fbpx

รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดซากะ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!

พ.ย. 18, 2021

บทนำ : ไปเที่ยว ‘จังหวัดซากะ’ กันเถอะ!

จังหวัดซากะ (Saga Prefecture) เป็นจังหวัดเล็กๆที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region) นอกจากซากะจะขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามแล้ว จังหวัดนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องการทำเครื่องปั้นดินเผาหรือที่เรียกกันว่า ‘อาริตะ’ (Arita) อีกด้วยค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น จังหวัดซากะก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถานที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าค้นหา อย่างปราสาทและศาลเจ้าที่สวยงามก็ดี หรือจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างถ้ำต่างๆก็ดีเช่นกันค่ะ

จังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะคิวชูแห่งนี้ นอกจากจะมีพื้นที่ติดกับจังหวัดฟุกุโอกะในทิศตะวันออกและติดกับจังหวัดนางาซากิในทิศใต้แล้วนั้น ก็ยังมีความน่าสนใจในแง่ของอาหารการกินด้วย โดยเฉพาะเนื้อซากะ (Saga beef) ที่เป็นวัตถุดิบเลื่องชื่อที่เราจะต้องลองทานกันให้ได้สักครั้งค่ะ!

สำหรับการเดินทางไปยังจังหวัดซากะนั้น เพื่อนๆสามารถโดยสารเครื่องบิน รถไฟชินคันเซ็น หรือรถบัสก็ได้ค่ะ

หากโดยสารด้วยชินคันเซ็น เพื่อนๆสามารถนั่งรถไฟ JR สาย Kamome Line หรือรถไฟ JR สาย Midori-Huis Ten Bosch Line มาจากจังหวัดฟุกุโอกะหรือจังหวัดนางาซากิก็ได้ค่ะ

สำหรับรถไฟ JR Kyushu ทุกคนสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่เลย >> JR Kyushu Railpass Guidebook (ภาษาไทย)

หรือถ้าอยากโดยสารรถบัสก็สามารถนั่งคันที่วิ่งตรงจากสถานีขนส่งฮากาตะ (Hakata Bus Terminal) ไปลงที่สถานีซากะ (Saga Station) ได้ค่ะ

แล้วถ้าเพื่อนๆต้องการนั่งเครื่องบินโดยตรงเลย ก็สามารถขึ้นเครื่องได้ที่โตเกียว (Tokyo) เซี่ยงไฮ้ (Shanghai) ไทเป (Taipei) และโซล (Seoul) ค่ะ

เอาล่ะ! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า จังหวัดซากะ แห่งนี้จะมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง ตามมากันเลยค่ะ~!

สารบัญ

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดซากะ 
  1. อุทยานประวัติศาสตร์โยชิโนะการิ (Yoshinogari Historical Park)
  2. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ปราสาทซากะ (Saga Castle History Museum)
  3. ศาลเจ้ายูโทคุอินาริ (Yutoku Inari Shrine)
  4. ย่านร้านขายเครื่องปั้นดินเผาอาริตะยากิ (Arita Yaki)
  5. ปราสาทคาระสึ (Karatsu Castle)
  6. สวนคันเคียวเกอิจูสึโนะโมริ (Kankyo Geijutsu No Mori Park)
  7. ถ้ำนานาสึกามะ (Nanatsugama Caves)
  8. นาขั้นบันไดฮามาโนะอุระ (Hamanoura Rice Terraces)
  9. ศาลเจ้าโออุโอะ (Oouo Shrine)
  10. เมืองโยบุโกะ (Yobuko)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดซากะ 
  1. ยูโดฟุ (Yudofu)
  2. ข้าวซิซิเลียน (Sicilian Rice)
  3. เนื้อซากะ (Saga Beef)
  4. หมึกโยบุโกะ (Yobuko Squid)
  5. ปูทาเคซากิ (Takezaki Crab)

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดซากะ

1. อุทยานประวัติศาสตร์โยชิโนะการิ (Yoshinogari Historical Park)

อุทยานประวัติศาสตร์โยชิโนะการิ (Yoshinogari Historical Park) เป็นโบราณสถานที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใน ‘จังหวัดซากะ’ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างที่มีมาตั้งแต่ 300 ปีก่อนคริสตกาล ทั้งนี้เราจะเห็นหลุมฝังศพโบราณหลายแห่งที่สามารถสังเกตได้จากห้องและตัวสุสาน

