริเวณเชิงเขา และมีห้องโถงหลัก 3 แห่งที่สร้างขี้นเพื่อสักการะเทพเจ้าองค์เดียวกันค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าอุสะ (Usa Shrine)

วิธีเดินทาง
  • นั่งแท็กซี่จากหน้าสถานีรถไฟ JR Usa Station โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ที่อยู่
  • 2859 Minamiusa, Usa, Oita 872-0102, Japan
ติดต่อ
  • 097-837-0001
เวลาทำการ
  • เดือนเมษายน – กันยายน : เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 5:30 – 19:00 น.
  • เดือนตุลาคม – มีนาคม : เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 6:00 – 19:00 น.
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

9. น้ำตกจิอง (Jion Falls)

น้ำตกจิอง (Jion Falls) เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของ ‘จังหวัดโออิตะ’ น้ำตกแห่งนี้อยู่ในเขตยามาอุระ (Yamaura) เมืองคุสึ (Kusu City)

บริเวณโดยรอบของน้ำตกสองชั้นความสูงประมาณ 30 เมตรแห่งนี้ ล้วนรายล้อมไปด้วยทัศนียภาพสีเขียวสวยงามสะอาดตาของต้นไม้หลากสายพันธุ์

ความพิเศษที่ทำให้น้ำตกจิองโดดเด่นกว่าน้ำตกแห่งอื่นก็คือลักษณะของพื้นดินบริเวณน้ำตกที่ไม่ได้ขรุขระมากนัก นักท่องเที่ยวจึงสามารถพาผู้ใช้วีลแชร์มาเที่ยวได้อย่างสะดวกสบายเลยค่ะ

ถ้าเพื่อนๆคนไหนชอบบรรยากาศอันแสนสดชื่นของป่าไม้และน้ำตก ลองเก็บน้ำตกจิองไว้ในลิสต์ที่เที่ยวที่ห้ามพลาดหากได้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดโออิตะกันดูนะคะ

ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำตกจิอง (Jion Falls)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ JR Yufuin Station ให้นั่งรถไฟ YUFUIN NO MORI Limited Express Train โดยนั่งสายที่ 4 ปลายทาง Hakata ไปลงที่สถานี Bungo-Mori Station (ใช้เวลาประมาณ 33 นาที) จากนั้นให้เปลี่ยนขบวนรถที่สถานีดังกล่าวเป็นสาย Kyudai Line โดยนั่งไปลงที่ Sugikawachi Station (ใช้เวลาประมาณ 11 นาที) แล้วเดินไปยังน้ำตกจิองโดยใช้เวลาประมาณ 3 นาที
ที่อยู่
  • 618 Yamaura, Kusu, Kusu District, Oita 879-4332, Japan
ติดต่อ
  • 097-372-7153
เวลาทำการ
  • เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

10. พระพุทธรูปหินสลักอุสึกิ (Usuki Stone Buddhas)

พระพุทธรูปหินสลักอุสึกิ (Usuki Stone Buddhas) ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองอุสึกิ (Usuki City) ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร พระพุทธรูปหินที่มีความวิจิตรงดงามนี้สร้างขึ้นในช่วงปลายยุคเฮอัน หรือประมาณปี 794-1185 ค่ะ

วัสดุที่เขานำมาแกะสลักพระพุทธรูปหินนี้ก็คือ หินภูเขาไฟ (Soft Volcanic Rock) ที่ได้จากภูเขาไฟอาโสะ (Mt. Aso) ภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ในจังหวัดคุมาโมโตะ แต่ก็อยู่ใกล้เมืองอุสึกิของจังหวัดโออิตะแห่งนี้ค่ะ

ยิ่งไปกว่านั้น พระพุทธรูปหินสลักอุสึกิแห่งนี้ยังเป็นพระพุทธรูปเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติ (National Treasure) ด้วยนะ ทางการให้เหตุผลว่า พระพุทธรูปที่พบในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะทำมาจากไม้หรือโลหะ แต่พระพุทธรูปของเมืองอุสึกิทำจากหินซึ่งแกะสลักขึ้นที่หน้าผา นี่จึงเป็นงานปฏิมากรรมที่พบได้ยากยิ่งในประเทศญี่ปุ่น

เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของโออิตะที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง สิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็นจริงๆค่ะ ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสได้มาเยือนโออิตะล่ะก็ อย่าลืมแวะไปชมความสวยงามของพระพุทธรูปหินสลักอุสึกิกันนะคะ!

