fbpx

รวม 12 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดกุนมะ’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!

พ.ค. 20, 2022

บทนำ : ไปเที่ยว ‘จังหวัดกุนมะ’ กันเถอะ!

เวลาที่เราไปเที่ยวแบบตะลอนทัวร์ ประมาณว่าวันนี้ต้องไปที่นั่นที่นี่ เดินเที่ยวทั้งวัน ชอปปิ้งแบกของกระจาย เคยเป็นบ้างไหมครับที่ในหัวจะมีความคิดแวบขึ้นมาว่า “เฮ้อ เหนื่อยจังเลย ปวดเมื่อยไปทั้งตัว อยากหาออนเซ็นดีๆลงไปนั่งแช่ ดูวิว ใช้ชีวิตแบบ slow life จังเลยแฮะ”

ถ้าใครเคยคิดแบบนี้ล่ะก็ ต้องไปที่ ‘จังหวัดกุนมะ’ เลยครับ

หากสงสัยว่าทำไมต้องเป็นจังหวัดนี้ด้วยล่ะ? ก็ต้องบอกเลยว่า ‘จังหวัดกุนมะ’ นั้นมีออนเซ็นที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่นอย่าง คุซัทสึออนเซ็น (Kusatsu Onsen) รวมถึงออนเซ็นอื่นๆที่ดังในระดับ Top 10 อีกหลายแห่ง ออนเซ็นเหล่านี้ส่วนมากจะอยู่ท่ามกลางหุบเขา ทำให้เราได้ชมธรรมชาติที่สวยงามระหว่างแช่ออนเซ็นอย่างผ่อนคลาย

หรือใครที่เป็นสายวินเทจ ในกุนมะก็มีแหล่งออนเซ็นหลายแห่งที่เป็นเมืองสไตล์ย้อนยุค เสมือนให้เราได้ย้อนกลับไปใช้ชีวิตในยุคเมจิยังไงยังงั้น

นอกจากนี้จังหวัดกุนมะยังมีบรรยากาศที่แตกต่างจากหลายๆจังหวัดในญี่ปุ่นที่เป็นเมืองใหญ่ เพราะคนที่นี่ใช้ชีวิตกันแบบ slow life สุดๆ (ถึงขนาดเป็นมอตโต้ประจำจังหวัดเลยว่า “Gunma slow life”) และด้วยความที่เดินทางจากโตเกียวได้ไม่ยาก หากลองเปลี่ยนบรรยากาศจากที่ต้องเดินฉับๆๆในโตเกียวมาผ่อนคลายที่กุนมะดู ก็น่าจะดีไม่น้อยนะครับ

การเดินทางไปกุนมะสามารถทำได้สะดวกพอสมควร สมมติว่าเดินทางโดยรถไฟชินคันเซ็น (สถานีปลายทาง : Takasaki)

    • จากโตเกียว : ใช้เวลา 50 นาที
    • จากนาโกย่า : ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 36 นาที
    • จากโอซาก้า : ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที

หากใครแพลนจะเที่ยวในกุนมะ รวมไปถึงจังหวัดอื่นๆด้วย ถ้าเป็นไปได้ก็ขอแนะนำให้ใช้ JR Pass หรือ JR Tohoku Pass เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปได้มากครับ

สารบัญ (Index)

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดกุนมะ
    1. คุซัทสึออนเซ็น (Kusatsu Onsen)
    2. ภูเขาอากากิ (Mt. Akagi)
    3. ภูเขาฮารุนะ (Mt. Haruna)
    4. อิคาโฮะออนเซ็น (Ikaho Onsen)
    5. วัดมิซูซาวะ (Mizusawa Temple)
    6. อุทยานอากากิ (Akagi Nature Park)
    7. ชิมะออนเซ็น (Shima Onsen)
    8. มังสะออนเซ็น (Manza Onsen)
    9. มินาคามิออนเซ็น (Minakami Onsen)
    10. อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park)
    11. โรงทอไหมโทมิโอกะ (Tomioka Silk Mill)
    12. ภูเขาเมียวกิ (Mt. Myogi)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดกุนมะ
    1. มิซูซาวะอุด้ง (Misuzawa Udon)
    2. คอนยัคกุ (Konyaku)
    3. อคคิริโคมิ (Okkirikomi)
    4. กินฮิคาริ (Ginhikari/Rainbow Trout)
    5. ยากิมันจู (Yaki Manju)

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดกุนมะ

1. คุซัทสึออนเซ็น (Kusatsu Onsen)

คุซัทสึออนเซ็น (Kusatsu Onsen) เป็นเมืองออนเซ็นชื่อดังที่สุดของจังหวัดกุนมะ นอกจากนี้ยังเป็น 1 ใน 3 เมืองออนเซ็นที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ร่วมกันกับอาริมะออนเซ็นของจังหวัดเฮียวโกะและเกโระออนเซ็นของจังหวัดกิฟุ (ว่ากันว่าออนเซ็นที่นี่ช่วยรักษาได้หลายสิ่งอย่าง ทั้งอาการปวดเมื่อย แผลไฟไหม้ โรคอาหารไม่ย่อย ฯลฯ)

จุดเด่นที่มองเห็นได้โดยง่ายของคุซัทสึออนเซ็นก็คือ ยูบาทาเกะ  (Yubatake) รางน้ำแร่ขนาดใหญ่ที่มีไอน้ำร้อนสีขาวขุ่นลอยปกคลุมไปทั่ว โดยที่นี่มีการส่งออกน้ำประมาณ 5,000 ลิตรต่อนาที จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นแหล่งผลิตน้ำแร่ออนเซ็นในปริมาณมากที่สุดของญี่ปุ่น (บริเวณนี้กลิ่นกำมะถันแรงมาก อาจจะไม่ชินในช่วงแรกๆที่มานะครับ)

Ear-Iew-Boo / Shutterstock

ไฮไลต์อีกอย่างหนึ่งคือตรงบริเวณใกล้ๆยูบาทาเกะจะมี การแสดงยูโมมิ โนะ โอโดริ (Yumomi no Odori) ซึ่งเป็นการแสดงท้องถิ่นของที่นี่ ผู้ที่ทำการแสดงจะเต้นรำไปด้วยและใช้ไม้แผ่นใหญ่พลิกกวนน้ำไปด้วย (เพื่อเป็นการลดอุณหภูมิของน้ำพุร้อน) โดยจะมีการแสดงวันละ 6 ครั้ง ค่าเข้าชมคนละ 600 เยน