แน่นอนว่าหลักฐานเหล่านี้เองที่สามารถบ่งบอกเรื่องราวความเป็นมาได้ชัดเจน ว่าแต่เดิมอุทยานแห่งนี้เป็นถิ่นฐานที่ผ่านความเจริญ รวมถึงการย้ายถิ่นฐานของมนุษย์ในสมัยนั้นมา

นอกจากนี้ อุทยานประวัติศาสตร์โยชิโนะการิยังถือว่าเป็นโบราณสถานอีกแห่งหนึ่งที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของยุคที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นได้อีกด้วย โดยยุคเก่าแก่ที่ว่านี้หมายถึงสมัยที่ยังไม่มีการถือกำเนิดขึ้นของพิธีชงชา โรงละครคาบูกิ หรือแม้กระทั่งเมืองหลวงอย่างโตเกียวด้วย

ข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานประวัติศาสตร์โยชิโนะการิ (Yoshinogari Historical Park)

วิธีเดินทาง
  • เดินจากสถานี Yoshinogari-Koen Station โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ที่อยู่
  • 1843 Tade, Yoshinogari, Kanzaki District, Saga 842-0035, Japan
ติดต่อ
  • 095-255-9333
เวลาทำการ 
  • เดือนกันยายน – เมษายน : เปิดทำการตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:00 น.
  • เดือนมิถุนายน – สิงหาคม : เปิดทำการตั้งแต่เวลา 9:00 – 18:00 น.
  • ช่วงเวลาที่ปิดทำการ : ทุกวันที่ 31 ธันวาคม และวันจันทร์-อังคารของสัปดาห์ที่ 3 ในเดือนมกราคม
ค่าเข้าชม 
  • ผู้ใหญ่ : 460 เยน
  • เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี : ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • ผู้สูงวัยที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป : 200 เยน
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

2. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ปราสาทซากะ (Saga Castle History Museum)

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ปราสาทซากะ (Saga Castle History Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่หลักของซากปรักหักพังของปราสาทซากะ (Saga Castle Ruin) โดยสถานที่แห่งนี้เป็นที่เก็บข้อมูลและประวัติความเป็นมาของปราสาทแห่งนี้เอาไว้ค่ะ

นอกจากนี้ เพื่อนๆยังสามารถเปิดประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการปกครองของโชกุนโทคุนากะ (Tokunaga Shogunate) ตลอดจนวิถีชีวิตของชาวซากะในสมัยนั้นได้ด้วยนะ เรียกได้ว่าคอประวัติศาสตร์จะต้องชอบที่นี่มากอย่างแน่นอน!

ถึงแม้ว่าตัวปราสาทหลักจะเคยได้รับความเสียหายมาก่อน แต่ทันทีที่ทางการบูรณะที่นี่ใหม่ในปี 2004 ปราสาทซากะก็ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น 1 ใน 100 ปราสาทชั้นดีของญี่ปุ่น (100 Fine castles of Japan) โดยมูลนิธิปราสาทญี่ปุ่นโบราณ (Japan Castle Foundation) ด้วยค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ปราสาทซากะ (Saga Castle History Museum)

วิธีเดินทาง 
  • นั่งรถบัสจากหน้าสถานี Saga Station โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ที่อยู่ 
  • 2 Chome-18-1 Jonai, Saga, 840-0041, Japan
ติดต่อ 
  • 095-241-7550
เวลาทำการ 
  • เปิดทำการตั้งแต่เวลา 9:30 – 18:00 น.
  • ปิดทำการในวันที่ 29 – 31 ธันวาคมของทุกๆปี
ค่าเข้าชม 
  • ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่สามารถบริจาคเงินได้ตามศรัทธาค่ะ
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

3. ศาลเจ้ายูโทคุอินาริ (Yutoku Inari Shrine)

ศาลเจ้ายูโทคุอินาริ (Yutoku Inari Shrine) เป็นศาลชินโตที่สร้างขึ้นในปี 1687 อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะที่เป็น 1 ใน 3 ศาลเจ้าอินาริที่ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น ร่วมกับศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) ของจังหวัดเกียวโต และศาลเจ้าคาซามะอินาริ (Kasama Inari Shrine) ของจังหวัดอิบารากิ

