รวม 20 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดนากาโนะ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!
ธ.ค. 30, 2020
รวม 20 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดนากาโนะ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!
จังหวัดนากาโนะ (Nagano Prefecture) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางของญี่ปุ่นและมีชื่อเสียงอย่างมากเรื่องการท่องเที่ยวสายธรรมชาติ โดยเฉพาะภูเขาสวยๆ รวมถึงทัศนียภาพในฤดูกาลต่างๆที่เต็มไปด้วยสีสันอันแสนงดงาม การเดินทางมายังจังหวัดนี้สามารถทำได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จังหวัดนากาโนะจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ
นอกจาก ‘จังหวัดนากาโนะ’ จะมีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่มีชื่อเสียงแล้ว แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของที่นี่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ถ้าหากย้อนเวลากลับไปเมื่อปี 1998 ที่ญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาว ‘จังหวัดนากาโนะ’ เองก็เป็นสถานที่จัดงานในครั้งนั้น เราจึงไม่ต้องกังวลเรื่องที่พักดีๆหรือแหล่งชอปปิ้งที่สะดวกครบครันในจังหวัดนี้เลย
และในครั้งนี้เราก็ได้รวบรวมแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในนากาโนะมาแนะนำทุกคนกัน หากใครรู้ตัวว่าชื่นชอบธรรมชาติ โดยเฉพาะภูเขาหิมะสวยๆ ต้องตามมาดูรีวิวจังหวัดนากาโนะกันแล้วล่ะ 😊
สารบัญ (Index)
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดนากาโนะ
-
- ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)
- สวนสาธารณะแห่งปราสาททาคาโตะ (Takato Castle Ruins Park)
- ปราสาทอุเอดะ (Ueda Castle)
- คามิโคจิ (Kamikochi)
- ที่ราบสูงโนริคุริ (Norikura Kogen)
- ภูเขาโนริคุระดาเกะ (Mt. Norikuradake)
- บ่อออนเซ็นจิโกะคุดานิยาเอ็นโคเอ็น (Snow Monkey Onsen)
- ซึมาโกะจูกุ (Tsumago-juku)
- มาโกเมะจูกุ (Magome-juku)
- นาราอิจูกุ (Narai-juku)
- ชิราโฮเนะออนเซ็น (Shirahone Onsen)
- เบสโชออนเซ็น (Bessho Onsen)
- ชิบุออนเซ็น (Shibu Onsen)
- โนซาวะออนเซ็น (Nozawa Onsen)
- สกีรีสอร์ตชิกะโคเก็น (Shiga Kogen Ski Resort)
- ฮาคุบะ (Hakuba)
- สกีรีสอร์ตโนซาวะ (Nozawa Ski Resort)
- ศาลเจ้าโทกาคุชิ (Togakushi Shrine)
- วัดเซ็นโคจิ (Zenkoji Temple)
- คารุอิซาวะ (Karuizawa)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดนากาโนะ
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดนากาโนะ
จังหวัดนากาโนะ เป็นจังหวัดที่สามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวก หากโดยสารรถไฟจะใช้เวลาเดินทางดังนี้
-
- จากโตเกียว : 1 ชั่วโมง 16 นาที (Shinkansen)
- จากนาโกย่า : 3 ชั่วโมง นาที (Limited Express Shinano)
- จากโอซาก้า : 3 ชั่วโมง 56 นาที (Shinkansen)
ต่อจากนี้เราจะเริ่มแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิ้งในจังหวัดนากาโนะที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมเยือน
1. ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)
ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 ปราสาทแห่งนี้นั้นนอกจากจะเป็นหนึ่งในปราสาทเก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ก็ยังเป็น 1 ใน 5 ปราสาทดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติอีกด้วย
หากสังเกตดีๆเราจะเห็นว่าผนังสีดำสนิทกับปีกแต่ละด้านของปราสาทนั้นมีลักษณะกางออกเหมือนปีกนก ด้วยเหตุนี้เอง ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาจึงเรียกปราสาทแห่งนี้ว่า ‘ปราสาทอีกาดำ’
ความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือบริเวณที่ตั้งของปราสาท เพราะปราสาทส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นมักจะสร้างบนเนินเขา เนินหิน หรือกลางแม่น้ำ แต่ปราสาทมัตสึโมโตะสร้างขึ้นบนที่ราบ ซึ่งก็เหมือนกับปราสาทฮิโรชิม่านั่นเอง
เดิมทีปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นโดยชิมาดาจิ ซาดานากะแห่งตระกูลโอกาซาวาระ แต่ต่อมาฝ่ายตระกูลนี้ได้พ่ายแพ้ให้กับตระกูลทาเคดะ ปราสาทจึงตกอยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลทาเคดะ แต่ในเวลาต่อมาตระกูลโอดะก็รบชนะตระกูลทาเคดะ จนในที่สุดตระกูลทาเคดะก็แตกพ่ายไป และในภายหลังตระกูลโอดะได้มอบปราสาทแห่งนี้ให้กับโทคุกาวะ อิเอยาสึ โชกุนผู้ยิ่งใหญ่ในยุคนั้น
ในช่วงที่ไดเมียว ‘โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ’ มีอำนาจเหนือปราสาทแห่งนี้ ได้มีการต่อเติมบางส่วนของปราสาทนี้ขนานใหญ่ โดยคำสั่งของ ‘อิชิคาวะ คาสึมาสะ’ ผู้ที่ฮิเดโยชิส่งมาปกครองแทน
แต่แล้วปราสาทแห่งนี้ก็กลับมาเป็นของฝ่ายโทคุกาวะอีกครั้งในช่วงยุคเอโดะ โดยในเวลาต่อมาโชกุนก็ได้มอบปราสาทแห่งนี้ให้กับไดเมียวท้องถิ่น เมื่อสิ้นยุคเอโดะและเข้าสู่ยุคเมจิ รัฐบาลก็ร่างนโยบายรื้อถอนปราสาทมัตสึโมโตะขึ้น แต่โชคดีที่อิชิคาวะ เรียวโซและชาวเมืองได้ช่วยกันระดมเงินซื้อปราสาทแห่งนี้จากรัฐ ปราสาทจึงไม่โดนรื้อถอนและยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน
นอกจากปราสาทมัตสึโมโตะจะเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีและดอกซากุระที่สวยงามแล้ว ยังมีการจัดเทศกาลและขบวนพาเหรดซามูไรในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย
ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Matsumoto สามารถเดินไปได้โดยใช้เวลา 20 นาที หรือนั่งรถบัสโดยใช้เวลา 10 นาที (ระหว่างทางเดินจะมีย่านการค้าให้แวะชอปปิ้งด้วย)
- สำหรับการเดินทางไปสถานี Matsumoto หากเดินทางจากสถานี Tokyo ให้นั่งรถไฟชินคันเซ็นไปลงที่สถานี Nagano จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถด่วนพิเศษ ไปลงที่สถานี Matsumoto (ค่าโดยสาร 10,700 เยน ใช้เวลาเดินทางรวมประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที เหมาะสำหรับผู้ใช้ JR PASS)
- หากเดินทางจากสถานี Shinjuku แนะนำให้ใช้รถบัส (เที่ยวเดียว 3,800 เยน ไปกลับ 6,900 เยน ใช้เวลา 3 ชั่วโมงต่อเที่ยว)
ที่อยู่
-
- Matsumoto Castle, 4-1-0, Marunouchi, Matsumoto City, Nagano Prefecture, 390-0873
เบอร์ติดต่อ
-
- 0229-82-2102
เวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8:30 – 17:00 น. (เปิดถึง 18:00 น. ในช่วงเทศกาลโอบ้งในเดือนสิงหาคม)
- ปิดทำการวันที่ 29 – 31 ธันวาคม
- รายละเอียดเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง โปรดดูจากลิงก์นี้ >> Link
ค่าเข้าชม
-
- 610 เยน
เว็บไซต์
แผนที่
2. สวนสาธารณะแห่งปราสาททาคาโตะ (Takato Castle Ruins Park)
สวนสาธารณะแห่งปราสาททาคาโตะ (Takato Castle Ruins Park) ตั้งอยู่บนเนินเขาของเมืองอินา (Ina City) จังหวัดนากาโนะ ห่างจากเมืองมัตสึโมโตะไปทางทิศใต้ประมาณ 60 กิโลเมตร
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเยือนสถานที่แห่งนี้เห็นจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะที่นี่ติด 1 ใน 3 จุดชมดอกซากุระที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นร่วมกับปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) และโยชิโนยามะ (Yoshinoyama) เราจึงขอการันตีว่าคุณจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่แสนสดชื่นและความสวยงามของซากุระที่บานสะพรั่งอย่างแน่นอน
ข้อมูลเกี่ยวกับสวนสาธารณะแห่งปราสาททาคาโตะ (Takato Castle Ruins Park)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Chino ให้นั่งรถบัสไปที่สวน โดยใช้เวลา 50 นาที ค่าโดยสาร 1,390 เยน สามารถใช้ตั๋ว JR Pass ได้
ที่อยู่
-
- Takato Castle Ruins Park, Takatomachi Higashitakato, Ina, Nagano 396-0213
เบอร์ติดต่อ
-
- 0265-78-4111
เวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
- ช่วงซากุระบานจะมีการเปิดไฟประดับตอนกลางคืนในเวลา 6:00 – 22:00 น.
ค่าเข้าชม
-
- ช่วงเวลาปกติ : ฟรี
- ช่วงซากุระบาน : 500 เยน
เว็บไซต์
แผนที่
3. ปราสาทอุเอดะ (Ueda Castle)
แม้ว่าชื่อของ ปราสาทอุเอดะ (Ueda Castle) จะไม่ได้เป็นที่คุ้นหูสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยเท่าไหร่ แต่สถานที่แห่งนี้กลับมีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นมาก เพราะนี่คือปราสาทของซามูไรชื่อดังในตำนานอย่าง ‘ซานาดะ ยูกิมูระ’ และเรื่องราวที่ทำให้ชื่อของเขาได้รับการกล่าวขานมาจนถึงปัจจุบันก็คือ วีรกรรมที่เขานำกำลังพลที่ด้อยกว่าเข้าปะทะทัพใหญ่ของโชกุนโทคุกาวะ แต่เขากลับได้รับชัยชนะหลายคราจนนับจำนวนครั้งไม่ถ้วนเลยทีเดียว
และวีรกรรมสุดปังของเขายังสร้างแรงบันดาลใจให้กับสถานีโทรทัศน์ NHK อีกด้วย โดยทาง NHK ได้นำเรื่องราวของซานาดะ ยูกิมูระไปสร้างเป็นละครประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง ซานาดะมารุ (Sanadamaru) แน่นอนว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวกับชีวประวัติของซานาดะ ยูกิมูระ ทั้งนี้ละครดังกล่าวได้ออกอากาศในปี 2016
ปัจจุบันปราสาทอุเอดะได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม โดยเฉพาะในเดือนเมษายนที่ดอกซากุระต่างก็พร้อมใจกันบานสะพรั่งไปทั่วทั้งสวน
- อ่านบทความเจาะลึกเกี่ยวกับเมืองอุเอดะได้ที่นี่ > เที่ยวเมืองอูเอดะ บ้านเกิดของยอดนักรบซามูไรในตำนาน
ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทอุเอดะ (Ueda Castle)
วิธีเดินทาง
-
- นั่งรถไฟชินคันเซ็นสาย Hokuriku Shinkansen ไปลงที่เมืองอูเอดะ จังหวัดนากาโนะ
- หากเดินทางจากโตเกียว ใช้เวลาประมาณ 90 นาที ค่าโดยสาร 6,500 เยน
- หากเดินทางจากคานาซาวะ ใช้เวลาประมาณ 100 นาที และจากสถานี Ueda หากเดินต่อไปอีกประมาณ 12 นาทีก็จะถึงปราสาท
ที่อยู่
-
- Ueda Castle Ruins, 6263- i Ninomaru, Ueda, Nagano Prefecture, 386-0026
เบอร์ติดต่อ
-
- 0268-23-5135
วันและเวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันพุธ
- เวลาทำการ : 8:30 – 17:00 น.