ข้อมูลเกี่ยวกับคุซัทสึออนเซ็น (Kusatsu Onsen)

วิธีเดินทาง
  • รถไฟ : จากสถานี JR Takasaki นั่งรถไฟลงที่สถานี JR Naganohara-Kusatsuguchi (รถไฟด่วนพิเศษ : ใช้เวลาเดินทาง 60 นาที ค่าโดยสาร 2,850 เยน / รถไฟธรรมดา ใช้เวลาเดินทาง 82 นาที ค่าโดยสาร 1,170 เยน) แล้วขึ้นรถบัส JR (ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที ค่าโดยสาร 710 เยน) การเดินทางด้วยวิธีนี้เหมาะกับผู้ที่ใช้ JR Pass
  • รถบัส : สำหรับคนที่ขี้เกียจนั่งรถหลายๆต่อจากโตเกียว ให้นั่งรถบัส JR จากสถานี Shinjuku (ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 3,500 เยน) สำหรับวิธีการเดินทางแบบนี้จะใช้ JR Pass ไม่ได้นะครับ
ที่อยู่
  • Kusatsu Onsen, 28, Gunma Kusatsu Bus Terminal 1F, Agatsuma-gun, Kusatsu-machi, Kusatsu, Gunma 377-1711
เบอร์ติดต่อ
  • 0279880800
วันและเวลาทำการ
  • ถ้าเป็นที่ Sainokawara Rotenburo จะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7:00 – 20:00 น. (ช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมเปิดให้บริการเวลา 9:00 – 20:00 น.)
ค่าเข้าชม
  • ถ้าเป็นที่ Sainokawara Rotenburo มีค่าใช้บริการออนเซ็น 600 เยน
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

2. ภูเขาอากากิ (Mt. Akagi)

ภูเขาอากากิ (Mt. Akagi) เป็นภูเขาที่มีความสูง 1,828 เมตร และเป็นหนึ่งใน Jomo Sanzan หรือ สามภูเขาชื่อดังแห่งกุนมะ ร่วมกันกับภูเขาฮารุนะ Haruna (Mt. Haruna) และภูเขาเมียวกิ (Mt. Myogi) อีกทั้งยังเป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่สวยที่สุดของประเทศญี่ปุ่นด้วย

ภูเขาอากากิจะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี สีสันของใบไม้ในช่วงฤดูนี้ตัดกันดีกับวิวทะเลสาบโอนุมะ (Lake Onuma) ทะเลสาบที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ

กิจกรรมยอดฮิตของที่นี่คือการเช่าเรือพายชมทะเลสาบ หรือไม่ก็ตั้งแคมป์

บริเวณช่วงกลางทะเลสาบโอนุมะเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าประจำภูเขาอย่าง ศาลเจ้าอากากิ (Akagi Shrine) เชื่อกันว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีเทพธิดา Akagi Daimyojin คอยบันดาลให้ความปรารถนาของสุภาพสตรีที่มาไหว้สักการะศาลเจ้าเป็นจริงขึ้นมา ใครที่สนใจก็ลองมาไหว้กันดูได้ครับ (ส่วนมากสาวๆก็มาขอเรื่องความรักกันนี่ล่ะครับ)

ส่วนใครที่ไม่ใช่สายมู สะพานแดงกับหย่อมต้นไม้ในบริเวณใกล้ๆก็นับว่าเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงามครับ นอกจากนี้ยังมีจุดขายอาหารปลาให้เราซื้อไปเลี้ยงปลาคาร์ปได้ด้วยนะ

ที่มา : https://lh3.googleusercontent.com

และสำหรับสายมูที่ชอบสะสมเครื่องรางกับสมุดโกะชุอิน (Goshuin) ก็ต้องบอกเลยว่าเครื่องรางและสมุดโกะชุอินของที่นี่สวยติดอันดับ Top 10 ของญี่ปุ่นเลยล่ะ! หากมาแล้วต้องไม่พลาดนะครับ

ที่มา : https://www.deviantart.com

ขอแถมท้ายด้วยกิมมิคสำหรับสายเกมและอนิเมะ จริงๆแล้วชื่อของ อาคากิ (Akagi) จากเรื่อง Kancolle และ Azur Lane ก็มาจากชื่อของภูเขา Akagi นี่ล่ะครับ

ข้อมูลเกี่ยวกับภูเขาอากากิ (Mt. Akagi)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานี JR Maebashi ให้ขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้าไปทาง Fujimi Onsen แล้วลงรถที่ป้าย Tenjindaira Iriguchi จากนั้นให้เปลี่ยนไปขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้าไปทาง Akagiyama Visitor Center แล้วลงที่ป้าย Akagi Hiroba-mae (ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 90 นาที ค่าโดยสาร 1,810 เยน) แล้วเดินอีก 8 นาที
ที่อยู่
  • Mt. Akagi (Akagi Shrine), 4-2 Fujimimachi Akagisan, Maebashi, Gunma 371-0101
เบอร์ติดต่อ
  • 0272878202
วันและเวลาทำการ
  • ศาลเจ้าอากากิ เปิดให้เข้าสักการะทุกวันในช่วงเวลาดังต่อไปนี้
    • จันทร์-ศุกร์:  9:00 – 16:00 น.
    • เสาร์-อาทิตย์ : 9:00 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม
  • ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

3. ภูเขาฮารุนะ (Mt. Haruna)

ภูเขาฮารุนะ (Mt. Haruna) เป็นชื่อเรียกรวมกันของกลุ่มภูเขาหลายลูก ได้แก่ ยอดเขา Kamongatake (掃部ケ岳) ยอดเขา Eboshi-dake (烏帽子岳) และภูเขา Tenmoku (天目山) ที่อยู่รอบนอก รวมถึงกลุ่มภูเขาไฟย่อยภายในปล่องภูเขาไฟใหญ่ซึ่งได้แก่ ภูเขา Haruna Fuji (榛名富士) ยอดเขา Jagatake (蛇ケ岳) และยอดเขา Soma-dake (相馬岳)

