fbpx

สวนดอกไม้ Nabana no Sato สวนสวยที่เผยโฉมความงามของมวลบุปผาในทุกๆฤดูกาล

พ.ค. 19, 2023

สวนดอกไม้ Nabana no Sato สวนสวยที่เผยโฉมความงามของมวลบุปผาในทุกๆฤดูกาล

สวนดอกไม้ Nabana no Sato

สวนดอกไม้ Nabana no Sato (นาบานะ โนะ ซาโตะ) เป็นสวนดอกไม้ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1998 ณ เมืองคุวานะ จังหวัดมิเอะ ด้วยขนาดที่กว้างใหญ่และความนิยมอันล้นหลามในหมู่นักท่องเที่ยว สวนดอกไม้แห่งนี้จึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลเดินทางมาเยี่ยมชมตลอดทั้งปี

สวนแห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่มากจนสามารถแบ่งโซนด้านในออกเป็นสวนแยกย่อยได้อีก สวนย่อยแต่ละสวนก็ล้วนมีความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ตามประเภทของดอกไม้ในสวนนั้นๆ และทำให้นักท่องเที่ยวมีดอกไม้สวยๆให้ชมตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่ดอกไม้ในสวน Nabana no Sato บานสวยที่สุดก็คือฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ในช่วงเวลาดังกล่าว ดอกไม้หลายๆชนิดจะผลิดอกบานสะพรั่งปกคลุมพื้นที่สวนอันกว้างใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นดอกกุหลาบ ดอกบีโกเนีย ดอกไฮเดรนเยีย และดอกไอริส

สวนดอกไม้ Nabana no Sato ถือเป็นส่วนหนึ่งของนากาชิมะรีสอร์ต (Nagashima Resort) สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดมิเอะที่รวบรวมเอาความบันเทิงและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายมาไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นสวนสนุก ออนเซ็น สวนน้ำ แหล่งชอปปิ้ง ภัตตาคาร รวมถึงสวนดอกไม้นาบานะ โนะ ซาโตะแห่งนี้ด้วย เรียกได้ว่านากาชิมะรีสอร์ตเป็นจุดท่องเที่ยวที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ในที่เดียวอย่างครบครัน

ใครมาเที่ยวจังหวัดมิเอะแล้วกำลังมองหาที่เที่ยวสวยๆไว้พักผ่อนหย่อนใจ ต้องลองมาเดินเล่นชมดอกไม้ตามฤดูกาลที่สวน Nabana no Sato กันแล้วล่ะค่ะ! 😉

สารบัญ (Index)

1. วิธีเดินทางไป “สวนดอกไม้ Nabana no Sato

สำหรับการเดินทางไปสวนดอกไม้ Nabana no Sato เราสามารถขึ้นรถไฟสายคินเท็ตสึได้ที่สถานีหลักๆในโอซาก้า เกียวโต นารา และนาโกย่า โดยใช้ตั๋ว “KINTETSU RAIL PASS 5day plus” ในการเดินทาง พาสดังกล่าวนี้สามารถใช้ขึ้นรถไฟสายคินเท็ตสึกับรถไฟสายอิกะเท็ตสึโดะได้โดยไม่จำกัดเที่ยวภายในเวลา 5 วัน และยังใช้ขึ้นรถบัสสายนารา (Nara Kotsu) กับสายมิเอะ (Mie Kotsu) ภายในโซนที่กำหนดได้อีกด้วย นอกจากนี้ตั๋วดังกล่าวสามารถใช้เป็นส่วนลดและสิทธิพิเศษสำหรับเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้อีกประมาณ 70 แห่ง

หากเดินทางจากสถานีสึ (Tsu Station) หรือสถานีนาโกย่า (Nagoya Station) เราสามารถเดินทางไปที่สวน Nabana no Sato ได้ด้วยการนั่งรถไฟด่วนพิเศษของคินเท็ตสึ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที สถานีที่อยู่ใกล้สวน Nabana no Sato มากที่สุดคือ สถานีคุวานะ (Kuwana Station) และสถานีคินเท็ตสึ-นากาชิมะ (Kintetsu-Nagashima Station)

