fbpx

รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดชิซูโอกะ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!

ต.ค. 11, 2021

บทนำ : ไปเที่ยว ‘จังหวัดชิซูโอกะ’ กันเถอะ!

จังหวัดชิซูโอกะ (Shizuoka Prefecture) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภาคกลางของเกาะฮอนชู (Chubu Region) อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของจังหวัดอันเป็นที่ตั้งของภูเขาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji)

นอกจากนี้ ‘จังหวัดชิซูโอกะ’ ยังมีพื้นที่ติดกับจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi Prefecture) และติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific Ocean) ด้วยค่ะ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จังหวัดชิซูโอกะจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคาบสมุทรอิสึ (Izu Peninsula) วัดชูเซ็นจิ (Shuzenji Temple) และมิชิมะสกายวอล์ค (Mishima Skywalk)

ยิ่งไปกว่านั้น ‘จังหวัดชิซูโอกะ’ ยังเป็นสถานที่ที่อยู่ไม่ห่างจากโตเกียวและโอซาก้าด้วยค่ะ ด้วยเหตุนี้เอง จังหวัดนี้จึงกลายเป็นที่เที่ยวยอดนิยมประจำวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนญี่ปุ่น

ส่วนของกินแสนอร่อยของชิซูโอกะก็คงจะหนีไม่พ้นชาเขียวกับข้าวหน้าปลาไหลแห่งเมืองฮามามัตสึค่ะ ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวก็อย่าลืมแวะไปทานกันนะคะ

เอาล่ะ! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันเเลยดีกว่าว่า จังหวัดชิซูโอกะ แห่งนี้จะมีอะไรให้เรายลบ้าง ตามมากันเลยค่ะ~!

สารบัญ (Index)

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดชิซูโอกะ
    1. คาบสมุทรอิสึ (Izu Peninsula)
    2. วัดชูเซ็นจิ (Shuzenji Temple)
    3. โจกาซากิ (Jogasaki)
    4. น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls)
    5. มิชิมะสกายวอล์ค (Mishima Skywalk)
    6. ศาลเจ้าคุโนซังโทโชกุ (Kunozan Toshogu Shrine)
    7. เส้นทางรถไฟโออิงาวะ (Oigawa Railway)
    8. มิโฮะโนะมัตสึบาระ (Miho no Matsubara)
    9. ปราสาทฮามามัตสึ (Hamamatsu Castle)
    10. ทะเลสาบฮามานาโกะ (Lake Hamana / Hamanako)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดชิซูโอกะ
    1. โอเด้ง (Oden)
    2. อุนางิ (Unagi)
    3. ชาเขียว (Green Tea)
    4. อาเบกาวะโมจิ (Abekawa Mochi)
    5. กุ้งซากุระเอบิ (Sakura Ebi)

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดชิซูโอกะ

1. คาบสมุทรอิสึ (Izu Peninsula)

คาบสมุทรอิสึ (Izu Peninsula) เป็นสถานที่รวมรีสอร์ตชื่อดังประจำ ‘จังหวัดชิซูโอกะ’ ซึ่งประกอบไปด้วยออนเซ็นที่น่าอัศจรรย์ ชายหาดที่สวยงาม และทัศนียภาพของทะเลสีครามสดใส

ส่วนสาเหตุที่คาบสมุทรอิสึแห่งนี้เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศอย่างมาก ก็เป็นเพราะว่าที่นี่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวนัก โดยเฉพาะเมืองหลายแห่งที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอิสึนั้น ล้วนเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องชายหาดงามและออนเซ็นดีทั้งนั้นเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเมืองอาตามิ (Atami City) เมืองอิโตะ (Ito)  และเมืองชิโมดะ (Shimoda)

ข้อมูลเกี่ยวกับคาบสมุทรอิสึ (Izu Peninsula)

