รวม 15 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดวาคายามะ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!
ธ.ค. 01, 2021
บทนำ : ไปเที่ยว ‘จังหวัดวาคายามะ’ กันเถอะ
จังหวัดวาคายามะ (Wakayama Prefecture) เป็นจังหวัดที่มีภูเขาตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะฮอนชูและมีพรมแดนติดกับจังหวัดโอซาก้า นารา และมิเอะ วาคายามะเป็นจังหวัดที่มักจะถูกมองข้ามไปเพราะจังหวัดเพื่อนบ้านในแถบนั้นมีชื่อเสียงมากกว่า แต่ต้องบอกเลยว่า นี่แหละ! หนึ่งในจังหวัดที่เป็นเพชรในตมของการท่องเที่ยวญี่ปุ่น
ความน่าสนใจของ ‘จังหวัดวาคายามะ’ คือป่าไม้เขียวขจีที่สวยงาม รวมถึงความเป็นต้นกำเนิดของการนับถือสองศาสนาควบคู่กัน คือ พุทธชินโต (Shinbutsu) ซึ่งมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ วาคายามะจึงเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่น ในระดับที่ไม่น้อยหน้าจังหวัดมิเอะและชิมาเนะเลยล่ะครับ (นอกจากนี้โซนคุมาโนะและโคยะซังยังได้รับตำแหน่งมรดกโลกจาก UNESCO อีกด้วยนะครับ)
นอกจากนี้แล้ว วาคายามะยังเป็นจังหวัดที่มีเมืองตากอากาศและออนเซ็นชื่อดังหลายแห่ง ที่นี่จึงเหมาะแก่การมาพักผ่อนชิลล์ๆด้วยครับ
หากพูดถึงการเดินทางมายังวาคายามะ ผู้เขียนคิดว่าเป็นจังหวัดที่…อืม จะว่ายังไงดี คือบางโซนก็ไปสะดวก แต่บางโซนก็แอบเดินทางลำบากครับ ทั้งนี้ ถ้าโดยสารรถไฟเราก็จะใช้เวลาเดินทางดังนี้ (สมมติว่าปลายทางเป็นละแวกคุมาโนะ)
- จากโตเกียว : 5 ชั่วโมง 15 นาที (นั่งรถไฟชินคันเซ็นสายโทไคโดซันโย แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถไฟด่วนพิเศษที่นาโกย่า)
- จากนาโกย่า : 3 ชั่วโมง 36 นาที (นั่งรถไฟด่วนของ JR)
- จากโอซาก้า : 4 ชั่วโมง 31 นาที (นั่งรถไฟด่วนของ JR)
แต่ถ้าเป็นโซนโคยะซังล่ะก็ ถ้ามาจากโอซาก้าเราจะใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเศษๆครับ (แต่ละโซนล้วนมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง อยากไปโซนไหนก็ค่อยๆลองวางแผนดูนะครับ)
ต่อจากนี้จะเป็นวิธีการเดินทางในวาคายามะ สำหรับคนที่ต้องการเที่ยวภายในตัวจังหวัดครับ
- สำหรับคนที่จะเที่ยวโดยเริ่มจากนาโกย่าหรือโอซาก้า และพ่วงมิเอะด้วย เราขอแนะนำให้ใช้พาส Ise Kumano Pass ครับ สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่เลย >> https://touristpass.jp/en/ise_kumano/ (เหมาะสำหรับคนที่วางแผนจะตะลุยละแวกคุมาโนะ)
- สำหรับคนที่จะเที่ยวโดยเริ่มจากโอซาก้าและพ่วงวาคายามะโซนโคยะซัง เราขอแนะนำให้ซื้อตั๋ว Koyasan World Heritage Ticket รายละเอียดสามารถดูได้ที่นี่ครับ >> http://www.nankai.co.jp/traffic/otoku/koyasan/
ต่อจากนี้ เราจะเริ่มแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิ้งใน จังหวัดวาคายามะ กันเลยนะครับ
สารบัญ
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดวาคายามะ : โซนคุมาโนะ (Kumano)
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดวาคายามะ : โซนคุชิโมโตะ & ชิราฮามะ (Kushimoto & Shirahama)
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดวาคายามะ : โซนโคยะซัง (Koyasan)
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดวาคายามะ : โซนตัวเมืองวาคายามะ (Wakayama City)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดวาคายามะ
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ ‘จังหวัดวาคายามะ’ : โซนคุมาโนะ (Kumano)
คุมาโนะ (Kumano) เป็นโซนพื้นที่ในจังหวัดวาคายามะ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนามของ “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้าทั้งหลายทั้งปวงจับมือปรองดองอยู่ร่วมกัน” เพราะพื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งรวมศาลเจ้าที่มีความสำคัญของวาคายามะ ซึ่งตั้งอยู่ตามเส้นทางจาริกแสวงบุญที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่าง คุมาโนะโคโด (Kumano Kodo) นั่นเอง นอกจากนี้คุมาโนะยังเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากมาย เหมาะแก่การมาพักผ่อนหย่อนใจชิลล์ๆ
ต่อจากนี้เราจะเริ่มแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในโซนคุมาโนะกันเลยนะครับ
1. ศาลเจ้าคุมาโนะนาชิ & วัดเซกันโทจิ
ศาลเจ้าคุมาโนะนาชิ (Kumano Nachi Taisha) เป็น 1 ใน 3 ศาลเจ้าหลักแห่งเมืองคุมาโนะ ซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดินจากชายฝั่งของเมืองออนเซ็นรีสอร์ต ‘คัตสึอุระ’ ประมาณ 2-3 กิโลเมตร ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ทางศาสนาที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความกลมกลืนกันระหว่างศาสนาชินโตและศาสนาพุทธ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของภูมิภาคคุมาโนะ
ทั้งนี้ ถ้าเรามองจากศาลเจ้า เราก็จะเห็นเจดีย์สีแดงของ วัดเซกันโทจิ (Seiganto-ji) ตั้งอยู่โดดเด่นเป็นสง่า โดยมี ‘น้ำตกนาชิ’ ซึ่งเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดของญี่ปุ่นเป็นฉากหลัง (ที่เรามักจะเห็นในโปสเตอร์ท่องเที่ยวบ่อยๆก็คือตรงนี้นี่แหละครับ)
ศาลเจ้าคุมาโนะนาชิและวัดเซกันโทจิตั้งอยู่ในเขตเส้นทางจาริกแสวงบุญ คุมาโนะโคโด (Kumano Kodo) ซึ่งเป็นเส้นทางสุดหฤโหดสำหรับใช้ในการฝึกปฏิบัติธรรมของบรรดาพระในศาสนาพุทธ นักพรตชินโต และนักพรตภูเขาชูเก็นโด และที่สำคัญ คุมาโนะโคโดนับว่าเป็นเส้นทางแสวงบุญที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
ด้วยความสำคัญในทางศาสนา วัฒนธรรม บวกกับธรรมชาติที่งดงาม เส้นทางแสวงบุญแห่งนี้จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี 2004
และเพื่อให้ได้บรรยากาศยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจก็สามารถลองเช่าชุดยุคเฮอันมาใส่เพื่อเดินไปนมัสการศาลเจ้าได้นะครับ โดยร้านเช่าชุดจะอยู่ไม่ไกลจากป้ายรถบัสที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าคุมาโนะนาชิ & วัดเซกันโทจิ
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ JR Nachi Station ให้นั่งรถบัสไปยังศาลเจ้า โดยมี 2 ทางเลือก ดังนี้
- ลงที่ป้าย Daimonzaka (ใช้เวลา 17 นาที ค่าโดยสาร 350 เยน) แล้วเดินจากป้าย Daimonzaka ไปอีกประมาณ 30 นาที
- ลงที่ป้าย Nachisan (ใช้เวลา 22 นาที ค่าโดยสาร 490 เยน) แล้วเดินไปอีก 12 นาที
ที่อยู่
- Kumano Nachi Taisha, 1 Nachisan, Nachikatsuura, Higashimuro District, Wakayama 649-5301
- เบอร์โทร : 0735550321
วันและเวลาทำการ
- ศาลเจ้าคุมาโนะนาชิ : เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน ตลอดเวลา (ส่วนหอสมบัติเปิดให้เข้าชม เวลา 8:00 ถึง 16:00 น.)