ภายในอาคารที่วิจิตรงดงาม รายล้อมไปด้วยแมกไม้สีเขียวขจีของศาลเจ้าแห่งนี้ มีไว้เพื่อสักการะเทพอินาริซึ่งเป็นเทพแห่งเกษตรกรรม หากใครมีโอกาสได้ขอพรกับเทพอินาริก็จะได้รับความโชคดีและความเจริญก้าวหน้าในชีวิต

อย่างไรก็ดี อาคารหลักของศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการบูรณะใหม่ในปี 1957 โดยมีการทาสีแดงสดภายในตัวอาคารด้วยค่ะ

หากเพื่อนๆอยากมาขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เราขอแนะนำให้มาช่วงเดือนเมษายน เพราะทุกคนจะได้ชมดอกกุหลาบพันปี (Azalea) และดอกวิสทีเรีย (Wisteria) ด้วย หรือถ้าเพื่อนๆชอบดอกดาวกระจาย (Cosmos) ก็สามารถมาเที่ยวกันในช่วงเดือนตุลาคมได้ค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้ายูโทคุอินาริ (Yutoku Inari Shrine)

วิธีเดินทาง 
  • นั่งรถบัสจากหน้าสถานี Hizen-Kashima Station โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ที่อยู่ 
  • 乙1855 Furueda, Kashima, Saga 849-1321, Japan
ติดต่อ 
  • 095-462-2151
เวลาทำการ 
  • เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม 
  • ไม่มีค่าใช้จ่าย
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

4. ย่านร้านขายเครื่องปั้นดินเผาอาริตะยากิ (Arita Yaki)

เครื่องปั้นดินเผาอาริตะ (Arita Pottery) หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า อาริตะยากิ (Arita Yaki) เป็นเครื่องลายครามที่ผลิตขึ้นในเมืองอาริตะ (Arita) จังหวัดซากะ ซึ่งผู้คนที่นี่ต่างก็ใช้เครื่องปั้นดินเผาอาริตะกันในชีวิตประจำวันด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของจานชามก็ดี หรือในรูปแบบของเครื่องประดับเรือนก็ดีค่ะ

สำหรับกระบวนการผลิตเครื่องปั้นดินเผาอาริตะยากินั้นก็ค่อนข้างซับซ้อนทีเดียว เนื่องจากมีขั้นตอนมากมายในการผลิต ตั้งแต่การปั้นดินเหนียว การวาดลวดลายอย่างประณีตลงบนเครื่องปั้นดินเผา และการเผาชิ้นงานด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสม เรียกได้ว่าเขาใส่ใจทุกขั้นตอนในการทำจริงๆค่ะ

ในเมื่อเมืองอาริตะมีดีที่เครื่องปั้นดินเผา ที่นี่ก็ย่อมต้องเต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายเครื่องปั้นดินเผาอาริตะยากิแน่นอนค่ะ ถ้าเพื่อนๆมาเที่ยวจังหวัดซากะแต่นึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรไปฝากคนรู้จักและคนรู้ใจล่ะก็ ลองแวะมาที่เมืองอาริตะดูสิคะ!

ข้อมูลเกี่ยวกับย่านร้านขายเครื่องปั้นดินเผาอาริตะยากิ (Arita Yaki)

วิธีเดินทาง 
  • นั่งรถไฟ JR สาย Midori Line และ Huis Ten Bosch ไปลงที่สถานี Arita Station โดยใช้เวลาประมาณ 90 นาที
ที่อยู่ 
  • 有田町, Nishimatsuura District, Saga
เวลาทำการ 
  • ร้านส่วนใหญ่จะเปิดทำการตั้งแต่เวลา 09:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม 
  • เข้าชมฟรี
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

5. ปราสาทคาระสึ (Karatsu Castle)

ปราสาทคาระสึ (Karatsu Castle) หรือที่รู้จักในชื่อว่า ปราสาทนกกระเรียนร่ายรำ (Dancing Crane Castle/Maizuru Jo) เป็นปราสาทที่ก่อสร้างขึ้นในปี 1602 โดยใช้วัสดุจากปราสาทนาโกย่าที่อยู่ใกล้เคียง (ขอกระซิบบอกเพื่อนๆก่อนเลยว่าปราสาทนาโกย่าที่เรากล่าวถึงไม่ใช่ปราสาทนาโกย่าของจังหวัดไอจินะจ๊ะ) ทั้งนี้ ปราสาทคาระสึนั้นสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นฐานทัพสำหรับการรุกรานเกาหลี โดยผู้นำทัพในตอนนั้นก็คือ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) ซามูไรและไดเมียวในยุคเซ็งโงกุค่ะ

