fbpx

10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดมิยาซากิ’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!

พ.ค. 18, 2021

บทนำ: ไปเที่ยว ‘จังหวัดมิยาซากิ’ กันเถอะ!

จังหวัดมิยาซากิ (Miyazaki Prefecture) ได้รับฉายาว่า ดินแดนแห่งแสงตะวัน (Hyoga no Kuni) ด้วยตำแหน่งที่ตั้งของจังหวัดที่เหมาะต่อการชมพระอาทิตย์ยามเช้า

และที่ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีหลายตำนานที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ‘จังหวัดมิยาซากิ’ กับ ‘จักรพรรดิจิมมุ’ (Jinmu Tennou) ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์แรกของญี่ปุ่นด้วย โดยคำว่า Miya จากชื่อจังหวัด Miyazaki นั้น หมายถึงตำหนักของจักรพรรดิ (Tennou’s Palace) ที่ว่ากันว่าเคยตั้งอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งในเขตจังหวัดมิยาซากิ

Nichinan Kaigan Quasi-National Park

อย่างที่ทราบกันดีว่า มิยาซากิ เป็นจังหวัดหนึ่งที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของภูมิภาคคิวชู โดยพื้นที่ทางทิศเหนือติดกับจังหวัดโออิตะ (Oita Prefecture) ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto Prefecture) ทิศใต้ติดกับจังหวัดคาโกชิมะ (Kagoshima Prefecture) และทิศตะวันออกเป็นแนวชายฝั่งที่สวยงาม ซึ่งหันหน้าเข้าหามหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific Ocean) โดยแนวชายฝั่งนี้มีชื่อเรียกว่า ฮิวงะนาดะ (Hyuga Nada) ซึ่งมีความยาวถึง 400 กิโลเมตรเมื่อวัดระยะทางตามแนวดิ่ง (จากทิศเหนือลงมายังทิศใต้) ยิ่งไปกว่านั้น พื้นที่ประมาณ 76% ของจังหวัดก็เป็นพื้นที่ภูเขาและป่าไม้ จึงสามารถการันตีได้เลยว่ามิยาซากิจะต้องเต็มไปด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติที่แสนงดงาม

Takachiho Gorge

ส่วนภูมิอากาศของจังหวัดมิยากินั้น มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 17.4 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นสภาพอากาศที่ใจดีกับเหล่าสิ่งมีชีวิตอย่างพืชและสัตว์มาก อากาศที่มิยาซากินั้นอบอุ่น สำหรับนักท่องเที่ยวนั้นก็เหมาะแก่การเดินเล่นมากเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีค่าเฉลี่ยวันที่มีแดดถึง 53 วันต่อปี เรียกได้ว่าเป็นดินแดนแห่งแสงตะวันสมชื่อเลยจริงๆ

ที่มา (Photo Credit) : tripadvisor.com

เนื่องด้วยอากาศดีๆของมิยาซากิ กีฬากลางแจ้งหรือกีฬาทางทะเลจึงเป็นที่นิยมมากสำหรับผู้คนในท้องที่ จนได้รับอีกหนึ่งฉายาว่า มิยาซากิดินแดนแห่งกีฬา (Sports Land Miyazaki) ไม่ว่าจะเป็นเบสบอล ฟุตบอล เซิร์ฟบอร์ด หรือกอล์ฟ ก็ล้วนเป็นกีฬาที่โด่งดังทั้งนั้น

The Emergence of Amaterasu (Public Domain Image)

Kojiki [ที่มา www.sacred-texts.com]

สำหรับนักเที่ยวสายเนิร์ดแบบเราก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะ ‘จังหวัดมิยาซากิ’ ถือเป็น ‘รากของญี่ปุ่น’ เลยล่ะ เพราะตำนานปรัมปราฉบับออรินัล รวมไปถึงสิ่งก่อสร้างเก่าแก่อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ทั้งหมดล้วนอยู่ใน ‘จังหวัดมิยาซากิ’ ทั้งสิ้น! ไม่ว่าจะเป็นบันทึกโบราณที่มีอายุกว่า 1,300 ปี อย่างโคจิกิ (Kojiki) หรือนิฮงโชกิ (Nihon Shoki) นอกจากนี้ยังมีบันทึกตำนานคางุระ (Kagura) กว่า 200 เรื่องด้วย

การเดินทางจากสนามบินมิยาซากิ (Miyazaki Airport) ก็ง่ายแสนง่าย~ เพราะสถานี JR Kyushu Station อยู่ติดกับสนามบินเลย 

สำหรับรถไฟ JR Kyushu ทุกคนสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่เลย >> JR Kyushu Railpass Guidebook (ภาษาไทย)

นอกจากนี้ยังมีตั๋ว VISIT MIYAZAKI BUS PASS ราคา 1500 เยน ที่สามารถใช้เดินทางได้รอบเมืองโดยรสบัสมิยาซากิโคทสึ (Miyazaki Kotsu City Bus) ถ้าใครเล็งไว้ว่าจะไปที่ทาคาชิโฮ (Takachiho)  หรือนิจินัน (Nichinan) ตั๋ว Bus Pass ใบนี้ก็ถือเป็นตัวเลือกการเดินทางที่ไม่เลวเลย

  • มาดูเสน่ห์ของจังหวัดมิยาซากิผ่านคลิปกันเถอะ!