- วัดเซกันโทจิ : เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน ในเวลา 8:30 ถึง 16:00 น.
- เจดีย์ : เปิดให้ขึ้นได้ทุกวัน ในเวลา 8:30 ถึง 16:00 น.
ค่าเข้าชม
- หอสมบัติศาลเจ้าคุมาโนะนาชิ : 300 เยน
- ค่าขึ้นเจดีย์วัดเซกันโทจิ : 300 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
2. ศาลเจ้าคุมาโนะ-ฮายาทามะ-ไทฉะ
ศาลเจ้าคุมาโนะ-ฮายาทามะ-ไทฉะ (Kumano Hayatama Taisha Shrine) เป็น 1 ใน 3 ศาลเจ้าหลักแห่งย่านคุมาโนะ ซึ่งตามตำนานว่ากันว่าเทพเจ้ามาที่โลกมนุษย์ครั้งแรกก็ตรงศาลเจ้านี้นั่นแหละครับ (แต่จริงๆก็ไม่ใช่จุดนี้เป๊ะๆเลยซะทีเดียวนะ เพราะตำแหน่งที่ในตำนานกล่าวถึงจริงๆคือที่ตั้งเดิมของศาลเจ้าครับ)
ถึงแม้ว่าอาคารที่เห็นในปัจจุบันจะเป็นอาคารที่มีสภาพใหม่ แต่จริงๆแล้วตั้งแต่ดั้งแต่เดิมมา ศาลเจ้าคุมาโนะ-ฮายาทามะ-ไทฉะก็อยู่ในละแวกนี้มานานแล้วล่ะครับ คือตั้งแต่ราวๆศตวรรษที่ 12 เป็นอย่างต่ำเลย
เหตุผลที่สร้างศาลเจ้าในบริเวณนี้นั้น เกิดจากตำนานที่กล่าวว่าเทพเจ้าลงมายังโลกมนุษย์ตรงนี้เป็นที่แรก โดยลงมาพร้อมกับก้อนหินขนาดใหญ่มหึมา จึงมีการสร้างศาลเจ้าขึ้นที่นี่เพื่อบูชาก้อนหินยักษ์นั้น (ดังนั้นในชื่อศาลเจ้าจึงมีคำว่า ทามะ ที่แปลว่า ก้อนหิน)
ส่วนในภาพนี้เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าดั้งเดิม ซึ่งในปัจจุบันเรียกว่า ศาลเจ้าคามิคุระ ถ้าหากเราเดินมาจากอาคารศาลเจ้าหลักในปัจจุบันก็จะใช้เวลาประมาณ 20 – 30 นาที (ก้อนหินใหญ่ๆด้านหลังที่มีเชือกพันอยู่นั่นแหละครับที่ว่ากันว่าเป็นก้อนหินตามตำนาน)
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าคุมาโนะ-ฮายาทามะ-ไทฉะ
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟ JR ไปลงที่สถานี Shingu Station ใช้เวลา 15 – 20 นาที
ที่อยู่
- Kumano Hayatama Taisha, 1 Shingu, Wakayama 647-0081
- เบอร์โทร : 0735222533
วันและเวลาทำการ
- ศาลเจ้า : เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน เวลา 8:00 ถึง 17:00 น.
- หอสมบัติ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:00 ถึง 16:00 น.
ค่าเข้าชม
- ศาลเจ้า : ไม่มีค่าเข้าชม
- หอสมบัติ : มีค่าเข้าชม 500 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
3. ศาลเจ้าคุมาโนะฮอนกูไทฉะ
ศาลเจ้าคุมาโนะฮอนกูไทฉะ (Kumano Hongu Taisha) เป็น 1 ใน 3 ศาลเจ้าหลักแห่งย่านคุมาโนะ โดยศาลเจ้าแห่งนี้นับว่าเป็น ‘ศาลเจ้าประธาน’ ของบรรดา ‘ศาลเจ้าคุมาโนะ’ ที่มีสาขาย่อยทั้งหมดประมาณ 3,000 แห่งทั่วญี่ปุ่น (ทุกแห่งจะมีคำว่า คุมาโนะ อยู่ในชื่อเหมือนกัน และอาจจะมีชื่อที่ตั้งของศาลเจ้าคุมาโนะสาขานั้นอยู่ในชื่อเพิ่มเติมด้วย) ทั้งนี้ ว่ากันว่าศาลเจ้าคุมาโนะฮอนกูไทฉะเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ถึง 2,000 ปีเลยทีเดียว
แรกเริ่มเดิมที ศาลเจ้าคุมาโนะฮอนกูไทฉะมีจุดเริ่มต้นมาจากตำนานของ เทพสุซาโนโอะ เทพแห่งท้องทะเลและพายุ โดยเทพสุซาโนโอะถูกสวรรค์ขับไล่ให้ลงมายังโลกมนุษย์ และสถานที่ที่ท่านถูกขับไล่ลงมาก็คือศาลเจ้าคุมาโนะของจังหวัดชิมาเนะ
แล้วทำไมศาลเจ้าประธานของศาลเจ้าคุมาโนะถึงมาอยู่ที่วาคายามะได้ล่ะ?
จริงๆแล้วเรื่องนี้ยังไม่มีคำตอบแน่ชัดซะทีเดียว แต่ว่ากันว่าลัทธิบูชาเทพสุซาโนโอะได้แผ่ขยายมายังละแวกวาคายามะ ประกอบกับจักรพรรดิและชนชั้นสูงก็นิยมมาแสวงบุญในละแวกนี้ด้วย ดังนั้นจึงมีการย้ายศาลเจ้าประธานมาอยู่ตรงนี้ครับ
ตรงนี้คือ Oyu no Hara ซึ่งเป็นที่ตั้งดั้งเดิมของศาลเจ้า ส่วนตอนนี้ศาลเจ้าได้ย้ายมาอยู่ตรงตำแหน่งปัจจุบันเพราะน้ำท่วมใหญ่ในปี 1889
จุดเด่นที่สุดก็คือเสาโทริอิอันสูงใหญ่ในรูปด้านบนนี้ เป็นเสาที่มีความสูงถึง 33 เมตรเลยนะ
แถมท้ายกันสักหน่อยสำหรับสายเนิร์ดการ์ตูนและสายมู
ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าโปรดของอาจารย์ฮิโรฮิโกะ อารากิ (Hirohiko Araki) ผู้เขียนการ์ตูนเรื่อง โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ วันดีคืนดีทางศาลเจ้าเลยชวนแกมาออกแบบเครื่องรางให้ซะเลย หน้าตาของเครื่องรางก็ตามภาพเลยครับ ใครเป็นแฟนคลับโจโจ้ไม่ควรพลาด!
