fbpx

ดื่มด่ำธรรมชาติบน ‘เส้นทางอะพุโตะ โนะ มิจิ’ (Aputo no Michi) เส้นทางรถไฟบนภูเขาสูงชันแห่งแรกของญี่ปุ่น

ธ.ค. 12, 2024

ดื่มด่ำธรรมชาติบน ‘เส้นทางอะพุโตะ โนะ มิจิ’ (Aputo no Michi) เส้นทางรถไฟบนภูเขาสูงชันแห่งแรกของญี่ปุ่น

หลีกหนีความวุ่นวายไปสูดอากาศบริสุทธิ์บนเขาที่ ‘เส้นทางอะพุโตะ โนะ มิจิ’ (Aputo no Michi) เส้นทางรถไฟบนภูเขาแห่งแรกของญี่ปุ่นกันค่ะ

ในทริปนี้คุณตุ้ย จากเพจ ญี่ปุ่น ลำไยก็อร่อย จะพาทุกคนออกไปดื่มด่ำธรรมชาติพร้อมตามรอยประวัติศาสตร์การบุกเบิกเส้นทางเดินรถไฟของญี่ปุ่นแบบไปเช้าเย็นกลับ ถ้าหากพร้อมแล้ว เราไปตะลุยทริปนี้กันเลย!

 การบุกเบิกทางรถไฟบนภูเขาสูงชันแห่งแรกของญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีจุดเด่นด้านการเดินทางด้วยรถไฟที่นอกจากจะสะดวกและปลอดภัยแล้วยังเป็นเสน่ห์ด้านการท่องเที่ยวด้วยอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งใครที่มาเที่ยวก็คงเคยได้สัมผัสประสบการณ์การนั่งรถไฟที่ญี่ปุ่นกันมาบ้างแล้ว

ทางรถไฟญี่ปุ่นที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นได้มีการพัฒนามาอย่างยาวนานตั้งแต่ช่วงยุคสมัยเมจิ โดยรถไฟสายแรกของญี่ปุ่นเริ่มเปิดให้บริการในปี 1872 จากนั้นได้มีการขยายเส้นทางไปทั่วประเทศญี่ปุ่น และในช่วงยุคที่มีการพัฒนาทางรถไฟเดียวกันนั้น ญี่ปุ่นก็ได้มีการพัฒนาทางรถไฟบนภูเขาสูงชัน โดยมีการใช้รางแรค (ABT) เป็นครั้งแรกของญี่ปุ่นอีกด้วย

สำหรับทางรถไฟที่เราจะพาไปชมธรรมชาติพร้อมซึมซับประวัติศาสตร์การบุกเบิกการสร้างทางรถไฟบนภูเขาสูงชันแห่งแรกของญี่ปุ่นในครั้งนี้มีชื่อว่า อะพุโตะ โนะ มิจิ (Aputo no Michi) ตั้งอยู่แนวสันเขาอุซุยซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างจังหวัดกุนมะและจังหวัดนากาโนะ ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติที่ปรับปรุงมาจากทางรถไฟสายอุซุยที่เคยเปิดให้บริการในช่วงปี 1893 – 1997

ทางรถไฟสายอุซุยเป็นเส้นทางย่อยของสายชินเอสึที่เชื่อมต่อระหว่างโตเกียวและจังหวัดนีงาตะ ในยุคที่ญี่ปุ่นเริ่มมีการส่งออกไหมดิบไปยังประเทศตะวันตก เส้นทางสายนี้ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะถูกใช้เป็นเส้นทางขนส่งหลัก โดยการก่อสร้างทางรถไฟนั้นได้มีการผ่านอุปสรรคมาหลายอย่างทั้งข้อจำกัดของเทคโนโลยีในยุคสมัยก่อน การบุกเบิกเส้นทางเพื่อเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ห่างไกลที่เข้าถึงยากเนื่องจากเป็นพื้นที่ภูเขาสูงและการเผชิญกับภัยธรรมชาติอีกหลายครั้งก่อนที่จะพาไปเดินชมทางรถไฟอะพุโตะ โนะ มิจินั้น เราจะขอมาเล่าถึงจุดเด่นของทางรถไฟสายนี้กันก่อน

  1. รถไฟสายนี้ได้นำระบบรางแรค (ABT : Rack Railway) มาใช้เป็นสายแรกของญี่ปุ่น
  2. นำระบบหัวรถจักรไฟฟ้ามาใช้ควบคู่กับระบบรางแรคเป็นสายแรกของญี่ปุ่น
  3. สร้างโรงไฟฟ้าเพื่อการรถไฟเป็นที่แรกในญี่ปุ่น นั่นก็คือ โรงไฟฟ้ามารุยามะ (Old Maruyama Substation)
  4. ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม
  5. เตรียมเสนอชื่อเป็นมรดกโลก

เริ่มทริปกันเลย!