ภูเขาฮารุนะเป็นหนึ่งใน Jomo Sanzan หรือ สามภูเขาชื่อดังแห่งกุนมะ ร่วมกันกับภูเขาอากากิและภูเขาเมียวกิ อีกทั้งยังเป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่สวยที่สุดของประเทศญี่ปุ่น

ภูเขาฮารุนะเป็นอีกหนึ่งภูเขาที่สวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และถ้าเทียบกับทั้งสามภูเขาแห่งกุนมะ ที่นี่จะมีกิจกรรมให้ทำเยอะที่สุด (ในแบบที่ไม่ต้องออกแรงขาลาก 555) นอกจากนี้บริเวณรอบทะเลสาบก็มีโรงแรมสไตล์เรียวกังหลายแห่งเปิดให้บริการ โดยทุกที่จะมีออนเซ็นไว้ให้บริการด้วย (ละแวกนี้ดังเรื่องออนเซ็นครับ)

แน่นอนว่าในเมื่อมีทะเลสาบ กิจกรรมสายล่องเรือชมทะเลสาบก็ต้องมาครับ ที่นี่มีตัวเลือกให้ระหว่างเรือพายเรือถีบ หรือถ้าขี้เกียจก็นั่งเรือชมวิวแบบในภาพด้านบนนี้ได้ครับ

สายปีนเขาชมวิวที่ไม่ต้องการเดินขาลาก มาทางนี้! ที่นี่มีกระเช้า Haruna Ropeway เป็นกระเช้าที่จะพาเราขึ้นสู่ยอดเขา Haruna Fuji ครับ ใช้เวลาเพียง 3 นาทีก็ถึงยอดเขาแล้ว!

จากกระเช้าลอยฟ้าเราจะได้เห็นวิวมุมกว้างของภูเขาฮารุนะ และเมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาเราก็จะได้ชมทิวทัศน์มุมกว้างของทะเลสาบฮารุนะกับที่ราบคันโตด้วยครับ นอกจากนี้ในวันที่อากาศแจ่มใส เรายังสามารถมองเห็น TOKYO SKYTREE และภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย

ถ้าเดินไปอีกนิดเราจะเจอศาลเจ้าเล็กๆบนยอดเขาที่ว่ากันว่าโด่งดังเรื่องบุพเพฯ (อีกแล้ว)

สำหรับสายมูที่ยังรู้สึกว่าแค่ศาลเจ้าเล็กๆบนยอดเขายังไม่หนำใจ ขอเชิญไปที่ ศาลเจ้าฮารุนะ (Haruna Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่แห่งหนึ่งที่มีอายุกว่า 1,400 ปี

ศาลเจ้าแห่งนี้บูชาเทพแห่งไฟ น้ำ และการเกษตร อีกทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องการขอพรเกี่ยวกับการค้าขายและการแต่งงานอีกด้วย (สั้นๆคือขอได้หมดทุกสิ่งอย่าง)

กิมมิคสนุกๆอย่างหนึ่งของที่นี่คือเซียมซีแบบลอยน้ำ ที่เราต้องนำใบเซียมซีไปลอยน้ำเพื่อให้คำทำนายปรากฏขึ้น (แต่ไม่มีภาษาอังกฤษนะ)

ที่มา : https://www.animesiam.com

สำหรับสายอนิเมะ ภูเขาฮารุนะเป็นฉากในเรื่อง Initial D อนิเมะสายรถแข่งชื่อดังนั่นเองครับ (ถนนเส้นที่ทอดยาวไปตามภูเขานั้นถือเป็นความท้าทายสำหรับสายแข่งรถ แต่อย่าหาทำเลยนะครับ เดี๋ยวจะประสบอุบัติเหตุเอา)

ข้อมูลเกี่ยวกับภูเขาฮารุนะ (Mt. Haruna)

วิธีเดินทาง
  • Lake Haruna (จุดขึ้นเรือชมวิว)
    • จากสถานี JR Shibukawa ขึ้นรถบัสที่วิ่งไปทาง Ikaho Onsen แล้วลงรถที่ป้าย Sakaizawa จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถบัสที่วิ่งไปทาง Haruna Onsen Yusuke แล้วลงที่ป้าย Harunako (ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 65 นาที ค่าโดยสาร 1,420 เยน)
  • Mt. Haruna Ropeway
    • จากสถานี JR Shibukawa ขึ้นรถบัสที่วิ่งไปทาง Ikaho Onsen แล้วลงรถที่ป้าย Sakaizawa จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถบัสที่วิ่งไปทาง Haruna Onsen Yusuke แล้วลงที่ป้าย Ropeway Mae (ใช้เวลาเดินทาง 60 นาที ค่าโดยสาร 1,420 เยน) กระเช้าจะอยู่ที่ป้ายก่อนถึงทะเลสาบ
  • Haruna Shrine
    • จากป้ายรถบัส Harunako ให้ขึ้นรถบัสที่วิ่งไปทาง Takasaki แล้วลงรถที่ป้าย Haruna Jinja (ใช้เวลา 10 นาที ค่าโดยสาร 200 เยน) แล้วเดินไปอีก 5 นาที
    • ถ้ามาจากสถานีรถไฟ JR Takasaki ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Haruna Jinja (ใช้เวลาเดินทาง 75 นาที ค่าโดยสาร 1,120 เยน) แล้วเดินไปอีก 5 นาที
ที่อยู่
  • Lake Haruna (จุดขึ้นเรือชมวิว)
    • Harunakomachi, Takasaki, Gunma 370-3348
    • เบอร์ติดต่อ (บริษัทเรือชมวิว) : 0273749408
  • Mt. Haruna Ropeway
    • Izumisawa, Higashiagatsuma, Agatsuma District, Gunma 377-0807
    • เบอร์ติดต่อ : 0273749238
  • Haruna Shrine
    • 849 Harunasanmachi, Takasaki, Gunma 370-3341
    • เบอร์ติดต่อ : 0273749050
วันและเวลาทำการ
  • Lake Haruna
    • ทะเลสาบ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
    • เรือชมวิว : เปิดให้บริการเวลา 9:00 – 16:30 น. (เปิดทำการเฉพาะช่วงกลางเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน)
  • Mt. Haruna Ropeway
    • เปิดให้บริการทุกวัน ในช่วงเวลา 9:00 – 17:00 น. (ช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม กระเช้าจะให้บริการจนถึงเวลา 16:00 น.)
  • Haruna Shrine
    • เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน ในช่วงเวลา 7:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
  • Lake Haruna
    • ค่าเรือชมวิว : ผู้ใหญ่ 700 เยน / เด็ก 350 เยน
  • Mt. Haruna Ropeway
    • ค่า Ropeway ไป-กลับ : ผู้ใหญ่ 850 เยน / เด็ก 420 เยน
  • Haruna Shrine
    • ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