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าคุมาโนะฮอนกูไทฉะ
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ JR Shingu ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้ายสุดท้าย นั่นก็คือป้าย Hongu Taisha (ค่าโดยสาร 1,540 เยน ใช้เวลาเดินทาง 80 นาที) จากนั้นให้เดินมายังศาลเจ้าคุมาโนะฮอนกูไทฉะ โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที (หรือจะขึ้นจากป้ายหน้าศาลเจ้าคุมาโนะ-ฮายาทามะ-ไทฉะก็ได้เช่นกัน)
ที่อยู่
- Kumano Hongu Taisha 1110 Hongucho Hongu, Tanabe, Wakayama 647-1731
- เบอร์โทร : 0735420009
วันและเวลาทำการ
- ศาลเจ้า : เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน เวลา 6:00 ถึง 19:00 น.
- หอสมบัติ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา9:00 ถึง 16:00 น.
ค่าเข้าชม
- ศาลเจ้า : ไม่มีค่าเข้าชม
- หอสมบัติ : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 100 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
4. ยุโนะมิเนะออนเซ็น
ยุโนะมิเนะออนเซ็น (Yunomine Onsen) เป็นแหล่งน้ำพุร้อนเก่าแก่ที่ถูกค้นพบเมื่อ 1,800 ปีก่อนในฐานะจุดทำพิธีชำระล้างร่างกายให้บริสุทธิ์ของบรรดาผู้ที่มาเดินแสวงบุญ และเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุร้อน Tsuboyu ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO
บ่อออนเซ็นแห่งนี้มีเพียงแผ่นไม้กระดานล้อมรอบบ่อ และสามารถลงแช่ได้ครั้งละ 2 คนเท่านั้น ลักษณะเด่นของบ่อออนเซ็นแห่งนี้คือน้ำแร่ในบ่อจะเปลี่ยนสีถึงวันละ 7 ครั้ง และเป็นน้ำที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาโรคบางชนิดได้ด้วย
นอกจากนี้ใกล้ๆกับ Tsuboyu ยังมีบ่อน้ำพุร้อนเล็กๆ ซึ่งเราสามารถซื้อไข่จากร้านค้าในบริเวณใกล้เคียงมาต้มในน้ำให้เป็นไข่ต้มออนเซ็นได้ หรือถ้าใครยังไม่หนำใจที่นี่ก็มีเรียวกังให้เลือกเข้าพักค้างคืนเช่นกัน
ข้อมูลเกี่ยวกับยุโนะมิเนะออนเซ็น
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ JR Shingu นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Yunomine Onsen (ค่าโดยสาร 1,570 เยน ใช้เวลาเดินทาง 70 นาที) แล้วเดินเท้าต่ออีก 4 นาที (นั่งรถบัสสายเดียวกับที่ไปศาลเจ้าคุมาโนะฮอนกูไทฉะ)
ที่อยู่
- Yunomine Onsen, 112 Hongucho Yunomine, Tanabe, Wakayama 647-1732
- เบอร์โทร : 0735420074
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าใช้บริการทุกวัน เวลา 6:00 ถึง 21:30 น.
ค่าเข้าชม
- ค่าใช้บริการออนเซ็นของ Tsuboyu
- ผู้ใหญ่ : 780 เยน
- เด็ก : 470 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
5. ทัวร์ล่องเรือแม่น้ำคุมาโนะ
แม่น้ำคุมาโนะ (Kumano River) ตั้งอยู่ในคาบสมุทรคิอิ ซึ่งอยู่ในบริเวณจังหวัดวาคายามะ นารา และมิเอะ แม่น้ำแห่งนี้มีความยาวประมาณ 183 กิโลเมตร และเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางแสวงบุญคุมาโนะโคโดด้วย ทั้งนี้ แม่น้ำคุมาโนะยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วยครับ
โปรแกรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างหนึ่งในการมาเที่ยววาคายามะก็คือการล่องเรือไปตามแม่น้ำคุมาโนะ เพราะการตามรอยเส้นทางจาริกแสวงบุญด้วยการนั่งเรือไม้แบบดั้งเดิมนั้น คงเป็นอะไรที่ไม่สามารถทำได้ง่ายในที่อื่นๆ แถมธรรมชาติที่นี่ก็ยังสวยงามอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นน้ำอันใสสะอาดก็ดี หรือหุบเขาเขียวขจีก็ดี ทุกอย่างล้วนประกอบกันเป็นบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ ชวนให้อยากใช้เวลาไปกับการนั่งมองน้ำมองต้นไม้ชิลล์ๆ
ตลอดระยะเวลาประมาณ 90 นาทีที่เรือล่องเอื่อยๆไปตามแม่น้ำ เราจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอันแสนตระการตาท่ามกลางเสียงร้องของนกป่า พร้อมกับฟังคำอธิบายถึงจุดที่น่าสนใจต่างๆโดยผู้คุมเรือ บอกได้เลยว่าเพลิดเพลินใจสุดๆครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับทัวร์ล่องเรือแม่น้ำคุมาโนะ (Kumano Boat Tour)
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ JR Shingu Station นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Hitari (ค่าโดยสาร 950 เยน ใช้เวลาเดินทาง 34 นาที) แล้วเดินต่อไปอีก 2 นาที (ขึ้นรถบัสสายเดียวกับที่ไปศาลเจ้าคุมาโนะฮอนกูไทฉะ)
ที่อยู่
- Kawabune Boat Tour Center, 350 Kumanogawachō Hitari, Shingu, Wakayama 647-1211
- เบอร์โทร : 0735440987
วันและเวลาทำการ
- ทัวร์ล่องเรือจะให้บริการในช่วงวันที่ 1 มีนาคม – 30 พฤศจิกายนของทุกปี
- เรือมี 2 รอบต่อวัน คือรอบเช้า 10:00 – 11:30 น. และรอบบ่าย 14:30 – 16:00 น. (ใช้เวลาล่องเรือประมาณ 90 นาทีต่อ 1 รอบ)
ค่าบริการทัวร์ล่องเรือ
- 4,300 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
6. เมืองนาชิคัตสึอุระ
เมืองนาชิคัตสึอุระ (Nachi-Katsuura Town) เป็นอีกหนึ่งเมืองตากอากาศออนเซ็นที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแถบคันไซ ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรคิอิ (Kii Peninsula)
หากถามว่าเมืองนาชิคัตสึอุระมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง เราขอแนะนำออนเซ็นของ โรงแรม Hotel Urashima Resort & Spa ที่มีบ่อแบบกลางแจ้ง โดยความดีงามของบ่อออนเซ็นนี้ก็คือเราสามารถมองเห็นวิวทะเลสวยๆได้แบบในรูปเลยครับ
นอกจากนี้ เมืองนาชิคัตสึอุระก็ไม่ได้มีดีแค่บ่อน้ำพุร้อนออนเซ็นเท่านั้น เพราะอุตสาหกรรมการประมงของเมืองนี้ก็ขึ้นชื่อมากๆด้วย โดยตัวชูโรงของเมืองนาชิคัตสึอุระก็คือ ตลาดปลาทูน่า Tuna Experience โดยในช่วงเช้าตรู่จะมีการประมูลขายปลา คล้ายๆกับที่ตลาดปลาสึกิจิของโตเกียว (ต้องเกริ่นก่อนว่าปลาทูน่าของวาคายามะเป็นตัวท็อปของญี่ปุ่นเลยนะ!)
อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของเมืองนาชิคัตสึอุระก็คือ พิพิธภัณฑ์ปลาวาฬ Taiji Whale Museum พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับวาฬ (ขอบอกก่อนเลยว่าย่านนี้โด่งดังเรื่องการล่าวาฬนะ ใครเป็นสายอนุรักษ์วาฬหรือปลาโลมาอาจจะไม่ถูกใจสิ่งนี้เท่าไหร่)
ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองนาชิคัตสึอุระ
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ JR Shingu Station ให้นั่งรถไฟไปลงสถานี Kii-Katsuura (ใช้เวลาเดินทาง 22 นาที ค่าโดยสาร 240 เยน)
- โรงแรม Hotel Urashima Resort & Spa : เดินจากสถานี Kii-Katsuura ไปที่ท่าเรือโดยใช้เวลาประมาณ 6 นาที แล้วนั่งเรือบริการของโรงแรมฟรี สามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์นี้ >> http://www.hotelurashima.co.jp/en/access/
- ตลาดปลาทูน่า Tuna Experience : เดินจากสถานี Kii-Katsuura โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที
- พิพิธภัณฑ์ปลาวาฬ Taiji Whale Museum : นั่งรถบัสจากสถานี Kii-Katsuura โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที 100 เยน)
ที่อยู่
- โรงแรม Hotel Urashima Resort & Spa
- 1165-2 Katsuura, Nachikatsuura-cho, Higashimuro-gun, Wakayama 649-5334
- เบอร์โทร : +81-0735-52-1011
- ตลาดปลาทูน่า Tuna Experience
- 7-8-2 Tsukiji, Nachi-Katsuura Town
- เบอร์โทร : 0735520977
- พิพิธภัณฑ์ปลาวาฬ Taiji Whale Museum
- 2934-2 Taiji, Higashimuro District, Wakayama 649-5171
- เบอร์โทร : 0735592400
วันและเวลาทำการ
- โรงแรม Hotel Urashima Resort & Spa : เปิดให้เข้าใช้บริการออนเซ็นตั้งแต่เวลา 9:00 ถึง 19:00 น.
- ตลาดปลาทูน่า Tuna Experience : เริ่มประมูลทุกวัน เวลา 07:00 น. (ปิดวันเสาร์)
- พิพิธภัณฑ์ปลาวาฬ Taiji Whale Museum : พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8:30 ถึง 17:00 น.
ค่าเข้าชม
- โรงแรม Hotel Urashima Resort & Spa : ค่าเข้าออนเซ็น 1,300 เยน
- ตลาดปลาทูน่า Tuna Experience : มีค่าบริการ (โปรดสอบถามโดยตรง)
- พิพิธภัณฑ์ปลาวาฬ Taiji Whale Museum : ค่าเข้าชม 1,500 เยน
เว็บไซต์
- โรงแรม Hotel Urashima Resort & Spa : http://www.hotelurashima.co.jp/en/hotspring/
- ตลาดปลาทูน่า Tuna Experience : https://en.visitwakayama.jp/venues/venue_74/
- พิพิธภัณฑ์ปลาวาฬ Taiji Whale Museum : http://www.kujirakan.jp/
พิกัด
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ ‘จังหวัดวาคายามะ’ : โซนคุชิโมโตะ & ชิราฮามะ (Kushimoto & Shirahama)
7. แหลมชิโอโนะมิซากิ
แหลมชิโอโนะมิซากิ (Cape Shionomisaki) ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของคาบสมุทรคิอิในจังหวัดวาคายามะ เราสามารถชมวิวโขดหินรูปทรงแปลกตากับทะเลอันสวยงามได้ ณ แหลมแห่งนี้ โดยภูมิทัศน์ลักษณะนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ 15 ล้านปีที่แล้ว ในตอนนั้นหินหนืดทะลักขึ้นมาจากพื้นและเข้าสู่ชั้นหิน หลงเหลือไว้เพียงส่วนแข็งของหินหลังจากที่โดนน้ำทะเลกัดกร่อน เสาหินขนาดเล็กและใหญ่ประมาณ 40 ต้นเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ ประหนึ่งเป็นสะพานที่มีระยะทางยาวประมาณ 900 เมตร
ทั้งนี้ เราขอแนะนำให้ลองขึ้นไปบนประภาคารตามภาพเพื่อชมวิวครับ รับรองได้เลยว่าทุกคนจะประทับใจกับทัศนียภาพอันงดงามของแหลมชิโอโนะมิซากิอย่างแน่นอน
ข้อมูลเกี่ยวกับแหลมชิโอโนะมิซากิ
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ JR Kushimoto Station ให้นั่งรถบัสชุมชนไปยังแหลมชิโอโนะมิซากิ (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ค่าโดยสาร 200 เยน) สามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์นี้ >> https://www.town.kushimoto.wakayama.jp/kurashi/community-bus/
ที่อยู่
- Cape Shionomisaki, 2877 Shionomisaki, Kushimoto, Higashimuro District, Wakayama 649-3502
- เบอร์โทร : 0735620141
วันและเวลาทำการ
- ชายหาด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
- ประภาคาร : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:00 ถึง 16:00 น.