- ปิดทำการช่วงวันหยุดปีใหม่
ค่าเข้าชม
-
- 500 เยน
เว็บไซต์
แผนที่
4. คามิโคจิ (Kamikochi)
คามิโคจิ (Kamikochi) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติชูบุซังกะกุ คำว่า ‘คามิโคจิ’ นั้นแปลว่าสถานที่ที่เทพเจ้าลงมาประทับ ซึ่งเป็นชื่อที่เหมาะกับที่นี่เป็นอย่างมาก เพราะคามิโคจินั้นเป็นแหล่งธรรมชาติที่บริสุทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้คามิโคจิยังเป็นจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวและการผจญภัยสำหรับพื้นที่บริเวณนี้อีกด้วย
กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมทำเมื่อมาเยือนอุทยานแห่งนี้ก็คือการเดินเลียบไปตามแม่น้ำอาซุสะ โดยเริ่มเดินจากบึงไทโชไปจนถึงสะพานคัปปะบาชิ ช่วงเวลาที่คามิโคจิมีนักท่องเที่ยวเยอะเป็นพิเศษคือช่วงวันหยุดในฤดูร้อน
พื้นที่บริเวณนี้มีบึงน้ำอยู่ 2 แห่งคือ บึงไทโชและบึงเมียวจิน บึงไทโชนั้นเป็นสถานที่ถ่ายรูปยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เพราะสีเขียวมรกตของบึงที่ตัดกับทัศนียภาพของเทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่นนั้นเป็นความงามที่ยากจะลืมเลือน
หากใครมีโอกาสได้มาเที่ยวที่คามิโคจิ อย่าลืมเดินขึ้นมาเก็บรูปสวยๆของเทือกเขาโฮตากะและภูเขายาเกดาเกะบนสะพานคัปปะบาจิล่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับคามิโคจิ (Kamikochi)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Matsumoto สามารถเดินทางไปคามิโคจิได้ด้วยการนั่งรถบัส (ใช้เวลา 90 นาที ค่าตั๋วโดยสารแบบไป-กลับอยู่ที่ 4,650 เยน) สามารถดูตารางเวลาของรถบัสได้ที่นี่ >> Link
ที่อยู่
-
- Kamikochi, Matsumoto Nagano 390-1516
เบอร์ติดต่อ
-
- 0263-95-2433
เวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่
5. ที่ราบสูงโนริคุระ (Norikura Kogen)
ที่ราบสูงโนริคุระ (Norikura Kogen) ตั้งอยู่บริเวณฐานภูเขาโนริคุราดาเกะ กิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเมื่อมาที่นี่ก็คือ การเดินป่าเพื่อเข้าไปชมน้ำตกและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สุดแสนตระการตา โดยเฉพาะเส้นทางเดินป่าที่มีปลายทางเป็นบึงอุชิโดเมะ (Ushidome Pond) ซึ่งใช้เวลาเดินเพียง 10 – 15 นาทีเท่านั้น
และถ้าหากว่ามาเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เราจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ที่แตกต่างออกไปของสถานที่แห่งนี้ด้วย
ข้อมูลเกี่ยวกับที่ราบสูงโนริคุระ (Norikura Kogen)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Matsumoto นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Shin-Shimashima (ใช้เวลา 30 นาที ค่าโดยสาร 710 เยน) จากนั้นนั่งรถบัสไปลงที่ Norikura Kogen (ใช้เวลา 45 นาที ค่าโดยสาร 1,350 เยน / มีตั๋วรวมรถบัสและรถไฟแบบไป-กลับ 3,350 เยน)
ที่อยู่
-
- Norikura Kogen Tourism Association, 4306-5 Azumi, Matsumoto City, Nagano Prefecture 390-1520
เบอร์ติดต่อ
-
- 0263-93-2147
วันและเวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เข้าชมได้ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่
6. ภูเขาโนริคุระดาเกะ (Mt. Norikuradake)
ถ้าคุณเป็นสายปีนเขา เราขอแนะนำ ภูเขาโนริคุระดาเกะ (Mt. Norikuradake) ที่มีความสูง 3,026 เมตรจากระดับน้ำทะเล! แถมยังเป็นภูเขาที่ติดอันดับ 1 ใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นด้วย
หากอยากขึ้นไปที่ยอดเขา เราสามารถนั่งรถบัส Norikura Bus Terminal ขึ้นไปได้ การนั่งรถบัสจะช่วยร่นระยะทางได้ถึง 2.7 กิโลเมตรเลยทีเดียว จากนั้นเดินต่ออีกสัก 1 ชั่วโมงก็จะถึงยอดเขา
ข้อมูลเกี่ยวกับภูเขาโนริคุระดาเกะ (Mt. Norikuradake)
วิธีเดินทาง
-
- จากโนริคุระโคเกน ให้นั่งรถบัสจาก Kanko Center (観光センター前) ไปลงที่ป้าย Norikura ตรงเชิงเขา (ใช้เวลา 50 นาที ค่าโดยสาร 1,650 เยน / ตั๋วแบบไป-กลับ 2,800 เยน) จากนั้นเดินอีกประมาณ 60 นาทีเพื่อขึ้นสู่ยอดเขา
ที่อยู่
-
- Norikura (Tatamidaira), Nyukawacho Iwaidani, Takayama, Gifu 506-2254
เบอร์ติดต่อ
-
- 0263-93-2147
เวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าชมช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่
7. บ่อออนเซ็นจิโกะคุดานิยาเอ็นโคเอ็น (Snow Monkey Onsen)
สถานที่อีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจของจังหวัดนากาโนะคือ จิโกะคุดานิยาเอ็นโคเอ็น (Snow Monkey Onsen/Snow Monkey Park) สำหรับคนญี่ปุ่นนั้น เป็นที่รู้กันดีว่าออนเซ็นแห่งนี้เต็มไปด้วยลิงหิมะญี่ปุ่นที่แช่น้ำร้อนอย่างสบายใจ!
ลิงหิมะญี่ปุ่นก็คือ ‘ลิงกัง’ นั่นเอง ลิงชนิดนี้จัดว่าเป็นลิงพื้นเมืองของญี่ปุ่น มีลักษณะเด่นคือใบหน้าแดงก่ำ เราสามารถพบลิงหิมะญี่ปุ่นได้ตามอุทยานแห่งชาติ และเจ้าลิงที่ทุกคนเห็นกันอยู่นั้นก็คือลิงกังป่าที่ลงมาจากภูเขาอันเหน็บหนาวเพื่อมาแช่น้ำร้อนอย่างสบายใจ
ที่พิเศษมากไปกว่านั้นก็คือ เหล่าลิงป่าแก๊งนี้ทุกตัวสามารถว่ายน้ำได้ ถ้าลองสังเกตสีหน้าของน้องตอนแช่น้ำ เราแทบจะเห็นคำว่า “อย่างฟิน!” ตัวใหญ่ๆเด้งออกมาเลยล่ะ
นอกจากจะได้ใกล้ชิดกับเหล่าลิงทั้งหลายแล้ว เรายังสามารถเดินชมความงามของธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติได้อีกด้วย และถ้าหากใครอยากเดินป่า ขอแนะนำว่าอย่าลืมพกรองเท้าบู๊ตไปล่ะ เพราะไม่อย่างนั้นเราอาจจะเผลอเดินเหยียบโคลนได้นะ
ข้อมูลเกี่ยวกับบ่อออนเซ็นจิโกะคุดานิยาเอ็นโคเอ็น (Snow Monkey Onsen)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Nagano ให้นั่งรถบัสไปลงที่ Shigakogen (ป้าย Snow Monkey Park) โดยใช้เวลา 40 นาที ค่าโดยสาร 1,500 เยน จากนั้นเดินต่อไปอีก 35 นาที (แนะนำให้ซื้อตั๋ว Snow Monkey Pass)
ที่อยู่
-
- Jigokudani Monkey Park, 6845 Hirao, Yamanochi, Shimotakai District, Nagano 381-0401
เบอร์ติดต่อ
-
- 0269-33-4379
วันและเวลาทำการ
-
- อุทยานเปิดให้เข้าชมทุกวัน
- เดือนเมษายน – ตุลาคม : เปิดให้เข้าชมในเวลา 8:30 – 17:00 น.
- เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม : เปิดให้เข้าชมในเวลา 9:00 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม
-
- 800 เยน
เว็บไซต์
แผนที่
8. ซึมาโกะจูกุ (Tsumago-juku)
ซึมาโกะจูกุ (Tsumago-juku) ตั้งอยู่บนเส้นทางนากาเซ็งโด ในเมืองคิโซะ จังหวัดนากาโนะ ในอดีตที่นี่เคยเป็นเมืองที่รุ่งเรืองมาก เพราะเป็นจุดพักสำคัญที่ตั้งอยู่ระหว่างทางจากเกียวโตไปโตเกียว แต่ในเวลาต่อมาซึมาโกะจูกุก็เริ่มเสื่อมความนิยมลง หลังจากที่เริ่มมีการพัฒนาเส้นทางรถไฟและถนนสายใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันซึมาโกะจูกุยังคงเป็นเมืองเก่าที่มีกลิ่นอายความเป็นเอโดะ เพราะชาวบ้านต่างก็ช่วยกันอนุรักษ์อาคารเก่าๆเอาไว้ หากใครชื่นชอบบรรยากาศของเมืองโบราณเช่นนี้ ซึมาโกะจูกุก็นับว่าเป็นจุดท่องเที่ยวในนากาโนะที่ไม่ควรพลาดอีกแห่งเลย
ข้อมูลเกี่ยวกับซึมาโกะจูกุ (Tsumago-juku)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Nagiso นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Tsumako (ใช้เวลา 7 นาที ค่าโดยสาร 300 เยน)
ที่อยู่
-
- Tsumago-juku Azuma-2159-2 Nagiso, Kiso District, Nagano 399-5302
เบอร์ติดต่อ
-
- 0264-57-3123
เวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่
9. มาโกเมะจูกุ (Magome-juku)
มาโกเมะจูกุ (Magome-juku) เป็นเมืองเก่าอีกแห่งหนึ่งที่เป็นจุดพักระหว่างการเดินทางจากเกียวโตไปยังโตเกียวในสมัยเอโดะ จุดเด่นของมาโกเมะจูกุคือทางเดินหินและบรรยากาศที่ดูสดใส และจุดนี้เองที่แตกต่างจากซึมาโกะจูกุซึ่งเต็มไปด้วยความเก่าแก่ฉบับเอโดะแบบจัดหนัก
นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถลองเดินไปตามเส้นทางดังกล่าว ประหนึ่งเป็นผู้คนในยุคโบราณได้อีกด้วย นั่นคือการลองเดินจากมาโกเมะจูกุไปทางฝั่งเอโดะ (โตเกียว) หรือลองเดินไปทางเกียวโต
ข้อมูลเกี่ยวกับมาโกเมะจูกุ (Magome-juku)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Nakatsugawa ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Tsumako (ใช้เวลา 30 นาที ค่าโดยสาร 570 เยน)
ที่อยู่
-
- Magome-juku, 4300-1, Magome, Nakatusgawa, Gifu Prefecture 508-0502
เบอร์ติดต่อ
-
- 0573-69-2653
วันและเวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน
- เข้าชมได้ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่
10. นาราอิจูกุ (Narai-juku)
นาราอิจูกุ (Narai-juku) เป็นอีกหนึ่งเมืองเก่าของนากาโนะที่เคยเป็นจุดพักสำหรับผู้สัญจรระหว่างเมืองหลักทั้งสอง อย่างเกียวโตและโตเกียว
นอกจากจะเป็นจุดพักที่สำคัญแล้ว นาราอิจูกุยังเป็นย่านการค้าที่คึกคักที่สุดในบรรดาเมืองเก่าทั้งสามแห่งหุบเขาคิโสะอีกด้วย ถ้าใครมีโอกาสได้มาที่นี่ คุณก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศย้อนยุคสไตล์เอโดะอย่างจุใจ และจะได้ช้อปของฝากกระจุยกระจายกันอย่างแน่นอน
ข้อมูลเกี่ยวกับนาราอิจูกุ (Narai-juku)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Narai สามารถเดินไปยังนาราอิจูกุได้โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ที่อยู่
-
- Narai-juku, AzNarai, Shiojiri, Nagano 399-6303
เบอร์ติดต่อ
-
- 0264-34-3160
วันและเวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน
- เข้าชมได้ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่
11. ชิราโฮเนะออนเซ็น (Shirahone Onsen)
ชิราโฮเนะออนเซ็น (Shirahone Onsen) เป็นออนเซ็นที่มีชื่อเสียงในบริเวณเทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่น (Japan Alps) ออนเซ็นแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานและเป็นหนึ่งในสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียง
คำว่า ชิราโฮเนะ (Shirahone) นั้นแปลว่ากระดูกสีขาวขุ่น เป็นชื่อที่ตั้งตามสีของน้ำตามที่ตาเห็น สาเหตุที่ออนเซ็นของที่นี่มีสีขาวขุ่นเป็นเพราะว่าในน้ำมีธาตุแมกนีเซียมและแคลเซียมผสมอยู่อย่างเข้มข้น
ทั้งนี้ชาวพื้นเมืองต่างมีความเชื่อว่าบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้มีสรรพคุณบรรเทาโรคระบบทางเดินอาหาร ถ้าได้ลงมาแช่สักครั้งจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับนักท่องเที่ยวขาจร เราขอแนะนำให้ใช้บริการ Awanoyu ที่เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10:30 – 13:30 น. โดยมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 820 เยน ทั้งนี้ชิราโฮเนะออนเซ็นจะปิดให้บริการทุกๆวันพฤหัสบดี ถ้าจะมาก็อย่าลืมเช็กวันกันดีๆล่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับชิราโฮเนะออนเซ็น (Shirahone Onsen)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Matsumoto ให้นั่งรถไฟสาย Matsumoto Electric Railway ไปลงที่สถานี Shin-Shimashima Station (ใช้เวลา 30 นาที ค่าโดยสาร 700 เยน) จากนั้นให้นั่งรถบัสไปยัง Shirahone Onsen (ใช้เวลา 70 นาที ค่าโดยสาร 1,450 เยน)