แต่เมื่อระบอบการปกครองของโทคุกาวะได้เริ่มต้นขึ้น ปราสาทแห่งนี้ก็ถูกรื้อถอนไป เหลือเพียงกำแพงหินและฐานรากซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสวนไมซูรุเท่านั้น

ปัจจุบันปราสาทคาระสึห้าชั้นที่เราเห็นกันนั้น เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กที่สร้างขึ้นในรูปแบบของปราสาทดั้งเดิมในศตวรรษที่ 17 (1966) อีกทั้งยังสร้างส่วนของหอคอยปราสาทที่เรียกว่ายากุระ (Yagura) เพิ่มขึ้นในเวลาเดียวกัน

นอกจากนี้ ปราสาทคาระสึก็ยังเป็นสถานที่จัดแสดงอาวุธและชุดเกราะของซามูไร รวมไปถึงดาบ หอก อาวุธปืน เครื่องปั้นดินเผาคาระสึยากิ (Karatsuyaki) เอกสารต่างๆ และกระเบื้องหลังคาดั้งเดิมของปราสาท

เมื่อมองลงมาจากหอคอยชั้นบนสุด เราก็จะเห็นทิวทัศน์ที่แสนวิเศษของอ่าวมัตสึอุระอันกว้างใหญ่และวิวเมืองคาระสึด้วยค่ะ นอกจากนี้บริเวณโดยรอบของปราสาทคาระสึยังปลูกดอกกุหลาบพันปีและดอกวิสทีเรียด้วยนะ แล้วพอเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิเราก็สามารถมาชมซากุระได้ด้วย

ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล จึงสามารถกล่าวได้ว่าปราสาทคาระสึแห่งนี้เนี่ยช่างเป็นจุดท่องเที่ยวที่ครบเครื่องเสียจริง!

ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทคาระสึ (Karatsu Castle)

วิธีเดินทาง 
  • เดินจากสถานีรถไฟ Karatsu Station โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ที่อยู่ 
  • 8 Higashijonai, Karatsu, Saga 847-0016, Japan
ติดต่อ 
  • 095-572-5697
เวลาทำการ 
  • เปิดทำการตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:00 น.
  • เปิดทำการตลอดทั้งปี
ค่าเข้าชม 
  • 400 เยน
เว็บไซต์ 
พิกัด

Back To Index

6. สวนคันเคียวเกอิจูสึโนะโมริ (Kankyo Geijutsu No Mori Park)

สวนคันเคียวเกอิจูสึโนะโมริ (Kankyo Geijutsu No Mori Park) เป็นที่รู้จักกันในนามของ Environmental Art Forest กล่าวคือ เป็นสถานที่ที่มีวิวทิวทัศน์สวยสดงดงามตามฤดูกาล โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการมาเยี่ยมชมสวนแห่งนี้ก็คือฤดูใบไม้ร่วงค่ะ เพราะต้นเมเปิลสีสันสดใสนับหมื่นต้นจะเปลี่ยนทั้งสวนให้กลายเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามค่ะ

นอกจากฤดูใบไม้ร่วงแล้ว สวนคันเคียวเกอิจูสึโนะโมริแห่งนี้ก็ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชมในฤดูกาลอื่นๆด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม สวนแห่งนี้จะปกคลุมไปด้วยพื้นที่สีเขียวชอุ่มที่สวยงามมากค่ะ

ถ้าเพื่อนๆชอบสถานที่ที่มีบรรยากาศคล้ายคลึงกับวัดรุริโคอิน (Rurikoin Temple) ในเกียวโต เราว่าสวนคันเคียวเกอิจูสึโนะโมรินี่แหละค่ะที่ตอบโจทย์ได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

ข้อมูลเกี่ยวกับสวนคันเคียวเกอิจูสึโนะโมริ (Kankyo Geijutsu No Mori Park)

วิธีเดินทาง 
  • เดินจากสถานีรถไฟ JR Kyuragi Station โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที
ที่อยู่ 
  • 667 Kyuragimachi Hirano, Karatsu, Saga 849-3131, Japan
ติดต่อ 
  • 095-563-2433
เวลาทำการ 
  • เปิดทำการตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม 
  • ผู้ใหญ่ : 700 เยน
  • เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี : 300 เยน
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