ข้อมูลเกี่ยวกับพระพุทธรูปหินสลักอุสึกิ (Usuki Stone Buddhas)

วิธีเดินทาง
  • นั่งแท็กซี่จากหน้าสถานีรถไฟ JR Usuki Station โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที
ที่อยู่
  • 804-1 Fukata, Usuki, Oita 875-0064, Japan
ติดต่อ
  • 097-265-3300
เวลาทำการ
  • เดือนเมษายน – กันยายน : เปิดตั้งแต่เวลา 6:00 – 19:00 น.
  • เดือนตุลาคม – มีนาคม : เปิดตั้งแต่เวลา 6:00 – 18:00 น.
ค่าเข้าชม
  • ผู้ใหญ่ : 550 เยน
  • เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี : 270 เยน
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดโออิตะ

เป็นที่รู้กันดีว่า ‘จังหวัดโออิตะ’ นั้นมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย แต่นอกจากที่เที่ยวแล้ว อาหารท้องถิ่นของโออิตะก็น่าสนใจเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะโทริเท็น (Toriten) เนี่ยถือเป็นของเด็ดเลยนะ ถ้าใครไม่ได้ลองทานก็จะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากเลย

และในบทความนี้ ทีมงานคุณภาพ fromJapan ก็นำ เมนูเด็ดประจำจังหวัดโออิตะ มาฝากทุกคนด้วยกันถึง 5 อย่าง แต่จะมีอะไรบ้างก็ต้องตามมาดูกันค่ะ!

1. โทริเท็น (Toriten)

โทริเท็น (Toriten) หรือ เทมปุระไก่ (Chicken Tempura) เป็นเมนูอาหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ ‘จังหวัดโออิตะ’ เลยล่ะค่ะ ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่ขนาดของเนื้อไก่ที่ใหญ่มาก! ยิ่งไปกว่านั้น รสสัมผัสของโทริเท็นก็ยังมีความชุ่มฉ่ำและกรุบกรอบด้วย หากใครอยากทานก็สามารถเดินเข้าร้านอาหารสักร้านที่อยู่ในโออิตะได้เลยจ้า

เรียกได้ว่าเป็นความอร่อยที่ไม่ควรพลาดและต้องไปลิ้มลองกันสักครั้งเมื่อมาเยือนโออิตะ!

Back To Index

2. ริวกิว (Ryukyu)

ริวกิว (Ryukyu) เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารขึ้นชื่อของโออิตะ ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่วิธีการทำ ซึ่งเขาจะนำเนื้อปลาดิบ เช่น ปลาหางเหลือง ปลาทู หรือปลาทูแขกไปหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ก่อนจะนำไปแช่ในน้ำโชยุที่มีผสมของสาเกและงาจนกระทั่งเข้าเนื้อ จากนั้นก็นำไปจัดใส่จานพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ

ทั้งนี้ ริวกิวเป็นที่นิยมสำหรับการเสิร์ฟในลักษณะของเครื่องเคียงมากเลยค่ะ ถ้าเพื่อนๆคนไหนชอบทานซาชิมิก็อย่าลืมไปลิ้มลองเมนูนี้กันน๊า~!