สารบัญ

วิธีการเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดมิยาซากิ
    1. ศาลเจ้าอุโดะจินกู (Udo Shrine)
    2. สวนสันติภาพเฮวะได (Heiwadai Peace Park)
    3. เกาะอาโอชิมะ (Aoshima Island)
    4. ปราสาทโอบิ (Obi Castle)
    5. ที่ราบสูงเอบิโนะ (Ebino Plateau)
    6. ศาลเจ้าอามาโนะอิวาโตะ (Amano Iwato Shrine)
    7. หมู่บ้านโอกาวาสะกุโกยะ (Ogawasakugoya Village)
    8. ย่านเมืองเก่ามิมิทสึ (Mimitsu Historical District)
    9. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์มิยาซากิ (Miyazaki Science Museum)
    10. นาขั้นบันไดเซ็นนิน (Rice Terrace Of Sennin)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดมิยาซากิ
    1. ไก่ทอดนัมบัง (Chicken Nanban)
    2. เนื้อมิยาซากิ (Miyazaki Beef)
    3. ไก่ย่างเตาถ่าน (Charcoal Grilled Chicken)
    4. ฮิยาจิรุ (Hiyajiru)
    5. มะม่วง (Mango)

วิธีการเดินทาง

จากโตเกียว —> มิยาซากิ

โดยเครื่องบิน
  • นั่งเครื่องจาก Haneda Airport ไปลงที่ Miyazaki Bougainvillea Airport โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
  • Route : Henada Airport —> Miyazaki Bougainvillea Airport
โดยรถไฟชินคันเซ็น
  • นั่งรถไฟจาก Haneda Airport ไปลงที่สถานี Tokyo Station โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นให้นั่งรถจากสถานี Tokyo Station ไปลงที่สถานี Hakata Station ซึ่งตรงนี้จะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง สุดท้ายก็นั่งรถจากสถานี Hakata Station ไปลงที่สถานี Miyazaki Station โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
  • Route : Haneda Airport —> Tokyo Station —> Hakata Station —> Miyazaki Station

จากโอซาก้า —> มิยาซากิ

โดยเครื่องบิน
  • นั่งเครื่องจาก Osaka International Airport (Itami Airport) ไปลงที่สนามบิน Miyazaki Bougainvillea Airport
  • Route : Osaka International Airport —> Miyazaki Bougainvillea Airport
โดยรถไฟชินคันเซ็น
  • นั่งรถไฟชินคันเซ็นจากสถานี Osaka International Airport ไปลงที่ Osaka Station โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นให้นั่งไปเปลี่ยนรถที่สถานี Osaka Station เพื่อไปที่สถานี Kagoshima Station โดยใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง สุดท้ายก็ให้เปลี่ยนรถเพื่อไปลงที่สถานี Miyazaki Station ซึ่งจากตรงนี้จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
  • Route : Osaka International Airport —> Osaka Station —> Kagoshima Station —> Miyazaki Station
โดยเรือเฟอร์รี
  • นั่งรถไฟจากสถานี Osaka International ไปลงที่ท่าเรือ Kobe Port โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นให้นั่งเรือเฟอรีไปลงที่ท่าเรือ Miyazaki Port ซึ่งจากตรงนี้จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 14 ชั่วโมง
  • Route : Osaka International Airport —> Kobe Port —> Miyazaki Port

จากฟุกุโอกะ —> มิยาซากิ

โดยเครื่องบิน
  • นั่งเครื่องบินจากสนามบิน Fukuoka International Airport ไปลงที่สนามบิน Miyazaki Bougainvillea Airport โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
  • Route : Fukuoka International Airport —> Miyazaki Bougainvillea Airport
โดยรถไฟชินคันเซ็น
  • นั่งรถไฟชินคันเซ็นจากสถานี Hakata Station ไปลงที่ Miyazaki Station โดยใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง
  • Route : Hakata Station —> Miyazaki Station
  • นั่งรถไฟจากสถานี Hakata Station ไปลงที่ Kagoshima Station โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นให้เปลี่ยนรถที่สถานีดังกล่าวเพื่อไปลงที่สถานี Miyazaki Station ซึ่งจากตรงนี้จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
  • Route : Hakata Station —> Kagoshima Station —> Miyazaki Station

จากคาโกชิม่า —> มิยาซากิ

  • นั่งรถไฟจากสถานี Kagoshima Station ไปลงที่สถานี Miyazaki Station โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
  • Route : Kagoshima Station —> Miyazaki Station

จากโอกินาว่า —> มิยาซากิ

โดยเครื่องบิน
  • นั่งเครื่องบินจาก Naha Airport ไปลงที่ Miyazaki Bougainvillea Airport โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
  • Route : Naha Airport —> Miyazaki Bougainvillea Airport
โดยเรือเฟอร์รี
  • นั่งเรือเฟอร์รีจากท่าเรือ Naha Port ไปลงที่ท่าเรือ Kagoshima Port โดยใช้เวลาประมาณ 26 นาที จากนั้นให้นั่งรถไฟจาก Kagoshima Port ไปลงที่สถานี Miyazaki Station โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
  • Route : Naha Port —> Kagoshima Port —> Miyazaki Station

 Back To Index

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดมิยาซากิ

1. ศาลเจ้าอุโดะจินกู (Udo Shrine)

ศาลเจ้าอุโดะจินกู (Udo Shrine) ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งนิจินัน (Nichinan Coast) ซึ่งเป็นสถานที่ทางตอนใต้ของเกาะอาโอชิมะ (Aoshima Island) จุดประสงค์ในการสร้างศาลเจ้าแห่งนี้คือ เพื่อบูชาเทพอุกายะฟุกิอาเอสึ (Ugayafukiaezu) ผู้เป็นพระบิดาของจักรพรรดิจิมมุ (Jinmu Emperor) หรือที่เรารู้จักกันดีในนามของจักรพรรดิองค์แรกของญี่ปุ่นตามเรื่องปรัมปราของบ้านเขา

ตามตำนานเล่าว่านี่เป็นสถานที่ที่เทพีแห่งทะเล โทโยตะมาฮิเมะ (Toyotamachime) ผู้ให้กำเนิดอุกายะฟุกิอาเอสึ สร้างกระท่อมแห่งการกำเนิดขึ้น อนึ่งกระท่อมดังกล่าวสร้างขึ้นจากขนนกกาน้ำ (Cormorant) ทั้งหลังด้วย และด้วยเหตุนี้เอง ศาลเจ้าอุโดะจินกูจึงเป็นที่นิยมในการขอพรเรื่องลูก โดยคู่แต่งงานที่อยากมีลูกจะมาขอลูกกันที่นี่ ว่ากันว่าเด็กที่มาเกิดหลังจากมาขอพรที่ศาลเจ้าอุโดะจินกูนั้น จะกลายเป็นเด็กที่สามารถสร้างความสุขตลอดการดำรงชีวิตคู่ของพวกเขาด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะสมต่อการมาฮันนีมูนมากเลยล่ะ