ที่อยู่
-
- Shirahone Onsen, Azumi, Matsumoto, Nagano 390-1515
เบอร์ติดต่อ
-
- 0263-93-3251
เวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่
12. เบสโชออนเซ็น (Bessho Onsen)
เบสโชออนเซ็น (Bessho Onsen) เป็นเมืองน้ำพุร้อนเล็กๆที่ตั้งอยู่นอกเขตใจกลางเมืองอูเอดะ จังหวัดนากาโนะ ด้วยเหตุที่ภายในเมืองเบสโชออนเซ็นเต็มไปด้วยศาสนสถานอันเก่าแก่และวัฒนธรรมคามาคุระ เมืองแห่งนี้จึงกลายเป็นศูนย์กลางความเจริญทางด้านการศึกษาและศาสนา
ดังนั้นนอกจากจะแวะมาแช่ออนเซ็นแล้ว เราขอแนะนำให้ทุกคนแวะไปเที่ยวชม วัดอันราคุจิ (Anrakuji) ด้วยนะ วัดแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นอย่างเจดีย์ไม้ทรงแปดเหลี่ยม
นอกจากนี้ก็ยังมี วัดคิตามุกิคันนอน (Kitamuki Kannon) หรือวัดเจ้าแม่กวนอิมที่มีชื่อเสียงด้านการขอพรเรื่องความรักด้วย
สำหรับคนที่ต้องการมาแช่ออนเซ็นที่เมืองเบสโซออนเซ็นแห่งนี้ เราขอแนะนำห้องอาบน้ำสาธารณะหรือ โอยุ (Oyu) ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 6:00 ถึง 22:00 น. และปิดทุกวันพุธที่ 1 และ 3 ของเดือน ทั้งนี้ต้องเสียค่าเข้าใช้บริการ 150 เยน
ข้อมูลเกี่ยวกับเบสโชออนเซ็น (Bessho Onsen)
วิธีเดินทาง
-
- นั่งรถไฟชินคันเซ็นสาย Hokuriku Shinkansen ไปลงที่เมืองอูเอดะ จังหวัดนากาโนะ หากเดินทางจากโตเกียวใช้เวลาประมาณ 90 นาที 6,500 เยน หากเดินทางจากคานาซาวะใช้เวลาประมาณ 100 นาที และจากสถานี Ueda ให้นั่งรถไฟต่อไปที่สถานี Bessho Onsen (ใช้เวลา 30 นาที ค่าโดยสาร 590 เยน)
- นอกจากนี้หากอยากยิงตรงจากโตเกียวไปที่ออนเซ็นเลย สามารถเลือกใช้บริการรถบัสของ Seibu จากสถานี Ikebukuro ได้ (ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 3,800 เยน)
ที่อยู่
-
- Bessho Onsen Oyu, 215-1 Besshoonsen, Ueda, Nagano 386-1431
เบอร์ติดต่อ
-
- 0268-38-3510
วันและเวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าชมตลอดเวลา
- สามารถเข้าชมได้ทุกวัน
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่
13. ชิบุออนเซ็น (Shibu Onsen)
ชิบุออนเซ็น (Shibu Onsen) เป็นหนึ่งในเมืองออนเซ็นชื่อดังของ ‘จังหวัดนากาโนะ’ ที่ตั้งอยู่ในเมืองยามาโนะอุจิ (Yamanouchi) ด้วยประวัติความเป็นมาที่ยาวนานกว่า 1,300 ปี เมืองออนเซ็นแห่งนี้จึงอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความย้อนยุคที่แสนจะน่าค้นหา เป็นที่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามายังที่นี่อยู่ตลอดเวลา หากมองไปรอบๆเราจะเห็นเรียวกังไม้แบบดั้งเดิมรายล้อมถนนที่สร้างขึ้นจากหิน
หากใครชอบความเป็นส่วนตัวล่ะก็ สถานที่แห่งนี้นับว่าเหมาะกับคุณมากเลยทีเดียว
นอกจากนี้ภายในชิบุออนเซ็นจะมีบ่อออนเซ็นให้เข้าใช้บริการทั้งหมด 9 แห่ง เชื่อกันว่าหากใครได้แช่จนครบทั้ง 9 แห่งก็จะได้รับความโชคดีกลับบ้านไปเต็มๆ!
- หมายเหตุ : หากไม่ต้องการพักค้างคืนที่นี่ เราขอแนะนำให้ลองใช้บริการออนเซ็นที่โอยุ (Oyu) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10:00 – 16:00 น. และมีค่าเข้าบริการ 500 เยน
ข้อมูลเกี่ยวกับชิบุออนเซ็น (Shibu Onsen)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Yudanaka สามารถนั่งรถบัสไปที่ชิบุออนเซ็นได้ (ใช้เวลา 5 นาที ค่าโดยสาร 210 เยน)
- หากมาที่นี่ควรแวะเที่ยวออนเซ็นลิงหิมะ ‘จิโกะคุดานิยาเอ็นโคเอ็น’ ด้วย ดังนั้นอย่าลืมซื้อ Snow Monkey Pass ด้วยนะ
ที่อยู่
-
- Shibu Onsen 2112-1 Hirao, Yamanouchi Town, Shimotakai District Shimotakai District, Nagano 381-0401
เบอร์ติดต่อ
-
- 0269-33-2921
วันและเวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน
- เข้าชมได้ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่
14. โนซาวะออนเซ็น (Nozawa Onsen)
โนซาวะออนเซ็น (Nozawa Onsen) เป็นเมืองออนเซ็นเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ยุคเอโดะ บรรยากาศย้อนยุคอันแสนสงบนั้นทำให้ผู้คนที่มาเยือนโนซาวะออนเซ็นได้รับความเป็นส่วนตัวมากเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีเสียงเล่าลือกันอีกด้วยว่าออนเซ็นของที่นี่มีคุณสมบัติช่วยรักษาสารพัดโรคภัยได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคเกี่ยวกับเส้นประสาท โรคไขข้อ โรคผิวหนัง หรือโรคกระเพาะอาหาร
ข้อมูลเกี่ยวกับโนซาวะออนเซ็น (Nozawa Onsen)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Iiyama ให้นั่งรถบัสไปยังโนซาวะออนเซ็น (ใช้เวลา 25 นาที ค่าโดยสาร 600 เยน)
ที่อยู่
-
- Nozawa Onsen, 9817 Toyosato, Nozawaonsen, Shimotakai District, Nagano 389-2592
เบอร์ติดต่อ
-
- 0269-85-3111
วันและเวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน
- เข้าชมได้ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่
15. สกีรีสอร์ตชิกะโคเก็น (Shiga Kogen Ski Resort)