7. ถ้ำนานาสึกามะ (Nanatsugama Caves)

ถ้ำนานาสึกามะ (Nanatsugama Caves) ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลทางตอนเหนือของ ‘จังหวัดซากะ’ โดยเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความสวยงามของทิวทัศน์และโขดหิน อันเป็นเอกลักษณ์ที่เกิดจากการเย็นตัวลงของหินหนืดหลังการปะทุของภูเขาไฟค่ะ

สำหรับกิจกรรมที่เราแนะนำให้เพื่อนๆลองทำกันก็คือ การล่องเรือชมถ้ำนานาสึกามะค่ะ เพราะนี่เป็นวิธีเดียวที่จะได้ชมความสวยงามและความลึกลับของถ้ำแห่งนี้ โดยทุกคนสามารถนั่งเรือมาจากท่าเรือโยบุโกะ (Yobuko) กันได้เลย

ข้อมูลเกี่ยวกับถ้ำนานาสึกามะ (Nanatsugama Caves)

วิธีเดินทาง 
  • นั่งรถไฟ JR สาย Karatsu Line มาลงที่สถานี Karatsu Station แล้วนั่งแท็กซี่จากหน้าสถานีดังกล่าวโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ที่อยู่
  • Yakataishi, Karatsu, Saga 847-0135, Japan
ติดต่อ
  • 095-572-9250
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

8. นาขั้นบันไดฮามาโนะอุระ (Hamanoura Rice Terraces)

นาขั้นบันไดฮามาโนะอุระ (Hamanoura Rice Terraces) ตั้งอยู่ในเมืองฮามาโนะอุระ จังหวัดซากะ นาข้าวแห่งนี้ไล่เรียงกันเป็นขั้นบันไดจำนวน 283 ขั้น โดยมีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีอาณาบริเวณกว้างถึง 115,000 เมตรเลยทีเดียวค่ะ

ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสได้มาเที่ยวที่นี่ในช่วงเดือนพฤษภาคมก็จะเห็นนาขั้นบันไดที่เต็มไปด้วยแอ่งน้ำ ซึ่งเมื่อแสงแดดยามเย็นตกกระทบลงบนผิวน้ำจนสะท้อนแสงเป็นประกายระยิบระยับ มันจะเป็นทัศนียภาพที่สวยงามเกินบรรยายจริงๆค่ะ

ที่มา : www.visit-kyushu.com

และเมื่อเข้าสู่ช่วงพลบค่ำ ที่นี่ก็เปิดไฟประดับด้วยนะ~ ช่างสวยงามและโรแมนติคจริงๆ

ข้อมูลเกี่ยวกับนาขั้นบันไดฮามาโนะอุระ (Hamanoura Rice Terraces)

วิธีเดินทาง 
  • นั่งแท็กซี่จากหน้าสถานีรถไฟ JR Nishi-Karatsu Station โดยใช้เวลาประมาณ 25 นาที
ที่อยู่ 
  • Hamanoura, Genkai, Higashimatsuura District, Saga 847-1433, Japan
ติดต่อ 
  • 095-552-2199
เวลาทำการ 
  • เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

9. ศาลเจ้าโออุโอะ (Oouo Shrine)

ศาลเจ้าโออุโอะ (Oouo Shrine) เป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ในเมืองทาระ (Tara Town) จังหวัดซากะ ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 300 ปีที่แล้ว โดยมีจุดประสงค์คือเพื่อให้ชาวประมงได้มาสักการะเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นการขอพรให้การทำประมงแต่ละครั้งของพวกเขานั้นแคล้วคลาดปลอดภัยและบังเกิดความโชคดีในทุกๆครั้งนั่นเอง

นอกจากนี้ ศาลเจ้าโออุโอะแห่งนี้ยังมีเสาโทริอิที่เลื่องชื่ออยู่ด้วยค่ะ เพราะเสาโทริอิดังกล่าวตั้งอยู่ท่ามกลางน้ำทะเล! หากเพื่อนๆไปเที่ยวในช่วงที่น้ำขึ้นก็จะเห็นเหมือนกับว่าศาลเจ้าแห่งนี้กำลังจมน้ำอยู่ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงน้ำลงเราก็จะเห็นโครงสร้างของศาลเจ้าทั้งหมดค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าโออุโอะ (Oouo Shrine) 