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชมทั้งชายหาดและประภาคาร
เว็บไซต์
พิกัด
8. ชิราฮามะออนเซ็น
ชิราฮามะออนเซ็น (Shirahama Onsen) เป็นเมืองออนเซ็นที่ถูกบันทึกไว้ว่าเก่าแก่กว่า 1,000 ปี ด้วยความที่มาจากโอซาก้าได้ไม่ยากนัก ที่นี่จึงติดอันดับ 1 ใน 3 เมืองออนเซ็นติดชายหาดยอดนิยมของญี่ปุ่น ร่วมกับเมืองเบปปุ จังหวัดโออิตะ และเมืองอาตามิ จังหวัดชิซูโอกะ
ที่มาของชื่อ ชิราฮามะ (Shirahama) นั้น หากแปลตรงตัวก็คือ ชายหาดสีขาว เหตุผลที่ได้ชื่อนี้เป็นเพราะว่าเมืองชิราฮามะมีหาดทรายสีขาวทอดยาวเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร โดยบริเวณริมหาดจะมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ รวมไปถึงโรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่ง
เราสามารถลงแช่ออนเซ็นพร้อมกับชมหาดทรายสวยๆของที่นี่ได้ อีกทั้งยังสามารถชมดอกไม้ไฟในยามค่ำคืนของช่วงฤดูร้อนได้อีกด้วย
อีกจุดที่ไม่ควรพลาดคือ เกาะเอ็นเกทสึ (Engetsu Island) เป็นเกาะหินกรวดหินทรายที่ตั้งอยู่โดดๆกลางทะเล ความพิเศษของเกาะนี้คือช่องโหว่ตรงกลางผาหินซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของคลื่นลมทะเล จุดที่ทำให้เกาะหินเล็กๆแห่งนี้โด่งดังก็คือ ในช่วงเย็นพระอาทิตย์จะเคลื่อนลงมาผ่านเกาะแห่งนี้ และในบางเดือนเราจะมองเห็นดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านรูตรงกลางเกาะพอดิบพอดี เกิดเป็นภาพดวงอาทิตย์ตกที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ข้อมูลเกี่ยวกับชิราฮามะออนเซ็น
วิธีเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ JR Kushimoto ให้นั่งรถไฟด่วน Kuroshio ไปลงที่สถานี Shirahama (ใช้เวลา 108 นาที ค่าโดยสาร 3,210เยน)
- หากเดินทางมาจากโอซาก้า ให้นั่งรถไฟด่วน Kuroshio จากสถานี Shin-Osaka ไปลงที่สถานี Shirahama (ใช้เวลา 159 นาที ค่าโดยสาร 5,700 เยน) จากนั้นให้นั่งรถบัสไปที่หาด โดยลงที่ป้าย Shirahama Beach (ใช้เวลา 15 นาที ค่าโดยสาร 340 เยน)
- ส่วนคนที่จะไปเกาะเอ็นเกทสึ (Engetsu Island) ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Rinkai (ใช้เวลา 40 นาที ค่าโดยสาร 480 เยน)
ที่อยู่
- หาดชิราฮามะ (Shirahama Beach)
- Shirahama, Nishimuro District, Wakayama 649-2211
- เบอร์โทร : 0739436588
- เกาะเอ็นเกทสึ (Engetsu Island)
- 〒 649-2211 Wakayama, Nishimuro District, Shirahama, JP 3601
วันและเวลาทำการ
- หาดชิราฮามะ (Shirahama Beach) : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
- เกาะเอ็นเกทสึ (Engetsu Island) : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา (ถ้าจะถ่ายรูปสวยๆให้ไปตอนเย็นช่วงพระอาทิตย์ตก)
ค่าเข้าชม
- ทั้งหาดและเกาะไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ ‘จังหวัดวาคายามะ’ : โซนโคยะซัง (Koyasan)
เมื่อพูดถึงจังหวัดโอคายามะ จุดท่องเที่ยวที่จะไม่เอ่ยถึงไม่ได้เลยก็คือ โคยะซัง ภูเขาที่มีวัดและสถานปฏิบัติธรรมจำนวน 117 แห่ง ซึ่งก่อตั้งโดยท่านโคโบ ไดชิ พระภิกษุผู้ก่อตั้งศาสนาพุทธนิกายชินกอน อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางแสวงบุญคุมาโนะโคโด (Kumano Kodo) ซึ่งเป็นเส้นทางแสวงบุญที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นด้วย ภูเขาโคยะซังจึงนับว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับชาวพุทธในญี่ปุ่น จนทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO)
จากนี้ไปเราจะมาแนะนำวัดสำคัญที่น่าเที่ยวของโซนโคยะซังกันครับ
9. วัดโอคุโนะอิน
วัดโอคุโนะอิน (Okunoin Temple) เป็นที่ตั้งของสุสานของหลวงพ่อโคโบ ไดชิ และบุคคลสำคัญอื่นๆในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เช่น ทาเคดะ ชินเก็น, โอดะ โนบุนากะ ฯลฯ
ซึ่งตามประวัติศาสตร์(กึ่งๆตำนาน) ว่ากันว่าจริงๆแล้วหลวงพ่อโคโบ ไดชิท่านไม่ได้มรณภาพครับ แต่ท่านนั่งสมาธิจนถึงขั้นที่บรรลุธรรมและรอพบกับพระพุทธองค์ใหม่(พระศรีอาริย์) แล้วก็อยู่ในสภาพนั้นมาตลอด ซึ่งเรื่องนี้ทำให้มีผู้ที่อยากพึ่งใบบุญท่านมาสักการะ และเนื่องจากที่นี่เป็นสุสานของท่าน คนที่อยากพึ่งใบบุญในลักษณะของการพึ่งใบบุญในโลกหน้าก็เลยมาสร้างสุสานของตัวเองที่นี่ (เพื่อรับพลังจากหลวงพ่อ)
รูปที่เห็นนี้ถ่ายในช่วงเดือนพฤษภาคมครับ ซึ่งในญี่ปุ่นเป็นช่วงหน้าร้อน
แล้วทำไมถึงมีใบไม้แดงสวยขนาดนี้ในฤดูร้อนล่ะ?
เหตุผลก็คือต้นเมเปิลพวกนี้เป็นพันธุ์เมเปิลที่ใบเปลี่ยนสีในช่วงฤดูร้อนครับ ซึ่งก็จะเป็นอย่างที่เห็น คือมีสีแดงเป็นหย่อมๆ ถ้าใครอยากดูใบไม้แดงแต่ไม่ว่างมาเที่ยวช่วงปลายปีหรือเป็นสายแพ้อากาศหนาวๆ ก็ลองมาดูที่นี่ได้นะครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดโอคุโนะอิน
วิธีเดินทาง
การเดินทางมาวัดโอคุโนะอินขึ้นอยู่กับว่าเราเริ่มต้นจากฟากไหนนะครับ มาดูกันเลยดีกว่าว่าวิธีไหนสะดวกเรามากที่สุด
- ถ้าเริ่มจากโอซาก้า ให้นั่งรถไฟสาย Nankai จากสถานี Namba หรือ Shin Imamiya ไปลงที่สถานี Gokurakubashi (ใช้เวลา 100 นาที ค่าโดยสาร 890 เยน) แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถกระเช้า (ใช้เวลา 5 นาที ค่าโดยสาร 500 เยน) จากนั้นให้นั่งรถบัสจากสถานีรถกระเช้าเข้ามาในเมือง (ใช้เวลาประมาณ 8 นาที ค่าโดยสาร 300 เยน) แล้วเดิน 10-15 นาทีเพื่อไปยังทางเข้าฝั่งสะพาน Ichinohashi (ถ้าขี้เกียจเดินก็นั่งรถบัส 140 เยนเลยครับ) ระหว่างทางจะมีวัดต่างๆ แนะนำว่าให้ทำเป็น walking trail
- ถ้าเริ่มจากฝั่งวาคายามะ (ส่วนมากจะเริ่มจากฟากคุมาโนะ) ในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน จะมีรถบัสที่วิ่งจากศาลเจ้าคุมาโนะฮอนกูไทฉะไปถึงโคยะซัง (ใช้เวลาราวๆ 4 ชั่วโมง ราคาประมาณ 5,000 เยน) ให้ลงรถบัสที่ป้าย Okunoin Mae (เข้าไปข้างในจากอีกทาง) หรืออาจจะเลือกลงที่ป้าย Ichinohashi guchi ก็ได้เช่นกัน รสบัสสามารถจองได้จากเว็บไซต์นี้ >> Japan Bus Online
ที่อยู่
- Okunoin, 550 Koyasan, Koya, Ito District, Wakayama 648-0294
- เบอร์โทร : 0736562002
วันและเวลาทำการ
- หอตะเกียง : เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน เวลา 6:00 ถึง 17:30 น.
- หอสักการะ : เปิดให้เข้าสักการะ ทุกวัน เวลา 8:30 ถึง 17:00 น.
