5 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีสุดฟินที่ ‘อาคิตะ’ (Akita Prefecture)
เม.ย. 12, 2021
บทนำ
ถ้าคิดถึงสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่น หลายๆคนก็คงนึกถึงวัดหรือศาลเจ้าต่างๆในจังหวัดแถบคันไซอย่างเกียวโตหรือนาราแน่ๆ
แต่วันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในจังหวัด ‘อาคิตะ’ ที่สวยงามไม่แพ้ที่ใดในญี่ปุ่นเลย
สารบัญ
- หุบเขาดาคิกาเอริ (Dakigaeri Gorge)
- ทะเลสาบทาซาวะ (Lake Tazawa)
- หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Samurai District)
- สึรุโนยุออนเซ็น (Tsurunoyu Onsen)
- คุโรยุออนเซ็น (Kuroyu Onsen)
1. เดินเล่นชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ หุบเขาดาคิกาเอริ (Dakigaeri Gorge) จ. อาคิตะ
หุบเขาดาคิกาเอริ (Dakigaeri Gorge) เป็นหุบเขาที่สวยงามในจังหวัดอาคิตะ โดยที่มาของชื่อ ดาคิกาเอริ นั้นมาจากลักษณะของหุบเขาที่มีความลาดชันและคับแคบ เวลาคนเดินสวนกันจึงต้องคอยโอบและประคองกันไว้ ทำให้เป็นที่มาของชื่อ ดาคิกาเอริ ซึ่งแปลว่า “กอดกันไว้”
จุดเด่นของหุบเขาแห่งนี้คือ ที่นี่เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอาคิตะ
ความงามของหุบเขาดาคิกาเอรินั้นเกิดจากลำธารสีฟ้าที่ไหลผ่านตรงกลางระหว่างหน้าผาทั้งสองฝั่ง โดยมีใบไม้สีเขียวขจีปกคลุมอย่างหนาแน่น
แต่เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เหล่านั้นก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสลับส้มแดง ตัดกับสีฟ้าของลำธาร ออกมาเป็นทิวทัศน์ที่มีชีวิตชีวาและคัลเลอร์ฟูลมากๆ
ตรงสุดปลายทางจะมีน้ำตก ตรงนี้ถ่ายรูปสวยอยู่นะ
แต่จะว่าไปแล้ว ตรงไหนก็ถ่ายสวยหมดนั่นแหละ 555
ถ้าใครได้แวะไปเที่ยวจังหวัดอาคิตะในโซน Kakunodate อยู่แล้ว ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน) ขอบอกเลยว่าห้ามพลาด!
ข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขาดาคิกาเอริ (Dakigaeri Gorge)
ที่อยู่
- Dakigaeri Valley, Tazawako Sotsuda, Semboku, Akita 014-1113
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชม
การเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Kakunodate หากนั่งรถแท็กซี่จะใช้เวลา 15 นาที
- นอกจากนี้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะมีรถบัสบริการด้วย (แต่คนต่อคิวเยอะมากกกกกกกกกก)
- ส่วนการไปสถานี Kakunodate หากเดินทางจากสถานี Tokyo ให้นั่งชินคันเซ็นสาย Akita (3 ชั่วโมง 17,000 เยน) (แนะนำสำหรับผู้ใช้ JR PASS)
- นอกจากนี้ เราสามารถนั่งรถบัสกลางคืนของบริษัท Willer ได้ โดยนั่งจากโตเกียวไปลงที่สถานี Morioka (ค่าโดยสาร 5,000 เยนโดยประมาณ) แล้วนั่งรถไฟต่อไปยังสถานี Kakunodate ได้เช่นกัน (ใช้เวลา 20 นาที ค่าโดยสาร 330 เยน)
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
2. ล่องเรือชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ทะเลสาบทาซาวะ (Lake Tazawa) จ. อาคิตะ
