fbpx

เที่ยวคันไซกับเรโกะ เหมียวซัง ตอน เดินเที่ยวเมืองเก่า ชมวิวทะเลและศาลเจ้าดังใน ‘มิเอะ’

มิ.ย. 16, 2023

เที่ยวคันไซกับเรโกะ เหมียวซัง ตอน เดินเที่ยวเมืองเก่า ชมวิวทะเลและศาลเจ้าดังใน ‘มิเอะ’

หลังจากคราวก่อนที่อินฟลูเอ็นเซอร์ชื่อดังอย่างคุณ “เรโกะ เหมียวซัง” ได้แนะนำทริปท่องเที่ยวคันไซใน 1 วันที่จังหวัดนารากันมาแล้วในบทความ ตะลุยเที่ยวคันไซใน 1 วัน ตอน ชีวิตสโลว์ไลฟ์ในนารา ครั้งนี้เราจะพาทุกคนไป เที่ยวคันไซกับเรโกะ เหมียวซัง ที่ “มิเอะ” กันต่อค่ะ

“จังหวัดมิเอะ” นั้นมีความน่าสนใจทั้งในแง่ของการเป็นศูนย์รวมศาลเจ้าเก่าแก่ และการเป็นที่อยู่ของ ‘อามะซัง’ หญิงผู้ทำอาชีพประมงโดยการดำน้ำจับสัตว์ใต้ทะเล ซึ่งเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่อันหาชมจากที่อื่นไม่ได้ เมื่อเรื่องราวเหล่านี้ได้รับการถ่ายทอดจากคุณเรโกะ เหมียวซัง ทุกคนจะเข้าถึงเสน่ห์ความอันซีนของจังหวัดนี้มากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

ว่าแล้วเราก็ตามคุณเรโกะไปตะลุยเที่ยวจังหวัดมิเอะกันเลย!

*.。.*゚*.。.*゚*

ช่วงนี้หลายคนมีแพลนเดินทางไปญี่ปุ่น โดยเลือกบินไปลงที่โอซาก้า เพราะโซนนี้มีเที่ยวบินเยอะ สะดวกสบาย ส่วนเรามีแพลนไปเที่ยวที่โซน “อิเสะชิมะ ใน จ. มิเอะ” ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักในแถบคันไซ แต่ได้สัมผัสกับธรรมชาติที่หลากหลายด้วยค่ะ และในครั้งนี้เรามีที่เที่ยวในโซนอิเสะชิมะมาแนะนำให้กับทุกคนด้วยล่ะ

ต่อเนื่องจากตอนที่แล้วที่เราไปนารากัน เราเลือกใช้ตั๋ว Kintetsu Rail Pass Plus แบบตั๋วเหมา 5 วันสำหรับผู้ใหญ่ ราคา 5,100 เยน (ถ้าซื้อในญี่ปุ่น) และในตั๋วพาสยังมีส่วนลดพิเศษจากรถบัสฟรีสำหรับเดินทางภายในเขตจังหวัดนาราและจังหวัดมิเอะ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวและร้านค้าที่ร่วมรายการกับรถไฟฟ้าคินเท็ตสึ ใครอยากดูรายละเอียดเพิ่มเติมเข้าไปที่เว็บไซต์นี้ได้เลยค่ะ >> https://www.kintetsu.co.jp/foreign/thai/

สารบัญ (Index)

1. นั่งรถไฟท่องเที่ยว Shimakaze

เราเริ่มออกเดินทางกันตอนช่วงเช้าที่สถานีรถไฟคินเท็ตสึ Osaka-Namba โดยเป้าหมายปลายทางของเราคือสถานี Kashiko Jima ในอิเสะชิมะ ซึ่งอยู่ในจังหวัดมิเอะค่ะ

เส้นทางนี้มีรถไฟท่องเที่ยว Premium Express Shimakaze ด้วยนะ โดยรถไฟจะวิ่งเชื่อมต่อระหว่างโอซาก้า, เกียวโต, นาโกย่า และอิเสะชิมะค่ะ

สำหรับการออกเดินทางจากโอซาก้า เนื่องจากเรามีพาส Kintetsu Rail Pass อยู่แล้ว สิ่งที่ต้องบวกเพิ่มก็จะมีเพียงตั๋วรถไฟแบบ Express 1,640 เยน และค่าขึ้นรถไฟท่องเที่ยวชิมาคาเสะ 1,050 เยน

ขอบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามากเลยล่ะ เพราะใช้ระยะเวลาเดินทางเพียงประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที

แถมเรายังได้นั่งที่นั่งกว้างขวาง สะดวกสบาย เลือกได้ทั้งเก้าอี้เดี่ยวหรือห้องสำหรับกลุ่ม 3-4 คน

รถไฟก็สวย ดูใหม่ มีจุดถ่ายรูปเยอะ มีมุมคาเฟ่ แถมยังเสิร์ฟเมนูลิมิเต็ดซึ่งหาทานที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

นั่งดูวิวเพลินๆแป้บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ

สำหรับใครที่สนใจอยากนั่งรถไฟท่องเที่ยว Shimakaze สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่เลย >> https://www.kintetsu.co.jp/foreign/english/shimakaze/

Back To Index

2. ทานปิ้งย่างทะเลสดๆ ที่กระท่อมอามะซัง Ama Hut SATOUMIAN

เมื่อถึงเมืองอิเสะแล้ว เรานั่งรถแท็กซี่ต่อไปที่ Ama Hut SATOUMIAN เพื่อไปพบกับ “อามะซัง” อาชีพดั้งเดิมของผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในแถบนี้ โดยพวกเธอทำงานเป็นชาวประมงที่ดำน้ำไปงมเก็บอาหารทะเลสดๆขึ้นมา ช่วงวัยที่ทำอาชีพนี้ได้ก็มีตั้งแต่เด็กวัยรุ่นไปจนถึงคุณป้าคุณย่าเลยล่ะค่ะ

ที่ Ama Hut SATOUMIAN เราสามารถสัมผัสประสบการณ์การลองแต่งชุดอามะซังถ่ายรูปเล่นได้ และลองรับประทานอาหารในกระท่อมริมทะเล

บรรยากาศดี๊ดี มีอามะซังตัวจริงมาปิ้งย่างให้ดูกันต่อหน้าด้วยนะ สามารถพูดคุยฝึกภาษาญี่ปุ่นกันได้เลย

ราคาคอร์สอาหารเริ่มต้นที่ 3,850 เยนต่อคน (สำหรับกลุ่ม 3 คนขึ้นไป) และยังมีคอร์สอีกมากมายให้เลือกด้วย

ข้อมูลของ Ama Hut SATOUMIAN

Website
Map

Back To Index

3. ทดลองเก็บหอยมุก Shinju no Sato

“อิเสะชิมะ” ถือว่าเป็นแหล่งผลิตหอยมุกที่ขึ้นชื่อที่สุดของญี่ปุ่นเลยล่ะ ได้มาถึงที่นี่ทั้งทีเราเลยขอลองเวิร์กชอปเก็บหอยมุกด้วยตัวเองดู ทุกคนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ในราคาเพียง 1,500 เยนเท่านั้นค่ะ

หอยมุกที่นี่เป็นหอยที่เพาะเลี้ยงมาเพื่อการทำไข่มุกโดยเฉพาะ โดยเขาจะมีหอยเป็นตัวๆมาให้เราเลือก อันนี้จะเป็นแบบสุ่มเลยนะคะ เพราะอาจจะมีหอยมุกที่ไม่สมบูรณ์บ้าง มีรอยบ้าง แต่เราโชคดีที่ได้ไข่มุกเม็ดกลมสวยงาม ช่างบอกว่าถ้าขายก็หลายพันเยนเลยล่ะ

สำหรับไข่มุกที่ได้มา เราสามารถเอาไปทำเป็นสร้อยหรือพวงกุญแจได้อีกด้วย โดยเพิ่มเงินเป็นออปชั่นเสริม แต่ของเราเห็นว่าไหนๆก็ได้มุกเม็ดงามแล้ว เลยขอโชว์ไข่มุกแบบสวยๆไม่ต้องเติมแต่งดีกว่า เราเลยซื้อกรอบมาใส่ไว้ตั้งโชว์ที่บ้านจ้ะ

สำหรับเนื้อหอยที่ถูกแกะมุกออกมาแล้ว เขาก็ไม่ปลอยให้เสียเปล่านะ สามารถนำมารับประทานต่อหรือนำไปเป็นอาหารปลาที่เลี้ยงไว้ได้อีกด้วยค่ะ

ข้อมูลของ Shinju no Sato

Website
Map

Back To Index

4. เที่ยวชิลล์ๆที่จุดชมวิว Yokoyama

ที่อิเสะชิมะมีจุดชมวิวที่โด่งดังมากคือ “จุดชมวิวโยโกยามะ” (Yokoyama Observation Deck) เพราะเราสามารถมองเห็นอ่าวอาโงะและเกาะเล็กเกาะน้อยมากกว่า 60 เกาะได้จากความสูง 140 เมตร