สกีรีสอร์ตชิกะโคเก็น (Shiga Kogen Ski Resort) เป็นเมืองสกีใน ‘จังหวัดนากาโนะ’ ที่ได้ชื่อว่าเป็นสกีรีสอร์ตใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สกีรีสอร์ตแห่งนี้มีทางเดินที่เชื่อมถึงกันทั้งหมด 18 แห่ง บริเวณหลักจะเรียกว่า ยาเคบิไทยามะ
นอกจากนี้ที่ชิกะโคเก็นยังมีเส้นทางสกีหลากหลายเส้นทางสำหรับผู้เล่นทุกระดับ แถมภูเขายังปกคลุมไปด้วยหิมะคุณภาพดีระดับ ‘แพลทตินั่ม’ อีกด้วย
หลายๆคนอาจจะคิดว่าหิมะก็คือหิมะ แต่แท้จริงแล้วด้วยลักษณะของเกล็ดหิมะที่ชิกะโคเก็นซึ่งทั้งแห้งและนุ่มฟูเป็นพิเศษนั่นแหละที่ทำให้หิมะของที่นี่มีความพรีเมียมมากๆ
นอกจากนี้ชิกะโคเก็นยังเคยเป็นสถานที่จัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวด้วยนะ
ข้อมูลเกี่ยวกับสกีรีสอร์ตชิกะโคเก็น (Shiga Kogen Ski Resort)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Yudanaka ให้นั่งรถบัสไปยังสกีรีสอร์ตชิกะโคเก็น (ใช้เวลา 30 นาที)
ที่อยู่
-
- Shiga Kogen Ski Resort, 7148 Hirao, Yamanochi, Shimotakai District, Nagano 381-0401
เบอร์ติดต่อ
-
- 0269-34-2404
เวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าเล่นสกีตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม
ค่าเข้าชม
-
- ตั๋วเล่นสกีแบบเต็มวัน : 5,500 เยน
- ตั๋วเล่นสกีแบบครึ่งวัน : 4,800 เยน
- ตั๋วกลางคืน : ราคาจะแตกต่างไปตามรีสอร์ตแต่ละแห่ง
เว็บไซต์
แผนที่
16. ฮาคุบะ (Hakuba)
ฮาคุบะ (Hakuba) เป็นหนึ่งในสกีรีสอร์ตที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของ ‘จังหวัดนากาโนะ’ เรียกว่าเป็นของดีประจำประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ฮาคุบะมีชื่อเสียงเรื่องคุณภาพของหิมะซึ่งเป็นแบบพาวเดอร์สโนว์ หรือหิมะที่มีความนุ่มฟูเป็นพิเศษนั่นเอง นอกจากนี้ฮาคุบะยังเคยเป็นสถานที่จัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่นากาโนะเมื่อปี 1998 อีกด้วย
ข้อมูลเกี่ยวกับฮาคุบะ (Hakuba)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Hakuba ให้นั่งรถบัสไปยังฮาคุบะ (ใช้เวลา 6 นาที)
ที่อยู่
-
- Hakuba, 7025 Hokujo, Hakuba-mura, Kitaazumi-gun, Nagano 399-9393
เบอร์ติดต่อ
-
- 0261-72-5000
เวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าเล่นสกีได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม
ค่าเข้าชม
-
- ตั๋วเล่นสกีแบบเต็มวัน : 4,200 – 5,500 เยน
- ตั๋วเล่นสกีแบบครึ่งวัน : 3,200 – 4,600 เยน
- ตั๋วกลางคืน : 1,500 – 2,500 เยน (ราคาจะแตกต่างไปตามรีสอร์ตแต่ละแห่ง)
เว็บไซต์
แผนที่
17. สกีรีสอร์ตโนซาวะ (Nozawa Ski Resort)
สกีรีสอร์ตโนซาวะ (Nozawa Ski Resort) เป็นลานสกีที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของ ‘จังหวัดนากาโนะ’ ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งเราสามารถมองเห็นบริเวณทิศเหนือของเทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่น (The Japan Alps) และทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ได้จากที่นี่
นอกจากนี้บริเวณฐานด้านล่างของลานสกียังมีโนซาวะออนเซ็นไว้เป็นที่ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าหลังเล่นสกีด้วย เรียกได้ว่าหลังจากเล่นสกีเสร็จเหนื่อยๆ เราก็สามารถไปผ่อนคลายกับออนเซ็นได้เลยในที่เดียว ครบกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!
สกีรีสอร์ตโนซาวะ (Nozawa Ski Resort)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Iiyama ให้นั่งรถบัสไปยังโนซาวะ (ใช้เวลา 25 นาที ค่าโดยสาร 600 เยน) แล้วเดินไปอีก 10 นาที
ที่อยู่
-
- Nozawa Onsen Karasawa Ski Center, 6329 Toyosato, Nozawaonsen, Shimotakai District, Nagano 389-2502
เบอร์ติดต่อ
-
- 0269-85-4015
เวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าเล่นสกีได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม
ค่าเข้าชม
-
- ตั๋วเล่นสกีแบบเต็มวัน : 5,200 เยน
- ตั๋วเล่นสกีแบบครึ่งวัน : 4,400 เยน
- ตั๋วเล่นสกีกลางคืน : 1,900 เยน
เว็บไซต์
แผนที่
18. ศาลเจ้าโทกาคุชิ (Togakushi Shrine)
ศาลเจ้าโทกาคุชิ (Togakushi Shrine) เป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นตามความเชื่อของลัทธิชินโต เพื่อบูชาธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์และเทพเจ้าที่สถิตอยู่บนภูเขาโทกาคุชิ ภายในศาลเจ้าแห่งนี้ประกอบไปด้วยศาลย่อยอีก 5 แห่ง คือ
- ศาลเจ้าโอคุฉะ (ศาลเจ้าส่วนใน)
- ศาลเจ้าชูฉะ (ศาลเจ้าส่วนกลาง)
- ศาลเจ้าโฮโคฉะ
- ศาลเจ้าคุซุริวฉะ
- ศาลเจ้าฮิโนมิโกะฉะ
แต่ถ้าพิจารณาตามระยะทางที่ห่างกันประมาณ 2 กิโลเมตรนั้น ศาลเจ้าจะแบ่งออกได้อีกเป็น 3 ช่วงระยะทาง นั่นก็คือ
- ศาลเจ้าตอนล่าง
- ศาลเจ้าตอนกลาง
- ศาลเจ้าตอนบน
หากเอ่ยถึงความเป็นมาของศาลเจ้าโทกาคุชินั้น ในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยเป็นวัดมาก่อนแล้วจึงกลายเป็นศาลเจ้าในภายหลัง แต่พอเข้าสู่ยุคเมจิวัดดังกล่าวก็เปลี่ยนมาเป็นศาลเจ้า ด้วยความศรัทธาอันแรงกล้าในลัทธิชินโตของคนญี่ปุ่นนั่นเอง