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด
10. วัดคงโกบุจิ
วัดคงโกบุจิ (Kongobuji Temple) เป็นวัดใหญ่ที่สุดในโคยะซัง แรกเริ่มเดิมทีอาคารหลักของวัดนี้ก่อตั้งขึ้นโดยโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) ซามูไรและไดเมียวคนสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น แต่ในปี 805 วัดแห่งนี้ก็ได้ผนวกรวมกับวัดในบริเวณใกล้เคียงกัน และได้รับการปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นสำนักงานใหญ่ของศาสนาพุทธมหายานนิกายชินกอนโดยหลวงพ่อโคโบ ไดชิ
จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือห้องโถงที่มีชื่อว่า ห้องโอฮิโรมะ (Ohiroma Room) ซึ่งใช้สำหรับประกอบพิธีกรรมสำคัญทางศาสนา ในห้องนี้เราจะได้ชมความงามของผนังห้องและประตูบานเลื่อนเคลือบทองที่เรียกว่า ฟุซุมะ (Fusuma) ซึ่งมีความวิจิตรตระการตาด้วยภาพวาดนกกระสาสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม โดยภาพวาดนี้เป็นฝีมือของคาโนะ ทันยู (Kano Tanyu) จิตรกรญี่ปุ่นชื่อดัง
ส่วนจุดเด่นที่สุดของบริเวณด้านนอกวัดก็คือ สวนหินบันริวเท (Banryutei Rock Garden) สวนหินแบบเซนซึ่งว่ากันว่าเป็นหนึ่งในสวนหินที่ใหญ่และสวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเลยครับ
วัดคงโกบุจิสวยงามหมดจดทั้งด้านในด้านนอกขนาดนี้ ดังนั้นถ้าใครได้มาเที่ยวในโซนโคยะซังแล้ว ห้ามพลาดจุดนี้เลยนะครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดคงโกบุจิ
วิธีเดินทาง
- จากวัดโอคุโนะอิน สามารถเดินมาที่วัดนี้ได้ภายในเวลาประมาณ 20 นาที หรือถ้านั่งรถบัสจะใช้เวลา 13 นาที
ที่อยู่
- Kongobuji Temple, 132 Koyasan, Koya, Ito District, Wakayama 648-0294
- เบอร์โทร : 0736562011
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน เวลา 8:30 ถึง 17:00 น.
ค่าเข้าชม
- 500 เยน (แต่มีตั๋วคูปองชุดราคา 1,500 เยนเพื่อใช้ร่วมกับที่เที่ยวอื่นๆได้ด้วย)
เว็บไซต์
พิกัด
11. วัดดันโจกะรัน
วัดดันโจกะรัน (Danjo Garan) เป็นวัดแห่งแรกที่สร้างขึ้นบนภูเขาโคยะซังโดยหลวงพ่อโคโบ ไดชิ ตามตำนานว่ากันว่าหลวงพ่อขว้างวัชระ(สามง่ามสายฟ้า)จากจีน แล้ววัชระก็ตกลงมาที่นี่ ซึ่งหลวงพ่อกลับจากจีนมาเจอวัชระพอดี ก็เลยสร้างวัดขึ้นตรงนี้
จุดเด่นที่สุดของวัดดันโจกะรันคือเจดีย์สีแดงหลังนี้ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า คมปงไดโต (Konpon Daito) ด้านในเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดนิจิ เนียวไร หรือพระพุทธไวโรจนะ ซึ่งแสดงถึงการเกิดใหม่ ส่วนหอหลักเป็นพระยาคุชิเนียวไร ที่ได้รับฉายานามว่าเป็นพระพุทธรูปแห่งยาและการรักษาโรคภัย ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้คนเดินทางมาไหว้ขอพรให้หายป่วยกันเยอะครับ
ส่วนรูปด้านล่างนี้เป็นหอเก็บพระคัมภีร์ ซึ่งมีลูกเล่นแบบเดียวกับวัดที่คามาคุระคือเราสามารถลองหมุนดูได้ หมุนแล้วจะเปรียบเสมือนกับว่าเราได้อ่านพระคัมภีร์ครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดดันโจกะรัน
วิธีเดินทาง
- จากวัดโอคุโนะอิน สามารถเดินมาที่วัดนี้ได้ภายในเวลาประมาณ 30 นาที หรือนั่งรถบัสประมาณ 16 นาที
ที่อยู่
- Danjō-garan, 152 Koyasan, Koya, Ito District, Wakayama 648-0211
วันและเวลาทำการ
- บริเวณวัด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
- ตัวอาคารวัด : เปิดทุกวัน เวลา 8:30 ถึง 17:00 น.
ค่าเข้าชม
- 200 เยน (อาคารมี 2 หลัง เสียค่าเข้าทั้ง 2 หลัง)
- หรือใช้ตั๋วคูปองชุดราคา 1,500 เยน ซึ่งใช้ร่วมกับที่เที่ยวอื่นๆได้ด้วย
เว็บไซต์
พิกัด
สถานที่ท่องเที่ยวประจำ ‘จังหวัดวาคายามะ’ : โซนตัวเมืองวาคายามะ (Wakayama)
12. ปราสาทวาคายามะ
ปราสาทวาคายามะ (Wakayama Castle) เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นโดยไดเมียวโทโยโตมิ ฮิเดโยชิในปี 1585 แต่ต่อมาหลังสงครามใหญ่ที่เซกิงาฮาระ ปราสาทแห่งนี้ก็ได้ตกเป็นของโชกุนโทคุกาวะ อิเอยาสึ
ปราสาทแห่งนี้ผ่านยุคสมัยของสงครามมาหลายครั้ง ทำให้ตัวปราสาทได้รับความเสียหายอย่างหนัก รวมถึงหอคอยปราสาทถูกทำลายลงในสงครามโลกครั้งที่ 2
ทั้งนี้ ตัวปราสาทในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1958 และกลายเป็นจุดชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงของเมืองวาคายามะ โดยจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีหลักๆจะอยู่ที่ สวนนิชิโนะมารุเทเอ็น (Nishi no Maru Teien)
ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทวาคายามะ
วิธีเดินทาง
- ถ้ามาจากโอซาก้า ให้เริ่มต้นการเดินทางที่สถานีรถไฟ Namba โดยนั่งรถไฟสาย Nankai ไปลงที่สถานี Wakayama (ใช้เวลา 60 นาที 930 เยน)
- จากสถานี Wakayama นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Koen Mae (ใช้เวลา 5 นาที ค่าโดยสาร 220 เยน) แล้วเดินอีก 9 นาทีก็จะถึงปราสาท
ที่อยู่
- Wakayama Castle, 1-3, Wakayama City, Wakayama 640-8146
- เบอร์โทร : 0734351044
วันและเวลาทำการ
- ปราสาทเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:00 ถึง 17:30 น.
