เยือน “นิกโก้ (Nikko)” เมืองมรดกโลกแห่งความศรัทธากว่า 1,200 ปี
พ.ค. 30, 2025
เยือน “นิกโก้ (Nikko)” เมืองมรดกโลกแห่งความศรัทธากว่า 1,200 ปี
นิกโก้ (Nikko) เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ทางด้านความศรัทธาและวัฒนธรรมมายาวนานกว่า 1,200 ปี ซึ่งตลอดหลายชั่วอายุคนที่ผ่านมาชาวเมืองต่างก็พยามรักษาและส่งต่อความรู้ให้กับลูกหลานสืบมา
เมื่อเวลาผ่านเมืองนิกโก้ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากรากฐานทางศาสนา และเจริญรุ่งเรืองในฐานะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งศาสนาชินโตอยู่ร่วมกับศาสนาพุทธ จนกล่าวกันว่าภูเขาแห่งนี้เป็นดินแดนอันบริสุทธิ์
วันนี้ fromJapan จะพาทุกคนไปดูกันว่าเมืองมรดกโลกแห่งนี้น่าสนใจและน่าเที่ยวอย่างไรค่ะ 😊
อันดับหนึ่งในบรรดาสถานที่ที่เราควรไปเยือนในนิกโก้ก็คือ ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) โดยประวัติความเป็นมาของที่นี่ก็เริ่มจากการที่โชกุนโทกูงาวะ อิเอมิตสึ (Tokugawa Iemitsu) หลานชายของโทกูงาวะ อิเอยาสึ (Tokugawa Iemitsu) เป็นผู้ริเริ่มการบูรณะศาลเจ้าโทโชกุ หลังจากอิเอยาสึเสียชีวิตในปี 1616 สุสานที่เรียบง่ายก็ถูกสร้างขึ้น
ต่อมาอิเอมิตสึได้ขยายพื้นที่ออกไปจนกลายเป็นศาลเจ้าอันวิจิตรงดงามดังที่เห็นในปัจจุบัน เพื่อเป็นเกียรติแก่มรดกของปู่ของเขา นอกจากนี้ เขายังสั่งให้ปลูกต้นซีดาร์ประมาณ 200,000 ต้นไว้ตามทางเดิน โดยทุกวันนี้หลงเหลืออยู่ประมาณ 12,500 ต้น
ศาลเจ้าโทโชกุมีประติมากรรมมากกว่า 5,100 ชิ้น รวมถึงประตูโยเมมงอันโด่งดังซึ่งมีชื่อเสียงจากงานศิลปะอันน่าทึ่งในศตวรรษที่ 17 มีจุดเด่นที่น่าสนใจ ได้แก่ แมวนอนหลับและลิงสามตัวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ “ไม่เห็นสิ่งชั่วร้าย ไม่ได้ยินสิ่งชั่วร้าย ไม่พูดสิ่งชั่วร้าย”
ต่อมาคือ น้ำตกเคงอน (Kegon Falls) น้ำตกซึ่งไหลลงมาจากทะเลสาบชูเซนจิที่ความสูง 97 เมตร ถือเป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยงามที่สุด 3 แห่งในญี่ปุ่น
พื้นที่นี้รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจีในฤดูใบไม้ผลิ ฝูงนกนางแอ่นที่อพยพมาตอนฤดูร้อน และน้ำตกจะแข็งตัวในช่วงฤดูหนาว แต่เราแนะนำเลยว่าหากจ่ายค่าเข้าชมจุดชมวิวบริเวณฐานน้ำตก คุณจะได้ชมทัศนียภาพสวยๆ อย่างใกล้ชิด ✨
หากยังชมธรรมชาติกันไม่หน่ำใจ เราแนะนำให้ทุกคนเดินทางไปที่ ทะเลสาบชูเซนจิ (Chuzenji Lake) ที่ถือกำเนิดจากประมาณ 20,000 ปีก่อน จากการปะทุของภูเขานันไต ทะเลสาบชูเซนจิอยู่ที่ระดับความสูงที่ 1,269 เมตร เป็นทะเลสาบธรรมชาติที่อยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีเส้นทางเดินป่าระยะทาง 25 กิโลเมตรตลอดแนวทะเลสาบ
