รวม 15 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดโทชิงิ’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!
เม.ย. 27, 2022
บทนำ : ไปเที่ยว ‘จังหวัดโทชิงิ’ กันเถอะ!
หากเอ่ยชื่อ เมืองนิกโก้ เราเชื่อว่าแฟนคลับประเทศญี่ปุ่นหลายๆคนก็คงรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่เมื่อพูดว่าเมืองนี้อยู่ใน “จังหวัดโทชิงิ” หลายๆคนคงยังไม่ค่อยเห็นภาพว่าจังหวัดนี้มีอะไรน่าเที่ยวอีกบ้างนอกจากเมืองนิกโก้ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ชื่อเมืองดังกว่าชื่อจังหวัดครับ
โทชิงิ (Tochigi Prefecture) เป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้กับโตเกียว โดยมีจุดขายคือธรรมชาติที่สวยงาม รวมถึงออนเซ็นชื่อดังหลายแห่ง โดยเมืองที่เด่นที่สุดก็คือ ‘เมืองนิกโก้’ ที่มีทั้งธรรมชาติอันสวยงาม (โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง) และอาคารสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์จำนวนมาก จนเมืองแห่งนี้ได้รับตำแหน่งมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
นอกจากนี้โทชิงิยังเป็นที่ตั้งของหนึ่งในสวนดอกไม้ที่ดีที่สุดและสวนสนุกหลายแห่ง อีกทั้งยังสามารถเดินทางจากโตเกียวได้สะดวก โทชิงิจึงเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่สามารถเป็น side trip ในการเดินทางร่วมกับโตเกียวได้ง่ายมากๆ (จากโตเกียวใช้เวลาเดินทางประมาณไม่เกิน 1 ชั่วโมงครึ่ง)
ส่วนการเดินทางไปยังโทชิงินั้น หากต้องการไปเที่ยวโซนนิกโก้หรือคินุกาวะออนเซ็น เราขอแนะนำให้ใช้ตั๋ว Tobu Nikko Pass ซึ่งมีให้เลือก 2 แบบ คือแบบที่ใช้เดินทางในนิกโก้อย่างเดียว หรือแบบที่ใช้เดินทางได้ตั้งแต่นิกโก้จนถึงคินุกาวะออนเซ็น สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่เลย >> Click!
เอาล่ะ! หากใครอยากรู้แล้วว่าที่เที่ยวใน ‘จังหวัดโทชิงิ’ จะสวยงามมากขนาดไหน ตามเรามาเที่ยวกันได้เลย!
สารบัญ (Index)
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดโทชิงิ : โซนนิกโก้ (Nikko)
-
- 1. น้ำตกคิริฟุริ (Kirifuri Waterfall)
- 2. สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)
- 3. วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple)
- 4. วัดไทยูอิน (Taiyuin Temple)
- 5. ศาลเจ้านิกโก้ฟุตาระซัง (Nikko Futarasan Shrine)
- 6. ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine)
- 7. ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji)
- 8. น้ำตกเคกอน (Kegon Waterfalls)
- 9. ที่ราบสูงอาเคจิไดระ (Akechidaira Plateau)
- 10. น้ำตกริวสึ (Ryuzu Waterfall) & ที่ลุ่มเซนโจกาฮาระ (Senjogahara Marshland)
- 11. ยูโมโตะออนเซ็น (Yumoto Onsen)
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดโทชิงิ : โซนคินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen)
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดโทชิงิ : โซนอื่นๆ
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดโทชิงิ
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดโทชิงิ : โซนนิกโก้ (Nikko)
นิกโก้ (Nikkō) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขา ในพื้นที่แนวทิวเขาของจังหวัดโทชิงิ เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงด้านความงามทางศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ภายในเมืองจึงมีวัดและศาลเจ้าโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ดูแลอย่างดีอยู่มากมาย ด้วยเหตุนี้ องค์การยูเนสโกจึงขึ้นทะเบียนให้เมืองนิกโก้เป็นมรดกโลก
วิธีเดินทางไปเมืองนิกโก้
- จากโตเกียว ให้นั่งรถไฟสาย Tobu Nikko จากสถานี Asakusa
- หากนั่งรถไฟด่วนจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 2,750 เยน
- หากนั่งรถธรรมดาจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ค่าโดยสาร 1,390 เยน
- แนะนำให้ซื้อตั๋ว Tobu Nikko Pass
- กรณีผู้ใช้ตั๋ว JR Pass สามารถเดินทางได้จากสถานี JR ในโตเกียว เช่น ชินจูกุ (ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 4,080 เยน) ตั๋ว JR Pass จะครอบคลุมค่าเดินทางเกือบทั้งหมด แต่จะต้องออกเพิ่มบางส่วน)
1. น้ำตกคิริฟุริ (Kirifuri Waterfall)