- ปิดในวันที่ 29 – 31 ธันวาคม
ค่าเข้าชม
- ปราสาท : ผู้ใหญ่ 410 เยน / เด็ก200 เยน
- สวน : ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด
13. Wakayama Marina City
วาคายามะ มารีน่า ซิตี้ (Wakayama Marina City) คือชื่อของเกาะที่เกิดจากการถมทะเลขึ้นในบริเวณอ่าววาคายามะ (ถ้านึกภาพไม่ออกก็ให้นึกถึงโอไดบะครับ เป็นการถมที่แบบเดียวกัน)
บริเวณอ่าวแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง เช่น สวนสนุกสไตล์ยุโรป Porto Europe, ฟาร์มผักและผลไม้ท้องถิ่น Kinokuni Fruit Village, ออนเซ็น Kishu Kuroshio Onsen, จุดตกปลา Sea Fishing Park รวมถึงตลาดปลา Kuroshio Market
แต่ที่เที่ยวที่เด่นที่สุดของ Wakayama Marina City ก็คือ ตลาดปลาคุโรชิโอะ (Kuroshio Market) ครับ
ตลาดปลาคุโรชิโอะนั้นเต็มไปด้วยอาหารทะเลสดๆให้เราได้เลือกซื้อและชิม แต่จุดเด่นสุดๆของที่นี่ก็คือ ‘โชว์แล่ปลาทูน่า’ ซึ่งหาชมที่อื่นได้ยาก ปลาทูน่าที่เขาแล่จะไม่ใช่ตัวเล็กๆแบบที่คนไทยนึกภาพกันนะครับ แต่เป็นปลาทูน่าขนาดใหญ่ที่มีลำตัวยาว ค่อนข้างที่จะต้องใช้ความชำนาญในการแล่
ดังนั้นใครที่ได้มาเที่ยว Wakayama Marina City ก็อย่าลืมแวะมาดูโชว์ที่นี่นะครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับ Wakayama Marina City
วิธีเดินทาง
- ถ้ามาจากโอซาก้า ให้เริ่มต้นการเดินทางที่สถานีรถไฟ Namba โดยนั่งรถไฟสาย Nankai ไปลงที่สถานี Wakayama (ใช้เวลา 60 นาที 930 เยน)
- จากสถานี Wakayama ให้นั่งรถบัสไปลงป้าย Marina City (ใช้เวลา 33 นาที ค่าโดยสาร 520 เยน) แล้วเดินต่ออีก 2 นาที
ที่อยู่
- Wakayama Marina City, 1527, Kemi, Wakayama-shi, Wakayama-ken, Japan 641-0014
- เบอร์โทร : 0570064358
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10:00 ถึง 17:00 น.
- วันหยุดสามารถตรวจสอบได้ที่นี่ >> http://www.marinacity.com/eng/
ค่าเข้าชม
- สวนสนุก Porto Europe : ค่าเข้ารวมเครื่องเล่น ผู้ใหญ่ 3,800 เยน / เด็ก 3,200 เยน
- ตลาดปลา Kuroshio Market : ไม่มีค่าเข้า
เว็บไซต์
พิกัด
14. สถานีรถไฟแมวเหมียว Kishi Station
ใครเป็นทาสความน่ารักของน้องแมวเหมียว ห้ามพลาด รถไฟสาย Kishigawa Line ของบริษัท WAKAYAMA ELECTRIC RAILWAY เลย! แล้วอย่าลืมแวะที่ สถานีรถไฟแมวเหมียว Kishi Station ด้วยล่ะ
Kishigawa Line เป็นสายรถไฟที่เรียกได้ว่าน่ารักที่สุดในญี่ปุ่น ทั้งนี้เพราะในปี 2007 ได้มีการแต่งตั้งน้องแมวสามสี ‘ทามะจัง’ ขึ้นเป็นนายสถานีประจำสถานีคิชิ (Kishi Station) ทำให้ทางบริษัทรถไฟเกิดไอเดียในการตกแต่งขบวนรถไฟด้วยสีขาว สีส้ม และสีดำให้เหมือนสีขนของเจ้าทามะ
นอกจากนี้ เขายังออกแบบสถานีรถไฟคิชิให้มีหน้าตาเหมือนน้องแมวทามะด้วย โดยน้องทามะจังผู้เป็นนายสถานีจะประจำอยู่ที่นี่ครับ เหล่าทาสแมวสามารถไปเยี่ยมชมทามะจังตัวจริงเสียงจริงกันได้เลย
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันได้มีการแต่งตั้งน้องแมวทามะตัวใหม่ขึ้นมารับหน้าที่นายสถานีแทนน้องทามะรุ่นที่ 1 แล้วครับ เพราะน้องทามะตัวแรกได้จากไปอยู่บนดาวแมวแล้ว จึงต้องมีน้องทามะรุ่นที่ 2 มาต่อยอดความน่ารักให้กับสถานีรถไฟแห่งนี้ต่อไป
อ่านบทความเจาะลึกเรื่องสถานีรถไฟแมว Kishi Station ได้ในบทความนี้
ข้อมูลเกี่ยวกับสถานีรถไฟแมวเหมียว Kishi Station
วิธีเดินทาง
- ถ้ามาจากโอซาก้า ให้เริ่มต้นการเดินทางที่สถานีรถไฟ Namba โดยนั่งรถไฟสาย Nankai ไปลงที่สถานี Wakayama (ใช้เวลา 60 นาที 930 เยน)
- จากสถานี Wakayama ให้นั่งรถไฟสาย Kishigawa Line ของ WAKAYAMA ELECTRIC RAILWAY ไปลงที่สถานี Kishi Station (ใช้เวลา 32 นาที / ค่าโดยสารสามารถดูได้ที่หัวข้อด้านล่าง)
ที่อยู่
- Kishi Station, Kishigawacho Kodo, Kinokawa, Wakayama 640-0413, Japan
- เบอร์โทร : 0734780110
วันและเวลาทำการ
- นายสถานีทามะรุ่นที่ 2 เข้างานในเวลา 10:00 – 16:00 น. หยุดงานทุกวันพุธและพฤหัส
ค่าเข้าชมสถานี Kishi Station
- ไม่มีค่าเข้าชม
ค่าโดยสารรถไฟสาย Kishigawa Line จากสถานี Wakayama > Kishi
- ตั๋วเที่ยวเดียว
- ผู้ใหญ่ : 410 เยน
- เด็ก : 210 เยน
- ตั๋วแบบ One Day Ticket
- ผู้ใหญ่: 800 เยน
- เด็ก : 400 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
15. National Park Resort KYUKAMURA KISHU-KADA
National Park Resort KYUKAMURA KISHU-KADA คือรีสอร์ตท่ามกลางอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในเมือง Kishu Kada โดยห้องพักที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นห้องสไตล์ตะวันตก ห้องสไตล์ญี่ปุ่น หรือห้องที่ผสมผสานกันทั้งแบบตะวันตกและญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ สนามเทนนิส ห้องประชุม ห้องคาราโกเกะ ห้องอาหาร คาเฟ่ และอื่นๆอีกมากมาย
จุดเด่นของ National Park Resort KYUKAMURA KISHU-KADA คืออากาศดีมากกก แถมด้วยความที่ตัวรีสอร์ตตั้งอยู่บนเขาและหันหน้าออกไปทางอ่าว ทิวทัศน์ของที่นี่จึงสวยงามเกินบรรยาย แถมวิวพระอาทิตย์ตกก็สวยมากกกก สวยแบบตายไปเลยครับ ได้แช่ออนเซ็นมองวิวนี้ไปด้วยก็คือฟินสุดๆ
ใครมาเที่ยวโอคายามะและกำลังมองหาที่พักพร้อมวิวสุดพรีเมียม เราขอแนะนำที่นี่เลยครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับ National Park Resort KYUKAMURA KISHU-KADA
วิธีเดินทาง
- ถ้ามาจากโอซาก้า ให้เริ่มต้นการเดินทางที่สถานีรถไฟ Namba โดยนั่งรถไฟสาย Nankai ไปลงที่สถานี Wakayama (ใช้เวลา 60 นาที 930 เยน)
- จากสถานี Wakayama ให้นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Wakayamashi แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Nankai-Kada โดยลงที่สถานี Kada (ใช้เวลารวมทั้งสิ้น 35 นาที ค่าโดยสาร 530 เยน) จากนั้นให้นั่งรถ Shuttle Bus ของโรงแรม
ที่อยู่
- National Park Resort KYUKAMURA KISHU-KADA, 483, Miyama, Wakayama-city, Wakayama,640-0102, Japan
- เบอร์โทร : 0734590321
วันและเวลาทำการ
- เปิดทำการทุกวัน
ค่าเข้าชม
- ค่าห้องพักแบบต่างๆสามารถดูได้ที่นี่ >> https://travel.rakuten.com/hotel/info/9274/
เว็บไซต์
พิกัด
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดวาคายามะ
1. ปลาทูน่า
ปลาทูน่า หรือที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักกันในชื่อ ปลามากุโระ เป็นหนึ่งในปลาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่นและถูกนำมาทำอาหารมากที่สุด คนญี่ปุ่นจะนิยมทานปลาทูน่ากันแบบสดๆ ไม่ว่าจะในรูปแบบของซาชิมิหรือซูชิ
จะว่าไปมันก็เป็นปลาที่หาได้ทั่วญี่ปุ่น แต่ทำไมเราต้องมาทานที่วาคายามะด้วยล่ะ?
