รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดทตโตริ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!
ต.ค. 01, 2021
บทนำ : ไปเที่ยว ‘จังหวัดทตโตริ’ กันเถอะ!
จังหวัดทตโตริ (Tottori Prefecture) เป็นหนึ่งในจังหวัดประจำภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกาะฮอนชู มีอาณาเขตทางทิศเหนือติดกับทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) อีกทั้งยังเป็นที่รู้กันดีว่าสถานที่แห่งนี้มีเนินทรายขนาดใหญ่อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างมาก นอกจากนี้พื้นที่ประมาณ 14% ของจังหวัดก็เป็นอุทยานแห่งชาติด้วย
เรียกได้ว่าครบเครื่องเรื่องแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากเลยทีเดียวค่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็นภูเขาที่เขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ ทะเลสีครามแสนสวย หรือเนินทรายกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ทุกที่ก็ล้วนน่าไปทั้งนั้นเลย
ส่วนแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและประวัติศาสตร์ของที่นี่ก็โด่งดังไม่แพ้ที่อื่นๆเลยค่ะ เนื่องด้วยในอดีตวัดไดเซ็น (Daisenji Temple) ซึ่งเป็นพุทธศาสนสถานของนิกายเทนไดที่มีชื่อเสียงอย่างมากก็ตั้งอยู่ใน ‘จังหวัดทตโตริ’ ค่ะ รวมไปถึงตำนานกระต่ายขาวกับเทพโอคุนินูชิของศาลเจ้าฮาคุโตะ (Hakuto Shrine) ก็มีต้นเรื่องมาจากที่นี่
และที่พิเศษไปกว่านั้น ที่นี่เป็นบ้านเกิดของอาจารย์โกโช อาโอยามะ (Gosho Aoyama) นักเขียนการ์ตูนชื่อดังเจ้าของผลงานขึ้นหิ้งในตำนานอย่าง ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน (Detective Conan) อีกด้วย
หากใครเป็นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้ เราขอแนะนำให้คุณมาเที่ยวที่นี่เลยค่ะ เพราะความฟินจากการตามรอยการ์ตูนนั้นเป็นหนึ่งในความดีงามที่ควรค่าแก่การส่งต่อ อย่างความพิเศษของพิพิธภัณฑ์โกโช อาโอยามะ (Gosho Aoyoma) ก็เป็นเรื่องราวดีๆที่เราอยากให้เพื่อนๆได้ไปสัมผัสกันด้วยตัวเองค่ะ
สำหรับการเดินทางไปยัง ‘จังหวัดทตโตริ’ นั้น เราสามารถตีตั๋วเครื่องบินจากสนามบินฮาเนดะในโตเกียวได้ค่ะ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 75 นาที
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า จังหวัดทตโตริ จะมีที่ไหนน่าเที่ยวอีกบ้าง~
สารบัญ (Index)
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดทตโตริ
-
- ภูเขาไดเซ็น (Mt. Daisen)
- วัดไดเซ็นจิ (Daisen Temple)
- ศาลเจ้าโอกามิยามะ (Ogamiyama Shrine)
- พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและประวัติศาสตร์ไดเซ็น (Daisen Museum of Nature and History)
- เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes)
- พิพิธภัณฑ์ทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes “The Sand Museum”)
- ศาลเจ้าฮาคุโตะ (Hakuto Shrine)
- พิพิธภัณฑ์โกโช อาโอยามะ (Gosho Aoyama Manga Factory)
- เมืองโคนัน “โฮคุเอ” (Detective Conan Town, Hokuei)
- ถนนมิซึกิ ชิเงรุ (Mizuki Shigeru Road)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดทตโตริ
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดทตโตริ
1. ภูเขาไดเซ็น (Mt. Daisen)
ภูเขาไดเซ็น (Mount Daisen) เป็นภูเขาไฟที่มีขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใน ‘จังหวัดทตโตริ’ และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติไดเซ็น-โอกิ (Daisen-Oki National Park) ภูเขาลูกนี้มีความสูง 1,729 เมตร นับว่าเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region) นอกจากนี้ยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วงด้วย
สำหรับใครที่ชอบปีนเขาก็สามารถไปพิชิตยอดเขาต่างๆได้ค่ะ เส้นทางปีนเขาที่ภูเขาไดเซ็นมีหลายเส้นทาง และทุกๆเส้นทางจะมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ยอดเขาเคนกามิเนะ (Kengamine Peak) ซึ่งเป็นเส้นทางไปสู่ยอดเขาที่สูงที่สุดได้ปิดไปตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหว เนื่องจากเส้นทางบนสันเขาถูกกัดเซาะในปี 2000 เราจึงไม่มีโอกาสได้สำรวจเส้นทางนี้ค่ะ
ดังนั้นถ้าใครอยากปีนไปยังยอดเขาที่อยู่สูงสุดในปัจจุบัน ก็คงต้องใช้เส้นทางที่ขึ้นไปยังยอดเขามิเซน (Misen Peak) ซึ่งมีความสูง 1,790 เมตรเท่านั้น โดยยอดเขามิเซนจะอยู่ถัดไปอีกไม่กี่ร้อยเมตรค่ะ ทั้งนี้เส้นทางไปยอดเขามิเซนมีระยะทางโดยรวมประมาณ 4 กิโลเมตร เฉลี่ยแล้วเราจะใช้เวลาเดินขึ้น 4 ชั่วโมง
