fbpx

รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดโอซาก้า’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!

พ.ย. 19, 2020

รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดโอซาก้า’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!

แม้ว่า จังหวัดโอซาก้า จะไม่ใช่เมืองหลวงอย่างโตเกียว แต่ก็ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญที่สุดในภูมิภาคคันไซ แน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปราสาท สวนสนุก ย่านชอปปิ้ง รวมถึงของกินอร่อยๆ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตามแบบฉบับคันไซ

แล้วจะรออะไรล่ะครับ มาเตรียมเว้าคันไซเบน (ภาษาท้องถิ่นของภูมิภาคคันไซ) แล้วไปตะลุยโอซาก้ากันเลยดีกว่า!

สารบัญ (Index)

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดโอซาก้า
    1. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
    2. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)
    3. ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan)
    4. ย่านนัมบะ (Namba)
    5. ย่านชินเซไก (Shinsekai)
    6. ตึกอุเมดะ (Umeda Building)
    7. ตึกอาเบะโนะฮารุคัส (Abeno Harukas Building)
    8. ศาลเจ้าสุมิโยชิไทฉะ (Sumiyoshi Taisha Shrine)
    9. วัดชิเท็นโนจิ (Shitennoji Temple)
    10. สวนอนุสรณ์งานเอ็กซ์โป 70 โอซาก้า (Osaka Expo‘70 Park)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดโอซาก้า
    1. โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki)
    2. ทาโกะยากิ (Takoyaki)
    3. ยากิโซบะ (Yakisoba)
    4. คุชิคัตสึ (Kushikatsu)
    5. พาโบล (Pablo)

สถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้า

จังหวัดโอซาก้า (Osaka Prefecture) ตั้งอยู่ ณ บริเวณใจกลางของภูมิภาคคันไซ หรือฝั่งตะวันตกของเกาะฮอนชู แม้ว่าโอซาก้าจะมีพื้นที่เล็กที่สุดเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น แต่โอซาก้ากลับเป็นจังหวัดที่มีความหนาแน่นของประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากโตเกียว ซึ่งเป็นตัวเลขที่บ่งบอกได้ถึงความสำคัญของโอซาก้าในฐานะเมืองเศรษฐกิจอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี

ด้วยภูมิประเทศของโอซาก้าที่มีเทือกเขาโอบล้อมถึงสามด้าน และฝั่งตะวันตกหันหน้าเข้าสู่อ่าวโอซาก้า อีกทั้งยังเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นอย่างเกียวโตและนารา โอซาก้าจึงเจริญรุ่งเรืองในฐานะศูนย์กลางการขนส่งทางบกและทางน้ำเช่นเดียวกับเมืองเศรษฐกิจอื่นๆในสมัยนั้น

ในช่วงเวลาหนึ่งที่ไดเมียว ‘โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ’ เรืองอำนาจอยู่นั้น ท่านได้เลือกให้โอซาก้าเป็นศูนย์กลางของอำนาจการปกครอง และถ้าหากว่าโทโยโตมิไม่แพ้สงครามในยุทธการเซกิกาฮาระ ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าโอซาก้าอาจจะกลายเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในปัจจุบันก็ได้นะ

โอซาก้าเป็นจังหวัดที่สามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวก หากโดยสารรถไฟชินคันเซ็นจะใช้เวลาเดินทางดังนี้

    • จากโตเกียว : 2 ชั่วโมง 22 นาที
    • จากนาโกย่า : 49 นาที
    • จากฮิโรชิม่า : 1 ชั่วโมง 28 นาที

ต่อจากนี้เราจะเริ่มแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิ้งในโอซาก้ากัน!

1. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)

ว่าด้วยชื่อเสียงเล่าลือของปราสาทญี่ปุ่นแล้ว ถ้าไม่มีชื่อของ ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) อยู่ในลิสต์ด้วยนั้นถือว่าผิดมหันต์! เพราะนอกจากตัวปราสาทจะมีความสวยงามแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งด้วย

แต่รู้หมือไร่…เอ๊ย หรือไม่! ว่าก่อนจะเป็นปราสาทโอซาก้า พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของวัดอิชิยามะฮอนกันจิมาก่อน

ในยุคเซ็งโกกุช่วงสงครามอิชิยามะ วัดดังกล่าวเป็นฐานที่มั่นสำคัญของเหล่าพระนักรบ หรือฝ่ายฮอนกันจิ ที่มีสังฆราชเคนเนียวเป็นผู้นำ ซึ่งชนวนเหตุของสงครามในตอนนั้นคือ ความขัดแย้งกันระหว่างฝ่ายฮอนกันจิกับฝ่ายโนบุนากะ ที่มีโอดะ โนบุนากะเป็นผู้นำ และผลของสงครามอิชิยามะก็คือฝ่ายโนบุนากะได้รับชัยชนะไป