Back To Index

3. จิโกกุมูชิ (Jigoku Mushi)

จิโกกุมูชิ (Jigoku Mushi) เป็นเมนูอาหารท้องถิ่นที่สามารถรับประทานได้ที่ย่านคันนาวะเท่านั้น เพราะการทำจิโกกุมูชินั้นต้องอาศัยไอร้อนจากออนเซ็นเบปปุในการทำอาหาร ทั้งนี้เมนูดังกล่าวได้รับการขนานนามว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง เพราะไม่ได้ผ่านกรรมวิธีที่ใช้น้ำมันในการประกอบอาหารหรือปรุงแต่งรสอาหารเพิ่มเติมแต่อย่างใด

ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารจานนี้ก็คือผักตามฤดูกาลและอาหารทะเลค่ะ โดยเขาจะนำวัตถุดิบใส่ลงในตะกร้าที่สานจากไผ่ จากนั้นก็นำไปนึ่งผ่านไอของน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เรียกได้ว่าเป็นวิธีการทำอาหารที่สามารถรักษารสชาติอันแท้จริงของวัตถุดิบได้เป็นอย่างดีค่ะ

ถ้าเพื่อนๆมาเที่ยวออนเซ็นที่เบปปุก็อย่าลืมแวะมาทานจิโกกุมูชิกันนะคะ~! ^O^

Back To Index

4. โทริเมชิ (Tori Meshi)

โทริเมชิ (Tori Meshi) หรือ ข้าวคลุกไก่ (Chicken Rice) เป็นอีกหนึ่งเมนูลับสุดพิเศษของจังหวัดโออิตะ และอาจจะเป็นอาหารที่สามารถสร้างความอิ่มอกอิ่มใจต่อผู้ทานได้เป็นอย่างมากด้วย เนื่องด้วยโทริเมชิเป็นอาหารที่มักจะอยู่ในความทรงจำวัยเยาว์ของชาวโออิตะ เพราะเหล่าคุณแม่มักจะทำเมนูนี้ให้เด็กๆทานเสมอ หากเปรียบกับที่ไทยแล้ว ผู้เขียนก็คงคิดถึงผัดผักกาดขาวใส่หมูชิ้นของคุณแม่เหมือนกันค่ะ

ส่วนวิธีการทำโทริเมชินั้น เขาจะนำข้าวสวยร้อนๆมาคลุกกับไก่และรากโกโบ (burdock) จากนั้นปรุงรสกันต่อด้วยโชยุ น้ำตาล และสาเก ก็เป็นอันเสร็จสิ้นค่ะ

Back To Index

5. เนื้อบุงโกะ (Oita Bungo Beef)

เป็นที่รู้กันดีว่าญี่ปุ่นนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องการผลิตวากิว (Wagyu) หรือเนื้อวัวญี่ปุ่นที่มีรสสัมผัสนุ่ม ชุ่มฉ่ำ พร้อมละลายได้ทันทีเมื่อเราลิ้มลอง อย่างไรก็ดี ครั้งนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ เนื้อบุงโกะ ซึ่งเป็นออริจินัลแบรนด์ของคุโรเกะวากิวชั้นเยี่ยม (Kuroge wagyu/Japanese black cattle) ของจังหวัดโออิตะ

เนื้อบุงโกะ (Oita Bungo Beef) มีจุดเด่นอยู่ตรงรสชาติที่เข้มข้นและมีปริมาณของไขมันไม่อิ่มตัวสูง มันจึงมีปริมาณคอลเลสเตอรอลต่ำกว่าเนื้อวากิวทั่วไปค่ะ สำหรับการรับประทานเนื้อบุงโกะนั้น เขานิยมนำไปทำเป็นสเต็ก ชาบู และยากินิกุ (Japanese Barbecue)

ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อบุงโกะที่มีชื่อเสียงของจังหวัดโออิตะอยู่ที่เมืองเบปปุค่ะ มันจึงเป็นเรื่องดีมากที่เพื่อนๆจะได้ไปเที่ยวเมืองออนเซ็นพร้อมกับได้ทานอาหารแสนอร่อยอย่างเนื้อบุงโกะค่ะ

Back To Index

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top