จุดประสงค์ในการสร้างศาลเจ้าแห่งนี้คือเพื่อบูชาเทพอาเมะโน ยาโกโคโระ โอโมอิคาเนะ โน มิโคะโตะ หรือเทพเจ้าแห่งปัญญา ซึ่งเป็นผู้ช่วยคนสำคัญในภารกิจนำแสงอาทิตย์กลับคืนสู่โลก โดยใช้วิธีการแสดงระบำบวงสรวงเพื่อล่อให้สุริยเทวีอามาเทราสึ หรือเทพยดาแห่งพระอาทิตย์ออกมาจากถ้ำหินแห่งสวรรค์ (Amanoiwato) เมื่อแผนการสำเร็จก็มีเทพอีกองค์หนึ่งเขวี้ยงก้อนหินขนาดมหึมาไปปิดปากถ้ำดังกล่าวไว้ เพื่อไม่ให้สุริยเทวีอามาเทราสึกลับเข้าไปหลบอยู่ในนั้นอีก ภารกิจนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการนำแสงสว่างคืนสู่โลกอย่างแท้จริง
แน่นอนว่าตำนานเรื่องนี้ก่อให้เกิดความเชื่ออีกอย่างตามมาด้วย คือความเชื่อที่ว่าที่ตั้งของประตูหินของศาลเจ้าตอนบนนั้น แท้จริงแล้วเป็นหินที่เทพเจ้าองค์ดังกล่าวใช้ปิดปากถ้ำ
นอกจากนี้ภายในเขตศาลเจ้ายังมีต้นสนสามตอที่มีอายุมากกว่า 800 ปีอีกด้วย
สำหรับคนที่ต้องการมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ นอกจากจะได้เดินชมเส้นทางในศาลเจ้าแล้ว ก็อาจจะมีโอกาสได้ชมคลาสสอนศิลปะการแสดงระบำไดไดงารุที่หอแสดงระบำบวงสรวงเทพเจ้า(คางุระเด็น)ด้วย
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าโทกาคุชิ (Togakushi Shrine)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Nagano ให้นั่งรถบัสไปยังศาลเจ้าโทกาคุชิ (ใช้เวลา 55 นาที ค่าโดยสาร 1,150 เยน ตั๋วไป-กลับราคา 2,200 เยน)
ที่อยู่
-
- Togakushi-Jinja, Chusha-3506 Togakushi, Nagano, 381-4101
เบอร์ติดต่อ
-
- 026-254-2001
เวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน
- เข้าชมได้ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่
19. วัดเซ็นโคจิ (Zenkoji Temple)
วัดเซ็นโคจิ (Zenkoji Temple) มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 1,400 ปี วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปที่มีเสียงเล่าลือว่าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น
ณ อาคารหลักของวัดเซ็นโคจินั้นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติในปี 1953 ส่วนประตูทางเข้าวัดหลักหรือ Sanmon Gate และอาคารเก็บพระคัมภีร์เคียวโซ (Kyozo) นั้นก็ได้ขึ้นแท่นเป็นสมบัติประจำชาติที่ล้วนมีสำคัญต่อประเทศทั้งสิ้น
ถ้าใครต้องการมาเที่ยววัดเซ็นโคจิแห่งนี้ ปกติทางวัดจะเปิดให้เข้าชมพระพุทธรูปทุกๆ 6 ปี โดยครั้งล่าสุดที่เปิดให้เข้าชมก่อนหน้านี้ก็คือเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคมของปี 2022 และครั้งต่อไปที่เปิดให้เข้าชมพระพุทธรูปด้านในจะเป็นปี 2028
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดเซ็นโคจิ (Zenkoji Temple)
วิธีเดินทาง
-
- จากสถานี Nagano ให้นั่งรถบัสไปยังวัดเซ็นโคจิ โดยใช้เวลา 10 นาที
ที่อยู่
-
- Zenkoji, 491 Naganomotoyoshichō, Nagano, 380-0851
เบอร์ติดต่อ
-
- 026-234-3591
วันและเวลาทำการ
-
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน
- เวลาที่เปิดให้เข้าชมคือ ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นประมาณหนึ่งชั่วโมงจนถึงเวลา 16:30 น.
ค่าเข้าชม
-
- 600 เยน
เว็บไซต์
แผนที่
20. คารุอิซาวะ (Karuizawa)
คารุอิซาวะ (Karuizawa) เป็นสถานที่พักผ่อนที่คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติชื่นชอบกันเป็นอย่างมาก เพราะที่นี่มีทั้งย่านชอปปิ้ง อาหารรสเด็ด และมีทิวทัศน์ที่สวยงาม สำหรับสายช้อปเราขอแนะนำย่านคิวคารุอิซาวะ กิงซา เพราะเป็นย่านชอปปิ้งที่สามารถเดินเล่นได้สบายๆ มีกลิ่นอายของความเก๋ความชิค
ไม่ไกลจากย่านชอปปิ้ง เราสามารถไปชมความสวยงามของบ่อคุโมบาอิเกะ (Kumobaike Pond) ได้ และในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ทัศนียภาพนี้จะสวยงามยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อมีใบไม้โทนอบอุ่นประดับประดาอยู่ด้วย
ถ้าได้นั่งรถออกไปอีกหน่อยจะมีน้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Fall) ที่มีลักษณะเป็นน้ำตกเตี้ยๆแต่กว้างมาก ชื่อน้ำตกนั้นที่มาจากลักษณะของน้ำที่ไหลลงมาจากที่สูงแล้วตกกระทบแผ่นน้ำด้านล่างจนดูคล้ายใยไหมนั่นเอง
ข้อมูลเกี่ยวกับคารุอิซาวะ (Karuizawa)
วิธีเดินทาง
-
- หากเดินทางจากโตเกียว ให้นั่งรถไฟชินคันเซ็นไปลงที่สถานี Karuizawa (ใช้เวลา 80 นาที ค่าโดยสาร 5,500 เยน)
- หรือนั่งรถบัสจากสถานี Ikebukuro (ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 2,700 เยน)
- หากต้องการไปเที่ยวน้ำตกชิราอิโตะ ให้นั่งรถบัสจากสถานี Karuizawa ไปลงที่ป้าย Shiraito no Taki (ใช้เวลา 25 นาที ค่าโดยสาร 720 เยน)
ที่อยู่
-
- Old Karuizawa Ginza Street, 541 Karuizawa, Kitasaku District, Nagano 389-0102
เบอร์ติดต่อ
-
- 0267-42-5211
วันและเวลาทำการ
-
- ร้านค้าต่างๆเปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 19:00 น.