แต่ภายหลังจากที่ฝ่ายฮอนกันจิประกาศยอมแพ้ได้เพียงสามวัน วัดอิชิยามะกลับโดนเผาจนวอด สาเหตุที่วัดโดนเผานั้นได้มีข้อสันนิษฐานคร่าวๆอยู่ 2 ข้อ คือโนบุนากะเป็นคนเผาเอง กับ ‘เคียวเนียว’ บุตรชายของเคนเนียวเป็นคนเผา และแรงจูงใจในการก่อเหตุของเคียวเนียวคือความไม่พอใจที่เขาต้องยกวัดอิชิยามะให้กับโนบุนากะ ในฐานะที่เป็นผู้แพ้สงคราม

ส่วนปราสาทโอซาก้า สร้างขึ้นในปี 1583 โดยคำสั่งของ ‘โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ’ ขุนพลคนสำคัญของโนบุนากะ ซึ่งก่อนที่จะมีการผลัดเปลี่ยนอำนาจกันนั้น โนบุนากะได้จบชีวิตตัวเองลงด้วยการทำเซ็ปปุกุ หรือการคว้านท้อง เพราะตอนนั้นเอง ขุนพลคนสำคัญอีกคนหนึ่งคือ ‘อาเกจิ มิตสึฮิเดะ’ ได้รับคำสั่งจากโนบุนากะให้ไปบุกปราสาทยางามิที่ ‘ฮาตาโนะ ฮิเดฮารุ’ ครอบครองอยู่ แต่เขาไม่อยากให้เกิดเหตุนองเลือดขึ้น จึงเลือกที่จะเจรจาให้ฮิเดฮารุสวามิภักดิ์ต่อโนบุนากะ และส่งแม่ของตัวเองไปเป็นตัวประกัน

แต่เหตุการณ์เกิดกลับตาลปัตรขึ้นเพราะโนบุนากะได้มีคำสั่งให้ฆ่าฮิเดฮารุและพวกพ้อง รวมทั้งแม่ของมิตสึฮิเดะเสีย เหตุการณ์นี้จึงสร้างความแค้นให้กับมิตสึฮิเดะอย่างมาก เขาจึงทรยศและลอบสังหารโนบุนากะ จนทำให้ตำนานอันยิ่งใหญ่ของโอดะ โนบุนากะต้องสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้

หลังจากที่มิตสึฮิเดะขึ้นมามีอำนาจได้เพียง 2 สัปดาห์ เขาก็ถูกโทโยโตมิ ฮิเดโยชิสังหารไป ส่วนเหตุผลสำหรับการกระทำของฮิเดโยชินั้น ข้อแรกคือเขาต้องการแก้แค้นให้กับโนบุนากะผู้เป็นนาย ส่วนข้อถัดมาคือเขาต้องการรวบอำนาจเพื่อขึ้นเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของญี่ปุ่น

ถ้าพูดถึงความเป็นมาของปราสาทโอซาก้า ก็ไม่รู้ว่าโดนเจ้าที่ตรงนั้นชังขี้หน้าเอาหรือเปล่า เพราะหากนับจากช่วงที่สร้างมาจนถึงปัจจุบัน ปราสาทแห่งนี้ได้รับความเสียหายครั้งใหญ่อยู่ถึง 3 ครั้งด้วยกัน

ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 1665 ปราสาทโอซาก้าได้รับความเสียหายจากฟ้าผ่า ทำให้ปราสาทพังทลายลงมา แต่สุดท้ายก็ได้รับการซ่อมแซมในปี 1843 จากเงินเรี่ยไรชาวบ้านตาดำๆในรัฐบาลเอโดะ

ส่วนครั้งที่สองเกิดขึ้นในปี 1868 ซึ่งเป็นช่วงสงครามกลางเมืองในยุคเมจิ ปราสาทโอซาก้าก็โดนเผาจนวอดจากสงครามในครั้งนั้น

ส่วนครั้งสุดท้าย (แต่จะท้ายสุดหรือเปล่าก็ต้องลุ้น 555) ปราสาทโอซาก้าได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแรงระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

แต่ปราสาทโอซาก้าก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้เป็นดังสภาพปัจจุบันในปี 1997

เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ การผลิบานของดอกซากุระจะย้อมสถานที่แห่งนี้จนกลายเป็นสีชมพู อีกทั้งยังเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาชมความงามของปราสาทโอซาก้าไปพร้อมๆกับเหล่าดอกซากุระ

ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)

การเดินทาง
    • จากสถานีรถไฟ Namba นั่งรถไฟใต้ดินลงสถานี Tanimachi Yonchome (ใช้เวลา 8 นาที ค่าโดยสาร 230 เยน) แล้วเดินอีก 10 นาที
    • สำหรับผู้ใช้ JR PASS จากสถานีรถไฟ Osaka นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Osakajokoen (ใช้เวลา 10 นาที ค่าโดยสาร 160 เยน) แล้วเดินอีก 10 นาที
ที่อยู่
    • Osakajokoen, 1-1 Osakajo, Chuo Ward, Osaka, 540-0002
    • โทร : 086-6941-3044
เวลาทำการ
    • ปราสาทโอซาก้า : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:00 – 17:00 น. (หยุดวันที่ 28 ธันวาคม – 1 มกราคม)
    • สวนนิชิโนะมารุ (จุดที่ถ่ายรูปสวย) : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:00 – 17:00 น. และช่วงซากุระบาน เปิดถึงเวลา 21:00 น.
ค่าเข้าชม
    • ปราสาทโอซาก้า : มีค่าเข้าชม 600 เยน
    • สวนนิชิโนะมารุ : มีค่าเข้า 200-350 เยน
เว็บไซต์