วิธีเดินทาง 
  • เดินจากสถานีรถไฟ JR Tara Station โดยใช้เวลา 10 นาที
ที่อยู่ 
  • 1874-9 Tara, Fujitsu District, Saga 849-1602, Japan
ติดต่อ 
  • 095-220-1601
เวลาทำการ 
  • เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

10. เมืองโยบุโกะ (Yobuko)

เมืองโยบุโกะ (Yobuko) เป็นเมืองท่าขนาดเล็กที่มีทัศนียภาพสวยงามมาก อีกทั้งยังมีหมึกแสนอร่อยอย่าง ‘หมึกโยกุโบะ’ (Yobuko Squid) เป็นของกินขึ้นชื่อประจำเมืองอีกด้วย เมืองโยบุโกะเป็น 1 ใน 3 เมืองหลักของญี่ปุ่นที่มีตลาดยามเช้าอันแสนคึกคัก นอกจากนี้ ท่าเรือโยบุโกะ (Yobuko Port) ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อไปสำรวจถ้ำนานาสึกามะ (Nanatsugama Caves) ด้วยนะ

ส่วนสะพานแขวนขนาดใหญ่ที่เพื่อนๆเห็นอยู่ในตอนนี้ก็คือ สะพานโยบุโกะโอฮาชิ (Yobuko Ohashi Bridge) สะพานแห่งนี้ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 สถานที่ที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามที่สุดของญี่ปุ่นในปี 1998 ด้วย

นอกจากนี้แล้ว สะพานที่มีความยาว 728 เมตรแห่งนี้ก็เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างเมืองโยบุโกะ (Yobuko City) และเกาะคาเบะชิมะ (Kabeshima Island) อันเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่น่าไปโดนมากๆค่ะ เพราะเกาะคาเบะชิมะนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นสวนคาเซโนะมิเอรุโอกะ (Kaze no Mieruoka Park) ก็ดี หรือศาลเจ้าทาชิมะ (Tashima Shrine) ก็ดี ทุกๆสถานที่ล้วนน่าไปเยี่ยมเยือนเสียทั้งหมดเลยค่ะ

แน่นอนว่าถ้าเพื่อนๆมาถึงโยบุโกะกันทั้งที ก็ไม่ควรพลาดการทานหมึกโยบุโกะนะคะ เพราะมันเป็นเมนูขึ้นชื่อของเมืองนี้ที่ดีต่อใจและอร่อยมากจริงๆ!

ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองโยบุโกะ (Yobuko)

วิธีเดินทาง 
  • นั่งรถประจำทางจาก Karatsu City โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที
ที่อยู่ 
  • Yobukocho Yobuko, Karatsu, Saga 847-0303, Japan
เว็บไซต์ 
พิกัด 

Back To Index

อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดซากะ

เป็นที่รู้กันดีว่า จังหวัดซากะ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย แต่นอกจากที่เที่ยวแล้วนั้น อาหารท้องถิ่นของซากะก็น่าสนใจเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะเนื้อซากะ (Saga Beef) เนี่ยถือเป็นของเด็ดเลยนะ ถ้าใครไม่ได้ลองทานก็จะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากเลย 

และในบทความนี้ ทีมงานคุณภาพ fromJapan ก็ได้นำ ‘เมนูเด็ดประจำจังหวัดซากะ’ มาฝากทุกคนด้วยกันถึง 5 อย่าง แต่จะมีอะไรบ้างก็ต้องตามมาดูกันนะคะ

1. ยูโดฟุ (Yudofu)

ยูโดฟุ (Yudofu) เป็นหนึ่งในเมนูอาหารออนเซ็นแสนอร่อยที่สามารถหาทานกันได้ที่จังหวัดซากะค่ะ เนื่องจากว่าซากะนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของแหล่งออนเซ็นชั้นเยี่ยม เราจึงไม่แปลกใจเลยที่จังหวัดนี้จะมีเมนูอาหารออนเซ็นเหมือนที่เบบปุออนเซ็นในจังหวัดโออิตะ

สำหรับการทำยูโดฟุ เขาจะนำเต้าหู้ไปทำให้สุกด้วยน้ำจากออนเซ็นค่ะ ทั้งนี้ก็มีเสียงเล่าลือว่าเต้าหู้ดังกล่าวมีรสสัมผัสที่เนียนนุ่มดุจน้ำนมเลยทีเดียว ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสได้ไปซากะล่ะก็ อย่าลืมแวะไปชิมของอร่อยระดับตำนานอย่างยูโดฟุกันด้วยนะคะ

