ตะลึงไปกับธรรมชาติแสนงดงามที่อุทยานธรณี “แหลมมุโรโตะ” จังหวัดโคจิ
เม.ย. 04, 2024
ตะลึงไปกับธรรมชาติแสนงดงามที่อุทยานธรณี “แหลมมุโรโตะ” จังหวัดโคจิ
แหลมมุโรโตะ (室戸岬/ Muroto Cape) ตั้งอยู่ในจังหวัดโคจิ ภูมิภาคชิโกกุ โดยแหลมแห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งธรรมชาติรังสรรค์ออกมาได้อย่างงดงามด้วยภูเขาไฟ คลื่นและลมทะเล กำเนิดเป็นแหลมมุโรโตะที่มีภูมิทัศน์อันสวยงามตระการตา อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ทรงคุณค่าในด้านการศึกษาธรณีวิทยา
ในปี 2011 องค์กรยูเนสโก (UNESCO) จึงได้แต่งตั้งในแหลมมุโรโตะเป็น UNESCO Global Geopark เนื่องมาจากพื้นที่นี้เป็นทั้งมรดกทางธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งมีการบริหารจัดการแผนยุทธศาสตร์ครอบคลุมในเรื่องการท่องเที่ยวเชิงอุทยานธรณี การศึกษา การอนุรักษ์ และการส่งเสริมเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
เนื่องจากแหลมมีลักษณะยื่นออกไปในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้จากจุดเดียวกัน โดยบริเวณสำหรับชมพระอาทิตย์ตกมีการสร้างอนุสาวรีย์รูปหัวใจไว้เป็นจุดเช็คอินสำหรับคนที่มาท่องเที่ยวด้วยค่ะ ใครได้มาที่นี่ต้องมาถ่ายรูปจุดนี้ให้ได้เลยนะ
เมื่อพูดถึงการชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกของที่นี่ ก็มีอีกอย่างที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ตกดารุมะ (Daruma Sunset) ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะว่า ในขณะที่พระอาทิตย์ค่อยๆตกลงทะเล เงาของมันจะจุ่มลงใต้ขอบฟ้าพอดี ทำให้มีลักษณะคล้ายหัวที่อยู่เหนือรูปร่างโค้งมน ดูราวกับตุ๊กตาดารุมะสีแดงสดที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรนั่นเอง
แน่นอนว่ามีสถานที่อีกมากมายที่เราสามารถชมพระอาทิตย์ตกดารุมะได้ แต่ขอแอบขายหน่อยนะว่าโอกาสที่จะได้เห็นสิ่งนี้ที่แหลมมุโรโตะมีมากกว่าที่อื่นค่ะ
ถ้าใครอยากมาชมเราก็แนะนำให้มาช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ก็อาจต้องใช้ดวงกันหน่อยค่ะว่ามาแล้วจะได้เจอหรือเปล่า
เมื่อพูดถึงเรื่องดวงแล้ว ก็ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ของแหลมมุโรโตะกับเส้นทางแสวงบุญ ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 88 แห่งรอบโคจิ เอาใจสายมูเตลู สายธรรมะกันบ้าง โดยมีตำนานเล่าว่าพระโคโบไดชิ ผู้ก่อตั้งนิกายชินกอนได้มาเดินทางแสวงบุญรอบเมืองโคจิแห่งนี้
สำหรับผู้ที่ต้องการมาเดินทางแสวงบุญตามเส้นทางนี้ ก็สามารถมาลองเดินกันได้ โดยจะใส่ชุดสบายๆ ตามสไตล์นักท่องเที่ยว หรือหากอยากให้ขลังมากขึ้น เราแนะนำให้แต่งองค์ทรงเครื่องให้เหมือนกับนักแสวงบุญตัวจริง เช่น การสวมเสื้อคลุมสีขาวและหมวกแบบดั้งเดิม
นอกจากนี้ แน่นอนว่าเมื่อมาถึงโคจิแล้วก็ต้องแวะชม ประภาคารแห่งแหลมมุโรโตะ (Cape Muroto Lighthouse) ประภาคารสีขาวแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 151 เมตร หากยืนอยู่บนประภาคารจะมองเห็นมหาสมุทรแปซิฟิกที่ปลายของแหลมมุโรโตะ โดยนับตั้งแต่ปี 1899 ประภาคารแห่งนี้ได้คอยดูแลน่านน้ำและเรือที่แล่นบริเวณรอบๆแหลมมุโรโตะจนถึงปัจจุบัน
ไม่เพียงเท่านั้นที่นี่ยังเป็นประภาคารเหล็กที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสองในญี่ปุ่น โดยเฉพาะเลนส์ที่ใช้ในประภาคาร นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากที่สุด ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.6 ม. ลำแสงจากประภาคารจึงสามารถเข้าถึงได้ไกลถึง 49 กม.
เราไปกันต่อยังสถานที่สำหรับการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอุทยานธรณีแหลมมุโรโตะกันให้มากขึ้นดีกว่า ที่แห่งนั้นคือ Muroto Global Geopark Center (室戸世界ジオパークセンター) ที่นี่ทุกคนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการก่อตัวของกลุ่มหินมุโรโตะ ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมผ่านการจัดแสดงนิทรรศการต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีจักรยานให้เช่าปั่นกันในอุทยานด้วยค่ะ จึงทำให้ง่ายต่อการสำรวจขุมสมบัติทางธรณีวิทยานี้เข้าไปอีก แถมยังสามารถแวะไปที่ประภาคารหรือวัดที่อยู่ใกล้เคียงกันได้ง่ายด้วย
ส่วนใครที่ต้องการประสบการณ์และความรู้ในเชิงลึกมากยิ่งขึ้นนั้นก็สามารถใช้บริการไกด์ทัวร์ภาษาอังกฤษได้ค่ะ (แต่ต้องจองล่วงหน้านะ)
หลังจากสำรวจพื้นที่อุทยานและชมธรรมชาติสวยๆของแหลมมุโรโตะกันไปแล้ว หลายๆคนคงคิดว่าแล้วบริเวณนี้มีที่เที่ยวอย่างอื่นอีกหรือเปล่า?
