fbpx

เทศกาลชมดอกบ๊วย “Suzuka Forest Garden” สัญลักษณ์แห่งการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ!

มี.ค. 02, 2023

เทศกาลชมดอกบ๊วย “Suzuka Forest Garden” สัญลักษณ์แห่งการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ!

ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ดอกบ๊วยจะเบ่งบานและส่งกลิ่นหอมก่อนดอกไม้สายพันธุ์อื่นๆเพื่อต้อนรับการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิ หากใครเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดมิเอะ เราขอแนะนำสถานที่จัดงานชมดอกบ๊วยสายพันธุ์ ‘ชิดาเระอุเมะ’ ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในจังหวัดนี้ นั่นก็คือ “เมือง Suzuka” (ซูซุกะ)

ท่ามกลางความหนาวเย็นของฤดูกาลที่กำลังจะผ่านไป กลับมีความอ่อนหวานสวยงามราวสรวงสวรรค์เกิดขึ้น การหยุดยืนในสวนขนาดใหญ่และได้มองเห็นสีชมพู สีขาว และสีเขียวอยู่รวมกัน ชวนให้รู้สึกราวกับอยู่ในโลกแห่งเทพนิยาย แถมยังมีของว่างแสนอร่อยและกลิ่นหอมยั่วยวนใจให้ความรู้สึกน่าทาน

ในวันที่ฤดูหนาวกำลังจะเคลื่อนคล้อยผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึงก็รอต้อนรับพวกเราอย่างสดใสใน เทศกาลชมดอกบ๊วย ณ สวน Suzuka Forest Garden จังหวัดมิเอะ

สำหรับงานเทศกาลชมดอกบ๊วยที่เราพาทุกคนมาเที่ยวชมกันในครั้งนี้ นับว่าเป็นหนึ่งในงานเทศกาลใหญ่ของภูมิภาคชูบุเลยก็ว่าได้ค่ะ โดยปกติงานเทศกาลนี้จะจัดขึ้นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์–มีนาคม

เทศกาลชมดอกบ๊วยที่สวนแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงนักท่องเที่ยวจากจังหวัดมิเอะเท่านั้นที่ชื่นชอบและเดินทางมาชม แต่นักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศญี่ปุ่นก็ล้วนนิยมเดินทางมาที่นี่เช่นกันค่ะ

ส่วนการจำหน่ายตั๋วเข้าชม เราสามารถซื้อได้ทั้งกับเจ้าหน้าที่และตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ ตู้ขายตั๋วจะถูกเตรียมไว้ในสถานีเพื่อบริการผู้คนจำนวนมากที่อยากมาชมความสวยงามของดอกไม้ที่นี่

แค่เห็นทางเข้าทุกคนก็คงรู้สึกตื่นเต้นกันขึ้นมาแล้วใช่ไหมล่ะ ผู้เขียนเองก็ตื่นเต้นมากๆกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้าค่ะ เราได้เห็นต้นไม้ที่ไม่มีใบเลย แต่ทั้งต้นมีแต่ดอกไม้สีชมพูเต็มไปหมด และนี่ก็คือดอกบ๊วยประเภทไม้ดอกไม้ประดับค่ะ

เมื่อเข้ามาข้างในเราจะพบผู้คนที่ใส่ชุดกิโมโนมาร่วมงาน ดูเข้ากับบรรยากาศยิ่งนัก แถมยังช่วยเพิ่มสีสันในการชมดอกบ๊วยได้ดีทีเดียวค่ะ

ดอกบ๊วยสายพันธุ์ Kureha-Shidare

ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์จนถึงปลายเดือนมีนาคม เราจะรู้ได้ว่าฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้วก็ต่อเมื่อดอกบ๊วยเริ่มผลิบาน นี่คือสัญญาณจากธรรมชาติที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลค่ะ ส่วนดอกบ๊วยสายพันธุ์ที่เห็นในรูปนี้คือ Kureha-Shidare (คุเรฮะ-ชิดาเระ) หรือ ดอกบ๊วยพันธุ์ย้อย เป็นสายพันธุ์ที่มีเยอะที่สุดในสวนแห่งนี้ค่ะ