ว่ากันว่าปลาทูน่าที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นต้องยกให้ปลาทูน่าจากวาคายามะครับ (หรืออีกที่หนึ่งก็คืออาโอโมริ) เพราะฉะนั้นถ้าใครได้มาเที่ยวจังหวัดนี้ก็ต้องลองพิสูจน์ความอร่อยของปลาทูน่ากันแล้วล่ะครับ (ขอแนะนำให้ไปตลาดปลาคุโรชิโอะ (Kuroshio Market) ที่ Wakayama Marina City เลย)
2. เนื้อวาฬ
การทานเนื้อวาฬของญี่ปุ่นนั้นมีประวัติศาสตร์ยาวนานเกินกว่า 1,000 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งญี่ปุ่นกำลังขาดแคลนอาหารอย่างหนัก รัฐบาลจึงส่งเสริมให้ประชาชนกินเนื้อวาฬ เพราะในสมัยนั้นเนื้อวาฬมีราคาถูก
แต่ในปัจจุบันด้วยหลายๆสาเหตุ รวมถึงเรื่องการอนุรักษ์ วาฬจึงกลายเป็นอาหารหรูขึ้นมาเฉย ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นนั้น สถานที่ที่โด่งดังเรื่องการล่าวาฬก็คือจังหวัดวาคายามะนี่ล่ะครับ (ใครไม่อินขอให้ผ่านไปนะครับ)
สำหรับผู้เขียนที่เคยมีโอกาสได้ลิ้มลอง รสชาติของเนื้อวาฬจะคล้ายๆทูน่าผสมเนื้อไก่ครับ
- ร้านแนะนำ : http://gochisoukankibun.com/002.html
3. หม้อไฟปลาคุเอะ
Kue Nabe หรือเมนู หม้อไฟปลาคุเอะ (คุเอะ = ปลาเก๋าชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น) เป็นอาหารขึ้นชื่อของวาคายามะที่คนท้องถิ่นนิยมทานกันในช่วงหน้าหนาวครับ เพราะการได้ทานหม้อไฟร้อนๆนั้นช่วยดับความหนาวได้ดีมากทีเดียว แถมปลาคุเอะยังเป็นปลาที่มีรสชาติอร่อยอีกด้วย แต่นอกเหนือจากความอร่อยแล้ว ปลาชนิดนี้ยังอุดมไปด้วยคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิวด้วยนะ เรียกว่าได้ทั้งความอร่อยและคุณประโยชน์เลยทีเดียวสำหรับเมนูนี้
ถ้ามาเที่ยววาคายามะกันเป็นหมู่คณะและอยากจัดมื้อใหญ่สักมื้อ ห้ามพลาดเมนูหม้อไฟปลาคุเอะเลยครับ
4. วาคายามะราเมน
แม้ราเมนจะไม่ใช่อาหารญี่ปุ่นแท้ๆแบบดั้งเดิม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันราเมนเป็นเมนูที่จะอยู่อันดับต้นๆอย่างแน่นอนเมื่อพูดถึงอาหารญี่ปุ่น
ซึ่งที่วาคายามะนั้นก็มีราเมนแบบที่มีเฉพาะในจังหวัดนี้เท่านั้น คือ วาคายามะราเมน (Wakayama Ramen)
ราเมนชนิดนี้มีความโดดเด่นอยู่ที่น้ำซุป เพราะเป็นน้ำซุปโชยุผสมกับซุปกระดูกหมู รสชาติจึงผสมผสานกันระหว่างทงคตสึราเมนและโชยุราเมน (มันๆผสมรสโชยุ) เป็นความอร่อยที่หาไม่ได้จากที่อื่นๆครับ
- ร้านแนะนำ : http://ramen-marui.com/english/
5. โชจินเรียวริ
ทำบาปทำกรรมกินเนื้อสัตว์กันมาเยอะแล้ว คราวนี้มาสายบุญกันบ้างดีกว่า กับอาหารชุด โชจินเรียวริ (Shojin Ryori)
ถ้าเล่าให้ฟังแบบรวบรัดก็คือโชจินเรียวริเป็นอาหารมังสวิรัติสายแข็ง ไม่มีเนื้อสัตว์ ไม่มีเนื้อปลา ไม่มีแม้กระทั่งนมหรือไข่ แต่ชาววาคายามะใช้หลักความสมดุลในมื้ออาหาร จนได้รสชาติที่อร่อยแม้จะไม่มีเนื้อเป็นส่วนผสมก็ตาม โดยส่วนประกอบหลักๆของโชจินเรียวริก็คือผักกับเต้าหู้ครับ
กฎในการปรุงโชจินเรียวรินั้นมีอยู่ 3 ข้อ คือไม่ฆ่าสิ่งมีชีวิต ใช้วัตถุดิบอย่างหมดจด และไม่ใส่เครื่องเทศรสจัดจ้าน ดังนั้นรับรองได้เลยว่าเมนูนี้ทานแล้วอิ่มบุญแน่นอน
สำหรับที่มาของเมนูโชจินเรียวรินั้น เชื่อกันว่ามนุษย์เราวิวัฒนาการมาจากสัตว์ ดังนั้นการกินเนื้อสัตว์จึงเท่ากับว่าเรากินบรรพบุรุษ (ก็ถูกของเขานะ เพราะคนวิวัฒนาการมาจากลิง ถ้าไล่สายไปเรื่อยๆก็อาจจะไปถึงแบคทีเรียได้เลยล่ะ)
ถ้าใครได้ไปเที่ยวในละแวกโคยะซัง นี่ก็จะเป็นเมนูที่ทุกคนได้ทานครับ
6. อุเมะโบชิ (บ๊วยดอง)
อุเมะโบชิ (Umeboshi) หรือ บ๊วยดอง เป็นอาหารดองที่หลายๆคนน่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วถ้าชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น ซึ่งจังหวัดวาคายามะเป็นสถานที่ที่ได้ชื่อว่ามีสถิติการเก็บเกี่ยวลูกบ๊วยมากที่สุดในญี่ปุ่นเลยครับ
ดังนั้นถ้าใครชอบผลไม้ชนิดนี้ล่ะก็ หากได้มาเที่ยววาคายามะเมื่อไหร่ก็ต้องมาลองให้ได้นะครับ รสชาติบ๊วยดองที่นี่จะออกเปรี้ยวจัด เวลาไปเที่ยวเหนื่อยๆมาทั้งวัน พอได้กินบ๊วยดองแล้วสดชื่นสุดๆไปเลยล่ะครับ
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