พาเปิดโลกเที่ยว ‘เกาะโอชิมะ’ ฉบับ 3 วันก็เที่ยวครบ!
มี.ค. 30, 2023
พาเปิดโลกเที่ยว ‘เกาะโอชิมะ’ ฉบับ 3 วันก็เที่ยวครบ!
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาทุกคนไปชมสถานที่ท่องเที่ยวลับที่ไม่ลับอีกต่อไป นั่นก็คือ “เกาะโอชิมะ” (Oshima Island) หรือในชื่อเต็มคือ “เกาะอิซุโอชิมะ” (Izu Oshima Island) เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาหมู่เกาะอิซุ (The Izu Islands) โดยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่เกาะอิซุและมีระยะทางห่างจากโตเกียวประมาณ 120 กิโลเมตร
เนื่องจากพื้นที่ประมาณ 97% ของเกาะโอชิมะอยู่ภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นภูมิทัศน์ทางธรรมชาติหรือระบบนิเวศบนเกาะ ทุกพื้นที่ก็ล้วนได้รับการปกป้องและอนุรักษ์เป็นอย่างดี
หากกล่าวถึงความเป็นมาของเกาะโอชิมะนั้น ว่ากันว่าผู้คนได้ตั้งรกรากอยู่บนเกาะแห่งนี้มาตั้งแต่เมื่อ 8,000 ปีก่อน ส่วนภูเขาไฟมิฮาระที่ตั้งตระหง่านอยู่ ณ ใจกลางของเกาะนั้นปัจจุบันก็ยังคงคุกรุ่นอยู่ โดยการปะทุได้เกิดขึ้นซ้ำๆมาตั้งแต่สมัยโบราณค่ะ
ในทริปนี้เรามีเวลาแค่ 3 วันในการท่องเที่ยว แต่เป็น 3 วันที่เราสามารถเที่ยวเกาะโอชิมะได้ทั่วทั้งเกาะเลยค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะโอชิมะนั้นเรียกได้ว่ามีความน่าสนใจหลายอย่างมาก และในครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปชมจุดท่องเที่ยวไฮไลต์ที่ห้ามพลาดของเกาะโอชิมะกันค่ะ!
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเกาะโอชิมะ
- “ภูเขาไฟมิฮาระ” ภูเขาไฟที่เป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งเกาะโอชิมะ
- “อุระซาบากุ” และ “โอคุยามะซาบากุ” ทะเลทรายสีดำแห่งภูเขาไฟมิฮาระ
- “ผาภูเขาไฟ” ประติมากรรมจากเถ้าภูเขาไฟ
- เทศกาลดอกคามิเลียสุดยิ่งใหญ่บนเกาะโอชิมะ
- ดำน้ำเล่นกับโลมาสุดน่ารักที่หาดฮิโนเดะฮามะ
“ภูเขาไฟมิฮาระ” ภูเขาไฟที่เป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งเกาะโอชิมะ
หลังจากเราเดินทางมาถึงเกาะโอชิมะแล้ว จุดท่องเที่ยวแรกที่เราจะไปก็คือ “ภูเขาไฟมิฮาระ” ซึ่งได้รับฉายาว่า “เทพเจ้าแห่งไฟ” ภูเขาไฟแห่งนี้ตั้งอยู่ ณ บริเวณใจกลางของเกาะโอชิมะ
จากจุดชมวิวเราสามารถมองเห็นปากปล่องภูเขาไฟมิฮาระได้ในระยะใกล้ อีกทั้งยังสามารถชมทิวทัศน์ซึ่งเกิดจากลาวาที่พวยพุ่งขึ้นจากปล่องภูเขาไฟนับครั้งไม่ถ้วนและเย็นตัวลงในเวลาต่อมาค่ะ
นอกจากนี้หากใครเป็นสายขาลุยล่ะก็ ห้ามพลาดการปีนเขาตามเส้นทางอันขรุขระและลาดชันของที่นี่เลยนะคะ เป็นการผจญภัยที่สนุกอย่าบอกใครเลยค่ะ 😉
“อุระซาบากุ” และ “โอคุยามะซาบากุ” ทะเลทรายสีดำแห่งภูเขาไฟมิฮาระ