4. อิคาโฮะออนเซ็น (Ikaho Onsen)

Brown-PS / Shutterstock

อิคาโฮะออนเซ็น (Ikaho Onsen) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของภูเขาฮารุนะ ที่นี่เป็นออนเซ็นที่มีชื่อเสียงของจังหวัดกุนมะ ร่วมกันกับคุซัทสึออนเซ็น มินาคามิออนเซ็น และชิมะออนเซ็น

จุดเด่นของออนเซ็นแห่งนี้คือน้ำออนเซ็นเป็นสีแดงโลหะ ว่ากันว่ามันมีคุณสมบัติช่วยคลายความเหนื่อยล้าและดีต่อระบบไหลเวียนเลือด

นอกจากนี้ตัวเมืองยังมีบรรยากาศสไตล์เมืองเก่าอีกด้วย โดยมีขั้นบันไดยาวกว่า 300 เมตรให้ได้เดินชมวิว

ที่มา : https://www.japan-guide.com

รวมถึงมีกิจกรรมต่างๆให้ทำ โดยเฉพาะซุ้มเกมที่มีให้เล่นเยอะมาก

สำหรับสายชมวิว จุดหนึ่งที่เราอยากแนะนำก็คือ สะพานคาจิกะ (Kajika Bridge) จุดชมวิวใบไม้แดงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในย่านอิคาโฮะออนเซ็น

แต่ถ้ายังรู้สึกว่าเที่ยวไม่จุใจล่ะก็ เราขอแนะนำให้ขึ้นกระเช้า Ikaho Ropeway เพื่อไปชมวิวบนยอดเขา Monokiki ที่ความสูง 955 เมตรครับ

เราสามารถมองเห็นภูเขาที่อยู่รอบๆย่านอิคาโฮะออนเซ็นได้โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา Hotaka หรือยอดเขา Tanigawa-dake รวมถึงตัวเมืองอิคาโฮะและตัวเมืองชิบุกาวะด้วยครับ

ข้อมูลเกี่ยวกับอิคาโฮะออนเซ็น (Ikaho Onsen)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานี JR Shibukawa ขึ้นรถบัสที่วิ่งไปทาง Ikaho Onsen แล้วลงที่ป้าย Ikaho Onsen (ใช้เวลา 34 นาที ค่าโดยสาร 580 เยน)
ที่อยู่
  • Ikaho Onsen, 76-5 Ikahomachi Ikaho, Shibukawa, Gunma 377-0102 (ตรงบันไดหิน)
เบอร์ติดต่อ
  • The Tourism Association of Spa Shibukawa Ikaho : 0279723151
  • Ikaho Ropeway : 0279724656
วันและเวลาทำการ
  • Ikaho Onsen
    • ออนเซ็นเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
    • ร้านค้าต่างๆส่วนใหญ่เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 17:00 น.
  • Ikaho Ropeway
    • กระเช้ามีให้บริการทุกวัน เวลา 8:40 – 17:15 น.
ค่าเข้าชม
  • Ikaho Onsen
    • ไม่มีค่าบริการ
  • Ikaho Ropeway
    • ค่าขึ้นกระเช้า Ropeway ไป-กลับ : ผู้ใหญ่ 830 เยน / เด็ก 410 เยน
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

5. วัดมิซูซาวะ (Mizusawa Temple)

วัดมิซูซาวะ (Mizusawa Temple) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองอิคาโฮะออนเซ็นมากนัก เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 1,300 ปี สร้างขึ้นโดยหลวงพ่อเอคัง โดยเป็นการสร้างตามบัญชาของจักรพรรดิซุยโกะและจักรพรรดิจิโตะ

ภายในบริเวณวัดประกอบไปด้วยอาคารหลายแห่ง รวมถึงห้องโถงหลัก หอระฆัง และเจดีย์หกเหลี่ยมสีแดง เจดีย์ดังกล่าวนี้เป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นจิโซทั้งหก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเทพผู้พิทักษ์ที่คอยคุ้มกัน 6 โลก (นรก, วิญญาณ, สัตว์, มนุษย์, มนุษย์ครึ่งเทพ และสวรรค์) รูปปั้นเหล่านี้ตั้งอยู่บนแท่นหมุนอันเป็นสัญลักษณ์แทนวงล้อแห่งชีวิตของชาวพุทธ เชื่อกันว่าหากภาวนาสุดใจขณะหมุนแท่นนี้ไปทางซ้าย 3 ครั้ง คำอธิษฐานที่เราขอจะเป็นจริง

Opasbbb / Shutterstock

ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของวัดมิซูซาวะคือ การเป็นที่ประดิษฐานของพระคันนอน (Kannon) เทพแห่งความเมตตา ซึ่งเป็นรูปปั้น 11 หน้า 1,000 มือ (ขณะนี้ไม่เปิดให้เข้าชม)

นอกจากวัดแล้ว สิ่งที่มีชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คืออาหารสุดขึ้นชื่ออย่าง มิซูซาวะอุด้ง (Misuzawa Udon)

ข้อมูลเกี่ยวกับวัดมิซูซาวะ (Mizusawa Temple)

วิธีเดินทาง
  • จากเมืองอิคาโฮะออนเซ็น ให้ขึ้นรถบัสบริการที่ป้าย Yachiyozaka Shita แล้วไปลงที่ป้าย Mizusawa (ใช้เวลา 10 นาที ค่าโดยสาร 320 เยน) แล้วเดินต่ออีก 3  นาที
ที่อยู่
  • Mizusawa Kannon, 214 Ikahomachi Mizusawa, Shibukawa, Gunma 377-0103
เบอร์ติดต่อ
  • 0279723619
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 8:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
  • ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

6. อุทยานอากากิ (Akagi Nature Park)

ที่มา : https://www.gunma-fc.jp

อุทยานอากากิ (Akagi Nature Park) เป็นสวนป่าที่ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของภูเขาอากากิ โดยอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 600 – 700 เมตร