วิธีเดินทาง
  • นั่งรถไฟด่วนโอโดริ (Odoriko or Superview Odoriko Limited Express) จากสถานี Tokyo Station ไปลงที่สถานีปลายทางดังนี้
      • สถานี Atami Station : ใช้เวลาประมาณ 90 นาที
      • สถานี Ito Station : ใช้เวลาประมาณ 110 นาที
      • สถานี Kawazu Station : ใช้เวลาประมาณ 155 นาที
      • สถานี Shimoda Station : ใช้เวลาประมาณ 170 นาที
      • สถานี Shuzenji Station : ใช้เวลาประมาณ 130 นาที
  • หากต้องการไปยัง Nishiizu ให้ขึ้นรถบัสจากหน้าสถานี Shuzenji Station ไปลงที่ Dogashima Onsen โดยใช้เวลาประมาณ 90 นาที
ที่อยู่
  • 730-16 Kusumimotowada, Itō-shi, Shizuoka-ken 414-0045, Japan
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

2. วัดชูเซ็นจิ (Shuzenji Temple)

วัดชูเซ็นจิ (Shuzenji Temple) ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของคาบสมุทรอิสึ สถานที่แห่งนี้เป็นเมืองออนเซ็นเก่าแก่ที่โด่งดังของ ‘จังหวัดชิซูโอกะ’ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีวัดพุทธนิกายเซนที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับแม่น้ำคัตสึระ (Katsura River) ด้วย โดยวัดแห่งนี้จะเปิดให้ศาสนิกชนทั่วไปมาปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาในทุกๆวันอังคาร นอกจากนี้เราก็สามารถเพลิดเพลินไปกับการเดินชมหอเก็บสมบัติและห้องโถงที่สวยงามได้ด้วยนะ

แต่ความพิเศษของวัดชูเซ็นจิยังไม่หมดนะคะทุกคน หากลองเดินเลียบไปตามแม่น้ำคัตสึระ บริเวณใกล้ๆกับสุสานมินาโมโตะ โนะ โยริอิเอะ (Minamoto no Yoriie) ซึ่งเป็นสถานที่ฝังร่างของโชกุนในยุคคามาคุระ (Kamakura Shogunate) เราจะเห็นป่าไผ่ที่ให้บรรยากาศเงียบสงัดและลึกลับน่าค้นหาไปพร้อมๆกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทิวทัศน์ของป่าไผ่ตอนกลางคืนที่ถูกขับให้โดดเด่นกว่ายามปกติด้วยแสงไฟสปอตไลท์ เป็นทัศนียภาพที่ควรค่าแก่การไปชื่นชมให้ได้สักครั้งมากเลยค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับวัดชูเซ็นจิ (Shuzenji Temple)

วิธีเดินทาง
  • นั่งรถไฟ Tokaido-Sanyo Shinkansen จากสถานี Tokyo Station ไปลงที่สถานี Mishima Station โดยใช้เวลาประมาณ 55 นาที จากนั้นให้เปลี่ยนขบวนรถที่สถานีดังกล่าวไปเป็นสาย Izu Hakone Railway Sunzu Line เพื่อไปลงที่สถานี Shuzenji Station โดยใช้เวลาประมาณ 35 นาที และจากหน้าสถานี Shuzenji Station ให้นั่งรถประจำทาง Izu Hakone Bus ไปลงที่ Shuzenji Onsen โดยใช้เวลา 10 นาที
ที่อยู่
  • Shuzenji, Izu, Shizuoka Prefecture 410-2416, Japan
เวลาทำการ

Temple Treasure House และ Museum :

  • เมษายนถึงกันยายน : เปิดทำการตั้งแต่ 8:30 – 16:30 น.
  • พฤศจิกายนถึงมีนาคม : เปิดทำการตั้งแต่ 8:30 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม
  • ค่าเข้าชมเฉพาะวัด : ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • ค่าเข้าชมรวม Temple Treasure House และ Museum : 300 เยน
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

3. โจกาซากิ (Jogasaki)

โจกาซากิ (Jogasaki) เป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงอีกหนึ่งแห่งของคาบสมุทรอิสึ ซึ่งเพื่อนๆจะได้ดื่มด่ำไปกับธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ของป่าไม้และภูเขา หรือวิวทะเลสีครามที่ตัดกับท้องฟ้าสดใส ที่สำคัญคือสถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองด้วยค่ะ เพราะสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองอิโตะ โดยมีระยะห่างจากใจกลางเมืองไปเพียง 10 กิโลเมตร

สำหรับนักท่องเที่ยวสายผจญภัยที่รักในการปีนเขาทุกคน เราขอแนะนำว่าคุณต้องมาที่โจกาซากิสักครั้งค่ะ เพราะชายฝั่งแห่งนี้เต็มไปด้วยแนวโขดหินที่สวยงามแปลกตา ยิ่งไปกว่านั้น ตามเส้นทางปีนเขาก็สามารถมองเห็นลวดลายที่สวยงามของหน้าผาได้ด้วย เรียกได้ว่าถ้าไม่มาก็ถือว่าพลาดมากเลย จริงไหม?