สำหรับการเดินทางจากสถานีรถไฟไปที่สวน Nabana no Sato นั้น บริเวณด้านหน้าสถานีคินเท็ตสึ-นากาชิมะจะมีรถชัตเทิลบัสที่มุ่งหน้าสู่สวนโดยตรง โดยมีค่าโดยสารเพียง 220 เยนต่อเที่ยวเท่านั้น แต่ถ้าใครมีตั๋ว Kintetsu Railway Pass ก็สามารถขึ้นรถบัสคันนี้ได้ฟรีค่ะ (ในช่วงเทศกาลประดับไฟ จุดขึ้นรถชัตเทิลบัสจะอยู่ที่สถานี Nagashima ส่วนช่วงปกติที่ไม่ใช่หน้าเทศกาล จุดขึ้นรถชัตเทิลบัสจะอยู่ที่สถานี Kuwana)

อีกทางเลือกหนึ่งในการเดินทางคือรถแท็กซี่ ทุกคนสามารถนั่งแท็กซี่จากสถานีคุวานะและสถานีคินเท็ตสึ-นากาชิมะไปที่สวนได้ โดยค่าโดยสารจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 2,000 เยนต่อเที่ยวค่ะ

Back To Index

2. ค่าเข้าชมสวน Nabana no Sato

ค่าเข้าชมสวน Nabana no Sato จะแตกต่างกันไปตามแต่ละฤดูกาล เราสามารถตรวจสอบค่าตั๋วในช่วงที่จะไปเที่ยวได้จากเว็บไซต์นี้ >> คลิกที่นี่

ค่าเข้าชมสวนจะรวมบัตรแทนเงินสดมูลค่า 1,000 เยนที่เราสามารถนำไปใช้ในบริเวณสวนได้

ค่าเข้าชมสวน

ช่วงเวลาเข้าชม ค่าเข้าชม
ฤดูกาลปกติ 1,700 เยน
ฤดูกาลที่มีงานประดับไฟ 2,500 เยน

Back To Index

3. รวมเทศกาลดอกไม้ที่สวน Nabana no Sato ที่จัดในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน

ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ที่สวน Nabana no Sato จะมีงานเทศกาลดอกไม้ในหลายๆจุด หากมาเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว ทุกคนจึงสามารถใช้เวลาไปกับการเดินชมดอกไม้สวยๆได้อย่างเพลิดเพลินในงานเทศกาลดังต่อไปนี้

  • งานเทศกาลดอกกุหลาบฤดูใบไม้ผลิ (Spring Rose Festival)
    • งานเทศกาลดอกกุหลาบฤดูใบไม้ผลิจะจัดขึ้นที่บริเวณสวนบีโกเนีย ในช่วงตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมจนถึงกลางเดือนมิถุนายน ภายในงานนี้เราจะได้ชมดอกกุหลาบมากถึง 900 สายพันธุ์
  • งานเทศกาลดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea Festival)
    • งานเทศกาลดอกไฮเดรนเยียจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมจนถึงปลายเดือนกรกฎาคม ณ บริเวณ “The Tunnel of Lights” อุโมงค์ไฟประดับที่มีความยาวกว่า 200 เมตร โดยใช้หลอดไฟแอลอีดีที่ส่องสว่างอย่างสวยงามในยามค่ำคืน แต่ในงานเทศกาลนี้ เราจะได้ชมดอกไฮเดรนเยียและดอกไอริสที่ทางสวนนำมาจัดเรียงในกระถางเลียบไปตลอดสองฝั่งของอุโมงค์

Back To Index

4. หลงใหลไปกับสีสันอันสดใสของสวนบีโกเนีย

สวนบีโกเนีย (Flower Garden in the Andes: Begonia Garden) เป็นสวนดอกไม้ในร่มที่กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยดอกไม้กับพืชพันธุ์นานาชนิด สวนบีโกเนียจัดว่าเป็นโซนหนึ่งของสวนดอกไม้ Nabana no Sato ลักษณะของสวนแห่งนี้จะเป็นเรือนกระจกที่มีพื้นที่กว้างประมาณ 9,000 ตารางเมตร

ภายในสวนบีโกเนียมีดอกไม้หลายชนิดรวมกันกว่า 12,000 ดอกสลับกันบานสวยตลอดทั้งปี โดยเฉพาะดอกไฮเดรนเยียที่เป็นดอกไม้หลักของโซนนี้ นักท่องเที่ยวจึงสามารถประทับใจไปกับความงดงามของดอกไม้หลากสีสันได้ตลอดไม่ว่าจะมาเที่ยวในช่วงใดก็ตาม