น้ำตกคิริฟุริ (Kirifuri Waterfall) เป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยที่สุดของเมืองนิกโก้ น้ำตกแห่งนี้มีความสูง 75 เมตร แบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือชั้นบนและชั้นล่าง
เหตุผลที่น้ำตกแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า คิริฟุริ (Kirifuri) นั้น เป็นเพราะว่าเมื่อน้ำกระทบกับหิน มันจะกระจายจนดูคล้ายหมอก (คำว่า คิริ หมายถึงหมอกในภาษาญี่ปุ่น และคำว่า ฟุริ หมายถึงตก)
ที่น้ำตกคิริฟุริจะมีช่วงที่ทิวทัศน์สวยงามเป็นพิเศษคือฤดูใบไม้ร่วง โดยใบไม้จะเปลี่ยนสีตรงกับช่วงปลายเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำตกคิริฟุริ (Kirifuri Waterfall)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถบัสจากสถานี Nikko ไปลงที่ป้าย Kirifuri-no-taki (ใช้เวลา 10 นาที ค่าโดยสาร 340 เยน) แล้วเดินอีก 10 นาที
ที่อยู่
- Kirifuri waterfall, Tokorono, Nikko, Tochigi 321-1421
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:30 – 18:00 น.
- สำหรับช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว เข้าชมได้ในเวลา 10:00 – 17:00 น.
- นอกจากนี้ในช่วงที่ดอกวิสทีเรียบาน (ต้นเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤษภาคม) น้ำตกจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 7:00 – 21:00 น.
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชม
พิกัด
2. สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)
สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) สร้างขึ้นในปี 1636 โดยเป็นสะพานไม้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 3 สะพานไม้ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ร่วมกันกับสะพานคินไทเคียว (Kintaikyo Bridge) ของจังหวัดยามากุจิ และสะพานซารุฮาชิ (Saruhashi Bridge) ของจังหวัดยามานาชิ
สะพานชินเคียวนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้านิกโก้ฟุตาระซัง ซึ่งเราจะพูดถึงในหัวข้ออื่นของบทความนี้
ข้อมูลเกี่ยวกับสะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)
วิธีเดินทาง
- จากสถานี Nikko ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Shinkyo (ใช้เวลาเดินทาง 8 นาที ค่าโดยสาร 200 เยน)
- หรือเดินจากสถานี Nikko โดยใช้เวลา 25 นาที
ที่อยู่
- Shinkyo Bridge, 321-1401 Tochigi, Nikko, Kamibachiishi-cho
เบอร์โทร
- 0288540535
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ในเวลาดังต่อไปนี้
- เดือนเมษายน – กันยายน : เปิดเวลา 8:00 – 17:00 น.
- เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน : เปิดเวลา 8:00 – 16:00 น.
- กลางเดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม : เปิดเวลา 9:00 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม
- 500 เยน
พิกัด
3. วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple)

Phai-Lopb / Shutterstock
วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple) เป็นวัดที่สำคัญที่สุดของเมืองนิกโก้ โดยมีอาคารไม้ที่ชื่อว่า ซันบุตสึโดะ (Sanbutsudo) เป็นอาคารวิหารหลักของวัด อาคารไม้แห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก ภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระอมิตาภพุทธะไม้แกะสลักลงรักปิดทองสวยงาม พระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ และพระโพธิสัตว์บาโตะคันนอน (พระพุทธรูปที่มีเศียรเป็นม้า)
สิ่งที่ดีงามที่สุดของวัดรินโนจิคือสวนญี่ปุ่นตามภาพ ในช่วงกลางคืนของฤดูใบไม้ร่วงทางวัดจะมีการเปิดไฟประดับ ทำให้บรรยากาศดูสวยงามอลังการมาก สำหรับสายถ่ายภาพ บริเวณนี้สามารถใช้ขาตั้งกล้องได้นะครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดรินโนจิ (Rinnoji Temple)
วิธีเดินทาง
- จากสถานี Nikko ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Katsudo Jojin Mae (ใช้เวลา 15 นาที ค่าโดยสาร 240 เยน) หรือเดินจากสถานี 40 นาที
ที่อยู่
- Rinnoji, 2300 Yamauchi, Nikko City, Tochigi Prefecture 321-1494
เบอร์โทร
- 0288540531
แฟ็กซ์
- 0288540534
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8:00 – 17:00 น.
- ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม วัดจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 8:00 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม
- เฉพาะวัดรินโนจิ : 400 เยน
- รวมวัดรินโนจิและวัดไทยูอิน : 900 เยน
- ค่าเข้าชมสวน : 300 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
4. วัดไทยูอิน (Taiyuin Temple)
วัดไทยูอิน (Taiyuin Temple) เป็นที่ฝังศพของ โทคุกาวะ อิเอะมิตสึ (Tokukawa Iemitsu) โชกุนคนที่ 3 ของตระกูลโทคุกาวะ ตามความต้องการของท่านที่ต้องการให้ฝังพระศพเคียงข้างคุณปู่ เพื่อจะได้รับใช้คุณปู่ต่อไปในโลกหลังความตาย โดยคุณปู่ของโชกุนอิเอะมิตสึก็คือ โทคุกาวะ อิเอยาสึ (Tokukawa Ieyasu) โชกุนผู้ยิ่งใหญ่ต้นตระกูลโทคุกาวะนั่นเอง ซึ่งพระศพของโชกุนอิเอยาสึฝังอยู่ที่ศาลเจ้าโทโชกุที่อยู่ไม่ไกลกัน
การออกแบบและก่อสร้างวัดไทยูอินนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับศาลเจ้าโทโชกุ แต่วัดไทยูอินมีขนาดเล็กกว่ามาก ตัวอาคารต่างๆรวมถึงสีสันก็ไม่อลังการเท่าศาลเจ้าโทโชกุด้วย นั่นเป็นเพราะว่าผู้สร้างและเจ้าของสุสานไม่ต้องการให้วัดแห่งนี้ยิ่งใหญ่เทียบเท่าศาลเจ้าโทโชกุ หรือพูดง่ายๆก็คือมิบังอาจเทียบบารมีท่านปู่นั่นเอง
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดไทยูอิน (Taiyuin Temple)
วิธีเดินทาง
- จากสถานี Nikko นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Taiyuin Futarasan jinja Mae (ใช้เวลา 10 นาที ค่าโดยสาร 320 เยน) แล้วเดินต่ออีก 10 นาที หรือเดินจากสถานีประมาณ 40 นาที
ที่อยู่
- Nikkosanrinnoji Taiyuin, 2300 Sannai, Nikko, Tochigi 321-1431
เบอร์โทร
- 0288540531
แฟ็กซ์
- 0288540534
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8:00 – 17:00 น.
- ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม วัดเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 8:00 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม
- เฉพาะวัดไทยูอิน : 550 เยน
- รวมวัดไทยูอินและวัดรินโนจิ : 900 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
5. ศาลเจ้านิกโก้ฟุตาระซัง (Nikko Futarasan Shrine)

cowardlion / Shutterstock
ศาลเจ้านิกโก้ฟุตาระซัง (Nikko Futarasan Shrine) เป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นในปี 782 เพื่อถวายสักการะแด่เทพเจ้าแห่งภูเขา 3 ลูกในบริเวณนี้ อันประกอบไปด้วย
- ภูเขานันไต (Mount Nantai)
- ภูเขาเนียวโฮ (Mount Nyoho)
- ภูเขาทาโร่ (Mount Taro)
ผู้ก่อตั้งศาลเจ้านิกโก้ฟุตาระซังคือ พระโชโด โชนิน (Shodo Shonin) ผู้นำศาสนาพุทธเข้ามายังเมืองนิกโก้ ท่านไม่เพียงแต่เป็นผู้ก่อตั้งศาลเจ้าแห่งนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ก่อตั้งวัดรินโนจิอีกด้วย (หลายคนอาจจะงงว่าทั้งๆที่เป็นศาลเจ้าชินโต แต่ทำไมผู้ก่อตั้งถึงเป็นพระ? ขอตอบสั้นๆว่าที่ประเทศญี่ปุ่นในอดีต ศาสนาพุทธกับศาสนาชินโตจะอยู่รวมๆกัน แล้วเพิ่งมาแยกตอนช่วงยุคเมจิครับ)
ส่วนในแง่ของความเป็นจุด Power Spot หรือจุดรับพลังงานศักดิ์สิทธิ์ ศาลเจ้านิกโก้ฟุตาระซังโด่งดังเรื่องความรักครับ โดยศาลเจ้าแห่งนี้ติดอันดับที่ 9 ของโพล “ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ด้านความรัก” ในเว็บไซต์ JAPAN GUIDE BOOK ด้วยครับ (ที่มา : จัดเต็ม 15 ศาลเจ้าเพื่อการขอพรด้าน “ความรัก” ทั่วญี่ปุ่น part.1)
แล้วทำไมศาลเจ้านิกโก้ฟุตาระซังถึงมีชื่อเสียงเรื่องความรักล่ะ?
คำตอบคือเทพเจ้าประจำศาลเจ้านิกโก้ฟุตาระซังคือ เทพโอคุนินูชิ เทพเจ้าแห่งความรักและสายสัมพันธ์ เจ้าเก่าจากศาลเจ้าอิซุโมะ ศาลเจ้าซึ่งเป็นที่สุดด้านการขอพรความรักนั่นแล (อืม…ชื่อของท่านโผล่มาอีกแล้ว คนโสดก็ชาบูๆท่านไว้ซะนะครับ จะได้เลิกโสดไวๆ 555)
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้านิกโก้ฟุตาระซัง (Nikko Futarasan Shrine)
วิธีเดินทาง
- จากสถานี Nikko นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Taiyuin Futarasan jinja Mae (ใช้เวลา 10 นาที ค่าโดยสาร 320 เยน) แล้วเดินต่ออีก 10 นาที หรือเดินจากสถานีประมาณ 40 นาที
ที่อยู่
- Futarasan Shrine, 2307 Sannai, Nikko, Tochigi 321-1431
เบอร์โทร
- 0288540535
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8:00 – 17:00 น.
- ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม ศาลเจ้าเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 8:00 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม
- ค่าเข้าชมศาลเจ้า 200 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
6. ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine)
ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) เป็นสุสานของโชกุน โทคุกาวะ อิเอยาสึ (Tokugawa Ieyasu) ผู้เป็นต้นตระกูล ‘โทคุกาวะ’ และเป็นโชกุนที่ปกครองประเทศญี่ปุ่นมานานกว่า 250 ปี ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามเซกิงาฮาระจนถึงปี 1868
ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อสักการะดวงวิญญาณของโชกุนโทคุกาวะ อิเอยาสึ ในฐานะเทพโทโช ไดกอนเก็น (Tosho Daigongen) หรือเทพแห่งแสงตะวันออกผู้ยิ่งใหญ่ (Great Deity of the East Shining Light)

MOROZ-NATALIYA / Shutterstock
แรกเริ่มนั้น ศาลเจ้าโทโชกุเป็นเพียงสุสานที่ตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่หลังจากนั้นในช่วงครึ่งแรกของทศวรรษ 1600 โชกุนอิเอะมิตสึ ผู้เป็นหลานของโชกุนอิเอยาสึก็ได้มีคำสั่งให้ขยายต่อเติม จนศาลเจ้าโทโชกุกลายเป็นสถานที่อันงดงามอลังการดังเช่นทุกวันนี้ จุดเด่นที่สุดของศาลเข้าโทโชกุก็คือ ประตูคารามง ตามภาพแรก