ส่วนเพื่อนๆคนไหนเป็นสายชิลล์ เราขอแนะนำจุดแลนด์มาร์กประจำโจกาซากิอย่าง ประภาคารคาโดวากิ (Kadowaki Lighthouse) และสะพานแขวนคาโดวากิ (Kadowaki Suspension Bridge)

เชื่อว่าหากทุกคนได้ไปเห็นสักครั้ง ก็จะต้องประทับใจสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอนค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับโจกาซากิ (Jogasaki)

วิธีเดินทาง
  • เดินจากสถานี Jogasaki Kaigan Station โดยใช้เวลา 25 นาที
  • นั่งรถบัสสายที่มุ่งหน้าไปยัง Kaiyo Koen จากสถานี Izu Kogen Station ไปลงที่ Izu Kaiyo โดยใช้เวลา 10 นาที
ที่อยู่
  • Futo, Itō, Shizuoka 413-0231, Japan
ติดต่อ
  • +81557376105
เวลาทำการ
  • เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

4. น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls)

น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls) เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภูเขาฟูจิ (Mt. Fuji) และได้รับการกล่าวขานว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น!! โดยน้ำตกแห่งนี้มีความสูง 150 เมตร และกว้าง 20 เมตร

ณ น้ำตกชิราอิโตะแห่งนี้ เราจะได้เห็นภาพของมวลน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาจนกระทั่งตกกระทบกับธารใสด้านล่าง โดยมีลักษณะเป็นเส้นสีขาวคล้ายกับใยไหม เป็นภาพที่งดงามราวกับอยู่ในฉากภาพยนตร์ที่เป็นป่าเอลฟ์เลยค่ะ

แถมบริเวณใกล้ๆกับน้ำตกชิราอิโตะยังมีน้ำตกที่สวยงามไม่แพ้กันอีกแห่งหนึ่งด้วย นั่นก็คือน้ำตกโอโตโดเมะ (Otodome Falls) เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติจะต้องไม่พลาดเด็ดขาดเลยค่ะ!

ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls)

วิธีเดินทาง
  • นั่งรถบัสจากหน้าสถานีรถไฟ JR Fujinomiya Station โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
ที่อยู่
  • Kamiide, Fujinomiya, Shizuoka 418-0103, Japan
ติดต่อ
  • Tourism Division : 0544221155
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

5. มิชิมะสกายวอล์ค (Mishima Skywalk)

มิชิมะสกายวอล์ค (Mishima Skywalk) เป็นสะพานแขวนคนเดินที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น! โดยสะพานแห่งนี้ทอดยาวเหนือหุบเขาที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองฮาโกเนะ (Hakone)

ทางเดินลอยฟ้าแห่งนี้มีความยาวรวม 400 เมตร และสูงจากพื้นดินถึง 70 เมตร ที่นี่นับเป็นจุดชมวิวชื่อดังประจำชิซูโอกะเลยค่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็นทัศนียภาพที่สวยงามของภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ภูเขาอิสึ (Mt. Izu) หรืออ่าวสึรุกะ (Suruga Bay) เราก็ล้วนมองเห็นได้จากสะพานแขวนแห่งนี้ทั้งสิ้นค่ะ

นอกจากวิวธรรมชาติสีเขียวสะอาดตาแล้ว ที่มิชิมะสกายวอล์คก็ยังมีคาเฟ่ ร้านอาหาร ศูนย์การค้า และร้านขายของที่ระลึกด้วย เรียกได้ว่าหากเพื่อนๆดื่มด่ำกับธรรมชาติกันจนเต็มอิ่มแล้วก็สามารถไปเดินช้อปของฝากกันแบบเพลินๆ หรือจะไปนั่งพักให้หายเหนื่อยในคาเฟ่ก็เป็นไอเดียที่ดีค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับมิชิมะสกายวอล์ค (Mishima Skywalk)