สำหรับทริปนี้ เราเริ่มออกจากโตเกียวด้วยรถไฟชินคันเซ็น สาย Joetsu Shinkansen เพื่อไปยังสถานีทาคาซากิ (Takasaki Station) จังหวัดกุนมะ จากนั้นต่อด้วยรถไฟธรรมดาไปยังสถานีโยโคคาวะ (Yokokawa Station) เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางไกลวันนี้

ด้านหน้าสถานีจะมีรางแรค (ABT : Rack Railway) ที่เป็นเทคโนโลยีสำหรับทางรถไฟที่ต้องขึ้นภูเขาสูงชันในสมัยก่อนสำหรับเส้นทางเดินนี้จะมีระยะทางรวมไปกลับประมาณ 12 กิโลเมตร มาถึงตรงนี้ ถ้าใครคิดว่าไหว ไปกันต่อค่ะ!
สถานีโยโคคาวะ (Yokokawa Station) เป็นสถานีต้นสายของทางรถไฟสายอุซุย บริเวณพื้นที่ใกล้ๆสถานีจะเป็นพิพิธภัณฑ์รถไฟสันเขาอุซุยโทเกะ (Usuitoge Tetsudo Bunka Mura) รถไฟที่รวบรวมรถไฟเก่าบางส่วนที่เคยใช้จริงบนเส้นทางนี้
พอมาถึง แวะเข้าห้องน้ำพร้อมกดน้ำดื่มจากตู้กดอัตโนมัติติดตัวไว้สักหน่อย ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มเดินเลียบทางรถไฟสายเก่าไปตามทางตรงยาวที่เรียงรายด้วยต้นเมเปิลกันเลย!

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/aXh1eqtg5LQ1ZHNT9

การเดินทางไกลวันนี้จะเป็นทางตรงยาวเลียบทางรถไฟสายเก่า ช่วงที่เรามาตรงกับฤดูใบไม้เปลี่ยนสีพอดีถือว่าเป็นกำไร เพราะได้ชมความสวยไปแบบคูณสอง

หลังจากเดินตรงมาประมาณ 1.4 กิโลเมตร จะพบกับสถานีมารุยามะ (Maruyama Station) เป็นสถานีรถไฟเก่าซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าเพื่อการเดินรถไฟฟ้าแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นในปี 1911พอมาถึงก็สะดุดตาเข้ากับอาคารเก่ายุคเมจิที่ก่อสร้างจากอิฐแดง ตัวอาคารยังคงถูกบูรณะให้คงสภาพไม่ต่างจากเดิม

ถัดจากสถานีรถไฟเก่ามารุยามะ (Maruyama Station) ไปอีก 1.5 กิโลเมตร จะเป็นออนเซ็นโทเกะโนะยู (Toge no Yu) ภายในออนเซ็นจะมีร้านอาหารและร้านของฝาก เราแนะนำให้แวะขากลับ เพราะจะได้ทานอาหารหรือแช่น้ำร้อนให้หายปวดเมื่อย

เว็บไซต์ : https://usui-pass.com/
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/32deRR9UauSatifN8