อุทยานแห่งนี้มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้หลากหลายชนิดที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้เขียวชอุ่มที่บ่งบอกถึงความมีชีวิตชีวาในฤดูร้อน ความงดงามของต้นไม้นานาพรรณที่เปลี่ยนสีสันในฤดูใบไม้ร่วง หรือวิวทิวทัศน์สีขาวสะอาดตาในฤดูหนาว

เรียกได้ว่าเป็นป่าที่จะพาเราไปสัมผัสกับธรรมชาติทั้งสี่ฤดูกาลของประเทศญี่ปุ่นได้อย่างแท้จริง

ข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานอากากิ (Akagi Nature Park)

วิธีเดินทาง
  • รถบัส : จากสถานีรถไฟ JR Shibukawa ให้ขึ้นรถบัสบริการมาที่อุทยาน โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที  (ค่าโดยสาร : ผู้ใหญ่ 600 เยน / เด็ก 300 เยน) รถบัสจะให้บริการเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ในเดือนเมษายนถึงพฤศจิกายนเท่านั้น
  • รถแท็กซี่ : อีกทางเลือกหนึ่งคือนั่งแท็กซี่จากสถานีรถไฟ JR Shibukawa โดยใช้เวลา 20 นาที
ที่อยู่
  • Akagi Nature Park, 892 Akagimachi Minamiakagisan, Shibukawa, Gunma 379-1113
เบอร์ติดต่อ
  • 0279565211
วันและเวลาทำการ
  • อุทยานเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:30 น.
    • เดือนเมษายน-พฤศจิกายน : หยุดทุกวันอังคาร (ยกเว้นเดือนพฤษภาคมที่เปิดทุกวันโดยไม่มีวันหยุด)
    • เดือนธันวาคม-มีนาคม : เปิดเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์
ค่าเข้าชม
  • ผู้ใหญ่ : 1,000 เยน
  • เด็กประถมมัธยมต้น : เข้าชมฟรี
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

7. ชิมะออนเซ็น (Shima Onsen)

ชิมะออนเซ็น (Shima Onsen) เป็นอีกหนึ่งเมืองออนเซ็นชื่อดังของจังหวัดกุนมะ ที่นี่มีประวัติความเป็นมายาวนานมากกว่า 1,200 ปี ในปี 1954 ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นออนเซ็นอันดับ 1 สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ร่วมกับ Sakayu Onsen ของจังหวัดอาโอโมริ และ Nikko Yumoto Onsen ของจังหวัดโทชิงิ

ที่มา : https://thegate12.com

Olga-Kashubin / Shutterstock

ที่มา : https://m.media-amazon.com

อาคารที่เห็นในภาพแรกนั้นว่ากันว่าเป็นต้นแบบของอาคาร Aburaya ที่ปรากฏในภาพยนตร์อนิเมะชื่อดังอย่าง Spirited Away ของค่ายสตูดิโอจิบลิ (แต่ก็ยังคงมีการถกเถียงกันอยู่ว่าสถานที่ไหนคือต้นแบบที่แท้จริง ระหว่างที่นี่กับ Dogo Onsen ของจังหวัด Ehime)

อีกหนึ่งไฮไลต์ของการมาเที่ยวชิมะออนเซ็นคือ ทะเลสาบโอคุชิมะ (Lake Okushima) ทะเลสาบที่เกิดจากเขื่อนชิมากาวะ (Shimagawa Dam) ซึ่งเป็นเขื่อนกั้นแม่น้ำชิมะ (Shima River) จุดเด่นของทะเลสาบแห่งนี้คือคือน้ำสีฟ้าเข้มที่สวยงาม

ข้อมูลเกี่ยวกับชิมะออนเซ็น (Shima Onsen)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานี JR Takasaki ให้นั่งรถไฟไปลงที่สถานี JR Nakanojō (รถไฟด่วน : ใช้เวลา 38 นาที ค่าโดยสาร 2,020 เยน / รถไฟธรรมดา : ใช้เวลา 54 นาที ค่าโดยสาร 770 เยน) แล้วขึ้นรถบัสไปลงที่ป้าย Kirinokidaira (ใช้เวลา 30 นาที ค่าโดยสาร 950 เยน) การเดินทางด้วยวิธีนี้เหมาะกับคนที่ใช้ JR Pass
  • สำหรับคนที่ขี้เกียจนั่งรถหลายๆต่อจากโตเกียว ให้นั่งรถบัสของบริษัท Kanetsu (ใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง ค่าโดยสาร 3,150 เยน / ตั๋วไป-กลับ 5,200 เยน) สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> Click!
  • สำหรับการเดินทางไปทะเลสาบโอคุชิมะ หากเดินจากออนเซ็นจะใช้เวลา 40-50 นาที (ถ้าขี้เกียจก็สามารถเรียกแท็กซี่ไปได้นะครับ)
ที่อยู่
  • Shima Onsen
    • 4379 Shima, Nakanojo, Agatsuma District, Gunma 377-0601
    • เบอร์ติดต่อ : 0279642321
  • Lake Okushima
    • Shima, Nakanojo-machi, Agatsuma-gun 377-0601, Gunma Prefecture
    • เบอร์ติดต่อ : 0279753047
วันและเวลาทำการ
  • Shima Onsen : หากเป็นที่ Yamaguchikan จะเปิดให้บริการเวลา 12:00 – 17:00 น.
  • Lake Okushima : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
  • Shima Onsen : หากเป็น Yamaguchikan มีค่าใช้บริการออนเซ็น 1,000 เยน
  • Lake Okushima : ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

8. มังสะออนเซ็น (Manza Onsen)

ที่มา : https://2.bp.blogspot.com

มังสะออนเซ็น (Manza Onsen) เมืองออนเซ็นที่ตั้งอยู่บนเนินเขาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของภูเขา Shirane  ความสูงของเมืองแห่งนี้อยู่ที่ประมาณ 1,800 เมตรจากระดับน้ำทะเล

เนื่องจากน้ำแร่ออนเซ็นของที่นี่มีส่วนผสมของซัลฟิวริกสูง จึงให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยในการเผาผลาญอาหารและการไหลเวียนของโลหิต รวมถึงดีต่อผิวอีกด้วย