ทะเลสาบทาซาวะ (Lake Tazawa) เป็นทะเลสาบในเมืองเซมโบกุ จังหวัด ‘อาคิตะ’ อีกทั้งยังเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย โดยมีความลึกประมาณ 423 เมตร
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงมากของภูมิภาคโทโฮคุ เพราะสามารถชมความงามของทะเลสาบไปพร้อมๆกับหุบเขาใบไม้เปลี่ยนสี
โดยโปรแกรมท่องเที่ยวอย่างหนึ่งที่เป็นที่นิยมก็คือการนั่งเรือวนรอบทะเลสาบนี่ล่ะครับ
ซึ่งด้วยความสวยงามแบบนี้นี่แหละ ที่ทำให้ซีรีส์เกาหลีเรื่อง IRIS (นักฆ่าล่าหัวใจเธอ) ซึ่งออนแอร์ในปี 2009 เลือกที่จะยกกองมาถ่ายทำกันที่ทะเลสาบแห่งนี้
ตรงนี้มีรูปปั้นที่มีชื่อเสียงอยู่ด้วย นั่นคือ รูปปั้นทัตสึโกะ ผมมีตำนานเกี่ยวกับรูปปั้นนี้มาเล่าให้ฟังกันด้วยครับ
ตำนานเรื่องนี้มีที่มาจากหญิงสาวหน้าตางดงามที่ชื่อ ทัตสึโกะ วันหนึ่งในขณะที่ทัตสึโกะมีอายุมากขึ้น เธอก็รู้สึกว่ารูปลักษณ์ของตัวเองเปลี่ยนแปลงไป และนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก
ด้วยความที่ทัตสึโกะอยากจะรักษาความงามของตนไว้ เธอจึงสวดภาวนากับเจ้าแม่กวนอิม เพื่อขอให้ความสาวและความสวยงามคงอยู่ตลอดไป เจ้าแม่กวนอิมจึงบอกให้เธอไปทางเหนือและดื่มน้ำจากบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ในที่แห่งนั้น
ทัตสึโกะจึงเดินทางไปที่ทะเลสาบทาซาวะและดื่มน้ำตามที่เจ้าแม่กวนอิมบอก แต่ไม่ว่าเธอจะดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ไม่อาจดับความกระหายได้ และเมื่อเธอมองภาพสะท้อนของตัวเองในทะเลสาบ ทัตสึโกะก็พบว่าเธอได้กลายร่างเป็นมังกรไปเสียแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นทัตสึโกะก็ตกใจจนถึงกับจมลงไปในทะเลสาบ
ว่ากันว่าเป็นเพราะความโลภมากในการแสวงหาความงาม เธอจึงดื่มน้ำจากทะเลสาบในปริมาณที่มากเกินไป เจ้าแม่กวนอิมเห็นดังนั้นจึงลงโทษเธอโดยการสาปให้กลายร่างเป็นมังกรซะเลย
แต่ๆๆ ตำนานของเรายังไม่จบ! ปรากฏว่า ฮาจิโรงาตะ (Hachirogata) ชายหนุ่มผู้กลายเป็นมังกรในทะเลสาบฮาจิโรงาตะที่อยู่ทางเหนือของทะเลสาบทาซาวะได้ตกหลุมรักทัตสึโกะ เขาจึงไปเที่ยวที่ทะเลสาบทาซาวะทุกๆฤดูหนาวเพื่ออยู่กับเธอ
และด้วยความรักระหว่างมังกรทั้งสอง จึงเกิดเป็นพลังความอบอุ่นที่ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ไม่กลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาวนั่นเอง (จากเศร้าๆกลายเป็นแฮปปี้เอนดิ้งได้ซะงั้น)
เรื่องที่ทะเลสาบแห่งนี้ไม่เป็นน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาว อันนี้เป็นเรื่องจริงนะครับ ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรเหมือนกัน
เอาเป็นว่าถ้าใครมีแพลนจะไปเที่ยวที่ จ. อาคิตะ ผมก็ขอแนะนำที่นี่นะครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับทะเลสาบทาซาวะ (Tazawa Lake)
ที่อยู่
- Tofukuji Temple, Haruyama-148 Tazawako Tazawa, Semboku, Akita 014-1204
โทร
- 0187-43-0274
วันและเวลาทำการ
- เรือชมทะเลสาบ เปิดให้บริการทุกวัน ในเวลา 9:00 – 16:00 น.
- รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่เว็บไซต์นี้ >> https://tazawako-resthouse.jp/yuransen-2
ค่าเข้าชม
- ค่าเรือทัวร์ทะเลสาบ 1,220 เยน
การเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Tazawako นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Tazawa-kohan (ใช้เวลา 12 นาที ค่าโดยสาร 360 เยน) แล้วเดินอีก 3 นาทีเพื่อไปที่ท่าเรือ (อยู่ตรงข้ามป้ายรถบัสเลย)
- ส่วนการเดินทางไปสถานี Tazawako หากเดินทางจากสถานี Tokyo ให้นั่งรถไฟชินคันเซ็นสาย Akita (ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 16,000 เยน) ขอแนะนำการเดินทางด้วยวิธีนี้สำหรับผู้ใช้ JR PASS
- นอกจากนี้ เราสามารถนั่งรถบัสกลางคืนของบริษัท Willer ได้ โดยนั่งจากโตเกียวไปลงที่สถานี Morioka (ค่าโดยสาร 5,000 เยนโดยประมาณ) แล้วนั่งรถไฟต่อไปยังสถานี Tazawako ได้เช่นกัน (อาจใช้ Willer Bus Pass รายละเอียดสามารถอ่านได้ที่บทความนี้ครับ >> วิธีเที่ยวญี่ปุ่นด้วยรถบัสกลางคืน Willer Bus Pass)
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
3. เดินเล่นใส่กิโมโน สวมเกราะซามูไร ชมใบไม้เปลี่ยนสี ที่หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Samurai District)
คาคุโนะดาเตะ (Kakunodate/角館) เป็นเมืองเล็กๆในจังหวัดอาคิตะ ที่ขึ้นชื่อเรื่องย่านที่อยู่อาศัยของซามูไรสมัยโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดีและคงสภาพเดิมไว้
จุดเด่นของหมู่บ้านแห่งนี้คือ อาคารในย่านบ้านเก่าของซามูไรเกือบทั้งหมดเป็นอาคารที่ได้รับการอนุรักษ์ เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้มีอาคารที่สำคัญทางประวัติศาสตร์รวมอยู่เยอะมากๆ ทางรัฐบาลจึงได้ประกาศให้ที่นี่เป็นเขตอนุรักษ์ ในทำนองเดียวกับเมืองคาวาโกเอะ จังหวัดไซตามะ หรือย่านกิองของเกียวโต
โดยอาคารเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านของซามูไรที่อาศัยอยู่รอบๆปราสาทของไดเมียวผู้ครองเมืองในอดีตนั่นเอง (ปัจจุบันปราสาทถูกรื้อถอนไปแล้วตามนโยบายในยุคเมจิ)
ซึ่งในปัจจุบันบ้านหลายๆหลังก็เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ สถานที่จัดแสดงโชว์ของเก่า หรือแหล่งเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์เกี่ยวกับผู้คนที่เคยอาศัยที่นี่ในสมัยโบราณ บางร้านเจ้าของก็ทำเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายงานฝีมือ เป็นต้น