Back To Index

2. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan) เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยมีขนาดเป็นรองแค่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิของโอกินาว่าเท่านั้น

ภายในพิพิธภัณฑ์จะจัดแสดงเหล่าสิ่งมีชีวิตไว้ตามถิ่นที่อยู่ของมัน โดยมีให้ชมถึง 15 ตู้

ที่นี่จัดแสดงทั้งสัตว์น้ำ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ไม่มีกระดูก พืชต่างๆ หากรวมกันแล้วจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถึง 620 สายพันธุ์เลยทีเดียว

โซนที่เป็นไฮไลต์ของสถานที่แห่งนี้ก็คือ โซน Pacific Ocean หรือ โซนมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งมีลักษณะเป็นแทงค์ขนาดใหญ่เบิ้มที่จุน้ำได้ถึง 5,400 ลูกบาศก์เมตร ด้วยขนาดของแทงค์น้ำ เราจึงมีโอกาสได้เห็นฉลามวาฬว่ายน้ำเล่นอยู่ในอวาเรียมด้วย ความพิเศษดังกล่าวจะมีให้ชมแค่ที่ไคยูคังกับชูราอุมิเท่านั้น แถมยังมีเจ้าแมวน้ำอุ๋งๆสุดน่ารักด้วย

แบบนี้ไม่ไปไม่ได้แล้วล่ะ!

ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)

การเดินทาง
    • จากสถานีรถไฟ Namba นั่งรถไฟใต้ดินสาย Midosuji ไปลงที่สถานี Hommachi แล้วเปลี่ยนป็นสาย Chuo ไปลงที่สถานี Osakako (ใช้เวลา 17 นาที ค่าโดยสาร 280 เยน) แล้วเดินอีก 6 นาที
ที่อยู่
    • Osaka Aquarium Kaiyukan, 1 Chome-1-10 Kaigandori, Minato Ward, Osaka, 552-0022
    • โทร : 06-6576-5501
เวลาทำการ
    • เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10:00 – 20:00 น. (มีบางช่วงเปิดตั้งแต่เวลา 8:30 น. หรือ 9:30 น. ทั้งนี้สามารถเช็กเวลาได้ที่นี่ >>  https://www.kaiyukan.com/language/eng/hours.html)
ค่าเข้าชม
    • 2,300 เยน
เว็บไซต์

Back To Index

3. ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan)

jannoon028 / Shutterstock

ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan) เป็นสวนสนุกที่มีเครื่องเล่นต่างๆซึ่งสร้างจากธีมของภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดชื่อดัง นอกจากนี้ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงที่พัก เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ครบเครื่องมาก จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปนจะได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ

DRN Studio / Shutterstock

ส่วนพระเอกของงานนั้น เห็นทีจะหนีไม่พ้นโซนพ่อมดน้อย แฮร์รี่ พอตเตอร์

คำเตือน : ถ้าอยากจะเล่นอะไรขอให้เตรียมใจในการรอคิวนะ เพราะคิวยาวมว้าก!

imwaltersy / Shutterstock

อีกโซนได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆก็คือ โซนจูราสสิค พาร์ค ที่จะพาเราย้อนกลับไปสู่โลกดึกดำบรรพ์ของยุคไดโนเสาร์

ข้อมูลเกี่ยวกับยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan)

การเดินทาง
    • จากสถานีรถไฟ Osaka-namba นั่งรถไฟสาย Hanshin Namba ไปลงที่สถานี Nishikujō แล้วเปลี่ยนเป็นสาย JR Yumesaki ไปลงที่สถานี Universal City (ใช้เวลา 27 นาที ค่าโดยสาร 370 เยน) แล้วเดินอีก 2 นาที
ที่อยู่
    • Universal Studios Japan, 2 Chome-1-33 Sakurajima, Konohana Ward, Osaka, 554-0031
    • โทร : 0570-200-606
เวลาทำการ
    • เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10:00 – 20:00 น. (มีบางช่วงเปิดตั้งแต่เวลา 8.30 หรือ 9.30 น. ทั้งนี้สามารถเช็กเวลาได้ที่นี่ >> https://www.kaiyukan.com/language/eng/hours.html)
ค่าเข้าชม
    • ตั๋วเข้าสวนสนุกแบบ 1 วัน
      • ผู้ใหญ่ : 7,800 เยน
      • เด็ก : 5,400 เยน
      • ผู้สูงอายุ : 7,100 เยน
    • ตั๋วเข้าสวนสนุกแบบ 2 วัน
      • ผู้ใหญ่ : 15,400 เยน
      • เด็ก : 10,500 เยน
    • นอกจากนี้ ใครที่ขี้เกียจต่อคิวและมีเงินเป็นสายเปย์ สามารถจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อ Universal Express Pass เพื่อจะได้ไม่ต้องไปต่อคิวรวมกับคนที่ไม่มีตั๋วนี้ (แต่ยังต้องต่อกับคนที่ยอมเปย์เหมือนกัน) รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่นี่ >> https://www.usj.co.jp/e/ticket/
เว็บไซต์