ส่วนที่ตั้งของศาลเจ้านั้นจะอยู่ในถ้ำที่ตั้งอยู่ข้างๆกับหน้าผา แน่นอนว่าวิวที่ได้เห็นจากที่นี่จะต้องสวยงามมาก นอกจากนี้ บริเวณระเบียงของถ้ำหินตรงจุดชมวิวทะเลนั้น สามารถมองเห็นโขดหินก้อนหนึ่งที่มีเชือกวงกลมวางอยู่ และเป็นตำแหน่งที่ล้อมรอบรอยหลุมรูปสี่เหลี่ยมเปียกปูนของโขดหินดังกล่าว โดยชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าหากสามารถโยนลูกแก้วแห่งความโชคดี (Lucky Ball / Ceramic Undama) ลงบนรอยหลุมนั้นได้ ก็จะได้รับความโชคดีอย่างมากเลยทีเดียว ทั้งนี้มีเงื่อนไขอยู่เล็กน้อยคือ เขาจะให้ผู้หญิงโยนด้วยมือขวา และให้ผู้ชายโยนด้วยมือซ้าย

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าอุโดะจินกู (Udo Shrine)

ที่อยู่
  • 3232 Miyaura, Nichinan, Miyazaki 887-0101, Japan
ติดต่อ
  • 098-729-1001
เวลาทำการ
  • วันจันทร์ – ศุกร์ : 6:00 – 16:00 น.
  • วันเสาร์ – อาทิตย์ : 6:00 – 17:00 น
วิธีเดินทาง
  • ศาลเจ้าอุโดะจินกูอยู่ห่างจากเมืองมิยาซากิไปทางทิศใต้ประมาณ 40 กิโลเมตร ดังนั้นวิธีเดินทางที่ง่ายที่สุดก็คือการเช่ารถค่ะ แต่นอกจากวิธีดังกล่าวก็สามารถนั่งรถบัสจาก Miyazaki Station ไปลงที่ป้าย Udo Jingu Bus Stop โดยใช้เวลาประมาณ 90 นาที จากนั้นก็เดินต่อเพื่อเข้าไปในศาลเจ้าโดยใช้เวลา 10 นาที
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map

 Back To Index

2. สวนสันติภาพเฮวะได (Heiwadai Peace Park)

สวนสันติภาพเฮวะได (Heiwadai Peace Park) หรือสวนอันเป็นที่ตั้งของหอสันติภาพ (Peace Tower) ที่สร้างขึ้นในปี 1940 เพื่อเฉลิมฉลองในวันครบรอบ 2,600 ปีที่จักรพรรดิจิมมุสวรรคต

และหอคอยแห่งสันติภาพ (Peace Tower / Heiwadainoto) แห่งนี้นี่เองที่เป็นแลนด์มาร์กของสวนสันติภาพเฮวะได โดยหอคอยสูงแห่งนี้สร้างขึ้นจากหินที่ได้มาจากทุกพื้นที่ในเอเชียเชียวล่ะ

แม้ว่าโดยส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนจะมองว่าหอคอยแห่งนี้ดูเหมือนวิหารหินหรืออนุสรณ์สถานเสียมากกว่า แต่สิ่งก่อสร้างแห่งนี้ก็สื่อความหมายที่ยิ่งใหญ่ไปในตัวนะ โดยหอคอยแห่งสันติภาพนี้ หมายถึงความกลมเกลียวของโลก (A United World)

อนึ่ง มีข้อความสลักไว้ที่ด้านหน้าของเสาหินว่า Hakko Ichinu ซึ่งมีความหมายว่า รวมโลกทั้งแปดไว้ให้เป็นหนึ่งเดียว อีกทั้งข้อความนี้ยังสื่อความถึงจักรพรรดิจิมมุด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สันติภาพที่เกิดจากการรวมภูมิภาคเอเชียให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ภายใต้การนำของธงจักรพรรดิญี่ปุ่น (ก็หอนี้สร้างขึ้นในช่วงโชวะพอดีนี่เนอะ และอย่างที่ทราบกันดีว่าช่วงนั้นเป็นปลายยุคของการล่าอาณานิคมด้วย แถมเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่สองด้วย จะมีจุดประสงค์การสร้างประมาณนี้ก็คงไม่น่าแปลกใจอะไรนัก)

และถ้าเดินเข้าไปยังส่วนลึกสุดของสวนสันติภาพเฮวะได เราก็จะพบกับ สวนฮานิวะ (Haniwa Garden) ที่มีรูปปั้นฮานิวะหรือรูปปั้นดินเผากว่า 400 รูป! ยิ่งไปกว่านั้น บนรูปปั้นฮานิวะก็มีภาพวาดรูปสัตว์ นักรบ นักเต้น เรือ หรือบ้าน โดยจุดประสงค์ของการสร้างรูปปั้นฮานิวะนั้นก็มีไว้เพื่อระลึกถึงผู้ตายในสมัยโคฟุน (Kofun Period) ก็คือช่วงศตวรรษที่ 3 – 6 โดยรูปปั้นเหล่านี้จะถูกนำไปวางรอบๆหลุมฝังศพของผู้ที่ล่วงลับไปในช่วงเวลานั้น

Yakitate!! Japan : แชมป์เปี้ยนเจปัง สูตรดังเขย่าโลก

ถ้าถามเราว่าเห็นรูปปั้นฮานิวะแล้วนึกถึงอะไร แฟนอนิเมะอย่างเราก็อาจจะตอบไม่เหมือนคนอื่นค่ะ ฮ่าๆๆ เพราะว่าเรานึกถึงอนิเมะเรื่อง เจปังสูตรดังเขย่าโลก (Yakitate!! Japan) ตอนที่ 58 ซึ่งเป็นตอนที่อาสึมะ คาสึมะ พระเอกของเรานั้นได้ทำขนมปังที่ชื่อว่า ‘เจปังฮานิวะ’ ขึ้น และขนมปังที่ว่าก็มีหน้าตาเหมือนกับรูปปั้นฮานิวะเลย แถมยังสอดไส้ด้วยผลไม้เลื่องชื่อของ ‘จังหวัดมิยาซากิ’ อย่างมะม่วงสุกไว้ด้วย ได้ยินแค่นี้ก็หิวแล้วอ่ะ T^T

