fbpx

รวมที่เที่ยวเด็ดใน ‘จิจิบุ’ จังหวัดไซตามะ

มี.ค. 09, 2021

มารู้จักเมือง ‘จิจิบุ’ สถานที่น่าเที่ยวของจังหวัดไซตามะกันเถอะ!

จิจิบุ (Chichibu) เป็นเมืองที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดไซตามะ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ทั้งนี้เมืองจิจิบุนั้นแตกต่างจากเมืองอื่นที่อยู่ในจังหวัดไซตามะตรงที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขา และพื้นที่ส่วนใหญ่ก็อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติจิจิบุทามะไค (Chichibu-Tama-Kai National Park) ส่วนประชากรจะนิยมอาศัยอยู่ตามบริเวณที่ราบแม่น้ำอารากาวะ

เนื่องจากภูมิประเทศของจิจิบุไม่เหมาะต่อการทำเกษตรกรรม ประชาชนจึงนิยมเลี้ยงไหมและทำอุตสาหกรรมหินปูนในบริเวณภูเขาบุโกะ (Mount Bukō)

ด้วยภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสวยงามของจิจิบุ เมืองนี้จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างไกลจากโตเกียวนัก

สารบัญ

    1. Ashigakubo no Hyochu
    2. Misotsuchi no Hyochu
    3. เก็บสตรอว์เบอร์รีที่ Chichibu Fruit Farm
    4. ศาลเจ้ามิตสึมิเนะ
    5. ศาลเจ้าอิมามิยะ
    6. Matsuri no yu
    7. Araki Kosen Ryokan

เราจะมาเริ่มด้วยเทศกาลฤดูหนาวของเมือง ‘จิจิบุ’ นางเอกของเราในทริปนี้กันก่อนเลย! เพราะถ้าหน้าหนาวใครมาจิจิบุก็ต้องมาเช็กอินที่นี่ล่ะค่ะ เทศกาลน้ำแข็งย้อยชื่อดังทั้งสามแห่งของ ‘จิจิบุ’

Sandy Hyochu (หรือ ‘ซันไดเฮียวจู’ อ่านยากจริงๆ) เป็นเทศกาลน้ำแข็งย้อยจิจิบุกับการประดับไฟยามค่ำคืน (Light up หรือ illumination นั่นเอง)

เนื่องจากอากาศหนาวเย็นและเป็นพื้นที่ที่หิมะตกน้อย ความเย็นจะทำให้เกิดน้ำแข็งเกาะตามเขา กลายเป็นศิลปะอันสวยงามทั้ง 3 แห่ง ได้แก่

  1. Ashigakubo no Hyochu
  2. Misotsuchi no Hyochu
  3. Onouchi no Hyochu

ซึ่งในทริปนี้เราไปสถานที่หมายเลข 1 และ 2 มาแล้วค่ะ~ ^0^ ตามไปอ่านกันได้ในรีวิว 7 สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองจิจิบุด้านล่างนี้เลย

1. Ashigakubo no Hyochu

น้ำแข็งย้อยตรงจุดที่เรียกว่า Ashigakubo no Hyochu นั้นอลังการงานสร้างมากๆ เป็นจุดที่บอกได้เลยว่าพีคสุด เป็นนางเอกของทริปนี้เลย สวยทั้งกลางวันและกลางคืนตอนเปิดไฟ แถมยังเป็นน้ำแข็งย้อยที่สามารถเดินทางไปชมได้ด้วยการเดินจากสถานีรถไฟ

ไลท์อัพจะมีเฉพาะคืนวันศุกร์, เสาร์, อาทิตย์และวันหยุดราชการเท่านั้น ไฟจะเริ่มเปิดตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินไปจนถึง 2 ทุ่ม บอกเลยว่าถ้าใครไปถึงเมืองจิจิบุแล้วไม่ได้ไปที่นี่ ถือว่าพลาดหนักมาก!