และนี่คือ “ดอกบ๊วยสีขาว” ลักษณะกลีบของดอกจะโค้งมน มีเกสรสีเหลืองอยู่ตรงกลางและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกบ๊วยสีนี้เป็นที่ยอมรับในหมู่จินตกวีทั้งหลายว่าเป็นดอกบ๊วยที่เกิดจากสายพันธุ์แท้ ซึ่งก็คือสายพันธุ์ Ryokugaku Shidare

สวยพันธุ์ Kankobai

ดอกบ๊วยสีชมพูเข้มสดสีสันจัดจ้านที่สร้างความสะดุดตาทันทีเมื่อได้พบเห็นคือสายพันธุ์ Kankobai เป็นสายพันธุ์ที่บานเร็วกว่าดอกบ๊วยสายพันธุ์อื่นๆค่ะ

‘ดอกบ๊วย’ หรือ ‘ดอกเหมย’ นั้นมีความหมายเป็นมงคล สื่อถึงความชื่นบาน ความมีโชค ความยิ่งใหญ่ และอายุที่ยืนยาว รวมถึงความอ่อนเยาว์อันยืนยงด้วย

สีสันของดอกบ๊วยที่นี่มีความหลากหลายตามสายพันธุ์ ให้ความรู้สึกน่าค้นหาจนอยากเดินสำรวจทั่วทั้งสวน อีกทั้งทั่วทุกมุมสวนยังมีต้นบ๊วยซึ่งมีลักษณะรูปทรงต้นและดอกสวยงามแตกต่างกันไปด้วยค่ะ

นอกจากนี้ยังมีการเปรียบความงามของดอกเหมยว่ามีกลีบดอกขาวประดุจหิมะ และมีก้านเขียวเหมือนสีหยก จนได้รับสมญานามว่าเป็น “ยอดแห่งความหอมของมวลดอกไม้” นอกจากนี้ดอกบ๊วยสีขาวยังเป็นสายพันธุ์ที่หายากอีกด้วย

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่จังหวัดมิเอะจะมีดอกบ๊วยหลากสีเบ่งบานอย่างสวยงาม คอยแต่งแต้มสีสันให้เทือกเขาซูซุกะมีความงดงามยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันความรู้สึกของเราก็จะสดใสขึ้นจากสีสันของธรรมชาติที่งดงามด้วย ดังนั้นอย่าลืมถ่ายรูปแล้วนำภาพทิวทัศน์อันสวยงามนี้กลับบ้านไปด้วยนะคะ เผื่อว่าวันหนึ่งเมื่อทุกคนนึกย้อนกลับไป ความรู้สึกสดใสของที่นี่จะหวนกลับมาพร้อมกลิ่นหอมหวาน จนทำให้ทุกคนจดจำได้อีกครั้งค่ะ

สวนป่าบ๊วยที่อยู่ภายในสวนเกษตรของเมืองจะมีต้นบ๊วยมากกว่า 4,000 ต้น โดยมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ที่พร้อมใจกันบานสะพรั่ง และในช่วงกลางคืนยังมีการจัดแสดงไลท์อัพให้ชมกันด้วยค่ะ

นอกจากความสวยหวานของดอกบ๊วยแล้ว ภายในสวนยังมีซุ้มขายอาหารและเครื่องดื่มด้วย ยิ่งฤดูหนาวแบบนี้เป็นหน้าสตรอว์เบอร์รี่พอดี การได้ทานสตรอว์เบอร์รี่ไปพลางชมดอกไม้ไปพลาง นับเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกมีความสุขมากจริงๆค่ะ

หลังจากได้ทานเข้าไปแล้ว เรารู้สึกว่ารสชาติสตรอว์เบอร์รี่สีแดงและดอกบ๊วยสีชมพูมันเข้ากันได้ดีมาก รสชาติของสตรอว์เบอร์รี่นั้นจะมีความหวานอมเปรี้ยว ช่างกลมกลืนเป็นธรรมชาติกับวิวทิวทัศน์ที่เห็นตรงหน้าเหลือเกินค่ะ