Yakitate!! Japan : แชมป์เปี้ยนเจปัง สูตรดังเขย่าโลก

และนี่ก็คือรีแอกชันของคุโรยานางิที่กินเจปังฮานิวะเข้าไป 555

ข้อมูลเกี่ยวกับสวนสันติภาพเฮวะได (Heiwadai Peace Park)

ที่อยู่
  • Koshigasako-6146 Shimokitakatamachi, Miyazaki, 880-0035, Japan
ติดต่อ
  • 098-535-3181
เวลาทำการ
  • เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
วิธีเดินทาง
  • เดินจาก Miyazaki Shrine หรือ Miyazaki Prefectural Museum โดยใช้เวลา 15 นาที
  • นั่งรถบัสจากหน้าสถานี Miyazaki Station ทางออกทิศตะออก โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map

 Back To Index

3. เกาะอาโอชิมะ (Aoshima Island)

เกาะอาโอชิมะ (Aoshima Island) เป็นเกาะเล็กๆที่มีระยะทางรอบเกาะประมาณ 1.5 กิโลเมตร ทั้งนี้บนเกาะเองมีพืชกึ่งเขตร้อนชื้นอยู่มากมายจนกลายเป็นสีสันให้กับเกาะแห่งนี้

ยิ่งไปกว่านั้นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ ณ เกาะแห่งนี้อย่าง ‘ศาลเจ้าอาโอชิมะ (Aoshima Shrine)’ ก็มีชื่อเสียงด้านการขอพรเรื่องความปลอดภัยในการเดินทาง เรื่องความรัก รวมไปถึงการขอลูกค่ะ เนื่องด้วยศาลเจ้าแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับตำนานปรัมปราของญี่ปุ่นเหมือนกัน

นอกจากนี้ เกาะอาโอชิมะก็ยังเชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ของ ‘จังหวัดมิยาซากิ’ ด้วยสะพานยาโยอิ (Yayoi Bridge) และที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือยานพาหนะที่ใช้สำหรับสัญจรบนเกาะแห่งนี้ก็คือ รถตุ๊กตุ๊ก!

ที่มา : https://thegate12.com/

ใช่แล้วค่ะทุกคน! คุณอ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ที่นี่มีรถตุ๊กตุ๊กด้วย! ถ้าอยากลองเปิดประสบการณ์นั่งตุ๊กตุ๊กที่ต่างแดนดูล่ะก็ เกาะอาโอชิมะนี่แหละเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเลย

ข้อมูลเกี่ยวกับเกาะอาโอชิมะ (Aoshima Island)

ที่อยู่
  • 2-chōme-13 Aoshima, Miyazaki, 889-2162, Japan
ติดต่อ
  • 0985-65-1262
เวลาทำการ
  • Aoshima Shrine 8:00-18:00 น.
วิธีเดินทาง
  • นั่งรถไฟ JR Kyushu สาย Nichinan Line มาลงที่สถานี Aoshima Shrine
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map

 Back To Index

4. ปราสาทโอบิ (Obi Castle)

Walking Tour of Obi Castle Town » Simone Armer

ที่มา : https://www.simonearmer.com

ปราสาทโอบิ (Obi Castle) ถูกค้นพบในปี 1400 โดยตระกูลสึจิมูจิ (Tsuchimuchi Clan) ซึ่งตอนที่พวกเขาค้นพบปราสาทแห่งนี้ ที่นี่ก็ได้ดำเนินการสร้างไปเกือบ 50% แล้ว ต่อมาก็สร้างจนเสร็จสิ้นในปี 1588 ซึ่งตรงกับสมัยเอโดะตอนต้นพอดี

สำหรับการถือครองเมืองปราสาทแห่งนี้ เดิมทีเคยเป็นของตระกูลชิมาสึ (Shimazu) พอเข้าปี 1587 ตระกูลอิโตะ (Ito Clan) ก็เข้ามาปกครองต่อจนถึงสมัยเมจิ (Meiji Period) แล้วความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากนั้น ซึ่งเห็นได้จากการขยายขอบเขตพื้นที่จนถึงบริเวณแม่น้ำซากาตานิ (Sakatani River) เพื่อทำให้เกิดแนวป้องกันขึ้นถึง 3 ด้าน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ที่เรียกว่าอาณาเขตโอบิ (Obi Domain) ซึ่งเป็นพื้นที่ปกครองขนาดเล็กด้วย

เมื่อสิ้นสุดการปกครองโดยตระกูลอิโตะ ปราสาทแห่งนี้ก็โดนปล่อยให้ทิ้งร้าง ก่อนจะได้รับการบูรณะใหม่ในปี 1970

Mysterious Land of Miyazaki - Japan Shore Excursions

ที่มา : www.japanshoreexcursions.com

และหากไปเดินเล่นที่บริเวณเมืองเก่ารอบปราสาทโอบิแห่งนี้ เราก็จะได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศสมัยเอโดะ นอกจากนี้ก็ยังมีสวนสวยๆให้เราได้เดินชมด้วยนะ หรือจะลองไปนั่งรถลากชมเมืองปราสาทกันแบบชิลล์ๆก็ย่อมได้

นอกจากนี้เรายังสามารถเพลิดเพลินไปกับบ้านซามูไรที่ได้รับการบำรุงรักษาให้คงสภาพเหมือนเช่นปัจจุบัน โดยเฉพาะตอนกลางคืนที่จะมีการจัดแสงไฟด้วย เรียกได้ว่าจะมาช่วงไหนก็สวยตลอดเลยจริงๆค่ะ!

ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทโอบิ (Obi Castle)

ที่อยู่
  • 10 Chome-1 Obi, Nichinan, Miyazaki 889-2535, Japan
ติดต่อ
  • 098-767-6029
เวลาทำการ
  • 9:00 – 17:00 น.
วิธีเดินทาง
  • นั่งรถไฟ JR สาย Nichinan Line มาลงที่สถานี Obi Station จากนั้นเดินต่อไปยัง Obi Castle โดยใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาที
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map

 Back To Index

5. ที่ราบสูงเอบิโนะ (Ebino Plateau)

ที่ราบสูงเอบิโนะ (Ebino Plateau) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดจากการรังสรรค์ของธรรมชาติ ที่ราบสูงแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือน้ำทะเลประมาณ 1.2 กิโลเมตร นอกจากความสวยงามของป่าผลัดใบแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็ยังมีทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟที่เรียกว่า บึงรกคะนง (Rokkanon Pond) ด้วย

ความพิเศษที่ทุกคนจะต้องประทับใจเมื่อมาที่นี่ก็คือ ทัศนียภาพของผืนน้ำสีฟ้าโคบอลต์ที่ส่องประกายระยิบระยับยามแสงแดดตกกระทบ ซึ่งสีฟ้าของน้ำที่เราเห็นนั้นเกิดจากสภาพของแหล่งน้ำที่เป็นกรด

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการมาเที่ยวที่นี่คือช่วงฤดูใบไม้ผลิจนถึงช่วงต้นฤดูร้อน แต่ถ้าอยากจะมายลความงามของป่าสีแดงที่ตัดกับสีของแผ่นน้ำ ก็มาช่วงเดือนสิงหาคมได้ค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับที่ราบสูงเอบิโนะ (Ebino Plateau)

ที่อยู่
  • Suenaga, Ebino, Miyazaki 889-4302, Japan
ติดต่อ
  • 098-433-3002
เวลาทำการ
  • 9:00 – 17:00 น.
วิธีเดินทาง
  • นั่งรถบัสจากสถานี Kirishima Jingu Station ไปลงที่ Ebino
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map

 Back To Index

6. ศาลเจ้าอามาโนะอิวาโตะ (Amano Iwato Shrine)

ทาคาชิโฮ (Takachiho) เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนานเทพเจ้าของญี่ปุ่น ว่ากันว่า ‘อามาเทราสึ’ (Amaterasu) ผู้เป็นเทพีแห่งดวงอาทิตย์ตามความเชื่อของศาสนาชินโตได้เข้ามาซ่อนตัวในถ้ำแห่งนี้ จนกลายเป็นเหตุให้โลกตกอยู่ในเวลากลางคืนตลอดทั้งวัน ซึ่งตอนท้ายของตำนานได้กล่าวไว้ว่า ที่เทพีอามาเทราสุยอมออกจากถ้ำมาได้ เป็นเพราะว่ามีเทพองค์อื่นล่อออกมาค่ะ ทำให้ช่วงเวลากลางวันกลับมาสว่างสดใสเหมือนเดิม

ไกลออกไปจากทาคาชิโนะประมาณ 10 กิโลเมตร เราจะพบกับ ศาลเจ้าอามาโนะอิวาโตะ (Amano Iwato Shrine) ที่สร้างอยู่ใกล้กับถ้ำที่เทพีอามาเทราสึเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในนั้น อีกทั้งตัวศาลเจ้าหลักก็ตั้งอยู่ตรงข้ามกับแม่น้ำอิวาโตะ (Iwato River) ซึ่งไหลออกมาจากถ้ำ

ในบริเวณละแวกเดียวกันนั้นมี ศาลเจ้าอามาโนะ ยาสึกาวาระ (Amano Yasukawara) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ในถ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้เป็นจุดนัดพบของเหล่าเทพเจ้าที่จะต้องมาระดมสมอง เพื่อหาวิธีล่อเทพอามาเทราสึให้ออกมาจากถ้ำ

สะพานหินที่อยู่ใกล้กับศาลเจ้าอามาโนะ ยาสึกาวาระนั้นทอดตัวบนแม่น้ำอิวาโตะ เราจึงสามารถชมความสวยงามของธรรมชาติรอบๆได้อย่างจุใจ!

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าอามาโนะอิวาโตะ (Amano Iwato Shrine)

ที่อยู่
  • 1073-1 Iwato, Takachiho, Nishiusuki District, Miyazaki 882-1621, Japan
ติดต่อ
  • 098-274-8239
เวลาทำการ
  • 8:30 – 17:00 น.
วิธีเดินทาง
  • นั่งรถบัสจาก Tachiho Bus Center ไปลงที่ Amano Iwato Shrine โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที เมื่อลงรถแล้วให้เดินจาก Amano Iwato Shrine มายัง Amano Yasukawara Shrine โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map

 Back To Index

7. หมู่บ้านโอกาวาสะกุโกยะ (Ogawasakugoya Village)

Ogawasakugoya Village | The Official Miyazaki Prefecture Travel Guide

ที่มา : https://visitmiyazaki.com/

หมู่บ้านโอกาวาสะกุโกยะ (Ogawasakugoya Village) เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะที่เป็นสถานที่ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงาม เหมาะแก่การไปเที่ยวแบบชิลล์ๆมาก นอกจากแปลงดอกไม้และแปลงผักนานาพันธุ์แล้ว ที่นี่ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันแสนงดงามอยู่ในบริเวณใกล้เคียงด้วย

ถ้าใครกำลังตามหาที่เที่ยวที่ให้บรรยากาศเงียบสงบแถบชานเมือง ที่นี่ก็ตอบโจทย์มากเลยค่ะ เป็น Unseen อีกแห่งหนึ่งที่เราอยากให้ทุกคนได้มาโดนกัน

ข้อมูลเกี่ยวกับหมู่บ้านโอกาวาสะกุโกยะ (Ogawasakugoya Village)

ที่อยู่
  • 254 Ogawa, Nishimera, Koyu District, Miyazaki 881-1302, Japan
ติดต่อ
  • 098-337-1240
เวลาทำการ
  • 10:30 – 14:00 น.
  • ปิดทำการทุกวันพุธของสัปดาห์ที่ 4 ของเดือน
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map