ข้อมูลเกี่ยวกับ Ahigakubo no Hyochu

การเดินทาง
  • จากสถานี Ashigakubo เดิน 10 นาที
เวลาทำการ
  • 9.00 – 16.00 น. (ไลท์อัพจะมีเฉพาะวันศุกร์/เสาร์/อาทิตย์/วันหยุดราชการเท่านั้น ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินไปจนถึง 2 ทุ่ม)
ค่าเข้าชม
  • 200 เยน
เว็บไซต์

Back To Index

2. Misotsuchi no Hyochu

น้ำแข็งย้อย Misotsuchi no Hyochu เป็นประติมากรรมน้ำแข็งย้อยที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ (มนุษย์มีส่วนร่วมสร้างขึ้นมาเป็นบางส่วน)

ในช่วงมกราคม – กุมภาพันธ์ อากาศที่เมืองจิจิบุนั้นหนาวเย็นแต่ไม่มีหิมะปกคลุม ทำให้มีโอกาสเกิดน้ำแข็งสวยงามอย่างที่เห็นค่ะ เหมาะแก่การเดินทางไปชมน้ำแข็งย้อยที่สวยอลังการแบบนี้และหาชมไม่ได้ทั่วไป

ในจังหวัดไซตามะมีจุดชมน้ำแข็งย้อยอยู่ด้วยกัน 3 แห่ง และที่นี่ก็เป็น 1 ใน 3 แห่งค่ะ ในช่วงกลางคืนจุดชมน้ำแข็งย้อยทั้ง 3 แห่งจะมีไลท์อัพให้ชมกันด้วย Misotsuchi no Hyochu อยู่ใกล้กับต้นกำเนิดแม่น้ำอาราคาวะที่เมืองจิจิบุ

สำหรับการเดินทาง เราสามารถใช้บริการแพ็คเกจเที่ยวของแท็กซี่เมืองจิจิบุได้ค่ะ มีให้เลือกหลายคอร์ส เป็นราคาเหมาไปเลย และมีบริการพาเที่ยวด้วย คุณลุงคนขับแท็กซี่พูดภาษาอังกฤษได้ในระดับหนึ่งเลยค่ะ เรามาขึ้นแท็กซี่ที่หน้าสถานีรถไฟจิจิบุ คุณลุงจะถือป้ายรอรับแบบนี้เลย

ทริปนี้เราเลือกแพ็คเกจแท็กซี่ที่พาไปชมน้ำแข็งย้อย Misotsuchi + ไปเก็บสตรอว์เบอร์รีค่ะ แพ็คเกจแบบนี้ทำให้เราเดินทางสะดวกมากขึ้น ยิ่งถ้าไปกันหลายคนด้วยแล้ว แท็กซี่เหมาๆแบบนี้สะดวกเลยค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับ Misotsuchi no Hyochu

การเดินทาง
  • นั่งรถไฟสาย Chichibu-tetsudo ไปลงที่สถานี Mitsumineguchi ต่อรสบัสท่องเที่ยว Seibu ไปทาง Chichibuko (เป็นรถบริการขึ้นลงฟรีค่ะ ให้บอกคนขับว่าจะไปเที่ยวชมน้ำแข็งย้อยมิโซะสึจิ น้ำแข็งจะมีจนถึงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์)
เวลาเปิด/ปิด
  • 8.00 –17.00 น. (ช่วงที่แนะนำคือเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์)
เว็ปไซต์

Back To Index

3. เก็บสตรอว์เบอร์รีที่ Chichibu Fruit Farm

ไร่สตรอว์เบอร์รีแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟ Seibu-Chichibu และสถานี Kagemori ในเมืองจิจิบุ คนชอบทานสตรอว์เบอร์รีจะต้องหลงรักความหอมหวานของสตรอว์เบอร์รีพันธุ์ต่างๆของที่นี่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ Benihoppe, Yayoihime, Mouikko หรือสายพันธุ์น้องใหม่อย่าง Amarin และ Kaorin

เรามีเวลาเพลิดเพลินกับการลิ้มลองรสชาติของสตรอว์เบอร์รี 30 นาทีค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับ Chichibu Fruit Farm