อีกทั้งยังสามารถเดินเล่นออกกำลังกาย สูดอากาศสดชื่น นั่งพักผ่อนในคาเฟ่ หรือชมวิวตะวันตกดินได้อีกด้วย แถมยังไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วยล่ะ

ข้อมูลของ Yokoyama

Website
Map

Back To Index

5. พักผ่อนหย่อนใจ ณ รีสอร์ตสไตล์ญี่ปุ่น Hojoen

ก่อนจะเข้าที่พักของเรา เราได้แวะมาดูอีกโรงแรมหนึ่งที่น่าสนใจในเครือเดียวกันอย่าง Hojoen ค่ะ คนที่อยากพักสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมต้องชอบที่นี่แน่นอน เพราะใส่ความเป็นญี่ปุ่นแบบทันสมัยทุกกระเบียดนิ้ว ตั้งแต่ล็อบบี้ไปจนถึงห้องพัก

นอกจากนี้ที่นี่ก็ยังมีออนเซ็น แถมยังมองวิวอ่าวอาโงะได้แบบ VIP เลยล่ะ

ข้อมูลของรีสอร์ต Hojoen

Website
Map

Back To Index

6. ดื่มด่ำกับความโรแมนติก ณ รีสอร์ตสไตล์ตะวันตก Miyako Resort Shima Bayside Terrace

แล้วก็มาถึงที่พักของเราในคืนนี้ นั่นก็คือรีสอร์ตสไตล์ตะวันตก Miyako Resort Shima Bayside Terrace มันว้าวววมากเลยค่ะทุกคน! เหมือนยกเมืองริมทะเลในประเทศทางตะวันตกมาไว้ที่ญี่ปุ่นเลย ทำให้เราได้วิวและบรรยากาศที่แตกต่างไปจากรีสอร์ตอื่นๆในย่านนี้

ทั้งห้องพัก ห้องอาหาร เมนูอาหารทั้งมื้อเช้ามื้อค่ำ ทุกอย่างก็คุมธีมไว้ได้อย่างดี

ในช่วงฤดูร้อนจะมีการจัดพูลปาร์ตี้ด้วยล่ะ ถ้าได้เล่นน้ำในสระพร้อมกับมองวิวอ่าวอาโงะอันแสนสวยงามในบรรยากาศแบบตะวันตก น่าจะให้ความรู้สึกที่ดีมากเลยนะ

จากที่ได้ใช้เวลาที่นี่ทั้งตอนพลบค่ำ ตอนค่ำ และตอนเช้า จะบอกว่าสวยงามน่ามองไปคนละแบบจนอยากจะอยู่ทั้งวันทั้งคืน โรแมนติกเหมาะสำหรับคู่รักที่มาเดตกันมากเลยค่ะ

ข้อมูลของ Miyako Resort Shima Bayside Terrace

Website
Map

Back To Index

7. สัมผัสกับความน่ารักของเหล่าสัตว์ทะเลที่ Toba Aquarium

เช้าวัดถัดมา เราเช็กเอาต์แล้วเดินทางกันต่อด้วยรถไฟ Kintetsu ไปลงที่สถานีโทบะ แน่นอนว่าเรามีพาสเลยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

เราเริ่มต้นวันนี้แบบแอคทีฟกันด้วยการดูสัตว์น้อยน่ารักที่อควาเรียมชื่อดังของเมืองโทบะ เราฝากกระเป๋าไว้ที่สถานีก่อนแล้วเดินต่อ ไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ

“พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะ” (Toba Aquarium) เป็นอควาเรียมที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น เพราะที่นี่มีการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำไว้มากที่สุดในญี่ปุ่น

อีกทั้งยังมีดาวเด่นมากมาย ทั้งนากทะเล สิงโตทะเล วอลรัส

และที่นี่ยังเป็นอควาเรียมเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่อนุรักษ์พะยูนด้วย

รวมถึงมีโชว์ให้ชมหลายรอบตลอดทั้งวัน

และไม่ใช่แค่เด็กๆเท่านั้น แต่ผู้ใหญ่ก็เพลิดเพลินไปกับความน่ารักของน้องๆสัตว์ได้อย่างแน่นอน แถมยังบรรยากาศดี เพราะตั้งอยู่ริมทะเล ถ้ามีเวลาจะมานั่งเดินเล่นที่นี่ตลอดทั้งวันยังได้เลยล่ะ

ข้อมูลของ Toba Aquarium

Website
Map

 