ค่าเข้าชม
-
- ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
แผนที่
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดนากาโนะ
หลังจากเที่ยวกันมาเพลินๆ เราไปดูกันเถอะว่าจังหวัดนากาโนะมีอะไรน่าหม่ำบ้าง ขอบอกเลยว่าอาหารแต่ละอย่างที่เรานำมาเสนอนั้นเรียกได้ว่าดีงามพระรามสี่ไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวในนากาโนะเลยทีเดียว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าจังหวัดนากาโนะจะมีอาหารเมนูใดที่น่าลิ้มลองบ้าง
1. ซันโซคุยากิ (Sanzokuyaki)
ซันโซคุยากิ (Sanzokuyaki) เป็นของกินขึ้นชื่อของเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) เป็นเนื้อไก่หมักซอส โรยด้วยแป้งมันแล้วนำไปย่างไฟ แต่จริงๆแล้วเมนูนี้ยังมีกรรมวิธีการทำอีกแบบหนึ่งด้วย นั่นคือการทอด โดยเป็นการทอดเพื่อให้แป้งด้านนอกมีรสสัมผัสกรุบกรอบ แต่เนื้อด้านในชุ่มฉ่ำไปด้วยรสของซอสเทริยากิที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับเนื้อไก่
2. บาซาชิ (Basashi)
“ฉันหิวจนจะกินวัวกินม้าได้ทั้งตัวแล้วนะ!”
หลายๆคนคงเคยได้ยินเพื่อนบ่นแบบนี้เวลาหิวจัด สำหรับเจ้าวัวนั้นคงไม่แปลกอะไร เพราะยังไงเราก็กินน้องเป็นปกติอยู่แล้ว แต่กับเจ้าม้านี่สิ อาจดูประหลาดไปสักหน่อย
แต่ถ้าใครก็ตามเจอเพื่อนตัวเองบ่นแบบนี้ที่นากาโนะเมื่อไหร่ คงต้องพาเพื่อนไปจัดสักหน่อยแล้วล่ะ เพราะเมนูที่เราภูมิใจนำเสนออย่าง บาซาชิ (Basashi) นั้นก็คือ ซาซิมิเนื้อม้า นั่นเอง!
ได้ยินอย่างนี้ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะบาซาชิเป็นของดีประจำจังหวัดนากาโนะเชียวนะ ถ้าใครมีโอกาสได้ไปชิมกันล่ะก็ คีบเข้าปากโลดเลยจ๊ะ!
3. Soba (โซบะ)
นากาโนะเป็นแหล่งผลิตแป้งบักวีต (buckwheat) ซึ่งเป็นแป้งที่ทำมาจากเมล็ดธัญพืช แป้งชนิดนี้เป็นอาหารที่สำคัญของญี่ปุน และเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำเส้นโซบะ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่นากาโนะจะโด่งดังมากเรื่องโซบะ ถึงขั้นที่ชาวญี่ปุ่นให้เครดิตเลยว่านากาโนะโซบะคือที่ 1 ในโลกหล้า!
4. โอยากิ (Oyaki)
โอยากิ (Oyaki) คือการนำแป้งบักวีตมาห่อด้วยไส้ผักท้องถิ่นชนิดต่างๆของนากาโนะ รวมไปถึงผักดองโนซาวานะ (Nozawa-na) ด้วย
ใครที่เป็นสายสุขภาพ สายฟิตเนส หรือสายกินคลีน ถ้าไปเที่ยวนากาโนะควรลองเมนูนี้ให้ได้เลยนะ!
5. วาซาบิ (Wasabi)
เพียงพูดถึง วาซาบิ (Wasabi) ขึ้นมา หลายๆคนก็คงนึกถึงความเผ็ดที่ฉุนขึ้นจมูกกันแล้วใช่ไหมล่ะ วันนี้เราจะพาทุกคนไปเยือนแหล่งผลิตวาซาบิที่สำคัญของญี่ปุ่นอย่าง “จังหวัดนากาโนะ” กัน ในเมื่อมาถึงแหล่งผลิตแล้วเราจะพลาดความเผ็ดดุของวาซาบิเจ้าถิ่นไปได้อย่างไรกันล่ะ จริงไหม? 😊 ทั้งนี้สถานที่หนึ่งที่เราอยากแนะนำสำหรับการทานวาซาบิก็คือ ฟาร์มไดโอวาซาบิ (Daio Wasabi Farm) ซึ่งเป็นฟาร์มวาซาบิในนากาโนะ บอกเลยว่าเป็นมื้ออาหารที่นี่เป็นมื้อประจำทริปที่เผ็ดสะใจกันไปเลย!
6. องุ่นนากาโนะ (Nagano Purple)
องุ่นนากาโนะ (Nagano Purple) เป็นองุ่นพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างองุ่นพันธุ์เคียวโฮ (Kyohou) และองุ่นพันธุ์ริซาแมท (Rizamat) จุดเด่นขององุ่นนากาโนะคือขนาดลูกที่ใหญ่เต็มปากเต็มคำดี ส่วนรสชาตินั้นไม่ต้องบรรยายก็รู้แล้วว่าอร่อย 555 เพราะทันทีที่กัดเข้าไปคำหนึ่ง รสสัมผัสแรกที่เราจะได้รับก็คือความกรุบของเปลือกองุ่น ตามมาด้วยความหวานฉ่ำที่พร้อมจะกระจายทั่วปากของเราโดยอัตโนมัติ
ที่พิเศษยิ่งกว่านั้นคือองุ่นนากาโนะไม่มีเมล็ด เราจึงทานได้อย่างเพลิดเพลินใจ ไม่ต้องเคี้ยวไปกังวลไปว่าจะต้องคายเมล็ดทิ้งตอนไหน ซึ่งนี่ถือเป็นข้อดีอันแสนประเสริฐในการกินผลไม้เลยทีเดียว สาธุ!
อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับจังหวัดนากาโนะ
- ตะลุย ‘ปราสาทมัตสึโมโตะ’ พร้อมชมใบไม้เปลี่ยนสีและกองทัพซามูไร
- เที่ยวเมืองอูเอดะ บ้านเกิดของยอดนักรบซามูไรในตำนาน
- ชาวเน็ตแดนปลาดิบแห่ชื่นชม ‘เทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่น 2 ฤดูในภาพเดียว’