แน่นอนว่ามีค่ะ! ไม่ไกลจากนี้มากนักทุกคนจะพบกับ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมุโรโตะไฮโค (Muroto Schoolhouse Aquarium)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ปรับปรุงมาจากโรงเรียนประถมเก่า โดยที่นี่จะจัดแสดงสิ่งมีชีวิตจากท้องทะเลในแท็งค์น้ำที่ตั้งขึ้นใบริเวณซึ่งเคยเป็นห้องเรียนมาก่อน ส่วนสระที่ครั้งหนึ่งเคยถูกใช้โดยเหล่านักเรียนชั้นประถมสำหรับการเรียนว่ายน้ำ ตอนนี้ได้กลายเป็นที่อยู่ของปลา เต่าทะเล และฉลามตัวเล็กไปเรียบร้อยแล้ว
ไม่หมดเพียงเท่านั้น เราขอเชิญชวนให้เพื่อนๆไปว่ายน้ำเล่นกับเหล่าโลมาแสนน่ารักที่ มุโรโตะดอลฟินเซนเตอร์ (Muroto Dolphins Center)
ทุกคนจะได้เรียนรู้วิธีการสื่อสารกับโลมาผ่านทางการร้องเพลง การทำสัญญาณมือให้โลมากระโดด หรือยื่นครีบไปข้างหน้าเพื่อแสดงการจับมืออย่างเป็นมิตร และแน่นอนที่สุดคือกิจกรรมการว่ายน้ำกับโลมาค่ะ
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เราก็อยากให้ทุกคนแวะลองทานอาหารจากมุโรโตะกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่มีของขึ้นชื่อของท้องถิ่นอย่างปลาน้ำลึกสีแดงสดที่มีชื่อว่า ปลาคินเมะได (ปลากะพงแดงตาโต) เสิร์ฟในเมนูข้าวหน้าปลาคินเมะไดแบบจัดเต็ม มีทั้งแบบดิบและแบบราดซอสเทริยากิให้เลือกค่ะ หรือจะเลือกทานเป็นข้าวอบหม้อร้อนรสเด็ดที่ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลของโคจิ ก็รับรองว่าอร่อยจนต้องยกนิ้วให้แน่นอน!
🌸 ✨ 🌸 ✨ 🌸
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง “แหลมมุโรโตะ” จังหวัดโคจิ เพื่อนๆเริ่มอยากมาเที่ยวที่นี่กันแล้วหรือเปล่า?
สำหรับใครที่มีแพลนจะเดินทางมาเที่ยวยังภูมิภาคชิโกกุ เราก็ฝากจังหวัดโคจิ เอาไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกนะคะ เชื่อว่าถ้าใครชอบธรรมชาติสวยๆ ชีวิตสโลว์ไลฟ์จะต้องเลิฟที่นี่อย่างแน่นอนค่ะ 🥰
ข้อมูลของแหลมมุโรโตะ (Muroto cape)
ที่อยู่
- Murotomisakicho, Muroto, Kochi 781-7101, Japan
เว็บไซต์
- เว็บไซต์ท่องเที่ยวจังหวัดโคจิ : visitkochijapan.com
- เว็บไซต์ Muroto UNESCO Global Geopark : www.muroto-geo.jp
วันและเวลาทำการ
- บริเวณแหลมและประภาคารเปิดทุกวัน ตลอด 24 ชม.
-
Muroto UNESCO Global Geopark เปิดทุกวัน เวลา 09.00 -17.00 น.
-
Muroto Schoolhouse Aquarium ช่วงเดือนเมษายน – กันยายน เปิด 9.00 -18.00 น. /ช่วงเดือนตุลาคม – มีนายน เปิด 9.00 – 17.00 น.
-
Muroto Dolphins Center เปิดทั้งปี เวลา 10.00 – 16.00 น. ส่วนเสาร์อาทิตย์ รวมถึงวันหยุดทั่วไปเปิด 9.30 -17.30 น. (อาจมีการปิดทำการตามสภาพอากาศหรือสภาพร่างกายของโลมา)
วิธีการเดินทาง
- จากเมืองโคจิ นั่งรถบัสสาย Aki จากป้าย Harimaya-bashi ไปที่ Aki bus terminal และเปลี่ยนสายไปขึ้นรถบัสลงที่ป้าย Muroto-misaki
- จากเมืองโคจิ นั่งรถไฟ JR สาย Dosan Line หรือ Gomen-Nahari Line ไปลงที่สถานี Nahari และเปลี่ยนสายไปขึ้นรถบัสลงที่ป้าย Muroto-misaki
พิกัด
ที่มา (Ref.) : https://visitkochijapan.com
อ่านบทความที่น่าสนใจจาก fromJapan
- รวมที่เที่ยว ‘ภูมิภาคชิโกกุ’ อ้อมกอดของทะเลเซโตะที่น่าหลงใหล
- รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดโคจิ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!
- โดดเด่นสะดุดตา! กับคอลเลคชันเสื้อลาย ‘โนฮาระ ฮิโรชิ’ พ่อของชินจัง เริ่มวางจำหน่ายแล้ว!
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