บ้านซามูไรที่โด่งดังที่สุดของคาคุโนะดาเตะคือ บ้านอาโอยากิ (Aoyagi House) ซึ่งประกอบไปด้วยอาคารหลายหลังที่ถูกดัดแปลงให้เป็นร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประเพณี วิถีชีวิตของซามูไร รวมถึงประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเมืองคาคุโนะดาเตะ (มีทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ)
กิมมิคอย่างหนึ่งของที่นี่คือ มีดาบให้ลองหยิบดูได้ (เหมือนที่ปราสาทมัตสึยามะ จังหวัดเอฮิเมะ สามารถอ่านเรื่องราวของปราสาทมัตสึยามะได้ที่นี่ >> เที่ยวเอฮิเมะ ชมปราสาทดั้งเดิมพร้อมซากุระที่มัตสึยามะ)
อีกกิมมิคหนึ่งคือ มีชุดเกราะซามูไรให้เช่าด้วย! เราสามารถใส่เดินเล่นในบริเวณพื้นที่ร้านได้ครับ (แต่ห้ามออกไปเพ่นพ่านในหมู่บ้านนะ)
- ใครสนใจเช่าชุดลองดูได้ที่ >> http://www.samuraiworld.com/english/
นอกจากนี้ยังมีกิโมโนให้เช่าด้วยเช่นกัน (แต่ร้านกิโมโนในหมู่บ้านมีอีกเพียบ ไม่ใช่แค่ที่นี่นะ)
- ใครสนใจเช่าชุดลองดูได้ที่ >> http://www.samuraiworld.com/news-detail.php?id=38
ส่วนห้องนี้มีหมวกเกราะให้ลอง อันนี้ฟรีนะ
แน่นอนว่าในเมื่อเป็นบ้านซามูไร ก็ต้องมีเกราะซามูไรจัดแสดงให้ชม
นอกจากนี้ เรายังเดินถ่ายรูปเล่นในหมู่บ้านได้เพลินๆด้วยครับ
ช่วงกลางคืนเขาจะเปิดไฟให้นิดหน่อย สวยใช้ได้เลย แต่ก็ไม่ได้อลังเว่อร์นะ
แล้วฤดูใบไม้ผลิล่ะ? มีอะไรให้ชมบ้างไหมนะ?
จริงๆแล้วต้องบอกว่า ฤดูที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวหมู่บ้านนี้ก็คือฤดูใบไม้ผลิครับ เพราะว่าดอกซากุระสวยมากๆ (ไว้ถ้าผมได้ไปชมซากุระจริงๆจะถ่ายรูปมาฝากอีกทีนะ วันนี้ขอแชร์ภาพจากที่อื่นมาให้ชมก่อนนะครับ)
ข้อมูลเกี่ยวกับหมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ (Kakunodate Samurai District)
1. Kakunodate Tourist Information Center
- ที่อยู่ : Kamisugazawa-394-2 Kakunodatemachi, Semboku, Akita 014-0369
- โทร : 0187-54-2700
- วันและเวลาทำการ : หมู่บ้านเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
- ค่าเข้าชม : หมู่บ้านไม่มีค่าเข้าชม
- เว็บไซต์ : https://tazawako-kakunodate.com/shops/320
- แผนที่ Google Map :
2. Aoyagi House
- ที่อยู่ : 3 Kakunodatemachi OmotemachishimochōSemboku, Akita 014-0331
- โทร : 0187-54-3257
- วันและเวลาทำการ : Aoyagi House เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9.00 – 17.00 น.
- ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็กอายุ 12 – 17 ปี 300 เยน / เด็กอายุ 6 – 11 ปี 200 เยน / เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เข้าชมฟรี
- เว็บไซต์ : http://www.samuraiworld.com/english/
- แผนที่ Google Map :
การเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Kakunodate หากนั่งรถแท็กซี่ไปจะใช้เวลา 5 นาที หรือเดินไปจะใช้เวลา 20 นาที
- ส่วนการไปสถานี Kakunodate นั้น หากเดินทางจากสถานี Tokyo ให้นั่งรถไฟชินคันเซ็นสาย Akita (ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 17,000 เยน) ขอแนะนำการเดินทางด้วยวิธีนี้สำหรับผู้ใช้ JR PASS
- นอกจากนี้ เราสามารถนั่งรถบัสกลางคืนของบริษัท Willer ได้ โดยนั่งจากโตเกียวไปลงที่สถานี Omagari (ค่าโดยสาร 5,000 เยนโดยประมาณ) (อาจใช้ Willer Bus Pass รายละเอียดสามารถอ่านได้ที่บทความนี้ครับ >> วิธีเที่ยวญี่ปุ่นด้วยรถบัสกลางคืน Willer Bus Pass) แล้วนั่งรถไฟต่อไปยังสถานี Kakunodate ได้เช่นกัน (ใช้เวลา 20 นาที ค่าโดยสาร 330 เยน)
4. แช่ออนเซ็นสีน้ำนม พร้อมชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ สึรุโนยุออนเซ็น (Tsurunoyu Onsen)
สึรุโนยุออนเซ็น (Tsurunoyu Onsen) เป็นบ่อน้ำร้อนและโรงแรมแบบเรียวกัง ซึ่งตั้งอยู่ในภูเขานิวโตะ จังหวัดอาคิตะ โดยเป็น 1 ใน 8 บ่อน้ำร้อนที่มีชื่อเสียงของนิวโตะออนเซ็น (Nyuto Onsen) ที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด
เดิมทีออนเซ็นนี้ไม่มีชื่อนะครับ แต่ในตอนหลังออนเซ็นแห่งนี้ได้ชื่อมาจากตำนานที่เล่าขานกันมา โดยเรื่องมีอยู่ว่านายพรานในหมู่บ้านละแวกนี้ได้ไปเห็นนกกระเรียนที่บาดเจ็บจากการถูกตนล่าลงไปแช่น้ำออนเซ็นที่นี่ ทำให้เขาได้รู้ว่าออนเซ็นแห่งนี้สามารถรักษาบาดแผลได้ นายพรานจึงเรียกที่นี่ว่า สึรุโนยุออนเซ็น ซึ่งมีความหมายว่า ออนเซ็นของนกกระเรียน
และในปี 1661 มีการบันทึกว่าเจ้าเมืองแห่งแคว้นอาคิตะนามว่า Satake Yoshitaka ได้เคยเดินทางไปรักษาโรคและบาดแผลที่ออนเซ็นแห่งนี้
ในเวลาต่อมา ราวๆปี 1688 – 1704 มีการบันทึกว่าที่นี่เริ่มเปิดให้ชาวบ้านทั่วไปเข้าใช้บริการได้
จุดเด่นของสึรุโนยุออนเซ็นคือ อาคารที่พักเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่นโบราณซึ่งสร้างตามแบบสมัยเอโดะ โดยเรียวกังเหล่านี้เกิดจาก Satake Yoshitaka เจ้าเมืองเจ้าเก่า
เมื่อครั้งที่เจ้าเมืองคนนี้เดินทางมาแช่ออนเซ็น เขาได้ให้ทหารรักษาความปลอดภัยติดตามมาด้วย จึงมีการสร้างบ้านพักและคลุมหลังคาด้วยหญ้าฟาง เพื่อให้ทหารเหล่านั้นได้อยู่เฝ้าสังเกตการณ์และคุ้มครองตนเองนั่นเอง ซึ่งในทุกๆ 6 ปีก็จะมีการเปลี่ยนมุงหลังคา ทำให้บ้านโบราณที่ว่านี้ยังคงมีอยู่ให้เห็นจนถึงปัจจุบัน
และนั่นก็ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่ถ่ายรูปแล้วแหล่มมาก! โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจะสวยมากๆในช่วงกลางเดือนตุลาถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
แต่ในเมื่อเรามาออนเซ็น เราก็ต้องแช่ออนเซ็นสิ!