แน่นอนว่าสำหรับการปีนเขานั้น เราควรเตรียมชุดและรองเท้ามาให้เหมาะสม เพราะทางขึ้นเขาเป็นบันไดสูงชัน แต่พอเดินได้สักประมาณครึ่งทาง เราก็จะได้ชมทัศนียภาพที่งดงามของภูมิทัศน์โดยรอบ
รางวัลสำหรับคนเก่งที่พิชิตยอดเขาได้ก็คือ การได้พบกับสะพานไม้พร้อมวิวอันแสนงดงามของเมืองโยนาโกะ (Yonago) ดังรูปด้านบนค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับภูเขาไดเซ็น (Mt. Daisen)
ที่อยู่
- Daisen Tourism Bureau (ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวภูเขาไดเซน), 45-5 Daisen, Daisen-cho, Saihaku-gun, Tottori Prefecture, 689-3318
โทร
- 0859522502
แฟ็กซ์
- 0859522770
วันและเวลาทำการ (ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวภูเขาไดเซน)
- เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชม
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Yonago สามารถขึ้นรถบัสแล้วลงที่ป้าย Daisenji (ใช้เวลา 60 นาที ค่าโดยสาร 720 เยน) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาทีเพื่อไปเริ่มการปีนเขา
เว็บไซต์
พิกัด
2. วัดไดเซ็นจิ (Daisen Temple)
วัดไดเซ็นจิ (Daisenji Temple) เป็นพุทธศาสนสถานของนิกายมหายานเทนไดซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 8 บนภูเขาไดเซ็น จังหวัดทตโตริ
เดิมทีวัดแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับฝึกฝนนักพรตในลัทธิชูเก็นโดะ หรือนักพรตของศาสนาพุทธผสมชินโต (ทั้งนี้เราอาจจะเรียกว่าเป็นนิกายย่อยหนึ่งของศาสนาพุทธก็ได้นะ) ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมจึงเกิดความศรัทธาระหว่างพุทธศาสนากับลัทธิชินโตขึ้น ก็คงเป็นเพราะความเชื่อตั้งแต่โบราณกาลของชาวทตโตริที่ว่าภูเขาไดเซ็นแห่งนี้มีเทพเจ้าสถิตอยู่ หากจะบำเพ็ญเพียรก็สามารถทำได้ด้วยการปีนเขานี่แหละ!
นอกจากนี้ ภูเขาไดเซ็นยังเคยมีความสำคัญเทียบเท่าภูเขาฮิเอะของจังหวัดชิกะ (Mt. Hie, Shiga Prefecture) และภูเขาโคยะของจังหวัดวาคายามะ (Koya, Wakayama Prefecture) อีกด้วย ดังนั้นในยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของวัดไดเซ็นจิ จึงมีการขยายอาณาบริเวณของที่นี่ด้วยการสร้างวัดขึ้นอีก 160 แห่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพระอีก 3,000 รูปมาประจำอยู่ที่นี่ด้วย
แต่แล้วความเสื่อมถอยก็เข้ามาเยือนในช่วงต้นยุคเมจิ (ปี 1868 – 1912) เมื่อญี่ปุ่นประกาศแยกพุทธกับชินโตออกจากกันอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น ตามนโยบายชาตินิยมของรัฐบาลเมจิ พวกเขาก็เลือกให้ลัทธิชินโตเป็นศาสนาดั้งเดิมประจำชาติญี่ปุ่นด้วย รวมถึงสั่งให้แยกวัดกับศาลเจ้าออกจากกัน จึงเป็นเหตุให้การฝึกชูเก็นโดะถูกยกเลิกไป เพราะเป็นการฝึกของนิกายผสมนั่นเอง
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดไดเซ็นจิ (Daisen Temple)
ที่อยู่
- Daisenji Temple, 9 Oyama-cho Oyama-cho, Saihaku- gun, Tottori, 689-3318
โทร
- 0859522158
แฟ็กซ์
- 0859522728
วันและเวลาทำการ
- เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ : 300 เยน
- เด็ก : 200 เยน
การเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Yonago Station ให้ขึ้นรถบัสไปลงที่ป้าย Daisenji Stop Bus (ใช้เวลา 60 นาที ค่าโดยสาร 720 เยน) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
3. ศาลเจ้าโอกามิยามะ (Ogamiyama Shrine)
ศาลเจ้าโอกามิยามะ (Ogamiyama Shrine) เป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดไดเซ็นจินัก แต่เดิมศาลเจ้าแห่งนี้เคยเป็นพื้นที่ของวัดไดเซ็นจิที่ใช้ประกอบพิธีกรรมสำหรับนักพรตที่มาฝึกตน ต่อมาเมื่อมีการแยกศาสนาชินโตกับพุทธออกจากกัน ที่นี่จึงกลายเป็นศาลเจ้าโอกามิยามะมาจนถึงทุกวันนี้
ว่าแต่ศาลเจ้าแห่งนี้จะมีอะไรน่าชมบ้าง เราลองมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ~
ตรงนี้จะเป็นส่วนของ อาคารหลัก (Honden) ซึ่งเป็นอาคารแบบก็องเก็นซุคุริที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และอาคารแห่งนี้ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนในฐานะทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติด้วยค่ะ
ถัดมาคือความสวยงามของ บิอาคุดัน (Byakudun) บนเสาไฮเด็นที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น!!