 Back To Index

8. ย่านเมืองเก่ามิมิทสึ (Mimitsu Historical District)

ที่มา : www.tripadvisor.com

ย่านเมืองเก่ามิมิทสึ (Mimitsu Historical District) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในเมืองฮิวงะ (Hyuga) จังหวัดมิยาซากิ โดยที่นี่เป็นเมืองท่าที่ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำมิมิทสึกาวะ (Mimitsukawa River)

Mimi River (Japan) - Wikipedia

ที่มา : www.wikipedia.com

สำหรับประวัติความเป็นมาของมิมิทสึนั้น ต้องย้อนความไปยังสมัยเอโดะที่เมืองท่าแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองมากในฐานะพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งในสมัยนั้นมีการแลกเปลี่ยนสินค้ากันระหว่างเกียวโต โอซาก้า และโกเบ โดยเฉพาะสินค้าอย่างไม้นั้นขายดีเป็นพิเศษเลย นั่นก็เป็นเพราะว่ามิมิทสึมีเส้นทางการขนส่งสินค้าที่แสนสะดวกอย่างแม่น้ำมิมิทสึกาวะนั่นเอง

แต่หลังจากเหตุการณ์ฮาอิฮังชิเก็น (Haihan Chiken) หรือเหตุการณ์เลิกทาสของญี่ปุ่น พร้อมๆกับการก่อตั้งเขตการปกครองแบบจังหวัดขึ้นเพียงไม่นานนัก มิมิทสึก็กลายเป็นจังหวัดมิมิทสึไป (Mimitsu Prefecture)

ผลที่ตามมาของระบบการปกครองเมืองแบบหมู่บ้านคือที่นี่โดนลดสเกลลง จากที่เคยเป็นจังหวัดก็เหลือเพียงหมู่บ้านมิมิทสึ (Mimitsu Village) และในปี 1955 มิมิทสึก็ได้ผนวกเข้ากับเมืองฮิวงะ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของ ‘จังหวัดมิยาซากิ’

ที่มา : www.tripadvisor.com

ถ้าลองเดินเที่ยวรอบเมืองดู เราก็จะรู้สึกว่าที่นี่เป็นเหมือนเกียวโตขนาดมินิ แต่จุดต่างที่สร้างเอกลักษณ์ให้กับมิมิทสึก็คือ มูชิโกะมาโดะ (Mushikok Mado) หรือหน้าต่างที่มีลักษณะเป็นโครงตาข่ายซี่ไม้ อีกทั้งยังมีพื้นที่ของบ้านด้านทิศตะวันออกที่จะเชื่อมทางเข้ากับสวนหลังบ้านไว้ด้วยกัน ซึ่งพื้นที่นี้มีชื่อเรียกว่า โทรินิวะ (Touri Niwa)

ที่มา : www.tripadvisor.com

นอกจากนี้ยังมีจุดที่น่าสนใจอย่างการนำเรือเก่ามาประดับที่ตู้จดหมายด้วย ถ้าใครอยากมาสัมผัสกับบรรยากาศเมืองท่ายุคเอโดะที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาล่ะก็ ต้องมาที่นี่ให้ได้เลยนะ!

ข้อมูลเกี่ยวกับย่านเมืองเก่ามิมิทสึ (Mimitsu Historical District)

ที่อยู่
  • 3328 Mimitsumachi, Hyuga, Miyazaki 889-1111, Japan
ติดต่อ
  • 098-255-0235
เวลาทำการ
  • เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
วิธีเดินทาง
  • นั่งแท็กซี่จากหน้าสถานีรถไฟ JR Hyugashi Station โดยใช้เวลา 15 นาที
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map

 Back To Index

9. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์มิยาซากิ (Miyazaki Science Museum)

Miyazaki Travel: Science Museum

ที่มา : www.japan-guide.com

ทันทีที่เดินข้ามถนนมาจากสถานีรถไฟมิยาซากิ (Miyazaki Station) สถานที่ที่เราจะพบก็คือ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์มิยาซากิ (Miyazaki Science Museum) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อว่า ดินแดนอวกาศ หรือ Cosmoland เพราะที่นี่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับศาสตร์ด้านฟิสิกส์และดาราศาสตร์เป็นพิเศษเลยล่ะ

ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีการจัดแสดงแบบจำลองขนาด 1:1 ของยานอะพอลโล 11 (Apollo 11) ซึ่งเป็นยานอวกาศลำแรกของโลกที่เดินทางไปสำรวจดวงจันทร์ และยานเจมินิสเปซคราฟต์ (Gemini Spacecraft) หรือยานที่ถูกส่งให้ขึ้นไปเก็บข้อมูลต่างๆภายในอวกาศ

ที่มา : www.japan-guide.com

นอกจากนี้ยังมีจรวด Japanese H-1 Rocket ขนาด 1:4 ด้วย แถมชั้นบนก็จัดแสดงโมเดลดวงดาวต่างๆที่เราสามารถเดินดูได้อย่างเพลิดเพลิน แถมยังได้ความรู้อีกด้วย~

ใครที่ชื่นชอบดาราศาสตร์หรือโลกแห่งดวงดาว (แบบคนเขียน 555) ก็สามารถไปเที่ยวที่นี่ได้นะ!

ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์มิยาซากิ (Miyazaki Science Museum)

ที่อยู่
  • Japan, 〒880-0879 Miyazaki, Miyazakiekihigashi, 1 Chome−2−2
ติดต่อ
  • 098-523-2700
เวลาทำการ
  • 9:00 – 16:30 น.
วิธีเดินทาง
  • เดินข้ามถนนมาจากสถานีรถไฟ Miyazaki Station
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map

 Back To Index

10. นาขั้นบันไดเซ็นนิน (Rice Terrace Of Sennin)

The most beautiful village in Japan” Spend “Japanese time” in Shiiba Village, Miyazaki | TatamiRoom.jp

ที่มา : https://tatamiroom.jp

นาขั้นบันไดเซ็นนิน (Rice Terraces of Sennin หรือ Large Ginkgo Observation Deck) เป็นจุดชมวิวนาขั้นบันไดที่แสนวิเศษ~ ทั้งนี้คำว่า Sennin’s Rice Terrace มีความหมายว่า ราวกับล่องลอยไปบนนภา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีกหนึ่งความหมายว่า ที่พำนักของเซ็นนิน ซึ่งข้อความนี้มีความเกี่ยวข้องกับตำนานการถือกำเนิดขึ้นของประเทศญี่ปุ่น

นอกจากทิวทัศน์ของนาขั้นบันไดที่สวยงามราวกับงานศิลปะแล้ว เรายังสามารถชมทะเลหมอกที่จะปกคลุมพื้นที่บริเวณนี้ได้ในทุกๆเช้า และะเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง เราก็จะได้ชมความสวยงามของรวงข้าวสีทองที่พร้อมสำหรับฤดูกาลเก็บเกี่ยว

สำหรับคนที่อยากไปสถานที่ที่ปลูกนาขั้นบันได ก็สามารถเสิร์ชคำว่า หมู่บ้านชิบะ (Shiiba Village) ได้เลยค่ะ

ข้อมูลเกี่ยวกับนาขั้นบันไดเซ็นนิน (Rice Terrace Of Sennin)

ที่อยู่
  • Matsuo, Shiiba, Higashiusuki District, Miyazaki 883-1604, Japan
ติดต่อ
  • 0982-67-3139 (Shiiba Village Tourism Association)
เวลาทำการ
  • เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
เว็บไซต์
แผนที่ Google Map

 Back To Index

อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดมิยาซากิ

เนื่องด้วย จังหวัดมิยาซากิ มีภูมิอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นกว่าทุกพื้นที่ในญี่ปุ่น ผลไม้เขตร้อนของมิยาซากิจึงมีรสชาติที่ดีเยี่ยม! โดยเฉพาะ มะม่วงสุก ที่มีรสหวานและฉ่ำน้ำ นอกจากนี้ก็ยังมี Street Food รสเลิศที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปด้วย เรียกได้ว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยของกินแสนอร่อยอย่างแท้จริง!

1. ไก่ทอดนัมบัง (Chicken Nanban)

ไก่ทอดนัมบัง (Chicken Nanban) เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของเมนูยอดฮิตประจำร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย! และเราเชื่อว่าเมนูนี้จะต้องเป็นจานโปรดของใครหลายคนแน่นอน~ แต่รู้หมือไร่ (หรือไม่!) ว่าไก่ทอดนัมบังสูตรต้นตำรับแท้ๆอยู่ที่จังหวัดมิยาซากินี่แหละค่ะท่านผู้โช้ม!

แล้วทำไมถึงต้องเรียกว่าไก่ทอดนัมบังล่ะ? ขอเรียกว่าไก่ทอดญี่ปุ่นไม่ได้เหรอ?

ก่อนจะตอบคำถามนี้ เราขอเท้าความด้วยที่มาของคำว่า ‘นัมบัง’ ก่อนแล้วกันค่ะ ที่จริงแล้วคำว่า นัมบัง (Nanban) มาจากคำว่า หนานหมาน (南蛮) ในภาษาจีน ซึ่งมีความหมายว่า อานารยชนแดนใต้ (Southern Barbarians) แต่พอคำนี้เข้ามาที่ญี่ปุ่น มันกลับกลายเป็นคำที่ใช้สื่อความหมายถึง สิ่งของที่น่าดึงดูดใจและมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะของนำเข้าจากแถบยุโรป เขาจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษเลยล่ะ และถ้าพูดถึงสมัยมุโรมาจิ (Muromachi Period) กับสมัยเอโดะ (Edo Period) ก็จะเห็นพ่อค้าและมิชชันนารีชาวโปรตุเกสหรือสเปนมากมายที่เดินทางมาขายของและเผยแผ่ศาสนาในคิวชู

แน่นอนว่าชาวญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้สนใจเพียงสิ่งของหรือศาสนาคริสต์เท่านั้น แต่ยังสนใจวัฒนธรรมอาหารและการกินด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาหารชุบแป้งทอดอย่างเท็มปุระหรือทงคัตสึ ของหวานอย่างคาสเทลลาที่เป็นสปันจ์เค้กแสนนุ่มนิ่ม ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวมานี้ก็ได้รับอิทธิพลจากโปรตุเกสทั้งสิ้น

ส่วนวิธีทำไก่นัมบังนั้น เขาจะนำไก่คาราอาเกะ (Karaage Chicken) มาคลุกเคล้ากับซอสนัมบังรสเปรี้ยวหวานให้ชุ่มฉ่ำ ก่อนจะราดด้วยซอสทาร์ทาร์แสนอร่อยปิดท้าย ถ้าได้ข้าวสวยร้อนๆสักถ้วยด้วยล่ะก็ ฟินเฟ่อร์จ้า~

 Back To Index

2. เนื้อมิยาซากิ (Miyazaki Beef)

แม้ว่า เนื้อมิยาซากิ จะไม่ได้เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาชาวโลกเท่าเนื้อโกเบหรือเนื้อมัทสึซากะ แต่เนื้อมิยาซากิก็ครองใจชาวญี่ปุ่นตลอดกาลค่ะ! การันตีได้จากรางวัล Top Prize Of Minister Award จากการประกวดเนื้อวากิว Olympics Of Wagyu Beef ถึง 3 ครั้งรวด ทั้งนี้งานโอลิมปิกวากิวจะจัดขึ้นทุกๆ 5 ปี นั่นหมายความว่าเนื้อวากิวของมิยาซากิเนี่ย เป็นเนื้อที่ดีที่สุดมาตลอด 15 ปีเลยนะ!

เชื่อกันไหมว่ามีงบเพียง 3,000 เยน เราก็สามารถทานเทปปันยากิเนื้อแสนอร่อยได้แล้ว เพราะเนื้อมิยาซากินั้นมีตั้งแต่เกรด C1 ไปจนถึง A5 เลยทีเดียว ว่ากันว่ารสชาติของส่วนเนื้อน่องมิยาซากิวากิวเนี่ยอร่อยที่สุดเลย!

