fbpx

“ภูเขาไฟไคมอนดาเกะ” ฟูจิแห่งแคว้นซัตสึมะ

เม.ย. 28, 2023

“ภูเขาไฟไคมอนดาเกะ” ฟูจิแห่งแคว้นซัตสึมะ 

“ภูเขาไฟไคมอนดาเกะ” (Mt. Kaimondake) ตั้งอยู่ทางใต้สุดของคาบสมุทรซัตสึมะ โดยมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 924 เมตร แม้ว่าภูเขาไฟลูกนี้จะมีความสูงไม่ถึง 1,000 เมตร แต่ก็ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นค่ะ  

ด้วยความที่ภูเขาไฟลูกนี้ตั้งอยู่ ณ ปากทางเข้าอ่าวคินโกะ มันจึงถูกตั้งชื่อว่า ‘ภูเขาไฟไคมอนดาเกะ’ เนื่องจากคำว่า ‘Kaimon’ แปลว่า ‘ประตูทางเข้า’ นั่นเอง

ย้อนกลับไปในอดีต ภูเขาไฟไคมอนดาเกะเริ่มปะทุครั้งแรกเมื่อประมาณ 4,400 ปีก่อน และเกิดการปะทุครั้งล่าสุดในช่วงสมัยเฮอันหรือเมื่อปี ค.ศ. 885 โดยมีสาเหตุมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างสึนามิและแผ่นดินไหวขนาดใหญ่บนหมู่เกาะญี่ปุ่น ว่ากันว่าหลังจากภูเขาไฟไคมอนดาเกะปะทุในครั้งนั้น เถ้าภูเขาไฟจำนวนมหาศาลได้ปกคลุมบ้านเรือนของผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมดเลยค่ะ

ต่อมาหลังจากการปะทุสงบลง ภูเขาไฟไคมอนดาเกะก็กลายเป็นภูเขาสองลูกที่ทับซ้อนกัน โดยที่ภูเขาลูกบนมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 700 เมตร และมีรูปทรงคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิ ส่วนยอดเขานั้นมีลักษณะเป็นโดมภูเขาไฟ (volcanic dome) ซึ่งถ้าเรามองจากเชิงเขาก็จะเห็นว่าบริเวณตรงกลางของภูเขาไฟมีลักษณะแคบลง และความสูงของต้นไม้ด้านบนก็ไล่ระดับเล็กลงเรื่อยๆ ลักษณะดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าจุดกึ่งกลางของภูเขาไฟเป็นหลุมตื้นนั่นเอง

นอกจากนี้หากลองปีนเขาขึ้นไปด้านบน เราจะพบว่ายอดเขาแห่งนี้ไม่มีปล่องภูเขาไฟ แต่มีหินภูเขาไฟลาพิลลี (Lapilli) และหินแอนดีไซต์ (Andesite) เป็นจำนวนมากค่ะ

ในปัจจุบัน แม้ว่าภูเขาไฟไคมอนดาเกะจะหลับใหลมานานหลายพันปี แต่มันก็ยังจัดว่าเป็น ‘ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น’ เนื่องจากมีการค้นพบว่าในสมัยก่อนภูเขาไฟลูกนี้ปะทุขึ้นบ่อยครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ชาวเมืองอิบุสึกิก็ยังคงอาศัยอยู่ในเขตภูเขาไฟเช่นเดิม เนื่องจากพวกเขามองว่ามันไม่ได้สร้างความลำบากให้แต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม ภูเขาไฟไคมอนดาเกะกลับสร้างให้ประโยชน์แก่ชาวเมืองอิบุสึกิอย่างมาก เพราะภูเขาไฟลูกนี้เป็นต้นกำเนิดของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่งของเมืองอิบุสิกึ ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียง ออนเซ็นทรายร้อนแห่งเดียวในญี่ปุ่น รวมถึงเส้นทางการปีนเขาที่ยอดเยี่ยมของเมือง เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ทางเมืองอิบุสึกิได้มีมาตรการป้องกันและรับมือกับภัยพิบัติอยู่เสมอ เนื่องจากในอนาคตพวกเขาไม่อาจทราบได้ว่าภูเขาไฟไคมอนดาเกะลูกนี้จะปะทุขึ้นมาอีกครั้งเมื่อใด