‘บิอาคุดัน’ นั้นเป็นเทคนิคการวาดภาพลงบนพื้นผิวที่เคลือบด้วยแผ่นเงิน ก่อนจะทาแลคเกอร์ทับเพื่อให้ได้สีทองแบบธรรมชาติที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีค่ะ
นอกจากนี้ ศาลเจ้าโอกามิยามะก็ยังมีทางเดินหินสำหรับสักการะที่มีความยาวถึง 700 เมตร นับว่ายาวที่สุดในบรรดาทางเดินหินของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้!
สำหรับการไหว้เจ้าขอพรของที่นี่ ถ้าเป็นอาคารหลักให้ลองขอพรเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ ความปลอดภัยในการเดินทาง หรือจะมาแก้ชงก็ได้ค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าโอกามิยามะ (Ogamiyama Shrine)
ที่อยู่
- Ogamiyama Shrine, 1 Oyama, Oyama-machi, Saihaku-gun, Tottori, 689-3318, Japan
โทร
- 0859522507
วันและเวลาทำการ
- เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชม
การเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Yonago Station ให้ขึ้นรถบัสแล้วลงที่ป้าย Daisenji Stop Bus (ใช้เวลา 60 นาที ค่าโดยสาร 720 เยน) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 20 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
4. พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและประวัติศาสตร์ไดเซ็น (Daisen Museum of Nature and History)
ห่างจากศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวภูเขาไดเซ็นไปไม่ไกลนัก จะมีพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าความเป็นมาของภูเขาไดเซ็นอยู่ นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและประวัติศาสตร์ไดเซ็น (Daisen Museum of Nature and History)
สถานที่แห่งนี้จะบอกเล่าความเป็นมาในอดีตว่าเมื่อก่อนละแวกนี้เคยเป็นที่ไหน นอกจากนี้ยังมีประวัติของสถานที่สำคัญอื่นๆที่ตั้งอยู่ในละแวกเดียวกันด้วย
ส่วนตรงนี้จะเป็นโซนที่จัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่พบได้บนภูเขาไดเซ็นค่ะ
นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงรูปถ่ายสวยๆของภูเขาไดเซ็นด้วย~
ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและประวัติศาสตร์ไดเซ็น (Daisen Museum of Nature and History)
ที่อยู่
- Daisen Musuem of Nature and History, 43 Oyama, Oyama-cho, Saihaku- gun, Tottori, 689-3318, Japan
โทร
- 0859522327
วันและเวลาทำการ
- เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:00 น.
- เฉพาะช่วงวันที่ 21 กรกฎาคม ถึง 20 สิงหาคม พิพิธภัณฑ์จะเปิดถึงเวลา 18:30 น.
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชม
การเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Yonago Station ให้ขึ้นรถบัสไปลงที่ป้าย Daisenji Stop Bus (ใช้เวลา 60 นาที ค่าโดยสาร 720 เยน)
เว็บไซต์
พิกัด
5. เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes)
เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes) เป็นเนินทรายที่มีพื้นที่กว้างถึง 32 ตารางกิโลเมตร และถือเป็นเนินทรายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเลยค่ะ!
ต้นกำเนิดของเนินทรายแห่งนี้เกิดจากเถ้าภูเขาไฟของภูเขาไดเซ็น (Mt. Sendai) ปลิวมาสะสมกันตรงบริเวณกองทรายของแม่น้ำเซ็นไดกาวะ (Sendai River) บวกกับอิทธิพลของลมทะเลที่พัดมาจากทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ตลอดระยะเวลา 100,000 ปี!