ที่มา : https://www.powderhounds.com

นอกจากจะเป็นเมืองออนเซ็นแล้ว ในช่วงฤดูหนาวที่นี่ก็ยังเป็นลานสกีอีกด้วย

ข้อมูลเกี่ยวกับมังสะออนเซ็น (Manza Onsen)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานี JR Takasaki ให้นั่งรถไฟชินคันเซ็นและรถไฟธรรมดามาลงที่สถานี JR Manza Kazawaguchi (ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 90 นาที ค่าโดยสาร 6,000 เยน) จากนั้นให้ขึ้นรถบัสไปลงที่ Manza Onsen (ใช้เวลา 45 นาที ค่าโดยสาร 1,370 เยน)
ที่อยู่
  • Manza Onsen, 2401, Manza Onsen, Hoshimata, Tsumagoi, Agatsuma District, Gunma, 377-1528
เบอร์ติดต่อ
  • 0279973117
วันและเวลาทำการ
  • สำหรับ Manza Prince Hotel เปิดให้บริการเวลา 11:00 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม
  • มีค่าบริการออนเซ็น 1,300 เยน
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

9. มินาคามิออนเซ็น (Minakami Onsen)

มินาคามิออนเซ็น (Minakami Onsen) เป็น 1 ใน 4 เมืองออนเซ็นชื่อดังของจังหวัดกุนมะ ร่วมกันกับคุซัทสึออนเซ็น อิคาโฮะออนเซ็น และชิมะออนเซ็น นอกจากนี้ภายในเมืองมินาคามิออนเซ็นยังประกอบไปด้วยโซนออนเซ็นย่อย คือทานิกาวะออนเซ็น (Tanigawa Onsen), ทาคาระกาวะออนเซ็น (Takaragawa Onsen) และที่อื่นๆ ซึ่งบอกได้เลยว่าดีงามพระราม 8 ทุกที่!

ที่มา : https://mai-ko.com

นอกจากออนเซ็นแล้ว เมืองมินาคามิออนเซ็นก็ยังมีธรรมชาติที่สวยงามจากการตั้งอยู่ในบริเวณแม่น้ำโทเนะ รวมถึงภูเขาหลายๆลูก เช่นภูเขา Tanigawadake (谷川岳 ) และภูเขา Hotaka-yama (武尊山 ) ซึ่งภูเขาเหล่านี้ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นด้วย

ช่วงที่น่ามาเที่ยวมากที่สุดสำหรับที่นี่ก็คือฤดูใบไม้ร่วง ส่วนจุดที่น่าไปก็คือยอดเขาทานิกาวะ (Mount Tanigawa) ด้วยความที่มีกระเช้า Ropeway ให้นั่ง เราจึงขึ้นไปถึงยอดเขาได้ไม่ยากครับ

กิมมิคหนึ่งของสถานี Minakami คือที่นี่มีรถไฟโบราณให้นั่งเล่นด้วย รถไฟขบวนนี้จะวิ่งจาก Minakami ไปยัง Takasaki ใครที่ชอบรถไฟสไตล์วินเทจต้องลอง!

ใครสนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ >> Click!

ข้อมูลเกี่ยวกับมินาคามิออนเซ็น (Minakami Onsen)

วิธีเดินทาง

จากสถานี JR Takasaki นั่งรถไฟชินคันเซ็นไปลงที่สถานี JR Jomokogen (ใช้เวลา 15 นาที ค่าโดยสาร 3,460 เยน) แล้วขึ้นรถบัสไปลงที่สถานี Minakami (ใช้เวลา 25 นาที ค่าโดยสาร 630 เยน) จากนั้นให้เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่เราต้องการ ดังนี้

  • ถ้าจะไป Tanigawa Onsen ให้นั่งรถแท็กซี่ (ค่าโดยสารประมาณ 1,000 – 1,300 เยน)
  • ถ้าจะไป Takaragawa Onsen ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Takaragawa Iriguchi (ใช้เวลา 30 นาที ค่าโดยสาร 1,150 เยน) จากนั้นนั่งรถบริการของเรียวกังที่จองไว้
  • ถ้าจะไป Tanigawadake Ropeway ให้นั่งรถบัส (ใช้เวลา 20 นาที ค่าโดยสาร 760 เยน)

หมายเหตุ : มีตั๋ว 3 Day Pass ให้ใช้สำหรับนักท่องเที่ยว ราคา 2,100 เยน (ใช้กับรถบัสและกระเช้า Ropeway)

ที่อยู่
  • Tanigawa Onsen (Ryokan Tanigawa)
    • 524-1, Tanigawa, Minakami, Tone District, Gunma 379-1619
    • เบอร์ติดต่อ : 0278722468
  • Takaragawa Onsen Takaragawa Sanso
    • 1899 Fujiwara, Minakami, Tone District, Gunma 379-1721
    • เบอร์ติดต่อ : 0278752611
  • Tanigawadake Ropeway
    • Fukiyama National Forest, Yubiso, Minakami, Tone District, Gunma, 379-1728
    • เบอร์ติดต่อ : 0278723575
วันและเวลาทำการ
  • Ryokan Tanigawa : เปิดให้บริการแบบ one-day ตั้งแต่เวลา 16:00 – 21:00 น.
  • Takaragawa Onsen Takaragawa Sanso : เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:00 น.
  • Tanigawadake Ropeway :
    • เดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน : เปิดวันธรรมดา เวลา 8:00 – 17:00 น.
    • เดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน : เปิดวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการ เวลา 7:00 – 17:00 น.
    • เดือนธันวาคมถึงมีนาคม : เปิดทุกวัน เวลา 8:30 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม
  • Ryokan Tanigawa : มีค่าบริการออนเซ็นประมาณ 600 เยน ดูรายละเอียดได้ที่นี่ >> Click!
  • One-day plan : ดูรายละเอียดได้ที่นี่ >> Click!
  • Takaragawa Onsen Takaragawa Sanso
    • ค่าบริการออนเซ็น : ผู้ใหญ่ : 1,500 เยน / เด็ก : 1,000 เยน
  • Tanigawadake Ropeway
    • ค่ากระเช้า Ropeway ไป-กลับ : 2,100 เยน
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

10. อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park)

อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park) เป็นอุทยานแห่งชาติชื่อดังของจังหวัดกุนมะ และเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้และภูเขาอันงดงาม