นอกจากนี้ ภูเขาไฟไคมอนดาเกะยังเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ประจำเมืองอิบุสึกิ นั่นก็เพราะว่าภูเขาไฟลูกนี้มีรูปทรงที่สวยงามราวกับพีระมิดฐานสามเหลี่ยม ยิ่งในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุม บริเวณส่วนยอดของภูเขาไฟไคมอนดาเกะจะดูคล้ายภูเขาไฟฟูจิเป็นอย่างมาก ด้วยประการนี้เอง ภูเขาไฟไคมอนดาเกะจึงได้รับการขนานนามว่าเป็น “ฟูจิแห่งแคว้นซัตสึมะ” อันเป็นฉายาที่ทุกคนนิยมเรียกกันจนถึงปัจจุบันค่ะ

ในทุกๆปีนักท่องเที่ยวจะนิยมเดินทางมาปีนเขาที่นี่ เนื่องจากภูเขาไฟไคมอนดาเกะมีเส้นทางปีนเขาที่ยอดเยี่ยม รวมถึงมีธรรมชาติที่สวยงามตลอดเส้นทาง แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับทิวทัศน์บนยอดเขาที่สวยงามยิ่งกว่า เพราะเราสามารถมองเห็นวิวเมืองอิบุสึกิและคาบสมุทรซัตสึมะได้อย่างชัดเจนค่ะ 

ด้วยความที่ภูเขาไฟไคมอนดาเกะเป็นภูเขาไฟเพียงลูกเดียวที่ตั้งอยู่ในบริเวณดังกล่าว ดังนั้นไม่ว่าจะมองมาจากมุมใดของเมืองอิบุสึกิ ทุกคนก็สามารถชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของภูเขาไฟลูกนี้ได้ค่ะ

ต่อไปเราจะมาแนะนำจุดชมวิวภูเขาไฟไคมอนดาเกะอันสวยงาม ซึ่งถ้าหากว่าใครได้ไปเมืองอิบุสึกิก็ไม่ควรพลาดการไปเยือนสถานที่เหล่านี้กันสักครั้งนะคะ

“สถานี JR Nishi Oyama Station” เป็นสถานีรถไฟที่อยู่ใต้สุดของประเทศญี่ปุ่นตามพิกัดภูมิศาสตร์ จากสถานีเราสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของเมืองชนบท ทุ่งดอกทานตะวันที่ผลิบานในช่วงฤดูร้อน อีกทั้งยังมองเห็นทัศนียภาพของภูเขาไฟไคมอนดาเกะได้อย่างชัดเจนค่ะ

“ออนเซ็นทรายร้อนที่เมืองอิบุสึกิ” เป็นออนเซ็นลักษณะที่หาได้ยากในโลก โดยเป็นออนเซ็นที่เกิดจากน้ำพุร้อนใต้พื้นดินที่มีอุณหภูมิสูงถึง 102 องศาเซลเซียส ทำให้หาดทรายมีความอุ่นตามธรรมชาติ 

เว็บไซต์ของออนเซ็นทรายร้อนในเมืองอิบุสึกิ

Saraku Sand Bath Hall (砂むし会館「砂楽」)
HealthyLand (山川砂むし温泉「砂湯里」)

“แหลมนางาซากิบานะ (Cape Nagasakibana)” เป็นแหลมที่ตั้งอยู่ใต้สุดของคาบสมุทรซัตสึมะและมีชื่อเสียงเรื่องการเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟไคมอนดาเกะที่สวยงามตราตรึงใจ

“ทุ่งดอกนาโนะฮานะแห่งเมืองอิบุสึกิ” เป็นจุดชมวิวภูเขาไฟไคมอนดาเกะที่ยอดเยี่ยมอีกแห่งหนึ่ง ในช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ท้องทุ่งแห่งนี้จะเต็มไปด้วยดอกนาโนะฮานะสีเหลืองอร่ามผลิบานให้ได้ชื่นชมกัน

“สวนสาธารณะเซบิระ (Sebira Park)” เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทางหลวงหมายเลข 226 จากสวนแห่งนี้เราจะมองเห็นทิวทัศน์ที่ธรรมชาติและมนุษย์สร้างขึ้นตั้งอยู่ร่วมกัน เช่น เส้นทางถนนที่ดูคดเคี้ยว ต้นสน หินรูปร่างแปลกตา ทะเลสีคราม โดยมีภูเขาไฟไคมอนดาเกะเป็นฉากหลัง เรียกได้ว่าเป็นทัศนียภาพที่สวยงามและลงตัวเป็นอย่างยิ่ง

ที่มา

เฟซบุ๊ก Kagoshima Thailand
เว็บไซต์จังหวัดคาโกชิม่า

อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับจังหวัดคาโกชิม่า

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top