วิธีเดินทาง
  • นั่งรถไฟ Tokaido-Sanyo Bullet Train จากสถานี Tokyo Station ไปลงที่สถานี Mishima Station โดยใช้เวลาประมาณ 55 นาที จากนั้นให้ไปขึ้นรถบัสจากป้ายหยุดรถประจำทางหมายเลข 5 (5 bus stop) ที่อยู่บริเวณทางออกทิศใต้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาทีจะถึงที่หมาย
ที่อยู่
  • 313 Sasahara Shinden, Mishima, Shizuoka 411-0012, Japan
ติดต่อ
  • +81559720084
เวลาทำการ
  • 09:00 – 17:00 น.
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

6. ศาลเจ้าคุโนซังโทโชกุ (Kunozan Toshogu Shrine)

ศาลเจ้าคุโนซังโทโชกุ (Kunozan Toshogu Shrine) เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาคุโนซัง (Mt. Kunosan) โดยสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่โชกุนโทคุกาวะ อิเอยาสึ (Tokugawa Ieyasu, 1543-1616) บุคคลผู้มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง เพราะโชกุนท่านนี้คือผู้ที่สามารถยุติสงครามทั้งปวงและรวบรวมประเทศให้เป็นปึกแผ่นเดียวกันได้

แม้ว่าในญี่ปุ่นเองจะมีการสร้างศาลเจ้าเพื่ออุทิศให้กับท่านโชกุนมากมายหลายแห่ง แต่ศาลเจ้าคุโนซังโทโชกุแห่งนี้ก็เป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญเป็นอันดับสองของศาลเจ้าทั้งหมดค่ะ

นอกจากนี้ บริเวณใกล้ๆกับศาลเจ้าคุโนซังโทโชกุยังมีหลุมฝังศพของโชกุนโทคุกาวะ อิเอยาสึ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์คุโนซังโทโชกุ (Kunozan Toshogu Museum) ที่จัดแสดงสมบัติประจำตระกูลโทคุกาวะ ยิ่งไปกว่านั้น เรายังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอ่าวสึรุกะและคาบสมุทรอิสึได้จากสถานที่แห่งนี้ด้วยค่ะ

ช่างเป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวสายมู สายเนิร์ด และสายธรรมชาติมากๆเลย~!

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าคุโนซังโทโชกุ (Kunozan Toshogu Shrine)

วิธีเดินทาง
  • ถ้าต้องการเริ่มเดินทางจากบริเวณเชิงเขาคุโนซัง ให้นั่งรถบัสจากสถานี Shizuoka หรือสถานี Shimizu Station ไปลงที่ป้าย Kunozan-Shita Bus Stop
  • ถ้าต้องการเริ่มเดินทางจากกระเช้าลอยฟ้า ให้นั่งรถบัสจากสถานี Shizuoka Station ไปลงที่ Nihondaira Terminal
ที่อยู่
  • 390 Negoya, Suruga Ward, Shizuoka, 422-8011, Japan
ติดต่อ
  • +81542372438
เวลาทำการ
  • เดือนเมษายนถึงกันยายน : เปิดทำการตั้งแต่ 8:30 – 17:00 น.
  • เดือนตุลาคมถึงมีนาคม : เปิดทำการตั้งแต่ 8:30 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม (Kunozan Toshogu Museum)
  • อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป : 500 เยน
  • อายุต่ำกว่า 12 ปี : 200 เยน
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

7. เส้นทางรถไฟโออิงาวะ (Oigawa Railway)

รถไฟโออิงาวะ (Oigawa Railway) เป็นหนึ่งในรถไฟที่มีหัวรถจักรไอน้ำแบบดั้งเดิมซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีปริมาณเที่ยววิ่งเฉลี่ยมากกว่า 300 วันต่อปี เส้นทางเดินรถไฟนี้มีจุดหมายปลายทางอยู่ระหว่างสถานีชินคานายะ (Shin-Kanaya Station) และสถานีเซ็นสึ (Senzu Station)

หากถามว่าทำไมถึงต้องไปนั่งรถไฟสายนี้ดูสักครั้ง เราก็ขอตอบคุณด้วยรูปภาพด้านบนเลยค่ะ เพราะคงไม่มีใครปฏิเสธความงามของแม่น้ำสีมรกตอย่างแม่น้ำโออิที่โอบล้อมไปด้วยหุบเขาสึมาตะได้อย่างแน่นอน!