ภายในอุทยานมีทั้งเส้นทางเดินป่าสำหรับสายแอดเวนเจอร์ที่รักการผจญภัย แถมยังมีจุดน่าแวะให้ได้ถ่ายรูปกันอีกเพียบ ที่สำคัญคือที่นี่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากทัศนียภาพในแต่ละฤดูกาลนั้นสวยงามไม่ซ้ำกันเลย

จุดที่น่าสนใจภายในอุทยานแห่งชาติโอเซะคือพื้นที่ลุ่ม Ozegahara Marshland และบึง Ozenuma Pond ซึ่งรายล้อมไปด้วยเทือกเขา

อุทยานแห่งชาติโอเซะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นที่นิยมมากในช่วงที่ดอกกะหล่ำปลีบาน รวมถึงช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ต้นฤดูร้อน และต้นฤดูใบไม้ร่วง แต่จะมีผู้เข้าชมน้อยลงในช่วงฤดูหนาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะหนา

ใครที่จะมาเที่ยวที่นี่ขอให้เตรียมกำลังขาเอาไว้ให้ดี เพราะคุณจะต้องเดิน 2-3 ชั่วโมงในระยะทางไป-กลับ

ข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park)

วิธีเดินทาง
  • ก่อนอื่นให้นั่งรถไฟ JR จากสถานี Takasaki ไปลงที่สถานี Numata (ใช้เวลา 45 นาที ค่าโดยสาร 770 เยน) จากนั้นขึ้นรถบัสไปลงที่ Tokura (ใช้เวลา 110 นาที ค่าโดยสาร 2,500 เยน) เมื่อเดินทางมาถึง Tokura แล้ว เราสามารถเลือกวิธีการเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติโอเซะได้ 2 แบบ ดังนี้
    1. หากต้องการไปลงรถใกล้กับ Ozegahara Marshland : จากสถานี Tokura ให้ต่อรถ Shuttle Bus ไปลงที่ Hatomachitoge (ค่าโดยสาร 1,000 เยน) การเดินทางด้วยวิธีนี้เป็นเส้นทางที่ใกล้กับ Ozegahara Marshland (ใช้เวลาเดินเข้าไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะถึง) ทั้งนี้ รถ Shuttle Bus จะให้บริการเฉพาะช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม และช่วงต้นถึงกลางเดือนกันยายน
    2. หากต้องการไปลงรถใกล้กับ Ozenuma Pond : จากสถานี Tokura ให้นั่งรถบัสไปทาง Oshimizu (ใช้เวลา 120 นาที ค่าโดยสาร 2,700 เยน) วิธีเดินทางแบบนี้เป็นเส้นทางที่ใกล้กับ Ozenuma Pond (ใช้เวลาเดินเข้าไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมงก็จะถึง)
ที่อยู่
  • Oze National Park, Katashina, Tone District, Gunma 378-0411
เบอร์ติดต่อ
  • 0486000516
วันและเวลาทำการ
  • อุทยานเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
  • ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

11. โรงทอไหมโทมิโอกะ (Tomioka Silk Mill)

โรงทอไหมโทมิโอกะ (Tomioka Silk Mill) สร้างขึ้นในปี 1872 หรือช่วงยุคเมจิ ที่นี่เป็นโรงทอผ้าไหมแห่งแรกของญี่ปุ่นที่ใช้เครื่องจักรทันสมัยในการผลิตผ้าไหม หลังจากดำเนินการมานานถึง 115 ปี โรงงานแห่งนี้ก็ได้ปิดตัวลงไปในปี 1987

แต่หลังจากนั้นในปี 2014 โรงทอไหมเก่าแก่แห่งนี้ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) เนื่องจากสถานที่แห่งนี้มีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมทอผ้าไหมญี่ปุ่น คือมีส่วนในการผลักดันให้ผ้าไหมญี่ปุ่นเป็นสินค้าส่งออกสู่ต่างประเทศ อันเป็นก้าวที่สำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอในศตวรรษที่ 20 นั่นเอง

ภายในโรงทอไหมโทมิโอกะมีการจัดแสดงเครื่องจักรและสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการผลิตผ้าไหม รวมถึงมีการสาธิตวิธีการสาวไหมให้เราได้ชมกันอีกด้วย

ข้อมูลเกี่ยวกับโรงทอไหมโทมิโอกะ (Tomioka Silk Mill)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานี Takasaki นั่งรถไฟ Joshin Dentetsu ไปลงที่สถานี Jōshū-Tomioka (ใช้เวลา 50 นาที ค่าโดยสาร 810 เยน) แล้วเดินต่ออีก 10 นาที (มีตั๋วไป-กลับรวมค่าเข้าชมจำหน่ายที่ราคา 2,200 เยน)
ที่อยู่
  • Tomioka Silk Mill, 1-1 Tomioka, Gunma 370-2316
เบอร์ติดต่อ
  • 0274670075
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:00 – 17:00 น.
  • หยุดวันที่ 29-31 ธันวาคม
ค่าเข้าชม
  • ผู้ใหญ่ : 1,000 เยน
  • นักศึกษาและนักเรียนมัธยมปลาย : 250 เยน
  • นักเรียนมัธยมต้นและนักเรียนประถม : 150 เยน
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

12. ภูเขาเมียวกิ (Mt. Myogi)

ภูเขาเมียวกิ (Mt. Myogi) เป็นหนึ่งใน Jomo Sanzan หรือ สามภูเขาชื่อดังแห่งกุนมะ ร่วมกันกับภูเขาอากากิและภูเขาฮารุนะ บริเวณที่เรียกว่า ‘ภูเขาเมียวกิ’ นั้น จริงๆแล้วหมายความรวมไปถึงภูเขาทั้งหมดในโซนนี้ อันได้แก่ ภูเขาฮาคุอุน (Hakuun-zan) ภูเขาคนโดะ (Kondō-san) ภูเขาคินเคอิ (Kinkei-san) ยอดเขาโซมะ (Sōma-dake) ภูเขามิตาเกะ (Mitake-san) ภูเขาโชซุโนะคาชิระ (Chōsunokashira) ภูเขายาคิว (Yakyu-san) และภูเขาย่อยแห่งอื่นๆ