Back To Index

4. ย่านนัมบะ (Namba)

ย่านนัมบะ (Namba) เป็นย่านที่รวมเอาร้านอาหาร ร้านค้า และแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนมาไว้ในที่เดียวกัน

ในส่วนของ โซนโดทงโบริ แน่นอนว่าต้องไปถ่ายรูปที่ป้ายไฟกูลิโกะ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของโอซาก้าไปแล้ว

Sanga Park / Shutterstock

สำหรับ โซนชินไซบาชิ จะเป็นถนนชอปปิ้ง ขอแนะว่าให้เตรียมเงินไว้เยอะๆเลยนะ เพราะได้ช้อปกันจนล้มละลายแน่นอน (แล้วอย่าลืมทำการขอคืนภาษีด้วยเน้อ)

Meaw Mocha / Shutterstock

ในส่วนของ อเมริกามุระ จะเป็นย่านสุดชิคสำหรับสายแฟชั่น อารมณ์คล้ายๆกับย่านฮาราจูกุของโตเกียว เอกลักษณ์เฉพาะตัวของที่นี่จะเน้นไปที่ร้านค้าและแฟชั่นของอเมริกันเป็นหลัก จึงกลายเป็นที่มาของชื่อย่านนั่นเอง

ถ้าใครยังไม่ล้มละลายที่ชินไซบาชิก็คงได้มาล้มละลายกันตรงนี้นี่แหละ 555

MosayMay / Shutterstock

ไดเอตกระเป๋าตังค์กันมามากพอแล้ว เราจะพาทุกคนไปกินของอร่อยกันต่อที่ ตลาดคุโรมง ตลาดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองโอซาก้า จนได้รับสมญานามว่าเป็น ‘ครัวของโอซาก้า’

ถ้าใครอยากหาของกินอร่อยๆ ตลาดคุโรมงเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่ามาเดินเล่นมากเลยครับ

ข้อมูลเกี่ยวกับย่านนัมบะ (Namba)

การเดินทาง
    • จากสถานีรถไฟ Shin-Osaka Station นั่งรถไฟใต้ดินสาย Midosuji ไปลงที่สถานี Namba (ใช้เวลา 15 นาที ค่าโดยสาร 280 เยน) แต่ละโซนจะอยู่ไม่ห่างจากกันมาก เดินเล่นวนๆได้สบาย
ที่อยู่
    • Dotonbori Glico Sign, 10-2 Dotonbori, Chuo-ku, Osaka-shi, Osaka 542-0071
    • โทร : 0120-91-7111
เวลาทำการ
    • Dotonbori Glico Sign : เปิดให้ชมทุกวัน ตลอดเวลา
    • ร้านอาหารในย่านโดทงโบริ : ส่วนมากเปิดถึงเที่ยงคืน หรือบางร้านก็เปิด 24 ชั่วโมง
    • ร้านค้าในย่านชินไซบาชิและอเมริกามุระ : ส่วนมากเปิดเวลา 10:00 – 21:00 น.
    • ตลาดคุโรมง : เปิดช่วงเวลา 8:00 – 18:00 น.
ค่าเข้าชม
    • ไม่มีค่าเข้าชม (เตรียมเงินมากินช้อปให้พอก็แล้วกัน!)

Back To Index

5. ย่านชินเซไก (Shinsekai)

martinho Smart / Shutterstock

หากเบื่อคนยั้วเยี้ยที่นัมบะ แล้วจะมีที่ไหนน่าไปอีกนะ?

เราขอแนะนำ ย่านชินเซไก (Shinsekai) ย่านกลางคืนสุดเจ๋งที่มีกลิ่นอายบรรยากาศแบบย้อนยุค จุดเริ่มต้นของย่านนี้มาจากนิทรรศการที่จัดขึ้นโดยหน่วยงาน National Industrial Exposition ในปี 1903

พอนิทรรศการดังกล่าวจบลง ย่านนี้ก็ได้พัฒนาต่อมาเรื่อยๆ โดยเริ่มมีหอคอย สวนสาธารณะ โรงหนัง และสวนสนุก แต่ด้วยการเติบโตของย่านการค้าในเมืองอย่างนัมบะ ย่านชินเซไกก็เลยดูเงียบไป แต่ถึงยังไงก็รับประกันได้เลยว่าแถวนี้ของกินเพียบ แถมยังถ่ายรูปสวยไม่แพ้นัมบะเลยนะ