หากเพื่อนๆคนไหนสนใจกิจกรรมนั่งรถไฟชมธรรมชาติแบบนี้ อย่าลืมเช็กข้อมูลและตารางเวลาเดินรถกันดีๆน๊า เพราะเขาจะเปิดให้จองล่วงหน้าเท่านั้น (ก็คือไม่มีการขายตั๋วหน้าสถานีแต่อย่างใด) ถ้าไม่ได้จองก่อนก็อดเที่ยวนะเออ!

ข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางรถไฟโออิงาวะ (Oigawa Railway)

วิธีเดินทาง
  • เดินจากสถานีรถไฟ JR Kanaya Station โดยใช้เวลาประมาณ 1 นาที
  • สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> Click Here
ที่อยู่
  • 2 Chome-1112-2 Kanayaazuma, Shimada, Shizuoka 428-0013, Japan
ติดต่อ
  • +81547454331
เวลาทำการ
  • 09:00­ – 17:00 น.
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

8. มิโฮโนะมัตสึบาระ (Miho no Matsubara)

มิโฮโนะมัตสึบาระ (Miho no Matsubara) เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิอันเลื่องชื่ออีกแห่งหนึ่งของ ‘จังหวัดชิซูโอกะ’ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่ปรากฏอยู่บนภาพวาดอุคิโยเอะหลายรูปด้วย (Ukiyoe Painting ; รูปแบบจิตรกรรมญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมในช่วงศตวรรษที่ 17-19)

นอกจากนี้ มิโฮโนะมัตสึบาระยังมีชื่อเล่นเท่ๆว่า หาดสีดำ (The Black Beach) อีกด้วย เนื่องจากทรายบนชายหาดแห่งนี้เป็นสีดำค่ะ ปกติเพื่อนๆคงเห็นวิวหาดทรายสีขาวตัดกับน้ำทะเลสีฟ้ากันมาเยอะแล้วใช่ไหมคะ แต่พอเป็นหาดที่ทรายเป็นสีดำก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปมากเลยค่ะ บวกกับสีเขียวของป่าสนที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆ เรียกได้ว่าเป็นโทนสีที่ธรรมชาติคัดสรรมาให้เราชมอย่างดีจริงๆค่ะ

ด้วยเหตุนี้เอง เราขอเชียร์ให้ทุกคนได้ลองไปเที่ยวที่นี่กันสักครั้งค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับมิโฮโนะมัตสึบาระ (Miho no Matsubara)

วิธีเดินทาง
  • นั่งรถไฟ JR จากสถานี Shizuoka Station ไปลงที่สถานี Shimizu Station โดยใช้เวลาประมาณ 13 นาที จากนั้นให้ขึ้นรสบัสสาย Miho Yamanote Line จากหน้าสถานีดังกล่าวไปลงที่ป้าย Miho-no-Matsubara Iriguchi โดยใช้เวลาประมาณ 25 นาที จากนั้นเดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาที
ที่อยู่
  • Miho, Shimizu Ward, Shizuoka, 424-0901, Japan
ติดต่อ
  • +81543402100
เวลาทำการ
  • เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

9. ปราสาทฮามามัตสึ (Hamamatsu Castle)

ปราสาทฮามามัตสึ (Hamamatsu Castle) สร้างขึ้นในปี 1532 ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu City) เมื่อในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่พำนักของโชกุนโทคุกาวะ อิเอยาสึ (Tokugawa Ieyasu)

อย่างไรก็ดี ปราสาทฮามามัตสึแห่งนี้เคยได้รับความเสียหายจากการโจมตีทางอากาศในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งภายหลังก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมในปี 1958

ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้เป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียง อีกทั้งบริเวณรอบๆปราสาทก็มีสวนที่สวยงามและร้านน้ำชาดีๆด้วยนะ

อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับเมืองฮามามัตสึ

ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทฮามามัตสึ (Hamamatsu Castle)

วิธีเดินทาง
  • เดินจากสถานีรถไฟ JR Hamamatsu Station โดยใช้เวลา 20 นาที
ที่อยู่
  • 100-2 Motoshirocho, Naka Ward, Hamamatsu, Shizuoka 430-0946, Japan
ติดต่อ
  • +81534533872
เวลาทำการ
  • เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8:30 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม
  • ผู้ใหญ่ : 200 เยน
  • เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี : ไม่มีค่าใช้จ่าย
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