Back To Index

2. ข้าวซิซิเลียน (Sicilian Rice)

ข้าวซิซิเลียน (Sicilian Rice) เป็นอาหารแบบตะวันตกที่ถือกำเนิดขึ้นในซากะ โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากมาคานาอิดิช (Makanai Dish) หรืออาหารสำหรับพนักงานที่ทำงานในร้านอาหาร ซึ่งโดยปกติแล้วการทำมาคานาอิดิชจะใช้วัตถุดิบและส่วนผสมที่เหลือติดตู้เย็นค่ะ (ก็ข้าวพนักงานอ่ะเนอะ = =;) แต่พอเมนูนี้พัฒนามาเป็นข้าวซิซิเลียนแล้ว มันก็กลายมาเป็นอีกเมนูหนึ่งที่อร่อยสุดๆไปเลยค่ะ

การทำข้าวซิซิเลียนนั้น เขาจะนำเนื้อผัดกับสลัดมาวางลงบนข้าวสวยร้อนๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการราดซอสมายองเนสค่ะ

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารประจำจังหวัดซากะที่น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะ

Back To Index

3. เนื้อซากะ (Saga Beef)

เนื้อซากะ (Saga Beef) หรือ ซากะกิว (Saga Gyu) ถือเป็นหนึ่งในเนื้อวากิวที่มีคุณภาพดีที่สุดของญี่ปุ่น จริงๆเราอาจจะไม่ต้องบรรยายอะไรมากมายนัก เพราะเพียงแค่เห็นลักษณะลายหินอ่อน (marbling) อันเป็นเอกลักษณ์ปรากฏอยู่บนเนื้อซากะ เราว่าแค่นั้นก็พอจะบ่งบอกถึงระดับความพรีเมียมของเนื้อชนิดนี้ได้แล้ว!

ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อซากะระดับ A4-A5 ก็เป็นเนื้อที่ได้รับการยกย่องอย่างมากในญี่ปุ่น เพราะว่ามันสามารถละลายในปากได้ทันทีที่ลิ้มลอง! ถ้าหากมีใครกล่าวว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นรสชาติและรสสัมผัสที่คุณจะไม่มีวันลืมเลือน ก็คงไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงแต่อย่างใดค่ะ

สำหรับเมนูเด็ดที่เราอยากให้เพื่อนๆไปลองทานกันก็คือสเต็กเนื้อซากะนั่นเอง!

Back To Index

4. หมึกโยบุโกะ (Yobuko Squid)

หมึกโยบุโกะ (Yobuko Squid) เป็นหมึกที่สามารถจับได้เฉพาะในทะเลเก็นไค (Sea of Genkai) ที่บริเวณใกล้ชายฝั่งโยบุโกะเท่านั้น โดยหมึกโยบุโกะนั้นขึ้นชื่อเรื่องของความหวานฉ่ำและกรุบกรอบค่ะ

สำหรับเมนูเด็ดที่เราอยากให้เพื่อนๆไปลองทานกันก็คือซาชิมิหมึกโยบุโกะ หมึกโยบุโกะย่าง หรือเทมปุระหมึกโยบุโกะค่ะ

หูย~! ทุกเมนูฟังดูน่าอร่อยไม่แพ้กันเลยนะคะ เราเชื่อว่าคงมีคนตัดใจไม่ได้จนต้องตามไปทานให้ครบทั้ง 3 อย่างเหมือนเราแน่ๆเลย ? 

Back To Index

5. ปูทาเคซากิ (Takezaki Crab)

ปูทาเคซากิ (Takezaki Crab) เป็นปูสีน้ำเงินที่จับได้เฉพาะในทะเลอาริอาเกะ (Ariake Sea) เมืองทาระ ทั้งนี้ปูทาเคซากิเป็นอาหารยอดนิยมในจังหวัดซากะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวค่ะ

แม้ว่าปูทาเคซากิจะมีราคาค่อนข้างแพง แต่เราก็อยากให้เพื่อนๆได้ลิ้มลองรสสัมผัสของเนื้อที่แสนนุ่มชุ่มฉ่ำของปูทาเคาซากิมากเลยค่ะ เราขอรับรองเลยว่ามันจะต้องอร่อยฟินจนบินทะลุดาวอังคารอย่างแน่นอน!

Back To Index

อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับจังหวัดซากะ

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top