ในบรรดางานไม้แกะสลักหลากสีสันที่ใช้ตกแต่งศาลเจ้านั้น งานที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ รูปสลักลิงสามตัวที่ทำท่าปิดตา ปิดปาก และปิดหู ซึ่งหมายถึง ‘การรู้จักควบคุมการมอง การพูด และการฟัง’
ส่วนงานแกะสลักที่มีชื่อเสียงชิ้นต่อมาก็คือ เนมุริเนโกะ หรือ แมวหลับ แม้ว่ามันจะมีชื่อว่าแมวหลับ แต่ถ้าลองมองจากทางด้านซ้าย เราก็จะเห็นเหมือนกับว่าแมวกำลังเล็งเหยื่ออยู่ นี่คือการสื่อถึงพลังอำนาจของโชกุนในการลงโทษผู้ทำลายความสงบสุขออกมาในรูปแบบของเนมุริเนโกะนั่นเอง
งานแกะสลักอีกชิ้นหนึ่งที่โด่งดังคือ ช้างโซโซโนะโซ (Sozonozo Elephants) หรือ ช้างในจินตนาการ นั่นเอง ว่ากันว่าศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ไม่เคยเห็นช้างตัวจริงมาก่อน
ในที่สุดเมื่อเดินผ่านประตูเนมุริเนโกะและขึ้นบันไดหิน 207 ขั้นมาแล้ว เราก็จะพบกับ โอคุมิยะ สถานที่สักการะบูชาโชกุนโทคุกาวะ อิเอยาสึครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine)
วิธีเดินทาง
- จากสถานี Nikko นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Nikko kaikanzen (ใช้เวลา 10 นาที ค่าโดยสาร 240 เยน) แล้วเดินต่ออีก 10 นาที หรือเดินจากสถานีประมาณ 40 นาที
ที่อยู่
- Toshogu Shrine, 2307 Sannai, Nikko, Tochigi 321-1431
เบอร์โทร
- 0288540535
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8:00 – 17:00 น.
- ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม ศาลเจ้าเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 8:00 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม
- เฉพาะศาลเจ้า : 1,300 เยน
- เฉพาะพิพิธภัณฑ์ : 1,000 เยน
- รวมศาลเจ้าและพิพิธภัณฑ์ : 2,100 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
7. ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji)
ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ 11.62 ตารางกิโลเมตร และมีความยาวรอบทะเลสาบเป็นระยะทางประมาณ 24 กิโลเมตร ทะเลสาบแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟนันไต (Mt. Nantai) เมื่อประมาณ 20,000 ปีที่แล้ว ด้วยระดับความสูง 1,269 เมตร ที่นี่จึงถือว่าเป็นทะเลสาบตามธรรมชาติที่อยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่น

Tanya-Jones / Shutterstock
บริเวณรอบทะเลสาบชูเซ็นจิมีจุดท่องเที่ยว ร้านอาหาร โซนชอปปิ้งซึ่งเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ที่พัก และอื่นๆอีกมากมาย ด้วยวิวที่สวยงามเราจึงเดินชมบรรยากาศรอบพื้นที่นี้ได้เพลินๆเลยครับ (สำหรับสายถ่ายรูป ขอแนะนำให้ไปที่จุดชมวิวบนเขา Hangetsuyama เราจะได้ภาพสวยๆแบบในรูปแรกครับ)
นอกจากนี้ที่ทะเลสาบชูเซ็นจิยังมีท่าเรือสำหรับลงเรือท่องเที่ยวอีกด้วย เราสามารถเพลิดเพลินไปกับการล่องเรือในทะเลสาบได้ (มีทั้งเรือพายและเรือนำเที่ยวครับ)
ใกล้กับทะเลสาบจะมี วัดชูเซ็นจิ (Chuzenji Temple) ให้แวะสักการะขอพร วัดแห่งนี้คือที่ประดิษฐานของรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสูง 6 เมตร ซึ่งเป็นงานแกะสลักจากไม้
ความพิเศษของรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมนี้คือ เป็นรูปปั้นแกะสลักจากไม้ที่ยังมีรากงอกอยู่ในดิน (คือยังเป็นต้นไม้อยู่ ไม่ได้โดนตัดออกมาทำรูปปั้นนั่นเอง)
หากใครเมื่อยล้าจากการเดินและการพายเรือ รอบทะเลสาบก็มีจุดแช่ออนเซ็นที่เราสามารถชมวิวเพลินๆไปด้วยได้
ข้อมูลเกี่ยวกับทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji)
วิธีเดินทาง
- ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) และท่าเรือ Lake Chuzenji Cruise Terminal : จากสถานี Nikko นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Chuzenji Onsen (ใช้เวลา 50 นาที ค่าโดยสาร 1,150 เยน) แล้วเดินต่ออีก 7 นาที