Back To Index

8. เดินเล่นชมเมืองเก่าที่ถนนคนเดิน Okage Yokocho

หลังจากนั้นเราก็นั่งรถไฟคินเท็ตสึมาลงที่สถานี Isuzugawa และต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Naiku-mae เราจะไปเดินเล่นสัมผัสบรรยากาศเมืองเก่าและสักการะศาลเจ้ากันค่ะ ในขั้นตอนนี้การเดินทางด้วยรถไฟและรถบัสสามารถใช้พาสคินเท็ตสึของเราได้เลย ไม่ต้องจ่ายเพิ่มค่ะ

ถนนคนเดิน Okage Yokocho ที่อยู่ในบริเวณหน้าศาลเจ้าอิเสะนั้นได้รับการเนรมิตให้กลายเป็นเมืองเก่า ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนยุคกลับไปในสมัยเอโดะเลยค่ะ

ตึกรามบ้านช่องจะไม่ใช่ของเก่าดั้งเดิม จะให้อารมณ์แบบธีมพาร์ค แต่สวยสะอาดและมีจุดถ่ายรูปเยอะมาก

สองข้างทางมีทั้งร้านของฝากและร้านอาหารมากมาย สะดวกสบายมีทุกอย่างที่นักท่องเที่ยวต้องการ

ข้อมูลของถนนคนเดิน Okage Yokocho

Website
Map

Back To Index

9. ทานมื้อเที่ยงที่ร้าน Sushi Kyu ลิ้มรสข้าวหน้าซูชิปลาคัตสึโอะแสนอร่อย

“Sushi Kyu” เป็นร้านอาหารเก่าแก่ชื่อดังที่มีหลายสาขา สำหรับสาขาถนนคนเดินโอคาเกะ โยโกะโจในเมืองอิเสะนี้ เมนูเด็ดจะเป็น Tekone Zushi หรือ ข้าวหน้าซูชิปลาคัตสึโอะสดใหม่ ปรุงรสด้วยโชยุ เสิร์ฟมาในถ้วยไม้ซึ่งเป็นวิธีการทานแบบดั้งเดิมของแถบนี้

สำหรับเซ็ตนี้เราว่าคุ้มมากๆ เพราะราคาประมาณ 1,380 เยนเท่านั้น แต่มาเป็นเซ็ตเลยจ้า

ข้อมูลของร้าน Sushi Kyu

Website
Map

Back To Index

10. สักการะเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ณ ศาลเจ้าอิเสะ

หลังจากได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่นมาตลอด การได้มาที่นี่คือช่วงเวลาที่เรารอคอยมานานเลยค่ะ เพราะ “ศาลเจ้าอิเสะ” (Ise Jingu/Ise Grand Shrine) คือศาลเจ้าชินโตที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในญี่ปุ่น

เทพเจ้าหลักของศาลเจ้าแห่งนี้คือ “อามาเทราสึ โอมิคามิ” เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ซึ่งเชื่อกันว่ามีความเชื่อมโยงกับการถือกำเนิดขึ้นของชาติญี่ปุ่น และยังมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณอีกด้วย

ศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุมากกว่า 2,000 ปี และจะมีการบูรณะทุกๆ 20 ปีเพื่อให้คงสภาพที่ดีที่สุดเอาไว้ตลอดไปค่ะ

นอกจากจะได้มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่นและรับพลังงานดีๆแล้ว เรายังได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบศาลเจ้าอิเสะอีกด้วย เพราะที่นี่ร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ บรรยากาศดีมากเลยค่ะ

ข้อมูลของศาลเจ้าอิเสะ

Website
Map

*.。.*゚*.。.*゚*

ถือเป็นการปิดทริปเที่ยวแถบคันไซด้วย Kintetsu Rail Pass ได้อย่างสมบูรณ์ สนุก ได้ความรู้ ได้พักผ่อน แถมยังได้รับพลังเสริมด้วย เป็นภูมิภาคที่มีครบทุกอย่างเลยค่ะ ใครที่กำลังวางแผนมาเที่ยวแถบคันไซ เราขอฝากบทความนี้ไว้เป็นทางเลือกดีๆนะคะ 😊

สำหรับใครที่อยากไปเที่ยวมิเอะด้วยตั๋วรถไฟคินเท็ตสึแบบพาสในราคาสุดคุ้ม สามารถดูรายละเอียดของ Kintetsu Rail Pass ได้ที่นี่เลยค่ะ >> https://www.kintetsu.co.jp/foreign/thai/ticket/

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top