สำหรับนักท่องเที่ยวสายแชะภาพลงโซเชียลมีเดีย เราขอแนะนำโซนใจกลางเรือนกระจกเลยค่ะ บริเวณนี้จะมีสระน้ำขนาดใหญ่รายล้อมไปด้วยไม้ประดับสีสันสดใส ส่วนด้านบนมีการตกแต่งด้วยไม้ดอกที่ห้อยระย้าลงมาอย่างสวยงาม

นอกจากนี้ ภายในสวนบีโกเนียยังมีการนำพืชอวบน้ำขนาดเล็กมาจัดวางให้ชมกันด้วยค่ะ น่ารักมากๆเลย

และในช่วงหน้าหนาว หากใครเลือกมาเที่ยวสวนบีโกเนียก็ต้องบอกเลยว่ามาถูกที่แล้วค่ะ เพราะสวนแห่งนี้เป็นที่หลบลมหนาวได้ดีมากในฤดูหนาว รวมถึงเป็นที่หลบร้อนในฤดูร้อนได้ดีเช่นกัน เนื่องจากอุณหภูมิภายในสวนบีโกเนียที่มีลักษณะเป็นเรือนกระจกจะถูกปรับให้คงที่ ดังนั้นในฤดูหนาวอากาศภายในสวนบีโกเนียจะอบอุ่นกว่าด้านนอก ส่วนฤดูร้อนอากาศในสวนจะเย็นสบายกว่าข้างนอกค่ะ

นอกจากนี้ สวนบีโกเนียยังมีคาเฟ่ที่แสนสงบและอบอุ่นให้แวะไปนั่งพักผ่อนด้วย โดยมีเมนูเครื่องดื่มและของหวานประจำฤดูกาลมากมายให้เราได้เลือกลิ้มลอง เราจึงสามารถเพลิดเพลินไปกับการทานขนมอร่อยๆระหว่างนั่งชิลล์ท่ามกลางบรรยากาศแสนผ่อนคลายของสวนบีโกเนียได้

Back To Index

5. ชมดอกกุหลาบกว่า 900 สายพันธุ์ ณ งานเทศกาลดอกกุหลาบฤดูใบไม้ผลิ

แน่นอนว่า ‘กุหลาบ’ เป็นหนึ่งในไม้ดอกที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล แต่จริงๆแล้วยังมีดอกกุหลาบอีกหลายสายพันธุ์ที่ไม่สามารถหาชมตามที่สาธารณะได้ อย่างไรก็ตาม “งานเทศกาลดอกกุหลาบฤดูใบไม้ผลิ” ที่จัดขึ้น ณ สวนนาบานะ โนะ ซาโตะถือเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ชื่นชมความงามของกุหลาบพันธุ์หายากค่ะ เพราะทุกๆปีจะมีการนำดอกกุหลาบกว่า 900 สายพันธุ์มาจัดตกแต่งอย่างสวยงามตรงโซนสวนกุหลาบด้านในสวนบีโกเนีย ซึ่งกินพื้นที่มากถึง 7,950 ตารางเมตร ภายในงานเทศกาลดังกล่าวเราจะได้ชมดอกกุหลาบหลากสีสัน พร้อมทั้งเพลิดเพลินใจไปกับกลิ่นหอมหวานอันแสนเย้ายวนของดอกไม้ชนิดนี้ค่ะ

งานเทศกาลดอกกุหลาบฤดูใบไม้ผลิจะจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมจนถึงกลางเดือนมิถุนายน นักท่องเที่ยวจะได้ชมทัศนียภาพของทุ่งดอกกุหลาบอันแสนตระการตา โดยมีไม้พุ่มและหินประดับสวยๆคอยแต่งแต้มสีสัน ดอกกุหลาบที่ปลูกในงานเทศกาลนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทได้ดังนี้

  1. กุหลาบประเภทยืนต้น (standing / tree roses / bush roses)
  2. กุหลาบประเภทกึ่งเลื้อย (semi-climbing / shrub roses)
  3. กุหลาบประเภทเลื้อย (climbing / climbing rose)

นอกจากนี้ยังมีการคัดเลือกกุหลาบ 15 ชนิดที่จะได้ขึ้นทำเนียบกุหลาบงาม “The Rose Hall of Fame” ณ สวนแห่งนี้อีกด้วย

ดอกกุหลาบนั้นมักจะถูกใช้สื่อความหมายแทน ‘ความรัก’ และ ‘ความโรแมนติก’ แต่อันที่จริงแล้วดอกกุหลาบที่สีสันแตกต่างกันก็มีความหมายต่างกันด้วย