ความเก๋ของที่นี่คือมันเป็นเนินทรายที่อยู่ติดกับทะเลจ้า~ นักท่องเที่ยวอย่างเราจึงได้สัมผัสกับสายลมอ่อนๆยามเดินทอดน่องชมวิวแบบชิลล์ๆ
ส่วนกิจกรรมที่จะพลาดไม่ได้หากมาเที่ยวที่เนินทรายทตโตริก็คือการขี่อูฐนั่นเอง แต่ถ้าใครชอบกิจกรรมผาดโผนหน่อยก็มีพาราไกลเดอร์กับแซนด์บอร์ดให้ลองเล่นกันด้วยค่ะ
และสำหรับสาวๆที่ใส่รองเท้าส้นสูงมาก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเขามีรองเท้าบู๊ตให้เช่าค่ะ แม้แต่คนที่นั่งรถเข็นก็มาได้นะ เพราะที่นี่มีทางลาดไว้อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวเพื่อการชมวิวโดยเฉพาะด้วยค่ะ
นอกจากนี้ เนินทรายทตโตริยังมีความพิเศษแตกต่างกันไปตามฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยค่ะ
อย่างช่วงฤดูใบไม้ผลิจะเป็นช่วงที่เราได้เห็นการเจริญเติบโตของพืชทะเลทราย เพราะความเข้มข้นของแสงแดดและกระแสลมที่เหมาะสมนั่นเองค่ะ
พอเข้าสู่ฤดูร้อน เราจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ของทรายสีขาวที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ตัดกับฉากหลังอย่างท้องฟ้าสีครามและก้อนเมฆปุกปุยสีขาว แล้วถ้าใครอยากชมความสวยงามของทะเลญี่ปุ่นด้วย เราขอแนะนำให้เดินไปทางชายฝั่งตะวันตกค่ะ
เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน เราจะเห็นดอกรัคเคียว (Rakkyo) สีม่วงสดใสผลิบานสะพรั่งในบางพื้นที่ของเนินทราย พร้อมกับอากาศสดใสและสายลมเย็นที่พัดโชยมาเป็นระลอก
ปิดท้ายด้วยฤดูหนาวที่สามารถเนรมิตสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นเนินหิมะสีขาวสะอาดตา
เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่สวยงามทุกฤดูกาลจริงๆค่ะ เพื่อนๆชอบบรรยากาศแบบไหนก็ลองเช็กวันที่และสภาพอากาศของช่วงที่จะมาเที่ยวกันให้ดีๆน๊า
- อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนินทรายทตโตริ >> เที่ยวเนินทรายและชายฝั่งผาหินที่ ‘Tottori Sand Dunes’ & แวะกินชาบูร้านแรกของญี่ปุ่น
ข้อมูลเกี่ยวกับเนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes)
ที่อยู่
- 2164-661, Yuyama, Fukubecho, Tottori City, Tottori Prefecture 689-0105
โทร
- 0857220581
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
- มีบริการขี่อูฐทุกวัน โดยมีรายละเอียดดังนี้
- เดือนมีนาคม – พฤศจิกายน : เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9:30 – 16:30 น.
- เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ : เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10:00 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชม
- อาจมีค่าใช้จ่ายในการขี่อูฐ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- สำหรับ 1 คน : 1,500 เยน
- สำหรับ 2 คน : 2,600 เยน
การเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Tottori Station ให้ขึ้นรถบัสสายที่มุ่งหน้าไปทาง Tottori Sakyu/Sakyu Kaikan แล้วลงที่ป้าย Sakyukaikan (ใช้เวลา 20 นาที ค่ารถ 370 เยน) แล้วเดินอีกประมาณ 1 นาที เพื่อไปลงลิฟต์ที่จะไปยังเนินทราย
- หมายเหตุ : หากเป็นวันหยุดหรือช่วงเดือนสิงหาคม จะมีรถบริการพิเศษที่มีตั๋ว One Day Pass ในราคา 600 เยนให้ใช้อีกด้วย
เว็บไซต์
พิกัด
6. พิพิธภัณฑ์ทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes “The Sand Museum”)

ThanyathornP / Shutterstock.com
ถัดจากเนินทรายมาอีกนิด เราจะพบกับ พิพิธภัณฑ์ทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes “The Sand Museum”) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ทรายเพียงแห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่น! ที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 2006

twoKim studio / Shutterstock.com
ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการจัดแสดงรูปปั้นทรายที่สวยงามและประณีตบรรจง ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นคน สถานที่ อาคาร หรือแม้แต่ประติมากรรมนามธรรม ทุกสิ่งล้วนมีให้เราชมที่นี่ค่ะ
ยิ่งไปกว่านั้น การจัดแสดงทรายในทุกๆปีจะมีการเปลี่ยนธีมตลอดด้วย ทางพิพิธภัณฑ์จะรื้อรูปปั้นทรายของเก่าออกทั้งหมด ก่อนจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการสร้างรูปปั้นทรายใหม่ทั้งหมดตามธีมของปีถัดไป เรียกได้ว่าถ้าพลาดแล้วก็พลาดเลย
ถ้าเพื่อนๆคนไหนชอบงานศิลปะสวยๆแบบนี้ก็ไม่ควรพลาดเลยล่ะ แต่ขอเตือนหน่อยว่าเขาจะจัดแสดงตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนมกราคมของทุกปีเท่านั้นนะ!
ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes “The Sand Museum”)
ที่อยู่
- 2083-17 Yuyama, Fukube-cho,Tottori-shi,Tottori Prefecture 689-0105
โทร
- 0857202231
วันและเวลาทำการ
- วันอาทิตย์ถึงวันศุกร์ : เปิดตั้งแต่เวลา 9:00 – 18:00 น.
- เฉพาะวันเสาร์ : เปิดตั้งแต่เวลา 9:00 – 20:00 น.