จากออนเซ็นเดินต่อไปอีกประมาณ 600 เมตร ทางเบี่ยงด้านซ้ายจะพาไปยังทะเลสาบอุซุย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่แนะนำให้มาเก็บบรรยากาศสวยๆตอนใบไม้เปลี่ยนสีด้วยเช่นกัน มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆเพียบ แต่ละมุมสวยตราตรึงใจมากจากทะเลสาบอุซุยเดินกลับเข้าเส้นทางหลักแล้วเดินตรงไปยัง ‘สะพานรถไฟอุซุย หมายเลข 3’ หรือสะพานแว่นตา (Usui 3rd Bridge / Megane Bashi) ในระหว่างทางมาถึงที่นี่ต้องเดินลอดอุโมงค์หลายลูก แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความมืด เพราะมีไฟส่องสว่างให้ตลอดทางเดินเมื่อมาถึงสะพานแว่นตาก็จะพบกับสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีเสน่ห์ชวนหลงไหล สถาปัตยกรรมแห่งนี้สร้างจากอิฐแดงกว่าสองล้านก้อน ถือเป็นจุดหมายปลายทางแรกของทางเส้นทางเดินนี้เลยก็ว่าได้
จากจุดนี้หากใครยังไหว เดินต่อไปอีก 1.4 กิโลเมตร จะเป็นส่วนที่ขยายต่อเพิ่มมาจากสะพานแว่นตาเพื่อเชื่อมไปยังสถานีเก่าคุมาโนะไทระ (Old Kumanotaira Station) โดยเส้นทางนี้ถูกขยายเมื่อปี 2012

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/4XhoBeQAL5A6bY3aA

โรงไฟฟ้าเก่าคุมาโนะไทระ

สถานีเก่าคุมาโนะไทระ (Old Kumanotaira Station) เดิมทีเป็นสถานที่สำหรับเก็บคลังอุปกรณ์โรงไฟฟ้าและเป็นที่พักของเจ้าหน้าที่ ภายหลังได้ถูกยกให้เป็นสถานีรถไฟ

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/rTaHGh158qGtCHCg9

อนุสาวรีย์ผู้พลีชีพสถานีคุมาโนะไทระ

นอกจากนี้ บริเวณสถานียังมีอนุสาวรีย์ผู้พลีชีพสถานีคุมาโนะไทระที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ดินถล่มเมื่อปี 1950 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 50 คน อย่างไรก็ตาม สถานีแห่งนี้ยังคงรักษาอาคารโรงไฟฟ้าเอาไว้ราวกับเป็นสถานีที่ยังคงเปิดใช้งานอยู่

ศาลเจ้าคุมาโนะไทระ

แม้จะอยู่ท่ามกลางสิ่งก่อสร้างเก่า ทางรถไฟสายเก่า และอุโมงค์ที่ถูกปิดจนกลายเป็นสถานที่ที่ดูลึกลับน่าพิศวง แต่สถานที่แห่งนี้กลับมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูกเมื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศและพักจนหายเหนื่อยแล้ว ก็เป็นช่วงเวลาของการเดินกลับโดยจะต้องใช้เส้นทางเดิม หากขาใครเริ่มล้าเกิน สามารถขึ้นรถไฟจากด้านหน้าออนเซ็นกลับไปยังสถานีโยโคคาวะได้ จะทุ่นแรงไปเกือบ 3 กิโลเมตรเลยทีเดียว แต่รอบรถไฟจะน้อยหน่อยต้องเช็คเวลาให้ดีๆอย่างในเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจึงมีผู้มาเยือนมากเป็นพิเศษ รถไฟเที่ยวสุดท้ายจึงเปิดให้บริการจนถึงเวลา 15.40 นาทีหากใครต้องการไปเยี่ยมชมสะพานแว่นตาอย่างเดียวโดยไม่อยากเดินทางไกลก็สามารถนั่งรถบัสสาย JR Bus Kanto Usui จากสถานีโยโคคาวะไปได้ แต่ถ้าจะไปให้ถึงอนุสาวรีย์ผู้พลีชีพสถานีคุมาโนะไทระต้องเดินเท้าจากสะพานแว่นตาไป 1.4 กิโลเมตร

เว็บไซต์รถบัส (ภาษาญี่ปุ่น) : https://www.jrbuskanto.co.jp/

สำหรับทริปเดินเที่ยวเส้นทางอะพุโตะโนะมิจิก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ หากใครเป็นสายเดินป่า ชอบดื่มด่ำไปกับธรรมชาติ และชอบรถไฟญี่ปุ่น อย่าลืมมาตามรอยทริปนี้กัน!
แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้าค่ะ 😉

พิกัดเส้นทางอะพุโตะ โนะ มิจิ 

ที่มา (Reference)

ช่องทางการติดตาม 

Facebook Fanpage
YouTube channe

อ่านบทความอื่นๆ

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top