รถลากสไตล์ญี่ปุ่น (Jinrikisha) : ประวัติศาสตร์แห่งการสัญจรที่ยาวนานกว่าร้อยปี
มิ.ย. 18, 2025
รถลากสไตล์ญี่ปุ่น (Jinrikisha) : ประวัติศาสตร์แห่งการสัญจรที่ยาวนานกว่าร้อยปี
จินริกิฉะ (Jinrikisha, 人力車) หรือ รถลากสไตล์ญี่ปุ่น (Japanese rickshaw) เป็นยานพาหนะแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ยังคงสามารถพบเห็นได้และใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้ โดยวิธีการขนส่งนี้จะอาศัยกำลังคนในการลากรถเข็นสองล้อเพื่อบรรทุกผู้โดยสารไปส่งยังจุดหมายต่างๆ
ในอดีต จินริกิฉะถือเป็นขนส่งที่ล้ำสมัย สะดวกสบายและมีราคาสูง แต่ในปัจจุบัน จินริกิฉะกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวญี่ปุ่น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ ไปแล้ว
ดังนั้น วันนี้ fromJapan จึงจะพาทุกคนไปเรียนรู้และทำความรู้จักกับเจ้ารถลากแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นนี้กันให้มากขึ้นค่ะ 😊
ต้นกำเนิด รถลากสไตล์ญี่ปุ่น (Jinrikisha) ขนส่งอันดับหนึ่งจากปี 1800s
รถลากสไตล์ญี่ปุ่นกำเนิดจากการรังสรรค์ของ อิซูมิ โยซึเกะ (Izumi Yosuke) ทาคายามะ โกซุเกะ (Takayama Kosuke) และ ซูซึกิ โทคุจิโระ (Suzuki Tokujiro) โดยได้ปรากฏตัวครั้งแรกในสมัยเมจิ ช่วงราวๆ ค.ศ. 1868 – 1912 ✨
เมื่อจินริกิฉะเกิดขึ้นก็เข้ามาแทนที่พาหนะร่วมสมัยอย่าง คาโกะ (Kago, 駕籠) หรือเกี้ยวคานหามทันที สำหรับคาโกะนั้นเป็นการขนส่งแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นอีกประเภทที่ได้รับความนิยมในช่วงก่อนหน้า คาโกะจะประกอบด้วยเปลไม้สี่เหลี่ยมที่ออกแบบมาสำหรับผู้โดยสาร 1 คนและใช้คนหามจำนวน 2 คน

หญิงชาวญี่ปุ่นเดินทางด้วย ‘คาโกะ’
แม้ว่าการขนส่งทั้ง 2 รูปแบบจะต้องใช้กำลังคนเหมือนกัน แต่จินริกิฉะนั้นเอาชนะไปด้วยความเร็วและความคุ้มค่าหากเทียบวิธีการขนส่งอื่นๆ ที่มีอยู่ในสมัยนั้น
แม้แต่จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย (Tsar Nicholas II) ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ ที่ในขณะนั้นยังเป็นเพียงเจ้าชายนิโคลัสก็เคยได้นั่งรถลากจินริกิฉะของญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน

เจ้าชายนิโคลัสโดยสารรถลากจินริกิฉะในนางาซากิ
รถลากประเภทนี้ได้รับความนิยมในญี่ปุ่นมากขึ้น จนในที่สุดก็แพร่หลายไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชีย จากบันทึกทางการค้าของญี่ปุ่นเล่าไว้ว่า รถลากจินริกิฉะถูกส่งออกไปยังหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง อินเดีย สิงคโปร์ จีน เกาหลี ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย

จินริกิฉะในประเทศอินโดนีเซีย ประมาณช่วงปี 1900
จนกระทั่งประมาณปี ค.ศ. 1920 รถลากสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมแบบจินริกิฉะก็เริ่มเสื่อมความนิยมลง เนื่องจากการเข้ามาของพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ (Motor vehicles) อาทิ รถยนต์ รถไฟ และรถราง ซึ่งตอบโจทย์ในด้านความสะดวกรวดเร็วมากกว่าหลายเท่า

สามสาวเกอิชาในโตเกียวถ่ายกับรถมอเตอร์ไซต์ยุคแรกในญี่ปุ่น
จากโตเกียวถึงบางกอก: เมื่อธุรกิจรถลากจากญี่ปุ่นเฟื่องฟู่ในสยามประเทศ
ประมาณ 40 ปีต่อมา รถลากสไตล์ญี่ปุ่น (Jinrikisha) นี้ก็ได้เผยแพร่เข้ามาถึงประเทศไทย โดยผู้นำเข้ามาในสยามครั้งแรกเป็นเจ้ากรมท่าซ้ายอย่าง พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (พุก) ผู้เป็นนายท่าอากรดูแลการค้าทางฝั่งจีน ญี่ปุ่น และตะวันออกไกลในยุคนั้น