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ : 600 เยน
- เด็กประถมและมัธยม : 300 เยน
- เด็กอนุบาล : เข้าฟรี
การเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Tottori ให้ขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้าไปทาง Tottori Sakyu/Sakyu Kaikan แล้วลงที่ป้าย Sunanobijutsukan mae (ใช้เวลา 20 นาที ค่ารถ 370 เยน) แล้วเดินอีกประมาณ 1 นาที
- หากเป็นวันหยุดหรือช่วงเดือนสิงหาคม จะมีรถบริการพิเศษที่มีตั๋ว One Day Pass ในราคา 600 เยนให้ใช้อีกด้วย
เว็บไซต์
แผนที่
7. ศาลเจ้าฮาคุโตะ (Hakuto Shrine)
ศาลเจ้าฮาคุโตะ (Hakuto Shrine) เป็นศาลเจ้าใน ‘จังหวัดทตโตริ’ ที่โด่งดังมากด้านการขอพรเรื่องความรัก ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อสักการะบูชาเทพโอคุนินูชิ ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งความรักและสายสัมพันธ์ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่ซึ่งมีตำนานเรื่องกระต่ายขาวแห่งอินาบะด้วย
ในตำนานเล่าว่า มีกระต่ายขาวตัวหนึ่งจากเกาะโอกิ (Ogi Island, Shimane) ที่อยากจะเดินทางข้ามทะเลมายังทตโตริ แต่มันว่ายน้ำไม่เป็นซะงั้น เจ้ากระต่ายจึงอาศัยเล่ห์เหลี่ยมคุยกับฉลามว่า “ฉลามเอ๋ย พวกเจ้ามีจำนวนมากแค่ไหน”
“เยอะแยะมากมาย” ฉลามตอบน้ำเสียงกึ่งโอ้อวด
เมื่อกระต่ายขาวได้ยินดังนั้น มันจึงเปล่งวาจาโต้ตอบไปว่า “แต่คงเยอะไม่เท่ากับกระต่ายที่ออกลูกดกหรอกมั้ง”
“ไม่มีทางหรอกที่เผ่าพันธุ์ของพวกเจ้าจะมีเยอะกว่า” เมื่อเจ้ากระต่ายได้ยินดังนั้นจึงเริ่มยิ้มเยาะในใจ เพราะเจ้าฉลามได้หลงกลของมันเข้าเสียแล้ว
“งั้นต้องมาพิสูจน์กันหน่อยแล้วล่ะ ไหนพวกเจ้าลองมาลอยตัวเรียงกันเป็นแถวสิ ส่วนข้าจะค่อยๆเดินไปนับไป แล้วมาดูกันว่าเผ่าพันธุ์ของใครมีจำนวนเยอะกว่ากัน”
เมื่อเหล่าฉลามหน้าซื่อต่างหลงอุบายของกระต่ายเจ้าเล่ห์ พวกมันจึงว่ายน้ำมาเรียงแถวต่อกัน ส่วนเจ้ากระต่ายที่เดินเหยียบหลังฉลามจนใกล้จะถึงฝั่งนั้นก็เผลอหัวเราะออกมา ก่อนจะกล่าวเยาะเย้ยฉลามว่า “การหลอกพวกเจ้านั้นมันช่างง่ายดายเหลือเกิน สมควรแล้วที่ทำได้แค่ว่ายน้ำไปมาในทะเลเท่านั้น”
เมื่อฉลามได้ยินดังนั้นก็โกรธมาก พวกมันงับเจ้ากระต่ายซะจนหนังหลุด อย่างไรก็ดี เจ้ากระต่ายยังรอดค่ะ เพียงแต่บาดเจ็บอย่างสาหัสเลยทีเดียว
ตัดภาพไปที่เรื่องราวของ โอคุนินูชิ ตัวเอกของเรากันบ้างค่ะ
ครอบครัวของโอคุนินูชิมีพี่น้อง 80 คน แต่ปัญหาใหญ่ของพี่น้อง 80 คนนี้ก็คือพวกเขาหลงรักและอยากแต่งงานกับผู้หญิงคนเดียวกัน! (เชื่อว่าคงจะไม่มีศึกสายเลือดที่ไหนยิ่งใหญ่ไปมากกว่านี้แล้วค่ะ 555) หญิงสาวผู้ครองหัวใจพี่น้องตระกูลนี้ก็คือ เจ้าหญิงยากามิ หรือยากามิฮิเมะ (Yagamihime)
ระหว่างที่พี่น้องทั้ง 80 คนเดินทางไปหาเจ้าหญิงที่ตนหมายปอง พวกเขาก็เจอเจ้ากระต่ายที่ถูกถลกหนังกำลังวิ่งกระเสือกกระสนเข้ามาขวางทาง มันร้องขอความช่วยเหลือ แต่เด็กหนุ่มทั้ง 80 คนไม่อยากเสียเวลา ซ้ำร้ายยังบอกให้เจ้ากระต่ายไปแช่น้ำทะเลแล้วขึ้นมาผึ่งลมอีกด้วย
เจ้ากระต่ายรีบเร่งทำตามด้วยความหวังว่าอาการเจ็บปวดจะบรรเทาลงไปบ้าง แต่วิธีการดังกล่าวกลับยิ่งทำให้มันปวดแสบปวดร้อนและเจ็บหนักยิ่งกว่าเดิม
ทันทีที่โอคุนินูชิเห็นสภาพที่น่าเวทนาของเจ้ากระต่ายเข้า เขาก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำอันแสนโหดร้ายของเหล่าพี่น้องมาก โอคุนินูชิจึงบอกให้มันไปล้างเนื้อล้างตัวด้วยน้ำจืดเสียก่อน แล้วค่อยไปเกลือกกลิ้งกับเกสรหญ้ากามะ
พอเจ้ากระต่ายทำตามคำบอกของโอคุนินูชิ มันก็รู้สึกดีขึ้นราวกับไม่เคยเจ็บป่วยมาก่อน และในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น เจ้ากระต่ายก็ได้ทำนายว่าเจ้าหญิงยากามิจะเลือกโอคุนินูชิเป็นเจ้าบ่าว หลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปตามคำทำนายจริงๆ!
ด้วยเหตุนี้ ศาลเจ้าฮาคุโตะจึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับขอพรความรักอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าฮาคุโตะ (Hakuto Shrine)
ที่อยู่
- Hakuto Shrine 603 Shirakaba, Tottori City, Tottori Prefecture 689-0206
โทร
- 0857590047
วันเวลาทำการ
- เปิดบริการทุกวัน เวลา 9:00 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชม
การเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Tottori ให้ขึ้นรถบัสสาย Kano แล้วลงที่ป้าย Hakutojinja Mae (ใช้เวลา 41 นาที ราคา 600 เยน) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 3 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
8. พิพิธภัณฑ์โกโช อาโอยามะ (Gosho Aoyama Manga Factory)
มีใครเป็นแฟนการ์ตูนเรื่องยอดนักสืบจิ๋วโคนัน (Detective Conan) กันบ้างไหมคะ~ ไหนยกมือให้เราดูหน่อยเร็ว!
สถานที่ที่เรากำลังจะแนะนำต่อไปนี้จะทำให้เพื่อนๆคลั่งรักโคนันมากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
พิพิธภัณฑ์โกโช อาโอยามะ (Gosho Aoyama Manga Factory) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานของโกโช อาโอยามะ (Gosho Aoyama) นักเขียนการ์ตูนชื่อดังที่เป็นที่รู้จักกันดีจากผลงานหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นไยบะหรือจอมโจรคิดส์ แต่เรื่องที่ดังที่สุดก็คงหนีไม่พ้นยอดยมทูตจิ๋วโคนัน…เอ๊ย! ‘ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน’ นั่นเองค่ะ
แม้ว่าแฟนการ์ตูนอย่างเราจะคอยลุ้นกันอยู่ว่าโคนันจะจบก่อนลูกบวชไหม (เชื่อว่าพอถึงเวลานั้นคงใจหายน่าดูค่ะ เพราะช่วงหลังๆมาการ์ตูนในตำนานต่างก็ทยอยจบกันไปหมดแล้ว~) แต่ก่อนจะถึงวันนั้นของโคนัน เราก็ลองมาเดินเล่นที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้กันดูก่อนได้น๊า เชื่อว่าถ้าทุกคนได้ลองมาสัมผัสจักรวาลการ์ตูนของอาจารย์โกโชแล้ว ทุกคนจะต้องฟินเฟ่อร์หนักกว่าเดิมอย่างแน่นอน
ก่อนจะเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ เราจะเห็นรถเต่าสีเหลืองของ ดร. อากาสะจอดอยู่ด้านหน้า
อีกทั้งยังมีรูปเล่มการ์ตูนจำลองที่เจาะช่องตรงรูกุญแจให้เราไปถ่ายรูปเล่นกันได้ด้วย
พอเข้ามาในพิพิธภัณฑ์แล้วเราก็จะพบมุมที่น่าสนใจมากมายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงานของอาจารย์โกโช
โบว์หูกระต่ายที่ติดเครื่องเปลี่ยนเสียง รวมถึงสเก็ตบอร์ดเทอร์โบ
หรือแม้แต่ทริคสร้างห้องปิดตายก็มีให้เราลองทำค่ะ เป็นอะไรที่เปิดโลกมากทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีควิซทดสอบความเป็นแฟนพันธุ์แท้โคนันด้วยค่ะ ใครมั่นใจว่าแฟนตัวจริงก็ไปลองดูกันได้นะ!
คำเตือน : พอเดินชมพิพิธภัณฑ์จนทั่วแล้ว โปรดระวังร้านขายของฝากบริเวณทางออกให้ดี เพราะนี่อาจจะทำให้คุณสูญเสียทรัพย์แบบไม่ยั้งคิดได้ค่ะ! (นี่คนเขียนกำลังเตือนคนอ่านหรือเตือนตัวเองกันแน่นะ 555)
- อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์โกโช อาโอยามะ >> ตามรอยยอดนักสืบจิ๋วโคนันและขอพรความรักกับเทพโอคุนินูชิที่ทตโตริ
ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์โกโช อาโอยามะ (Gosho Aoyama Manga Factory)
ที่อยู่
- Gosho Aoyama Manga Factory, 1414 Yurajuku, Hokuei Town, Tohaku-gun, Tottori Prefecture 689-2221
โทร
- 0858375389
วันเวลาทำการ
- เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:30 – 17:30 น.