ออนเซ็นที่นี่ได้รับความนิยมมากครับ เพราะน้ำที่นี่จะมีสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนม ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผิวสวยแล้ว ยังเชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคภัยต่างๆได้อีกด้วย เช่น โรคความดันโลหิต เส้นเลือดตีบ โรคไขข้ออักเสบ โรคเบาหวาน เป็นต้น (ออนเซ็นของจริงสวยงามแบบในรูปเลยครับ เมื่อเทียบกับออนเซ็นน้ำใส มันสวยอ่ะ)
ทั้งนี้ บ่อออนเซ็นจะมีทั้งบ่อชาย บ่อหญิง และบ่อรวม หรือบ่อตามรูป (ตอนที่ไปผมเจอแจ็กพ็อตด้วย คือตอนที่กำลังจะขึ้นจากน้ำมีรายการท่องเที่ยวมาถ่ายทำ ผมนี่หนีลงน้ำแทบไม่ทันเลยครับ 555)
สำหรับรายละเอียดเรื่องการใช้บริการ เราสามารถใช้บริการได้ทั้งแบบที่แช่ออนเซ็นอย่างเดียว และแบบค้างคืนในเรียวกังด้วยครับ (จองยากมากกกกก ที่ผมไปนี่คือไปแช่ออนเซ็นเฉยๆนะครับ) ถ้าใครอยากอ่านเรื่องการเข้าพักที่นี่ ขอแนะนำให้ลองอ่านบทความของคุณ BeamSensei ครับ >> จ.อาคิตะ ในฤดูใบไม้ร่วงนี่สุดยอดจริงๆ !!!
ข้อมูลเกี่ยวกับสึรุโนยุออนเซ็น (Tsurunoyu Onsen)
ที่อยู่
- Tsurunoyu Onsen, 50 Kokuyurin Sendatsuizawa Tazawa Aza Senboku-shi Akita 014-1204
โทร
- 0187-46-2139
วันเวลาทำการ
- ออนเซ็น : เปิดบริการทุกวัน ในเวลา 10:00 – 15:00 น. ** ปิดเฉพาะวันจันทร์ ** / รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่นี่ >> https://tazawako-resthouse.jp/yuransen-2
- ที่พัก : เปิดให้บริการตลอดทั้งปี
ค่าเข้าชม
- ออนเซ็น : 600 เยน
- สำหรับคนรักออนเซ็น เราขอแนะนำให้ซื้อ Nyuto Onsen Pass ที่เรียกว่าบัตร Yumeguri-cho บัตรพิเศษสำหรับคนรักออนเซ็น ซึ่งสามารถนำไปใช้บริการออนเซ็นทั้ง 8 แห่งในนิวโตะออนเซ็นได้
- กรณีเข้าพักที่เรียวกัง ค่าห้องพร้อมอาหารอยู่ที่ราวๆ 9,000 – 18,000 เยนต่อ 1 คน (รวมอาหาร 2 มื้อ)
- รายละเอียดห้องพัก สามารถดูได้จากที่นี่ >> http://www.tsurunoyu.com/FONDMENT/t-heya.html
- รายละเอียดเรื่องการจอง สามารถดูได้จากที่นี่ >> https://www.hitou.or.jp/en/index.html หรือ http://ryokan.glocal-promotion.com/ryokan/tsurunoyu/
- หมายเหตุ : อาจจะต้องจองล่วงหน้าประมาณ 3 – 6 เดือน
การเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Tazawako ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Alpa Komakusa (ใช้เวลา 36 นาที ค่าโดยสาร 630 เยน) แล้วต่อรถบริการของทาง Tsurunoyu Onsen (ต้องโทรนัดหมายก่อน สามารถดูรายละเอียดได้จากที่นี่ >> http://www.tsurunoyu.com/FONDMENT/t-ko-tu.html)
- ส่วนการเดินทางไปสถานี Tazawako หากเดินทางจากสถานี Tokyo ให้นั่งรถไฟชินคันเซ็นสาย Akita (ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 16,000 เยน) ขอแนะนำการเดินทางด้วยวิธีนี้สำหรับผู้ใช้ JR PASS