พื้นผิวทางด้านทิศตะวันออกของภูเขาไฟมิฮาระนั้นล้วนถูกปกคลุมไปด้วยหินสคอเรีย (Scoria) และทะเลทรายสีดำที่มีชื่อเรียกว่า “อุระซาบากุ” (Ura-sabaku) และ “โอคุยามะซาบากุ” (Okuyama Sabaku)
พื้นที่นี้เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวอันโด่งดังของเกาะโอชิมะ เนื่องด้วยพื้นทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยทรายที่มีสีดำ นอกจากนี้ยังมีคำกล่าวด้วยว่า ‘ทัศนียภาพของพื้นผิวสีดำอันกว้างไกลนี้ ช่างดูคล้ายคลึงกับพื้นผิวบนดวงจันทร์’
นอกจากการชมวิวทิวทัศน์สุดแปลกตาของทะเลทรายสีดำแล้ว ภายในโซนนี้ก็ยังกิจกรรมต่างๆให้เราได้สนุกอีกมากมาย เช่น เดินป่า ดำน้ำ ตีกอล์ฟ รวมถึงการแช่ออนเซ็นในบ่อน้ำพุร้อนโกจินกะออนเซ็น (Island Center Gojinka Spa) หรือบ่อน้ำพุร้อนฮามะโนะยุออนเซ็น (Hama no Yu Onsen)
“ผาภูเขาไฟ” ประติมากรรมจากเถ้าภูเขาไฟ
ที่บริเวณถนนเลียบชายฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะโอชิมะ มีจุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า “ผาภูเขาไฟ” (Volcanic Cliffs) เป็นผาหินซึ่งมีลักษณะสวยงามเป็นเอกลักษณ์
หากยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผาแห่งนี้ เราจะมองเห็นพื้นผิวหน้าตัดของหน้าผาที่เป็นชั้นหินสลับกันไปมา ความสวยงามของชั้นหินเหล่านี้เกิดจากหินสคอเรีย เถ้าภูเขาไฟ เถ้าภูเขาไฟที่ผุกร่อน และดินฮิวมัสที่เกิดจากการปะทุกันซ้ำๆของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 15,000 ปีก่อน
ที่ยิ่งไปกว่านั้น ลวดลายชั้นหินยังมีลักษณะโดดเด่นและสะดุดตาอย่างมากจนถูกเรียกว่า ‘บามคูเฮน’ เนื่องจากพื้นผิวหน้าตัดของผาภูเขาไฟมีลักษณะคล้ายกับลวดลายของขนมเค้กบามคูเฮนนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นงานศิลปะที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาอย่างลงตัวจริงๆค่ะ
เทศกาลดอกคามิเลียสุดยิ่งใหญ่บนเกาะโอชิมะ
นอกจากเกาะโอชิมะจะขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติอันเขียวขจีแล้ว ที่นี่ยังมีการจัดงาน “เทศกาลดอกคามิเลีย” ขึ้นในทุกๆปี เพราะดอกคามิเลียถือเป็นสัญลักษณ์ประจำเกาะโอชิมะนั่นเองค่ะ
บนเกาะโอชิมะนั้นมีสวนดอกคามิเลียตั้งอยู่หลายแห่ง โดยปกติแล้วดอกไม้ชนิดนี้จะบานสะพรั่งไปทั่วทั้งเกาะตั้งแต่เดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนงานเทศกาลจะจัดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมถึงต้นเดือนเมษายนค่ะ
นอกจากนี้ดอกคามิเลียยังถูกนำไปผลิตเป็นสินค้าขึ้นชื่อของเกาะโอชิมะอีกหลายอย่าง หากได้มาเที่ยวที่งานเทศกาลแล้ว ก็อย่าลืมซื้อน้ำมันดอกคามิเลียไปเป็นของฝากให้กับครอบครัวและเพื่อนๆด้วยนะคะ คนที่ได้รับของฝากจะต้องดีใจอย่างแน่นอน~