10. ทะเลสาบฮามานาโกะ (Lake Hamana / Hamanako)

ทะเลสาบฮามานาโกะ (Lake Hamana / Hamanako) เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของ ‘จังหวัดชิซูโอกะ’ เดิมทีทะเลสาบแห่งนี้เคยเป็นทะเลสาบน้ำจืดมาก่อน แต่ภายหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี 1498 ธรณีสัณฐานของทะเลสาบแห่งนี้ก็เปลี่ยนไป กล่าวคือเกิดรอยต่อที่ทำให้น้ำจากมหาสมุทรแปซิฟิกไหลเข้ามายังทะเลสาบ จึงทำให้แหล่งน้ำจืดแห่งนี้กลายเป็นทะเลสาบน้ำเค็มไปโดยปริยาย

นอกจากนี้ บริเวณใกล้ๆกับที่นี่ก็มีรีสอร์ตออนเซ็นที่มีชื่อเสียงอย่างคันซันจิออนเซ็น (Kanzanji Onsen) อีกทั้งเพื่อนๆยังสามารถกินลมชมวิวได้อย่างเพลิดเพลินใจไปกับการล่องเรือบนทะเลสาบแห่งนี้ด้วย

อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับเมืองฮามามัตสึ

ข้อมูลเกี่ยวกับทะเลสาบฮามานาโกะ (Lake Hamana / Hamanako)

วิธีเดินทาง
  • นั่งรถบัสจากหน้าสถานี Hamamatsu Station ไปลงที่ Kanzanji Onsen โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที
ที่อยู่
  • Nishi Ward, Hamamatsu, Shizuoka, Japan
พิกัด

Back To Index

อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดชิซูโอกะ

เป็นที่รู้กันดีว่า ‘จังหวัดชิซูโอกะ’ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย แต่นอกจากที่เที่ยวแล้ว อาหารท้องถิ่นของชิซูโอกะก็น่าสนใจเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะชาเขียว (Green tea) เนี่ยถือเป็นของเด็ดประจำจังหวัดนี้เลยล่ะ ถ้าใครมาแล้วไม่ได้ลองดื่มก็จะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากเลย

และในบทความนี้ ทีมงานคุณภาพของ fromJapan ก็ได้นำเมนูเด็ดประจำจังหวัดชิซูโอกะ มาฝากทุกคนด้วยกันถึง 5 อย่าง จะมีอะไรบ้างก็ตามมาดูกันเลยค่ะ!

1. โอเด้ง (Oden)

เป็นที่รู้กันดีว่าโอเด้ง (Oden) เป็นอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงประจำจังหวัดชิซูโอกะ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว เมนูนี้จะได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษเลยค่ะ ลองจินตนาการถึงการทานโอเด้งร้อนๆท่ามกลางอากาศหนาวดูสิคะทุกคน มันช่างเป็นเรื่องที่ดีต่อใจเสียจริง!

สำหรับความพิเศษของชิซูโอกะโอเด้งจะอยู่ที่ส่วนผสมของน้ำซุปอย่าง ‘ดาชิ’ (Dashi) ที่ประกอบด้วยซุปเอ็นวัวและโชยุเข้มข้น โรยหน้าด้วยท็อปปิ้งอย่างสาหร่ายอาโอโนริ (Aonori Seaweed) และคาราชิ (Karashi ; Japanese Mustard)

ชิซูโอกะโอเด้ง

หากใครไปชิซูโอกะก็สามารถสนุกและเพลิดเพลินไปกับโอเด้งหลากหลายแบบได้ ไม่ว่าจะเป็นโอเด้งไข่ เค้กปลา และผักนึ่งดาชิ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็ล้วนเป็นของกินที่อร่อยเลิศค่ะ

ส่วนเหล่าโอเด้งเลิฟเวอร์ก็ไม่ควรพลาดเทศกาลโอเด้งที่จัดขึ้นในชิซูโอกะทุกๆเดือนมีนาคมของทุกปีนะจ๊ะ~!