นอกจากนี้ภายในงานยังมีดอกไม้และต้นไม้สายพันธุ์อื่นๆวางจำหน่ายอยู่ด้วย รวมถึงของฝากประเภทขนมอีกมากมาย มาเที่ยวงานนี้งานเดียวเราจะได้ทั้งชมดอกไม้ ทั้งทานของอร่อย แถมยังได้ช้อปปิ้งอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ชมดอกบ๊วยที่ครบเครื่องจริงๆค่ะ

แต่ก่อนที่จะเดินทางกลับ ทุกคนอย่าลืมแวะไปชมไลท์อัพที่ประดับประดาในยามค่ำคืนในขณะที่ดอกบ๊วยบานเต็มที่กันด้วยนะคะ ถือว่าเป็นไฮไลต์ของที่นี่เลยค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับสวน Suzuka Forest Garden

ที่อยู่     
  • 151-2 Yamamotocho, Suzuka, Mie 519-0315, Japan
เวลาทำการ
  • 9:00 – 16:00 น.
  • หมายเหตุ : หากมีการแสดงไลท์อัพ สวนจะปิดเวลา 21:00 น.
ฤดูกาลการจัดงาน
  • กลางเดือนกุมภาพันธ์ – ปลายเดือนมีนาคม
ค่าเข้าชม
  • ราคา 700 – 1,700 เยน (ราคาเข้าชมในแต่ละวันขึ้นอยู่กับการบานของดอกบ๊วย)
การเดินทาง
  • ในช่วงเทศกาล ที่สถานีรถไฟ JR Yokkaichi Station จะมีบริการรถบัสรับส่งฟรีไปยังสถานที่จัดงาน ณ บริเวณป้ายรถบัสหมายเลข 1
  • จากสถานีรถไฟ JR Yokkaichi Station สาย JR Kansai Line CJ11 ให้นั่งแท็กซี่หรือขับรถเช่าไปยังสวน โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็จะถึงสวน
  • จากสถานี Kintetsu Komono Station สาย Kintetsu Yunoyama Line K27 ให้นั่งแท็กซี่หรือขับรถเช่าไปยังสวน โดยใช้เวลาประมาณ 17 นาทีก็จะถึงสวน
เว็บไซต์ 
พิกัด

*.。.*゚*.。.*゚*

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับการทัวร์ชมสวนดอกบ๊วยที่ “Suzuka Forest Garden” สวยงามถูกใจทุกคนไหมคะ? 😊

“ดอกบ๊วย” นับเป็นดอกไม้ที่หาชมได้ยากในประเทศไทยแต่หาชมได้ง่ายในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะสวนดอกไม้แห่งนี้ที่ได้รวบรวมดอกบ๊วยเอาไว้หลากหลายสายพันธุ์ อีกทั้งยังนำมาเพาะปลูกพร้อมกับดูแลจนเติบโตอย่างงดงามให้เราได้ชมกัน

ดอกบ๊วยเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของความสวยงามแต่แกร่งทน เพราะดอกไม้ชนิดนี้จะบานในช่วงหน้าหนาวโดยไม่หวั่นไหวต่อความเย็นและหิมะ ฤดูหนาวในญี่ปุ่นนั้นหนาวเย็นมาก แต่ถ้าคุณอดทนต่อความหนาวได้สักหน่อยล่ะก็ คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ค่ะ

หากทุกคนมีโอกาสได้มาเที่ยวที่มิเอะ ลองแวะมาชมความงามของทิวทัศน์สวนดอกบ๊วยแบบนี้กันดูสักครั้งนะคะ

ที่มา : kankomie.or.jp

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Mie Prefecture Tourism Federation.

ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับจังหวัดมิเอะได้ที่

อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับจังหวัดมิเอะ

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top