ในช่วงศตวรรษที่ 19 และ 20 ทะเลสาบแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งสำหรับรีสอร์ตฤดูร้อนยอดนิยม ด้วยทิวทัศน์ของดอกอาซาเลียที่บานสะพรั่งในช่วงต้นฤดูร้อนและใบไม้เปลี่ยนสีที่สดใสในฤดูใบไม้ร่วง จึงทำให้ที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาดนั่นเอง
สถานที่ต่อไปที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนแวะไปเที่ยวคือ ช่องเขาริวโอเคียว (Ryuokyo Gorge) หุบเขาริวโอเคียวทอดยาวประมาณ 6 กิโลเมตรไปตามแม่น้ำคินุกาวะ ล้อมรอบด้วยคาวาจิออนเซ็นและคินุกาวะออนเซ็น
โดยแม่น้ำแห่งนี้กำเนิดจากการปะทุของภูเขาไฟใต้ทะเลเมื่อ 22 ล้านปีก่อน ก่อนกระแสน้ำในแม่น้ำจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของที่นี่ ต่อมาหุบเขานี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่งมังกร” เนื่องจากมีรูปร่างคล้ายงู จากการกัดกร่อนจนสวยงามอย่างธรรมชาติสร้างสรรค์นั่นเอง
หากเพื่อนๆ เริ่มเบื่อธรรมชาติกันแล้ว เราแนะนำให้ไปสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นยุคเอโดะที่ หมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ เอโดะ วันเดอร์แลนด์ (Edo Wonderland Nikko Edomura)
ดื่มด่ำกับบรรยากาศญี่ปุ่นโบราณในขณะเดินเล่นชมบ้านเรือนที่จำลองขึ้นอย่างสมจริง เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่เหมาะสำหรับทุกครอบครัว เช่น การแสดงนินจา แต่งตัวเป็นซามูไรหรือเจ้าหญิง พร้อมพูดคุยกับตัวละครที่สวมบทบาทเป็นชาวบ้านในยุคนั้น เอโดะวันเดอร์แลนด์ผสมผสานประวัติศาสตร์เข้ากับความบันเทิงสไตล์สวนสนุกได้อย่างลงตัวทีเดียวค่ะ
นอกจากนี้ ในบริเวณพื้นที่นิกโก้ยังมีออนเซ็นที่น่าสนใจให้กับทุกคนที่อยากไปผ่อนคลายร่างกาย ใครชอบแบบไหนก็ลองเลือกกันดูนะคะ
และแน่นอนว่าที่นิกโก้นั้นขึ้นชื่อในเรื่องของจุดชมใบไม้แดงที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ใครอยากรู้ว่ามีจุดไหนบ้าง เราก็มีบทความที่รวบรวมที่เที่ยวสำหรับชมใบไม้เปลี่ยนมาให้แล้วค่ะ คลิ๊กที่รูปด้านล่างได้เลย!
สุดท้ายนี้ สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากไปเที่ยวนิกโก้ ชมความงามด้วยตาตัวเองให้ชื่นใจ ครั้งนี้เราก็มีทัวร์ดีๆมานำเสนอเช่นเคย 👇
ที่มา (Ref.) :
อ่านบทความเพิ่มเติมจาก fromJapan
- “สะพานหินโค้งเก่าแก่แห่งคาโกชิม่า” อายุ 150 ปี ณ สวนอนุสรณ์สถานอิชิบาชิ
- แลนด์มาร์กแห่งคามิโคจิ ‘สะพานคัปปะบาชิ’ ณ เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น
- “ศาลเจ้าวาตาสึมิ” ประกาศห้ามนักท่องเที่ยวทุกสัญชาติเข้าเยี่ยมชม