Atiwat Witthayanurut / Shutterstock

และนี่ก็คือหอคอยซึเทนคาคุที่มีความสูง 103 เมตร ซึ่งนอกจากจะเป็นแลนด์มาร์กของย่านนี้แล้ว เรายังสามารถขึ้นไปชมวิวของโอซาก้าได้อีกด้วย แถมยังไปขอพรกับรูปปั้นเทพเอบิสึก็ได้นะ

ข้อมูลเกี่ยวกับย่านชินเซไก (Shinsekai)

การเดินทาง
    • จากสถานีรถไฟ Namba นั่งรถไฟใต้ดินสาย Midosuji ไปลงที่สถานี Dobutsuen-Mae (ใช้เวลา 4 นาที ค่าโดยสาร 180 เยน) แล้วเดินอีก 7 นาที
ที่อยู่
    • Tsutenkaku, 1 Chome-18-6 Ebisuhigashi, Naniwa Ward, Osaka, 556-0002
    • โทร : 06-6641-9555
เวลาทำการ
    • หอคอยเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8:30 – 21:30 น.
ค่าเข้าชม
    • มีค่าขึ้นชมหอคอยดังต่อไปนี้
      • ผู้ใหญ่ : 800 เยน
      • นักเรียนชั้นมัธยมต้นลงไป : 400 เยน
      • ผู้พิการ (ผู้ใหญ่) : 600 เยน
      • ผู้พิการ (เด็ก) : 300 เยน
เว็บไซต์

Back To Index

6. ตึกอุเมดะ (Umeda Building)

Benny Marty / Shutterstock

ตึกอุเมดะ (Umeda Building) เป็นตึกระฟ้าของ ‘จังหวัดโอซาก้า’ ที่มีความสูงถึง 173 เมตร

JoeyPhoto / Shutterstock

ชั้น 40 และชั้นดาดฟ้าของตึกนี้เป็นจุดชมวิวที่จะทำให้เราเห็นวิวเมืองโอซาก้าได้โดยรอบ แถมยังสามารถมองไปได้ไกลถึงเกาะอาวาจิ (Awaji Island) ที่อยู่ห่างจากโอซาก้ามากกว่า 50 กิโลเมตรอีกด้วย!

cowardlion / Shutterstock

ส่วนด้านล่างบริเวณชั้น 1 และชั้นใต้ดินจะเป็นโซนร้านอาหารที่จำลองบรรยากาศในยุคโชวะ แถมยังสามารถถ่ายรูปออกมาได้สวยมากๆด้วย

ข้อมูลเกี่ยวกับตึกอุเมดะ (Umeda Building)

การเดินทาง
    • จากสถานีรถไฟ Umeda เดินประมาณ 12 นาที ดูวิธีเดินคร่าวๆได้จาก >> https://www.skybldg.co.jp/en/access/
ที่อยู่
    • Umeda Sky Building, 1 Chome-1-88 Oyodonaka, Kita Ward, Osaka, 531-6023
    • โทร : 06-6440-3901
เวลาทำการ
    • หอคอยเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:30 – 22:30 น.
ค่าเข้าชม
    • ผู้ใหญ่ : 1,500 เยน
    • เด็ก : 700 เยน
เว็บไซต์

Back To Index

7. ตึกอาเบะโนะฮารุคัส (Abeno Harukas Building)

Gengorou / Shutterstock

ตึกอุเมดะยังสูงไม่พอใช่ไหม? งั้นต้องไปนี่เลย! ตึกอาเบะโนะฮารุคัส (Abeno Harukas Building) ที่มีความสูงถึง 300 เมตรและเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น!

MADSOLAR / Shutterstock

ไฮไลต์ของที่นี่คือจุดชมวิวบนดาดฟ้าที่มีชื่อว่า Harukas 300 ซึ่งอยู่ที่ชั้น 58 – 60

บนชั้นที่ 60 เราสามารถชมวิวโอซาก้าได้แบบ 360 องศาเลยล่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับตึกอาเบะโนะฮารุคัส (Abeno Harukas Building)

การเดินทาง
    • จากสถานีรถไฟ Namba นั่งรถไฟใต้ดินสาย Midosuji ไปลงที่สถานี Tennoji (ใช้เวลา 5 นาที ค่าโดยสาร 230 เยน) แล้วเดินอีก 2 นาที
ที่อยู่
    • Abeno Harukas, 1 Chome-1-43 Abenosuji, Abeno Ward, Osaka, 545-6016
    • โทร : 06-6621-0300
เวลาทำการ
    • หอคอยเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:00 – 22:00 น.
ค่าเข้าชม
    • 1,500 เยน
เว็บไซต์

Back To Index

8. ศาลเจ้าสุมิโยชิไทฉะ (Sumiyoshi Taisha Shrine)