นอกจากนี้หากได้ทานเนื้อมิยาซากิคู่กับโชจู (Shochu) ซึ่งเป็นเหล้าของมิยาซากิที่มีชื่อเสียง ก็จะเรื่องที่ดีต่อใจมากค่ะขอบอก!

 Back To Index

3. ไก่ย่างเตาถ่าน (Charcoal Grilled Chicken)

อีกหนึ่งเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของจังหวัดมิยาซากิก็คือ…ไก่ย่างเตาถ่านจานนี้นี่เองค่ะ!

สำหรับวิธีการทำอันนำเอกลักษณ์มาสู่เมนูนี้ คือการนำเนื้อไก่ที่ตัดเป็นชิ้นพอดีคำไปวางบนตะแกรงที่ตั้งไว้บนเตาถ่านอยู่ก่อนแล้ว แน่นอนว่าหน้าที่ของถ่านไม่ได้เป็นเพียงแค่เชื้อเพลิงเท่านั้น แต่ยังทำให้ไก่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ซึ่งเกิดจากการที่น้ำมันจากเนื้อไก่หยดลงบนถ่านร้อนๆผ่านช่องว่างบนตะแกรงนั่นเอง

นอกจากนี้ การย่างไก่ด้วยไฟแรงจะทำให้รสสัมผัสของเนื้อไก่มีความนุ่มและเหนียวหนุบหนับ แถมยังชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำจากเนื้อไก่ด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกเมนูที่จะต้องไปโดนให้ได้หากมาที่มิยาซากิค่ะ

 Back To Index

4. ฮิยาจิรุ (Hiyajiru)

ถ้าใครไปเที่ยวมิยาซากิหน้าร้อน ต้องลองชิม ฮิยาจิรุ (Hiyajiru) ให้ได้เลยนะ! เพราะนอกจากจะดับร้อนได้แล้ว ฮิยาจิรุยังเป็นอาหารจานหลักที่อร่อยและดีต่อสุขภาพด้วย

นอกจากนี้ เรายังค้นพบด้วยว่า ‘ฮิยาจิรุ’ ได้รับการบันทึกครั้งแรกว่าเป็นอาหารของนักบวชในสมัยคามาคุระ (ปี 1185 – 1333) จากนั้นก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่น ทั้งนี้ในแต่ละท้องถิ่นจะมีการปรับปรุงสูตรฮิยาจิรุไปตามวัตถุดิบและกรรมวิธีของพื้นที่นั้นๆ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำพื้นที่ของตน

ว่ากันว่ามีเพียง ‘จังหวัดมิยาซากิ’ เท่านั้นที่ยังคงสูตรฮิยาจิรุให้เหมือนกับต้นตำรับสมัยคามาคุระ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ฮิยาจิรุได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่เกษตรกรและทหารนั้น ก็เพราะว่าฮิยาจิรุนั้นเป็นเหมือนกับฟาสต์ฟู้ดที่ดีต่อสุขภาพ มีวิธีการทำที่ง่าย และประหยัดเวลานั่นเอง

สำหรับหน้าตาของฮิยาจิรุก็อาจจะดูละม้ายคล้ายหลนเต้าเจี้ยวของบ้านเราหน่อยๆ ด้วยวิธีการทำคือเขาจะนำซุปมิโสะเย็นเนื้อข้นที่ประกอบไปด้วยปลาแมกเคอเรลทอดโขลก งาคั่วบด ซุปดาชิ (Dashi Soup) และใบชิโสะ (Shiso Leaves) ไปคลุกเคล้ากับแตงกวา เต้าหู้ หอมหัวใหญ่ และขิงญี่ปุ่น พอได้ที่แล้ว เขาก็จะนำซุปนี้ราดลงบนข้าวสวยร้อนๆ เท่านี้ก็ได้ทานฮิยาจิรุแสนอร่อย แถมดีต่อสุขภาพด้วยค่ะ

 Back To Index

5. มะม่วง (Mango)

จากที่ได้เกริ่นไปว่า ‘จังหวัดมิยาซากิ’ นั้นมีภูมิอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นกว่าพื้นที่อื่น เนื่องจากช่วงเวลากลางวันที่ยาวกว่ากลางคืน ทำให้สถานที่แห่งนี้เหมาะกับการเพาะปลูกผลไม้และผักเขตร้อน

และผลไม้ที่มีชื่อเสียงอย่างมากของจังหวัดมิยาซากิก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก มะม่วง นั่นเอง

ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้อย่างเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนสิงหาคม มะม่วงมิยาซากิที่มีผลสีแดงราวกับแอปเปิลก็พร้อมต่อการส่งออกเช่นกัน นอกจากนี้ปริมาณการส่งออกมะม่วงแสนอร่อยของจังหวัดมิยาซากิก็สูงถึงอันดับที่ 2 ของประเทศ (รองจากโอกินาว่าหน่อยเดียวเอง)

ว่ากันว่ามะม่วงมิยาซากิ ในนามของแบรนด์ Egg Of The Sun (Taiyo no Tamago) นั้นมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่ามะม่วงปกติถึง 15% ! เรียกได้ว่ารสชาติที่ได้ลิ้มลองนั้นราวกับมะม่วงในฝันเลยก็ว่าได้ แถมรสสัมผัสที่หอม ละมุน ฉ่ำน้ำ พร้อมละลายทันทีเมื่อเข้าปาก ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของมะม่วงมิยาซากิที่ควรค่าแก่การรับประทานอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ ถ้าเรานำมะม่วงนี้ไปทำของหวานอย่างพาร์เฟต์ พาย พุดดิ้งคาราเมลมะม่วง ไวน์มะม่วง ทุกเมนูก็ล้วนดีต่อใจทั้งนั้นค่ะ (*V*)!

 Back To Index

เว็บไซต์ทางการของจังหวัดมิยาซากิ

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top