  • ดอกกุหลาบสีแดง หมายถึง ความรักโรแมนติก ความงาม ความกล้าหาญ กลีบดอกกุหลาบสีแดงนั้นหมายถึงความสวยงามและความบริสุทธิ์ นอกจากนี้กุหลาบสีแดงที่ไร้หนามยังสื่อถึงรักแรกพบได้อีกด้วย
  • ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึง การเริ่มต้นใหม่ มิตรภาพ ความสนุกสดใส
  • ดอกกุหลาบสีส้ม หมายถึง ความน่าหลงใหล ความปรารถนา ตัณหา
  • ดอกกุหลาบสีชมพู หมายถึง ความสำนึกในบุญคุณ ความซาบซึ้งถึงคุณค่า โดยเฉพาะสำหรับกุหลาบสีชมพูเข้ม ส่วนกุหลาบสีชมพูอ่อนหมายถึงความชื่นชม ความเห็นอกเห็นใจ
  • ดอกกุหลาบสีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ความลับ และความเคารพนับถือ นอกจากนี้กลีบดอกกุหลาบสีขาวยังสื่อถึงช่วงเวลาวัยสาวอีกด้วย

นอกจากนี้งานเทศกาลดอกกุหลาบฤดูใบไม้ผลิยังเปิดยาวไปจนถึงช่วงเวลากลางคืนด้วยค่ะ เหมาะมากสำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาสถานที่ออกเดทกับคนรัก เพราะบรรยากาศยามค่ำคืนของสวนดอกกุหลาบนั้นช่างแสนจะโรแมนติก

Back To Index

6. ตะลึงไปกับความงามของดอกไฮเดรนเยียและดอกไอริสใน “อุโมงค์แห่งแสงไฟ”

งานเทศกาลดอกไฮเดรนเยียที่สวน Nabana no Sato จะจัดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมจนถึงปลายเดือนมิถุนายน ณ บริเวณโซน “The Tunnel of Lights” ซึ่งเป็นอุโมงค์ยาว 200 เมตรที่ประดับประดาด้วยไฟแอลอีดี เพิ่มความสวยงามระยิบระยับในยามค่ำคืน

ภายในงานเทศกาลดังกล่าว ทางสวนได้นำดอกไฮเดรนเยียมาจัดเรียงเป็นแนวยาวไปตามอุโมงค์ถึง 300 กระถาง โดยมีหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือกชม ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ Mophead Hydrangea ที่มีลักษณะเป็นไฮเดรนเยียพุ่มใบใหญ่ หรือพันธุ์ Mountain Hydrangea ที่มีดอกเล็กๆกระจุกตรงกลางและมีกลีบเลี้ยงล้อมรอบ

ทั้งนี้ดอกไฮเดรนเยียไม่ได้มีเพียงสีฟ้าเท่านั้น แต่ยังมีสีสันอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสีชมพู สีชมพูอ่อน สีฟ้าอ่อน สีขาว และสีม่วงไลแลค

นอกจากดอกไฮเดรนเยียแล้ว เรายังสามารถชมดอกไอริสที่มาพร้อมกับการเริ่มต้นฤดูร้อนในญี่ปุ่นได้อีกด้วย

Back To Index

7. ปิดท้ายค่ำคืนแห่งการท่องเที่ยวอย่างน่าประทับใจด้วย “งานเทศกาลหิ่งห้อย”

หลังจากชมงานเทศกาลดอกไม้กันจนจุใจแล้ว สวนดอกไม้ Nabana no Sato ยังมี “งานเทศกาลหิ่งห้อย” ให้ทุกคนได้ไปเดินเล่นในยามกลางคืนเพื่อชมความระยิบระยับของเจ้าสัตว์ชนิดนี้อีกด้วย โดยงานเทศกาลหิ่งห้อยจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมจนถึงต้นเดือนกรกฎาคมของทุกๆปี

เราสามารถชมปรากฏการณ์ความงดงามของธรรมชาติเช่นนี้ได้ทันทีที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เป็นบรรยากาศที่หาไม่ได้จากเมืองใหญ่ๆอย่างโตเกียวหรือโอซาก้าจริงๆค่ะ

*.。.*゚*.。.*゚*

หากใครมีโอกาสได้มาเที่ยวที่จังหวัดมิเอะ อย่าลืมมาปิดท้ายทริปด้วยการชมหิ่งห้อยในสวน Nabana no Sato กันนะคะ

Kintetsu Railway Official Website

อ่านบทความอื่นๆจาก fromJapan

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top