คราวนี้เราจะเปลี่ยนโหมดมามูเตลูที่ศาลเจ้ากันบ้างนะครับ

ศาลเจ้าสุมิโยชิไทฉะ (Sumiyoshi Taisha Shrine) สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 3 เป็นศาลเจ้าประธานของศาลเจ้าสายสุมิโยชิทั่วประเทศญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น (น่าจะเป็นรองแค่ศาลเจ้าอิเสะ จ. มิเอะ กับศาลเจ้าอิซุโมะ จ. ชิมาเนะ)

tera.ken / Shutterstock

จุดเด่นที่สุดของศาลเจ้าแห่งนี้คือลักษณะการก่อสร้างแบบ Sumiyoshi-zukuri ที่มีลักษณะเด่นคือหลังคาซึ่งเป็นทรงตรง ไม่มีส่วนโค้ง

นอกจากนี้ก็ยังมีการสร้างรั้วล้อมอาคารศาลเจ้าโดยใช้วิธีสร้างแบบญี่ปุ่นแท้ๆ คือไม่ใช้ตะปูในการก่อสร้าง แต่จะล็อกตัวไม้แทน เช่นเดียวกับ Shinmei-zukuri ของศาลเจ้าอิเสะ และ Taisha-zukuri ของศาลเจ้าอิซุโมะ

จุดถ่ายรูปสวยของศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือสะพานในรูปด้านบนครับ ใครมาเที่ยวก็อย่าลืมไปถ่ายรูปกันนะ!

ศาลเจ้าสุมิโยไทฉะเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งการเดินเรือและการประมง ที่นี่จึงเป็นที่สักการะยอดนิยมของคนทำอาชีพประมงครับ

ทีนี้หลายๆคนคงสงสัยว่า แล้วคนทำอาชีพอื่นๆล่ะ…เราจะขอพรอะไรได้บ้าง?

คำตอบคือชาวประมงนั้นจัดเป็นหนึ่งในอาชีพค้าขาย ดังนั้นความขลังของศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือเรื่องการเงินนั่นเอง! สรุปคือคนที่ไม่ได้ทำอาชีพประมงก็สามารถไปขอพรเรื่องการเงินได้ครับ

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าสุมิโยชิไทฉะ (Sumiyoshi Taisha Shrine)

การเดินทาง
    • จากสถานีรถไฟ  Nankai Namba ให้นั่งรถไฟใต้ดินสาย Nankai ไปลงที่สถานี Sumiyoshi Taisha (ใช้เวลา 9 นาที ค่าโดยสาร 210 เยน) แล้วเดินอีก 3 นาที
ที่อยู่
    • Sumiyoshi Taisha, 2 Chome-9-89 Sumiyoshi, Sumiyoshi Ward, Osaka, 558-0045
    • โทร : 06-6672-0753
เวลาทำการ
    • ศาลเจ้าเปิดให้เข้าสักการะทุกวัน เวลา 6:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
    • ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์

Back To Index

9. วัดชิเท็นโนจิ (Shitennoji Temple)

วัดชิเท็นโนจิ (Shitennoji Temple) เป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในย่านเท็นโนจิ (Tennoji) จังหวัดโอซาก้า วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 6 โดยเจ้าชายโชโตกุผู้เลื่อมใสและส่งเสริมพระพุทธศาสนาในญี่ปุ่น

beeboys / Shutterstock

ภายในวัดแห่งนี้มีการประดิษฐานรูปเคารพพระโพธิสัตว์ ซึ่งว่ากันว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าชายโชโตกุ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่เก็บดาบของเจ้าชายด้วย

อีกจุดหนึ่งของวัดชิเท็นโนจิที่น่าไปชมก็คือ สวนโกคุราคุโจโด (Gokuraku-jodo Garden) สวนที่สร้างขึ้นเพื่อจำลอง ‘สวรรค์’ ตามคำบรรยายของศาสนาพุทธครับ

ข้อมูลเกี่ยวกับวัดชิเท็นโนจิ (Shitennoji Temple)

การเดินทาง
    • จากสถานีรถไฟ Namba นั่งรถไฟใต้ดินสาย Sennichi Mae ไปลงที่สถานี Tanimachi 9-chome แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Tanimachi นั่งไปลงที่สถานี Sumiyoshi Taisha (ใช้เวลา 6 นาที ค่าโดยสาร 180 เยน) แล้วเดินอีก 5 นาที
ที่อยู่
    • Shitennoji, 1-11-18 Shitennoji, Tennoji Ward, Osaka, 543-0051
    • โทร : 06-6771-0066
เวลาทำการ
    • วัดเปิดให้เข้าสักการะทุกวัน เวลา 8:30 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม
    • วัดส่วนด้านใน : 300 เยน
    • สวนโกคุราคุโจโด : 300 เยน
    • หอสมบัติ : 500 เยน
เว็บไซต์

Back To Index

10. สวนอนุสรณ์งานเอ็กซ์โป 70 โอซาก้า (Osaka Expo‘70 Park)

beeboys / Shutterstock

สวนอนุสรณ์งานเอ็กซ์โป 70 โอซาก้า (Osaka Expo‘70 Park) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เคยใช้เป็นสถานที่จัดงาน EXPO’70 (The Japan World Exposition) ในวันที่ 15 มีนาคมถึง 13 กันยายน ปี 1970