การเดินทาง
  • ลงสถานี Seibu-Chihibu แล้วเดินต่อประมาณ 1.5กม หรือลงสถานี Kagemori เดินต่อประมาณ 950 เมตร
เวลาทำการ
  • 9.30 – 16.00 น.
ค่าเข้าฟาร์ม
  • ผู้ใหญ่และนักเรียนมัธยม
    • (ต้น ม.ค. – ปลาย ก.พ. = 1,700 เยน, มี.ค. – กลาง เม.ย. = 1,500 เยน, กลาง เม.ย. – กลาง พ.ค. = 1,200 เยน)
  • นักเรียนประถมและเด็กเล็ก
    • (ต้น ม.ค. – ปลาย ก.พ. = 900 เยน, มี.ค. – กลาง เม.ย. = 800 เยน, กลาง เม.ย. – กลาง พ.ค. = 600 เยน)
เว็บไซต์

Back To Index

4. ศาลเจ้ามิตสึมิเนะ

ศาลเจ้ามิตสึมิเนะ (Mitsumine Shrine) ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาในเมืองจิจิบุ จังหวัดไซตามะ ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 1,100 เมตรเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าชินโตที่มีสถาปัตยกรรมอันสวยงาม ทั้งยังมีความศักดิ์สิทธิ์และมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี

นอกจากนี้แล้ว ศาลเจ้ามิตสึมิเนะยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่ง ตลอดทางเดินภายในศาลเจ้า เราจะพบกับต้นสนซีดาร์ที่มีอายุหลายร้อยปีอยู่เป็นจำนวนมาก ความเงียบสงบของศาลเจ้าจะยิ่งทำให้เรารู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์

หลังจากลอดผ่านซุ้มประตูไปแล้วเราจะพบกับอาคารศาลเจ้า ซึ่งว่ากันว่ามีเทพเจ้าอิซานางิกับเทพเจ้าอิซานามิสิงสถิตอยู่ เราสามารถเข้าไปขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลกันได้เลย

ในช่วงฤดูหนาว น้ำที่ใช้ทำความสะอาดมือก่อนเข้าวัดตามธรรมเนียมจับตัวเป็นน้ำแข็ง เราจึงต้องเปลี่ยนมาใช้พู่ปัดตัวเองก่อนเข้าศาลเจ้าแทน พอเข้าไปแล้วมีใครเห็นมังกรบ้างไหมคะ? ที่นี่เขาว่ากันว่าจะมีมังกรตาแดงออกมาให้เห็น ใครเห็นจะโชคดีค่ะ

การเดินทางไปยังศาลเจ้านั้น หลายคนคิดว่าน่าจะไปยากแน่เลย เพราะศาลเจ้าตั้งอยู่บนเขา แต่จริงๆแล้วไม่ยากเลยค่ะ มีรถบัสจากสถานี Seibu-Chichibu ไปถึงหน้าทางขึ้นศาลเจ้าเลย ระหว่างทางเดินขึ้นศาลเจ้าก็มีวิวธรรมชาติให้เราได้ชมตลอดทางเดินด้วย

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้ามิตสึมิเนะ

การเดินทาง
  • จากสถานี Seibu-Chichibu ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Mitsumine Shrine เลย (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที) แล้วเดินต่อไปยังศาลเจ้า
เวลาทำการ
  • 9.00 – 16.00 น. (ไม่มีวันหยุด)
ค่าเข้า
  • ฟรี
เว็ปไซต์

Back To Index

5. ศาลเจ้าอิมามิยะ

ศาลเจ้าอิมามิยะ (Imamiya Shrine) เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าญี่ปุ่นที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน เรียกว่าเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ภายในศาลเจ้ามีต้นไม้ที่มีอายุมากกว่าพันปี บ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์

บริเวณใกล้ๆกันจะมีบ่อน้ำเล็กๆสำหรับล้างเงินเพื่อเก็บเงินนั้นเป็นขวัญถุง เชื่อกันว่าถ้านำเงินมาล้างและเก็บไว้ในกระเป๋าจะช่วยเรียกเงินใหม่ๆเข้ามาเรื่อยๆ