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ : 700 เยน
- นักเรียนมัธยม : 500 เยน
- นักเรียนประถม : 300 เยน
- เด็กอนุบาล : ฟรี
การเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Tottori Station ขึ้นรถไฟ JR สาย Sanin Line ไปลงที่สถานี Yura Station (ใช้เวลา 57 นาที ราคา 860 เยน) แล้วเดินอีกประมาณ 16 นาที (ถ้าเดินไม่ไหวก็โบกแท็กซี่กันได้นะ)
เว็บไซต์
พิกัด
9. เมืองโคนัน “โฮคุเอ” (Detective Conan Town, Hokuei)

Thitikorn Suksao / Shutterstock.com
หลังจากไปพิพิธภัณฑ์โกโช อาโอยามะกันมาแล้ว เราจะพาแฟนๆโคนันมาตามรอยกันต่อ ณ สถานที่อีกแห่ง นั่นก็คือ เมืองโฮคุเอ (Hokuei) ค่ะ เชื่อว่าแฟนการ์ตูนทุกคนคงทราบกันดีว่าเมืองนี้เป็นบ้านเกิดของอาจารย์โกโช อาโอยามะ (Gosho Aoyama) ผู้วาดการ์ตูนเรื่องยอดนักสืบจิ๋วโคนัน (Detective Conan)
ด้วยความโด่งดังระดับโลกของการ์ตูนเรื่องนี้ เมืองโฮคุเอจึงถูกเนรมิตให้กลายเป็นเมืองโคนัน! ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นเกียรติแก่อาจารย์โกโช ผู้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศญี่ปุ่นด้วยการ์ตูนระดับตำนานเรื่องนี้นั่นเองค่ะ
เมื่อลองสำรวจโดยรอบ เราจะเห็นบรรดารูปปั้นตัวการ์ตูนในเรื่องโคนัน อีกทั้งยังมีการเพ้นต์ฝาท่อน้ำเป็นลายการ์ตูนด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านขายของฝากโคนันหลายร้านเลยค่ะ เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักโคนันที่แท้จริง (สวรรค์ของผู้เขียนด้วย 555)
ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองโคนัน “โฮคุเอ” (Detective Conan Town, Hokuei)
ที่อยู่
- Yurashuku, Hokuei, Tōhaku District, Tottori 689-2221, Japan
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชม
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟ JR ไปลงที่สถานี Conan Station (Yura Station) แล้วเดินไปโดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที
พิกัด
10. ถนนมิซึกิ ชิเงรุ (Mizuki Shigeru Road)

beeboys / Shutterstock.com
เมืองซาไกมินาโตะ (Sakaiminato) เป็นบ้านเกิดของอาจารย์มิซึกิ ชิเงรุ (Mizuki Shigeru) ซึ่งเป็นเจ้าของผลงานการ์ตูนเรื่อง GeGeGe no Kitarou หรืออสูรน้อยคิทาโร่
และที่ ถนนมิซึกิ ชิเงรุ (Mizuki Shigeru Road) แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของเหล่าโยไก (Yokai) หรือปีศาจที่ปรากฏอยู่ในการ์ตูนเรื่องนี้ค่ะ

beeboys / Shutterstock.com
บนถนนมิซึกิ ชิเงรุที่ทอดยาวจากสถานีรถไฟซาไกมินาโตะ (JR Sakaiminato Station) ไปประมาณ 800 เมตร เราจะพบกับรูปปั้นตัวการ์ตูนในเรื่องอสูรน้อยคิทาโร่ประมาณ 170 ตัวตั้งเรียงรายอยู่ตามทางที่เราเดินผ่าน นอกจากนี้ยังมีร้านค้ามากมายที่จำหน่ายสินค้าและขนมของอสูรน้อยคิทาโร่ด้วยค่ะ
รับรองเลยว่าแฟนการ์ตูนที่ได้มาที่นี่จะต้องฟินมากอย่างแน่นอน
ข้อมูลเกี่ยวกับถนนมิสึกิชิเงรุ (Mizuki Shigeru Road)
ที่อยู่
- Taishomachi, Sakaiminato, Tottori 684-0004, Japan
วันและเวลาทำการ
- เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
วิธีเดินทาง
- เดินจากสถานีรถไฟ JR Sakaiminato Station โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์
พิกัด
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดทตโตริ
เดินเที่ยวกันจนเหนื่อยแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่า ‘จังหวัดทตโตริ’ แห่งนี้จะมีอาหารอะไรน่าหม่ำบ้าง เมื่อว่ากันด้วยสภาพอากาศท้องถิ่นที่ค่อนข้างอบอุ่น บวกกับสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยภูเขา ป่าไม้ และทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ปัจจัยทุกอย่างที่ประกอบกันเป็นจังหวัดแห่งนี้จึงเป็นตัวการันตีชั้นเยี่ยมเลยว่า ของกินที่นี่จะต้องอร่อยอย่างแน่นอน!