Back To Index

2. อุนางิ (Unagi)

อุนางิ (Unagi) หรือ ปลาไหลน้ำจืด (Freshwater Eel) เป็นวัตถุดิบเลื่องชื่อประจำเมืองฮามามัตสึ จังหวัดชิซูโอกะ เนื่องด้วยสถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของทะเลสาบฮามานาโกะ (Lake Hamanako) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของทะเลสาบที่มีน้ำใสบริสุทธิ์ราวกับคริสตัล จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ปลาไหลของเมืองฮามามัตสึจะยืนหนึ่งในญี่ปุ่นมาเนิ่นนานกว่าร้อยปี

หากใครมาเที่ยวที่ฮามามัตสึ อย่าลืมมาชิมข้าวหน้าปลาไหลย่างของดีประจำเมืองนี้กันน๊า!

Back To Index

3. ชาเขียว (Green Tea)

หากพูดถึงชิซูโอกะ แต่ไม่พูดถึงชาเขียวด้วยก็คือผิดมหันต์!

เพราะแหล่งผลิตชาเขียวที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นนั้น จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลยนอกจาก ‘จังหวัดชิซูโอกะ’ แห่งนี้นี่เอง!!

การปลูกชาเขียวในญี่ปุ่นนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากเมื่อศตวรรษที่ 13 ในขณะนั้นมีพระภิกษุรูปหนึ่งนามว่า โชอิจิ โคคุชิ (Shoichi Kokushi) กำลังธุดงค์อยู่ในประเทศจีน ซึ่งจู่ๆท่านก็ตัดสินใจซื้อเมล็ดพันธุ์ชาดำกลับมาเพาะที่ญี่ปุ่น โดยสถานที่ที่ท่านเลือกปลูกชาดำคือที่ชิซูโอกะ นับจากนั้นเป็นต้นมาชิซูโอกะจึงกลายเป็นแหล่งผลิตชาเขียวที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นค่ะ

หากได้มาชิซูโอกะล่ะก็ ชาเขียวนี่แหละคือสิ่งที่ห้ามพลาด!

Back To Index

4. อาเบกาวะโมจิ (Abekawa Mochi)

อาเบกาวะโมจิ (Abekawa Mochi) เป็นขนมหวานพื้นเมืองประจำจังหวัดชิซูโอกะ โมจิชนิดนี้มีรูปร่างคล้ายเค้กข้าวที่คลุกเคล้าด้วยผงคินาโกะ (Kinako Powder ; แป้งถั่วเหลืองคั่ว)

นอกจากนี้ ผู้คนที่นี่ยังมีความเชื่อด้วยว่าท็อปปิ้งที่โรยบนอาเบกาวะโมจิเป็นทองคำ!

ความเชื่อดังกล่าวมีเหตุมาจากเรื่องที่ว่าบริเวณพื้นที่ของอาเบกาวะนั้นเคยเป็นเหมืองทองคำแบบดั้งเดิมค่ะ คนสมัยนั้นจึงมีความเชื่อว่าอาเบกาวะโมจินั้นคลุกด้วยทองคำ แทนที่จะเป็นผงคินาโกะนั่นเอง

Back To Index

5. กุ้งซากุระเอบิ (Sakura Ebi)

กุ้งซากุระเอบิ (Sakura Ebi) เป็นกุ้งแห้งตัวเล็กที่มีสีสันคล้ายกับดอกซากุระ เมื่อนำไปผ่านกรรมวิธีตากแดดแบบดั้งเดิมแล้ว กุ้งซากุระเอบิจะมีเนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบและเบาบาง

ทั้งนี้ แหล่งผลิตกุ้งซากุระเอบิที่มีชื่อเสียงของชิซูโอกะก็คือท่าเรือยูอิ (Yui Harbor) และท่าเรือโออิกาวะ (Oigawa Harbor) เมื่อมองออกไปจากท่าเรือทั้งสองแห่ง เราจะพบกับอ่าวสึรุกะ (Suruga Bay) อันเป็นแหล่งที่อยู่อันอุดมสมบูรณ์ของบรรดากุ้งซากุระเอบิค่ะ

ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสได้ไปเที่ยวตามสถานที่ดังกล่าว อย่าลืมแวะชิมกุ้งซากุระเอบิอันแสนอร่อยกันนะคะ!

Back To Index

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top