ทางฝั่งทิศใต้ของภูเขาเมียวกิมีชื่อเรียกรวมๆว่า ‘โอโมเตะเมียวกิ’ (ด้านหน้าของเมียวกิ) ส่วนโซนภูเขายาคิว ภูเขาโชซุโนะคาชิระ และภูเขาอนทาเกะนั้นมีชื่อเรียกว่า ‘อุระเมียวกิ (ด้านหลังของเมียวกิ)

ณ ภูเขาเมียวกิ เราจะได้ชมภาพทิวทัศน์ของภูเขาหินผาสูงชันรูปร่างแปลกตาทว่าสวยสง่างาม บางจุดของภูเขาแห่งนี้นับว่าเป็น 1 ใน 3 ภูมิทัศน์อันน่าทึ่งที่สุดของญี่ปุ่นเลยทีเดียว

สถานที่ชมวิวภูเขาเมียวกินั้นมีอยู่หลายจุด จุดหนึ่งที่มีชื่อเสียงก็คือ ศาลเจ้านากาโนะทาเกะ (Nakanotake Shrine) ซึ่งมีรูปปั้น Daikokuten เทพแห่งโชคลาภขนาดใหญ่ตามที่เห็นในภาพด้านบน

ข้อมูลเกี่ยวกับภูเขาเมียวกิ (Mt. Myogi)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานี Takasaki นั่งรถไฟ Joshin Dentetsu ไปลงที่สถานี Shimonita (ใช้เวลา 65 นาที ค่าโดยสาร 1,130 เยน) แล้วนั่งแท็กซี่ต่ออีกประมาณ 20 นาที
ที่อยู่
  • Mount Myogi (Nakanotake Shrine), 1248 Kamiosaka, Shimonita, Kanra District, Gunma 370-2621
เบอร์ติดต่อ
  • 0274825671
วันและเวลาทำการ
  • ศาลเจ้านากาโนะทาเกะบนภูเขาเมียวกิเปิดให้สักการะทุกวัน เวลา 9:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
  • ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดกุนมะ

1. มิซูซาวะอุด้ง (Misuzawa Udon)

มิซูซาวะอุด้ง (Misuzawa Udon) เป็นเมนูอุด้งที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 อุด้งที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ร่วมกันกับซานุกิอุด้งของจังหวัดคากาวะ และอินานิวะอุด้งของจังหวัดอาคิตะ

มิซูซาวะอุด้งใช้เส้นที่ทำจากน้ำบริสุทธิ์และแป้งสาลีคุณภาพสูง อีกทั้งยังใช้เกลือที่คัดสรรมาเป็นพิเศษเท่านั้นในการปรุง เส้นอุด้งชนิดนี้มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครอยู่ตรงที่ว่าตัวเส้นจะมีความหนาเล็กน้อยและมีลักษณะกึ่งโปร่งใส

คนญี่ปุ่นนิยมทานมิซูซาวะอุด้งเป็นแบบเย็น โดยทานคู่กับเทมปุระ

Back To Index

2. คอนยัคกุ (Konyaku)

คอนยัคกุ (Konyaku) เป็นเมนูที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลกในฐานะอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะคอนยัคกุเป็นอาหารที่แทบจะไม่มีแคลอรี่ แถมยังมีใยอาหารสูงอีกด้วย

จังหวัดกุนมะนับว่าเป็นแหล่งผลิตหัวบุกซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการทำคอนยัคกุ ปริมาณการผลิตหัวบุกเฉพาะที่กุนมะนั้นคิดเป็น 80% ของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว

คนญี่ปุ่นนิยมนำคอนยัคกุไปต้มด้วยมิโซะ หรือไม่ก็ทานเป็นชิราตากิ(เส้นบุก) นอกจากนี้คอนยัคกุยังสามารถทำเป็นเส้นราเมน เส้นพาสต้า รวมถึงทำเป็นโอเด้งได้อีกด้วย

Back To Index

3. อคคิริโคมิ (Okkirikomi)

ที่มา : https://www.facebook.com/visitgunma.En

อคคิริโคมิ (Okkirikomi) เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดกุนมะ ชาวกุนมะจะนำผักกับเห็ดตามฤดูกาลไปตุ๋นพร้อมกับเส้นลักษณะแบนกว้างในน้ำซุปที่ปรุงรสด้วยโชยุหรือมิโซะ

อคคิริโคมิเป็นเมนูที่ช่วยคลายความหนาวได้เป็นอย่างดีทีเดียว หากใครมาเที่ยวกุนมะในช่วงหน้าหนาว ขอแนะนำเมนูนี้เลยครับ

  • ร้านแนะนำ >> Koshitei

Back To Index

4. กินฮิคาริ (Ginhikari/Rainbow Trout)

ที่มา : https://images.ctfassets.net

กินฮิคาริ (Ginhikari/Rainbow Trout) เป็นปลาที่หากมองเผินๆเราอาจจะคิดว่าเป็นแซลมอน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่นะครับ ปลาชนิดนี้จัดว่าเป็น ‘ปลาเทราต์’ ครับ

กินฮิคาริเป็นปลาเทราต์สายพันธุ์คัดพิเศษที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีเป็นเวลา 3 ปี รสชาติของปลาชนิดนี้จะเข้มข้นไปด้วยมันปลา ทั้งยังอุดมไปด้วยไขมันดีอย่างโอเมก้า 3 อีกด้วย

Back To Index

5. ยากิมันจู (Yaki Manju)

ยากิมันจู (Yaki Manju) เป็นเมนูที่ทำจากแป้งสาลี โดยเป็นการนำแป้งมานวดนึ่งจนกลายเป็นเนื้อแป้งขึ้นมา จากนั้นก็ทาซอสมิโซะหวานๆลงไป แล้วจึงนำไปปิ้ง เนื้อแป้งที่นุ่มฟูราวกับขนมปังนั้นแสนจะเข้ากันดีกับซอสหวานๆ

มันจูของจังหวัดกุนมะนั้น เมื่อเทียบกับมันจูของที่อื่นแล้วจะเห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เพราะว่ามันจูของที่อื่นจะเป็นแป้งยัดไส้ถั่วต่างๆ ซึ่งจะออกไปทางขนมหวานมากกว่า แต่ยากิมันจูที่เป็นของกุนมะนั้น เมื่อเอามาย่างกับมิโซะแล้วก็แทบไม่ต่างจากอาหารคาวเลยล่ะครับ

Back To Index

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top