รถลากสไตล์ญี่ปุ่นในสยาม
เมื่อเข้ามาในสยามแล้ว ดันตรงกับในช่วงที่มีชาวจีนอพยพเข้ามาในไทยเป็นจำนวนมาก แรงงานที่มารับจ้างลากรถส่วนมากจึงเป็นคนจีน ดังนั้นภาพจำของขนส่งประเภทนี้จากรถลากของญี่ปุ่นจึงกลายเป็น “รถเจ๊ก” และยังเป็นที่มาของวลี ‘เจ๊กลากไป ไทยลากมา’ อีกด้วย

คนลาก ‘รถเจ๊ก’
ปัจจุบันและอนาคตของรถลากจินริกิฉะในญี่ปุ่น
ปัจจุบัน รถลากจินริกิฉะมักจะมีคนลากรถที่สวมชุดแบบดั้งเดิม ทำหน้าที่เป็นไกด์นำเที่ยวอย่างไม่เป็นทางการ โดยจะเล่าประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เกร็ดความรู้ และช่วยถ่ายภาพ ประสบการณ์เช่นนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวในประเทศที่แสวงหาประสบการณ์ทางวัฒนธรรม จนทำให้บริษัทบางแห่ง เช่น เอบิสึยะ ได้ยกระดับบริการรถลาก โดยเน้นที่การเล่าเรื่องราว การต้อนรับและถึงกลับมีการแสดงเพิ่มเติม
เมื่อพูดถึงอนาคตของรถลากจินริกิฉะในญี่ปุ่น สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาถึงการส่งเสริมวัฒนธรรมดั้งเดิมอย่างต่อเนื่อง และการปรับตัวสู่ยุคสมัยใหม่ อย่างเช่น รถลากไฟฟ้า หรือตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาสังคม โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่ผู้สูงอายุอาศัยอยู่มาก นอกจากนี้ การพัฒนาระบบการจองผ่านแอปและบริการหลายภาษาสามารถก็จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น
แนะนำแหล่งท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่มีบริการรถลากจินริกิฉะ
สำหรับคนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นคงมีคำถามว่าแล้วจะไปนั่งรถลากได้ที่บริเวณใดบ้าง? วันนี้เราก็รวบรวมสถานที่แนะนำมาให้แล้วค่ะ 👇
- คามาคุระ (Kamakura)
คามาคุระเป็นเมืองโบราณในญี่ปุ่นที่ยังคงรักษาบรรยากาศของยุคซามูไรเอาไว้ นั่งรถลาก ฟังเรื่องเล่าทำให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น ศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮาจิมัง วัดฮาเสะ และพระพุทธรูปองค์ใหญ่แห่งคามาคุระ
- เกียวโต (Kyoto)
ชมเมืองหลวงโบราณของญี่ปุ่น เที่ยวอาราชิยามะ รวมถึงสถานที่ยอดนิยมอื่นๆ ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเกียวโตผ่านการนั่งรถลากจะทำให้คุณได้ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
- อาซากุสะ (Asakusa)
เที่ยวชมอาซากุสะด้วยรถลากจินริกิฉะ ที่จะพาคุณไปชมสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงของอาซากุสะ เช่น ประตูคามินาริมง ถนนนากามิเซะ และวัดเซ็นโซจิ พร้อมฟังเรื่องราวที่น่าสนใจจากคนลากรถ รับรองว่าสนุก เพลิดเพลินไม่รู้ลืม!
🔥ไปนั่ง ‘รถลากสไตล์ญี่ปุ่น’ ในราคาพิเศษที่โตเกียวกันเถอะ!
ใครที่อยากลองนั่งรถลากเที่ยวในอาซากุสะ เมืองโตเกียว มามุงทางนี้เลย 👉 เดินแค่ 10 วินาทีจากสถานีรถไฟอาซากุสะเท่านั้น ใกล้มากๆ ค่ะ แถมพนักงานลากรถก็เป็นกันเองและมีใจบริการ สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ อีกทั้งในฤดูหนาวจะมีระบบทำความร้อนใต้พื้นรถและมีผ้าห่มให้อีก 2 ผืน ดังนั้น ทุกคนจะได้เพลิดเพลินไปกับการท่องเที่ยวโตเกียวอย่างเต็มที่แน่นอน!
ที่มา (Ref.) :
https://www.tokyorickshaw.com/
https://www.oldphotosjapan.com
https://www.facebook.com/AssumptionMuse
https://www.bygonely.com/bangkok-1950s
https://www.facebook.com/photo/GeishasInathreewheelerTokyo1920s
อ่านบทความที่น่าสนใจ fromJapan
- เรื่องราววุ่นๆของ ‘ไมโกะ’ กับเบื้องหลังทรงผมสไตล์ญี่ปุ่นอันงดงามที่แลกมาด้วยความลำบาก!
- ทำความรู้จัก ‘เทศกาลแห่เจ้าโลก’ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น!
- เรื่องเล่าสุดโหดจาก ศาลเจ้ายะสุอิ (Yasui Konpiragu Shrine) ศาลเจ้าแห่งการทำลายทุกความสัมพันธ์!