EvergreenPlanet / Shutterstock

สวนอนุสรณ์แห่งนี้เป็นจุดชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงโด่งดังอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น

EvergreenPlanet / Shutterstock

ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็สวยงามไม่แพ้กัน

ดอกไม้พันธุ์อื่นๆที่ปลูกอยู่ภายในสวนแห่งนี้ เช่น ดอกทิวลิป ก็ให้บรรยากาศประหนึ่งว่าเรากำลังเดินชมสวนดอกไม้ในเนเธอร์แลนด์เลยล่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับสวนอนุสรณ์งานเอ็กซ์โป 70 โอซาก้า (Osaka Expo‘70 Park)

การเดินทาง
    • จากสถานีรถไฟ Namba นั่งรถไฟใต้ดินสาย Sennichi Mae ไปลงที่สถานี Tanimachi 9-chome แล้วเปลี่ยนเป็นสาย  Tanimachi นั่งไปลงที่สถานี Sumiyoshi Taisha (ใช้เวลา 6 นาที ค่าโดยสาร 180 เยน) แล้วเดินอีก 5 นาที
ที่อยู่
    • Expo’70 Commemorative Park, 1-1 Senribanpakukoen, Suita, Osaka 565-0826
    • โทร : 06-6877-7387
เวลาทำการ
    • ช่วงเวลาเปิดทำการ : สวนเปิดให้ชมในเวลา 9:30 – 17:00 น.
    • ช่วงเวลาปิดทำการ : ปิดทุกวันพุธ (ยกเว้นช่วงซากุระบาน) และปิดในวันที่ 28 ธันวาคม – 1 มกราคม
ค่าเข้าชม
    • มีค่าเข้าสวน 260 เยน
เว็บไซต์

Back To Index

อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดโอซาก้า

จังหวัดโอซาก้า นั้นได้ชื่อว่าเป็นครัวของญี่ปุ่น เหตุผลเป็นเพราะว่าที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารมากๆ เพียงแค่เดินไปตามย่านต่างๆเราก็จะเห็นร้านอาหารอยู่แทบทุกจุด

ว่าแต่เราควรไปลองกินอะไรในโอซาก้าดีนะ?

ถ้าใครกำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่ วันนี้เราจะมาแนะนำอาหารขึ้นชื่อของโอซาก้ากันครับ ไปดูกันโลด!

1. โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki)

โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) หรือที่คนไทยเรียกกันจนติดปากว่า ‘พิซซ่าญี่ปุ่น’ นั้นมีที่มาจากคำว่า โอโคโนมิ ซึ่งแปลว่าสิ่งที่ชอบ และคำว่า ยากิ ที่แปลว่าปิ้งหรือย่าง พอนำสองคำนี้มารวมกันก็จะแปลได้ว่า ‘การนำทุกสิ่งทุกอย่างที่ชอบมารวมกัน แล้วปิ้งย่างบนกระทะ’ ด้วยเหตุนี้ส่วนผสมของโอโคโนมิยากิจึงมีหลากหลายแบบ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน

ทั้งนี้เจ้าโอโคโนมิยากิมีต้นกำเนิดอยู่ที่  ‘จังหวัดโอซาก้า’ นี่ล่ะครับ

ว่าแต่พอไปถึงโอซาก้าแล้ว เราควรไปกินโอโคโนมิยากิที่ไหนดี?

เราขอแนะนำร้าน Botejyu ครับ เป็นร้านโอโคโนมิยากิแบบเชนชื่อดังที่ก่อตั้งในปี 1946 ร้านดังกล่าวมีหลายสาขาและหาไม่ยาก ราคากำลังดี ที่สำคัญคืออร่อยมว้ากกกก (ในรูปเป็นสาขา Tennoji นะครับ)

Back To Index

2. ทาโกะยากิ (Takoyaki)

KAHO Photographs / Shutterstock

คำว่า ทาโกะ นั้นหมายถึงปลาหมึกยักษ์ (Octopus) ส่วน ยากิ หมายถึงย่าง (กึ่งๆทอดแหละ แต่ไม่ใช่ทอดแบบน้ำมันท่วมเหมือนคำว่า อะเกะ)

ดังนั้น ทาโกะยากิ (Takoyaki) จึงหมายถึงการนำปลาหมึกยักษ์ไปผ่านการปรุงสุกด้วยวิธีย่าง ซึ่งสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับอาหารจานนี้นั่นเอง

นอกจากนี้ทาโกะยากิก็มีต้นกำเนิดมาจาก ‘จังหวัดโอซาก้า’ นี่แหละครับ!

AHMAD FAIZAL YAHYA / Shutterstock

ว่าแต่ถ้ามาถึงโอซาก้าแล้ว เราจะไปกินทาโกะยากิร้านไหนดีนะ?