นอกจากนี้ภายในศาลเจ้าก็ยังมีจุดอื่นๆที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือจุดขอพรตรงศาลเจ้าสุนัขจิ้งจอก ฯลฯ บอกเลยว่าเป็นศาลเจ้าที่มีความน่าสนใจมากๆและเดินทางไม่ยากเลยค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าอิมามิยะ

การเดินทาง
  • เดิน 5 นาที จากสถานี Ohanabatake หรือ 10 นาทีจากสถานี Chichibu
เว็บไซต์

Back To Index

6. Matsuri no Yu

Matsuri no Yu เป็นออนเซ็นแบบไปเช้าเย็นกลับ ที่นี่เหมาะกับการแพลนไปช่วงบ่ายหรือท้ายๆทริป เพราะในเวลานั้นเราคงเหนื่อยล้าจากการเดินทางท่องเที่ยวอยู่พอดี หากได้มาแช่ออนเซ็นปิดท้ายทริป มันจะเป็นอะไรที่ฟินมากๆ หรือหากใครจะแพลนไปที่นี่ทั้งวันก็ได้เช่นกัน

นอกจากออนเซ็นแล้ว ที่นี่ยังมีโซนที่เป็นร้านอาหารและโซนของฝากให้เราได้เดินเล่นผ่อนคลายกันเบาๆด้วย และเมื่อแช่ออนเซ็นเสร็จแล้ว เขาก็มีที่สำหรับให้เรานั่งพักผ่อนคุยกับเพื่อนๆ รวมถึงมีห้องให้นอนพักด้วยค่ะ นับว่าเป็นวันที่ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง

หากใครมีโอกาสได้มาเที่ยวจิจิบุ อย่าลืมแวะมาผ่อนคลายกันนะคะ เพราะที่นี่อยู่ติดกับสถานี Seibu-Chichibu เลย

สำหรับใครที่มาพักที่ Matsuri no Yu ที่นี่ก็นับว่าเป็นที่พักในเมืองจิจิบุซึ่งให้ความรู้สึกเสมือนอยู่บ้าน คุณป้าเจ้าของบ้านดูแลเราอย่างดี น่ารักมากๆเลยค่ะ แกทักทายพูดคุยกับทุกๆคนเหมือนทุกคนมาเยี่ยมบ้านคุณป้าเลย อาหารก็อร่อย ออนเซ็นก็ดี

ข้อมูลเกี่ยวกับ Matsuri no Yu

การเดินทาง
  • ลงสถานี Seibu-Chichibu (ออนเซ็นอยู่ติดสถานีเลย)
เวลาทำการและค่าบริการ
  • กรุณาตรวจสอบจากเว็บไซต์
เว็บไซต์

Back To Index

7. Araki Kosen Ryokan

Araki Kosen Ryokan เป็นอีกหนึ่งเรียวกังที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงด้านน้ำแร่ของเมืองจิจิบุ น้ำแร่ทั้ง 7 ชนิดของที่นี่จะช่วยในเรื่องของผิวพรรณ ทำให้ผิวเนียนนุ่มสวยงาม

ภายในเรียวกังมีบริการบ่อออนเซ็นรวม หรือหากใครเขิน อยากแช่บ่อส่วนตัวมากกว่า ที่นี่ก็มีห้องพักที่บ่อออนเซ็นในตัวด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ เราก็สามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารท้องถิ่นของเมืองได้ที่เรียวกังนี้ อาหารแต่ละฤดูจะเป็นเมนูตามฤดูกาลที่เสิร์ฟมาในแบบที่แตกต่างกันไป

เรียวกังแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Yokose อยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Chichibu ไปนิดเดียวค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับ Araki Kosen Ryokan

การเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ Chichibu หรือสถานี Seibu-Chichibu ให้นั่งบัสมุ่งหน้าไปยัง Sadamine โดยลงที่ป้าย Kinshoji ใช้เวลาประมาณ 15 – 17 นาที (ทางเรียวกังมีรถบริการรับ-ส่งจากสถานีรถไฟด้วย แต่ต้องแจ้งทางเรียวกังล่วงหน้าด้วยค่ะ)
เว็บไซต์

Back To Index

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

 

Back To Top