1. คานิเมชิ (Kani Meshi)
รู้หมือไร่! (หรือไม่!) ว่า ‘จังหวัดทตโตริ’ นั้นเลื่องชื่อเรื่องความอร่อยของเนื้อปูมาก! โดยเฉพาะเมนูปูอย่าง คานิเมชิ (Kani Meshi) หรือ ข้าวหน้าปูดิบ นั้นก็เป็นที่นิยมมากเลยทีเดียวค่ะ
วิธีการทำเมนูนี้คือเขาจะนำเนื้อปูหิมะตัวเมียดิบ (Raw Oyakani) มาหั่นเป็นชิ้นที่ค่อนข้างหนา ก่อนจะนำไปปรุงรสด้วยสาเก ซีอิ๊วขาว และมิริน จากนั้นเขาจะนำไปทำให้สุกด้วยการนึ่ง ส่วนเนื้อที่ติดเปลือกกับไข่ปูก็จะนำมาผสมในข้าวสวย เราจึงสามารถลิ้มรสความเข้มข้นของปูได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ
2. โทฟุชิคุวะ (Tofu Chikuwa)
อีกหนึ่งเมนูของ ‘จังหวัดทตโตริ’ ที่ควรค่าแก่การไปตำก็คือ โทฟุชิคุวะ (Tofu Chikuwa) อาหารท้องถิ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในฝั่งตะวันออกกลางของทตโตริ ว่ากันว่าเต้าหู้ปลานี้มีสัดส่วนของเต้าหู้ต่อเนื้อปลาขาวบดเท่ากับ 7:3 ทำให้เนื้อสัมผัสของโทฟุชิคุวะมีความนุ่มละมุนและชุ่มฉ่ำมากๆเลยค่ะ
3. ปูมัตสึบะ (Matsuba Crab)
ปูมัตสึบะ (Matsuba Crab) หรือ ปูหิมะตัวผู้ เป็นหนึ่งในเมนูประจำหน้าหนาวที่พิเศษสุดๆของ ‘จังหวัดทตโตริ’ เพราะในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมนั้น อุณหภูมิของทะเลญี่ปุ่นจะได้รับอิทธิพลจากคลื่นฤดูหนาว (Winter Waves) ทำให้ชาวประมงจับปูมัตสึบะได้มากมายเลยค่ะ
สำหรับการกินปูมัตสึบะนั้น โดยทั่วไปแล้วร้านอาหารมักจะเสิร์ฟเป็นคอร์สที่ประกอบด้วยเมนูปูหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบสุกี้ยากี้ ซาชิมิ หรือเทมปุระ เราจึงสามารถเพลิดเพลินไปกับการกินปูได้อย่างไม่รู้เบื่อเลยค่ะ
ถ้าเพื่อนๆคนไหนรักการกินปู ต้องไม่พลาดทริปจังหวัดทตโตริเด็ดขาดเลยนะ!
4. เนื้อวากิวทตโตริ (Tottori Beef)
จังหวัดทตโตริ เป็นแหล่งผลิตเนื้อวากิวมาตั้งแต่สมัยเอโดะ อีกทั้งยังมีรีวิวว่ารสสัมผัสของเนื้อทตโตริจะมีความนุ่มและชุ่มฉ่ำเป็นพิเศษ เพราะเนื้อวัวทตโตริอุดมไปด้วยกรดโอเลอิก (Oleic Acid) อันเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดหนึ่งถึง 55% มันจึงได้รับการขนานนามว่า Tottori Beef Oleic Acid 55
ใครที่เป็นสายเนื้อ จังหวัดนี้ก็มีวากิวคุณภาพเยี่ยมให้ได้ฟินกันแน่นอนค่ะ
5. หมึกขาวทตโตริ (Tottori White Squid)
หมึกขาวของจังหวัดทตโตริ (Tottori White Squid) นั้นขึ้นชื่อเรื่องความหวานและรสชาติอันเข้มข้น ลักษณะของลำตัว (Mantle) จรดส่วนครีบ (Fins) ของหมึกขาวทตโตรินั้นจะเหมือนกับปลายดาบ
ฤดูกาลที่สามารถจับเจ้าหมึกชนิดนี้ได้ก็คือช่วงต้นฤดูร้อนจนถึงปลายฤดูใบไม้ร่วง ด้วยเหตุนี้ชาวทตโตริจึงนิยมทานซาชิมิหมึกขาวกันในช่วงหน้าร้อนค่ะ
ถ้าเพื่อนๆคนไหนเป็นสายซาชิมิก็อย่าลืมไปลิ้มลองซาชิมิหมึกขาวกันดูนะคะ~
อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับจังหวัดทตโตริ
- 5 ที่เที่ยวในจังหวัดทตโตริ จะสายบุญหรือสายธรรมชาติก็เที่ยวเพลิน!
- เที่ยวเนินทรายและชายฝั่งผาหินที่ ‘Tottori Sand Dunes’ & แวะกินชาบูร้านแรกของญี่ปุ่น
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