เราขอแนะนำร้าน Kukuru ครับ จุดสังเกตของร้านคือปลาหมึกยักษ์แบบในรูปเลย ร้านนี้มีหลายสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยสาขาในรูปเป็นสาขาโดทงโบริครับ

Back To Index

3. ยากิโซบะ (Yakisoba)

แม้ประวัติของอาหารจานนี้จะค่อนข้างสั้น ด้วยอายุเพียง 100 กว่าปีเท่านั้น แต่ ยากิโซบะ (Yakisoba) ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม

ในช่วงแรกๆนั้น คนญี่ปุ่นมองว่าเมนูนี้เป็น โยโชคุ หรืออาหารต่างชาติ เพราะวัตถุดิบหลักล้วนเป็นของนำเข้า ไม่ว่าจะเป็นเส้นบะหมี่ (ถึงจะชื่อว่าโซบะ แต่ใช้เส้นหมี่เหลืองจีน ไม่ใช่เส้นบัควีต) หรือซอสวูสเตอร์ (ที่ใช้ในซอสทงคัตสึ)

ต่อมาคนญี่ปุ่นได้ดัดแปลงวัตถุดิบและส่วนผสมให้มีลักษณะเฉพาะตัว จนทำให้ยากิโซบะกลายเป็นอาหารที่แพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โอซาก้า ยากิโซบะถือเป็นอีกเมนูที่มีชื่อเสียงมากเลยล่ะ

ที่มา : https://icoico.jp/en/

สำหรับร้านยากิโซบะชื่อดังในโอซาก้าที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนไปลองทานกัน ก็คือร้าน Juza ที่อยู่ในละแวกโดทงโบริครับ โดยเมนูพิเศษของร้านนี้ก็คือ ยากิโซบะสุกี้ยากี้

ที่มา : https://icoico.jp/en/

ดูเนื้อกับไข่ดิบนั่นสิ! เห็นแล้วเป็นต้องละลาย~

Back To Index

4. คุชิคัตสึ (Kushikatsu)

คุชิคัตสึ (Kushikatsu) เป็นอาหารทอดที่มีต้นกำเนิดในย่านชินเซไกของโอซาก้า จุดเด่นคือการเตรียมวัตถุดิบ เพราะวัตถุดิบที่นำมาทอดจะต้องมีขนาดเล็กพอดีคำ

นอกจากนี้ คำว่า คุชิ จากชื่อคุชิคัตสึยังมีความหมายว่า ปาก อีกด้วย

ส่วนของที่นำมาทอดนั้นจะเป็นเนื้อหรือผักก็ได้ และแป้งที่ชุบอยู่ด้านนอกก็เป็นแบบเดียวกับแป้งที่ใช้ทำทงคัตสึ โดยเวลากินก็จะกินคู่กับซอสทงคัตสึ เป็นกับแกล้มชั้นเลิศที่ขาดไม่ได้ในวงเหล้าเลยทีเดียว!

MR. AEKALAK CHIAMCHAROEN / Shutterstock

สำหรับร้านคุชิคัตสึในโอซาก้านั้น เราขอแนะนำร้าน Kushikatsu Daruma ร้านเชนชื่อดังที่มีต้นกำเนิดจากย่านชินเซไก ร้านนี้มีหลายสาขาเลยครับ อย่างในรูปจะเป็นสาขาโดทงโบริ จุดสังเกตก็คือลุงหน้าบึ้งนี่แหละ (ซึ่งลุงก็คือประธานบริษัทของร้านเชนเจ้านี้!!!)

Back To Index

5. พาโบล (Pablo)

พอเห็นเราแนะนำให้มากิน พาโบล (Pablo) ที่โอซาก้า หลายๆคนคงนึกในใจว่า “แนะนำให้กินพาโบลเนี่ยนะ? ที่ไทยก็มี ทำไมต้องไปกินถึงโอซาก้าด้วยล่ะ?”

เหตุผลที่ต้องมาสาขาโอซาก้าก็เพราะว่าต้นกำเนิดของพาโบลอยู่ที่โอซาก้านั่นเองครับ มาถึงร้านต้นตำรับทั้งทีก็ต้องลองกันหน่อย!

ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งที่ควรมากินชีสทาร์ตเจ้านี้ถึงโอซาก้าก็คือ สาขานี้จะมีรสแปลกๆใหม่ๆที่ไม่มีขายในไทยด้วยครับ ดังนั้นใครเป็นทาสขนมห้ามพลาดเลยเชียว!

Sarunyu L / Shutterstock

ส่วนเมนูที่อยากแนะนำนั้น แน่นอนว่าก็ต้องเป็นชีสทาร์ตรสออริจินัลแบบในรูปนั่นล่ะครับ อร่อยล้ำจนน้ำตาไหลเลยล่ะ ชีสทาร์ตเวอร์ชั่นต้นตำรับนี่มันดีจริงๆ T^T

ส่วนอีกเมนูก็คือพวกรสต่างๆที่ไม่มีขายในไทยครับ แต่อันนี้ก็ต้องไปลุ้นเอาว่าช่วงที่เราไปจะมีรสอะไรออกมาขายนะ

ไหนๆไปเยือนถิ่นพาโบลแล้วก็ต้องลองครับ!

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top