- นอกจากนี้ เราสามารถนั่งรถบัสกลางคืนของบริษัท Willer ได้ โดยนั่งจากโตเกียวไปลงที่สถานี Morioka (ค่าโดยสาร 5,000 เยนโดยประมาณ) แล้วนั่งรถไฟต่อไปยังสถานี Tazawako ได้เช่นกัน (อาจใช้ Willer Bus Pass รายละเอียดสามารถอ่านได้ที่บทความนี้ครับ >> วิธีเที่ยวญี่ปุ่นด้วยรถบัสกลางคืน Willer Bus Pass)
เว็บไซต์
http://www.tsurunoyu.com/english.html
แผนที่ Google Map
5. ชมใบไม้เปลี่ยนสีและหิมะที่ ‘คุโรยุออนเซ็น’ (Kuroyu Onsen)
คุโรยุออนเซ็น (Kuroyu Onsen) เปิดทำการครั้งแรกในปี 1674 เป็นบ่อน้ำร้อนและโรงแรมแบบเรียวกัง ที่ตั้งอยู่ในภูเขานิวโตะ จังหวัดอาคิตะ โดยเป็น 1 ใน 8 บ่อน้ำร้อนที่มีชื่อเสียงของนิวโตะออนเซ็น (Nyuto Onsen) ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงโด่งดัง
เช่นเดียวกับสึรุโนยุออนเซ็น เนื่องจากอาคารที่นี่เป็นเรือนไม้สนหลังเก่าที่ยังคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม แถมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่นี่ยังรายล้อมไปด้วยใบไม้สีแดง บรรยากาศของคุโรยุออนเซ็นจึงให้ความรู้สึกประหนึ่งได้ย้อนเวลากลับไปยังยุคเอโดะ
ในส่วนของห้องพัก นอกจากห้องพักจะมีบรรยากาศสบายๆ แฝงด้วยกลิ่นอายของยุคเอโดะแล้ว ที่นี่ก็ยังเปิดให้บริการห้องพักพิเศษที่ Takamatsu no Miya Sama พระอนุชาของพระจักรพรรดิโชวะเคยมาเข้าพักด้วย โดยนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถจองเข้าพักที่ห้องพิเศษนี้ได้ครับ
แน่นอนว่าจุดเด่นที่สุดของนิวโตะออนเซ็นก็ต้องนี่เลย! น้ำพุร้อนสีฟ้าอมขาวราวกับน้ำนม บ่อออนเซ็นนี้เต็มไปด้วยส่วนผสมของแร่ธาตุไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่มาพร้อมกับสรรพคุณดีๆหลายประการ อาทิ การบำบัดโรคเกี่ยวกับไขข้อ โรคผิวหนัง และช่วยเรื่องการไหลเวียนโลหิต แถมวิวทิวทัศน์รอบออนเซ็นยังสวยงามเพลินตาอีกด้วย ได้แช่ไปชมวิวไป บอกเลยว่ารีแล็กซ์สุดๆ
ส่วนที่มาของชื่อออนเซ็นนั้น หากแปลตรงตัวก็จะแปลว่า ออนเซ็นสีดำ แต่จริงๆแล้วที่มาก็คือออนเซ็นที่นี่มีกำมะถันสูง เวลาต้มไข่เสร็จเปลือกไข่จะกลายเป็นสีดำ นี่เลยเป็นที่มาของชื่อครับ (มีไข่ต้มขายด้วยนะ)
ในครั้งนี้ผมโชคดีที่จองที่พักของที่นี่ได้ ก็เลยมีโอกาสใช้บริการเรียวกังอย่างเต็มที่
สำหรับอาหารเย็นของเรียวกังจะเป็นฟูลคอร์สอาคิตะ ซึ่งจะมีอาหารท้องถิ่นของที่นี่อย่าง ‘หม้อไฟข้าว’ (ที่เห็นเป็นหลอดๆทางด้านซ้ายมือ) รสชาติอร่อยมากครับ อาคิตะเป็นจังหวัดที่ดังเรื่องข้าวอร่อย พอๆกับจังหวัดนีงาตะเลย โดยส่วนตัวผมชอบข้าวอาคิตะมากครับ น่าจะมากที่สุดในทุกจังหวัดของญี่ปุ่นได้เลย
ส่วนปลาย่างในคอร์สอาหาร เขาก็จับมาจากทะเลสาบทาซาวะที่อยู่ใกล้ๆนี่เอง อันนี้ก็อร่อย (จริงๆแล้วก็อร่อยหมดแหละ 555)
เหล้าสาเกของจังหวัดอาคิตะ ขอเตือนเลยว่าแรงมาก