ดำน้ำเล่นกับโลมาสุดน่ารักที่หาดฮิโนเดะฮามะ
หาดฮิโนเดะฮามะ (Hinode-hama Beach) เป็นชายหาดที่สามารถมองเห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างชัดเจน ตามชื่อของชายหาดที่แปลว่า ‘พระอาทิตย์ขึ้น’ นั่นเองค่ะ
น้ำทะเลที่นี่เป็นสีฟ้าเขียวมรกตและใสมาก และเรายังสามารถลงเล่นน้ำได้อีกด้วย ส่วนช่วงฤดูร้อนนั้นก็พิเศษสุดๆ เพราะเราสามารถดำน้ำลงไปชมเจ้าโลมาใต้ท้องทะเลแห่งนี้ได้ด้วยค่ะ
หากมาเที่ยวที่นี่ก็ไม่ต้องกลัวคลื่นสึนามิเลย เพราะเขาจะมีป้ายขนาดใหญ่คอยบอกทางหนีคลื่นเพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเริ่มอยากมาเที่ยวเกาะโอชิมะกันแล้วใช่ไหมล่ะ!
แม้ว่าลักษณะภูมิประเทศของที่นี่จะเป็นเกาะที่รายล้อมไปด้วยท้องทะเลอันกว้างไกล แต่เกาะโอชิมะก็ยังโดดเด่นเรื่องธรรมชาติอันงดงามอีกด้วย รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนบนเกาะที่ก็น่าสนใจไม่แพ้วิวสวยๆเลยค่ะ
*.。.*゚*.。.*
หากทุกคนมาเที่ยวที่โตเกียวและเบื่อตึกเบื่อแสงสีในเมืองแล้ว ลองจัดแพลนข้ามมาเที่ยวที่เกาะโอชิมะแห่งนี้กันดูสักครั้งนะคะ 😊
ข้อมูลเกี่ยวกับเกาะโอชิมะ
ที่อยู่
- Oshima Town Hall, 1 Chome-14 Motomachi, Oshima, Tokyo 100-0101, Japan
วันและเวลาเปิดทำการ (Oshima Town Hall)
- เวลาเปิดทำการ : 08:30 – 17: 15 น.
- วันปิดทำการ : วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
วิธีเดินทาง
จากโตเกียวไปยังเกาะโอชิมะ สามารถเดินทางได้ทั้งทางอากาศและทางน้ำด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- เดินทางโดยเครื่องบิน : นั่งเครื่องบินจากสนามบินโจฟุ (Chofu Airport) ไปลงที่สนามบินโอชิมะ (Oshima Airport) โดยใช้เวลาประมาณ 25 นาที
- เดินทางโดยเรือ : หากนั่งเรือจากท่าเรือ Tokyo Takeshiba Terminal ไปยังเกาะโอชิมะ จะมีทั้งเรือด่วน Tokai Kisen ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที (ใน 1 วันเรือด่วนจะวิ่ง 2–3 รอบ) และเรือแบบธรรมดาซึ่งใช้เวลาเดินทาง 8 ชั่วโมง
- เว็บไซต์บริษัทเรือ Tokai Kisen >>> https://www.tokaikisen.co.jp/en/
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
แผนที่
อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับจังหวัดโตเกียว
- รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดโตเกียว’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!
- 5 ที่เที่ยวญี่ปุ่นที่คุณสามารถไปตามรอย ‘ดาบพิฆาตอสูร’ (Kimetsu no Yaiba) ได้
- วัดเซนโซจิ วัดชื่อดังของโตเกียวที่นักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้!
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