ส่วนอันนี้เป็นชุดอาหารเช้า
ออนเซ็นที่นี่จะอยู่ลึกสุดในบรรดาออนเซ็นทั้งหมด ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแน่นอนว่าวิวสวยมาก
แต่เพราะอยู่ลึกเข้ามาในหุบเขาก็เลยมีหิมะหลงฤดู
แต่ก็นับว่าสวยงามไปอีกแบบครับ เหมือนได้ชมฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาวไปพร้อมๆกันเลยล่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับคุโรยุออนเซ็น (Kuroyu Onsen)
ที่อยู่
- Kuroyu Onsen, 2-1,Tazawako Ikuho , Senboku City, Akita Prefecture 014-1201
โทร
0187-46-2214
แฟ็กซ์
0187-46-2280
วันและเวลาทำการ
- ออนเซ็น : เปิดบริการทุกวัน ในเวลา 9:00 – 16:00 น. ยกเว้นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนเมษายน
- ที่พัก : เปิดให้บริการตลอด ยกเว้นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนเมษายน
- ช่วงที่ปิดทำการ : ปิดทำการในฤดูหนาว เนื่องจากเป็นช่วงที่หิมะตกหนัก
- รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูได้จากที่นี่ >> http://ryokan.glocal-promotion.com/ryokan/kuroyu/
ค่าเข้าชม
- ออนเซ็น : 600 เยน
- สำหรับคนรักออนเซ็น เราขอแนะนำให้ซื้อ Nyuto Onsen Pass ที่เรียกว่าบัตร Yumeguri-cho บัตรพิเศษสำหรับคนรักออนเซ็น ซึ่งสามารถนำไปใช้บริการออนเซ็นทั้ง 8 แห่งในนิวโตะออนเซ็นได้
- กรณีเข้าพักที่เรียวกัง ค่าห้องพร้อมอาหารอยู่ที่ราวๆ 11,000 – 16,000 เยนต่อ 1 คน (รวมอาหาร 2 มื้อ)
- รายละเอียดห้องพัก สามารถดูได้จากที่นี่ >> http://kuroyu.com/shisetsu/shisetsu.html
การเดินทาง
- จากสถานีรถไฟ Tazawako นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Nyuto Onsen kyo หรือป้ายสุดท้าย (ใช้เวลา 45 นาที ค่าโดยสาร 840 เยน) แล้วต่อรถบริการของทาง Kuroyu Onsen (ต้องโทรนัดหมายก่อน สามารถดูรายละเอียดได้จากที่นี่ >> http://kuroyu.com/access/access.html)
- ส่วนการเดินทางไปสถานี Tazawako หากเดินทางจากสถานี Tokyo ให้นั่งรถไฟชินคันเซ็นสาย Akita (ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 16,000 เยน) ขอแนะนำการเดินทางด้วยวิธีนี้สำหรับผู้ใช้ JR PASS
- นอกจากนี้ เราสามารถนั่งรถบัสกลางคืนของบริษัท Willer ได้ โดยนั่งจากโตเกียวไปลงที่สถานี Morioka (ค่าโดยสาร 5,000 เยนโดยประมาณ) แล้วนั่งรถไฟต่อไปยังสถานี Tazawako ได้เช่นกัน (อาจใช้ Willer Bus Pass รายละเอียดสามารถอ่านได้ที่บทความนี้ครับ >> วิธีเที่ยวญี่ปุ่นด้วยรถบัสกลางคืน Willer Bus Pass)
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map
อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับจังหวัดอาคิตะ
เดินลุยหิมะด้วย Snow Shoes ที่ Goshogake Onsen
จ.อาคิตะ ในฤดูใบไม้ร่วงนี่สุดยอดจริงๆ !!!
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