- จุดชมวิว Hangetsuyama Observation Deck : จากป้าย Chuzenji Onsen นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Hangetsuyama (ใช้เวลา 20 นาที ค่าโดยสาร 1,150 เยน) แล้วเดินต่ออีก 2 นาที
- วัดชูเซ็นจิ (Chuzenji Temple) : จากป้าย Chuzenji Onsen นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Tachikikannon Yuransenhatchakusho (ใช้เวลา 5 นาที ค่าโดยสาร 170 เยน) แล้วเดินต่ออีก 2 นาที
ที่อยู่
- ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji)
- Chugushi, Nikko, Tochigi 321-1661
- จุดชมวิว Hangetsuyama Observation Deck
- Ashiomachi, Nikko, Tochigi 321-1511
- เบอร์โทร : 0288533795
- ท่าเรือ Lake Chuzenji Cruise Terminal
- 2478番21 Chugushi, Nikko, Tochigi 321-1661
- เบอร์โทร : 0288253670
- วัดชูเซ็นจิ (Chuzenji Temple)
- 2578 Chugushi, Nikko, Tochigi 321-1661
- เบอร์โทร : 0288550013
วันและเวลาทำการ
- ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
- จุดชมวิว Hangetsuyama Observation Deck : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
- เรือนำเที่ยว : เปิดทำการทุกวัน เวลา 9:30 – 15:30 น. (สามารถดูรอบเรือโดยละเอียดได้ที่นี่ >> Click!)
- วัดชูเซ็นจิ (Chuzenji Temple) : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตามเวลาดังต่อไปนี้
- เดือนเมษายน – ตุลาคม : 8:00 – 17:00 น.
- เดือนมีนาคมและเดือนพฤศจิกายน : 8:00 – 16:00 น.
- เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ : 8:30 – 15:30 น.
ค่าเข้าชม
- ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) : ไม่มีค่าเข้าชม
- จุดชมวิว Hangetsuyama Observation Deck : ไม่มีค่าเข้าชม
- เรือนำเที่ยว
- ค่าเรือเริ่มต้นที่ 590 เยน (ราคาจะเพิ่มขึ้นตามจุดที่เราลง) สามารถดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์นี้ >> Click!
- มีตั๋ว Free pass ขาย โดยมีราคาตามนี้ : ผู้ใหญ่ 1,600 เยน / เด็กมัธยมต้น 1,450 เยน / เด็กประถม 800 เยน / เด็กเล็ก (อายุ 4 ปีขึ้นไป) 150 เยน
- วัดชูเซ็นจิ (Chuzenji Temple) : ค่าเข้าชม 500 เยน
เว็บไซต์
- จุดชมวิว Hangetsuyama Observation Deck : https://www.tochigiji.or.jp/s/spot/7220/
- เรือนำเที่ยว : http://chuzenjiko-cruise.com/
- วัดชูเซ็นจิ (Chuzenji Temple) : https://www.rinnoji.or.jp/temple/chuzenji/
พิกัด
8. น้ำตกเคกอน (Kegon Waterfalls)
น้ำตกเคกอน (Kegon Waterfalls) เป็นน้ำตกที่มีความสูงเกือบ 100 เมตร และที่สำคัญคือเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในเมืองนิกโก้!
น้ำตกแห่งนี้สวยขนาดได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 3 น้ำตกที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ร่วมกันกับน้ำตกนาชิ จังหวัดวากายามะ และน้ำตกฟุคุโรดะ จังหวัดอิบารากิ
ช่วงเวลาที่อยากแนะนำให้มาเที่ยวเป็นพิเศษคือ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีและฤดูหนาว (น้ำตกจะกลายเป็นน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาว ดูสวยงามไปอีกแบบ)
ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำตกเคกอน (Kegon Waterfalls)
วิธีเดินทาง
- จากสถานี Nikko ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Chuzenji Onsen (ใช้เวลา 50 นาที ค่าโดยสาร 1,150 เยน) แล้วเดินต่ออีก 3 นาที
ที่อยู่
- Kegon Waterfalls, Chugushi, Nikko, Tochigi 321-1661
เบอร์โทร
- 0288550030
วันและเวลาทำการ
- น้ำตกสามารถเข้าชมได้ทุกวัน ในเวลาดังต่อไปนี้
- เดือนมีนาคม เมษายน และพฤศจิกายน : 8:00 – 17:00 น.
- เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน : 7:30 – 18:00 น.
- เดือนตุลาคม : 7:30 – 17:00 น.
- เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ : 9:00 – 16:30 น.
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ : 570 เยน
- เด็ก : 340 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
9. ที่ราบสูงอาเคจิไดระ (Akechidaira Plateau)
ที่ราบสูงอาเคจิไดระ (Akechidaira Plateau) เป็นที่ราบซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 1,437 เมตร ด้วยความสูงขนาดนี้ อาเคจิไดระจึงได้รับการกล่าวขานว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดในเมืองนิกโก้เลยครับ หากต้องการไปยังจุดชมวิว เราจะต้องนั่งกระเช้าไปแบบในรูปด้านบนครับ
จากจุดชมวิวเราจะได้เห็นทิวทัศน์ของทะเลสาบชูเซ็นจิและน้ำตกเคกอนแบบพาโนราม่า เป็นภาพที่สวยงามอลังการงานสร้างมากครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับที่ราบสูงอาเคจิไดระ (Akechidaira Plateau)
วิธีเดินทาง
- จากสถานี Nikko นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Akechidaira (ใช้เวลา 40 นาที ค่าโดยสาร 1,100 เยน) แล้วเดินต่ออีก 2 นาที
ที่อยู่
- Akechidaira Ropeway, Hosoomachi, Nikko, Tochigi 321-1445
เบอร์โทร
- 0288550331
วันและเวลาทำการ
- กระเช้า Ropeway เปิดให้บริการทุกวัน ในเวลา 9:00 – 15:30 น.
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ : 1,000 เยน
- เด็ก : 500 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
10. น้ำตกริวสึ (Ryuzu Waterfall) & ที่ลุ่มเซนโจกาฮาระ (Senjogahara Marshland)
น้ำตกริวสึ (Ryuzu Waterfall) ถ้าแปลไทยแบบตรงตัวจะแปลว่า น้ำตกหัวมังกร ชื่อของน้ำตกแห่งนี้มีที่มาจากรูปร่างของน้ำตกซึ่งมีลักษณะคล้ายหัวมังกร (หรือไม่ก็หนวดมังกร เพราะน้ำตกแยกออกเป็น 2 สาย) ที่นี่เป็นอีกหนึ่งน้ำตกของเมืองนิกโก้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม
จากน้ำตกริวสึ หากเรานั่งรถบัสไปอีกนิดและเดินไปตามทาง Walking Trail เราก็จะพบกับ ที่ลุ่มเซนโจกาฮาระ (Senjogahara Marshland) พื้นที่โล่งซึ่งเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าอันสวยงาม โดยในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้ใบหญ้าที่นี่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองไปทั้งแถบ ดูสวยงามมากเลยครับ
ขณะเดียวกันในช่วงฤดูหนาว ที่นี่ก็จะเปลี่ยนเป็นทุ่งหิมะขาวโพลน ซึ่งก็จะสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ
แต่ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน เซนโจกาฮาระก็เป็นสถานที่เดินพักผ่อนหย่อนใจสูดอากาศสดชื่นที่น่าจะถูกใจคนชอบถ่ายรูปเดินป่าอย่างแน่นอน
หากต้องการเดินให้ครบทุกจุด จะใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง แต่ต้องออกแรงขาหน่อยนะครับถ้าจะเดินให้ทั่ว
ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำตกริวสึ (Ryuzu Waterfall) & ที่ลุ่มเซนโจกาฮาระ (Senjogahara Marshland)
วิธีเดินทาง
- น้ำตกริวสึ (Ryuzu Waterfall) : จากสถานี Nikko นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Ryutonotaki Bus Stop (ใช้เวลา 65 นาที ค่าโดยสาร 1,450 เยน) แล้วเดินต่ออีก 2 นาที
- ที่ลุ่มเซนโจกาฮาระ (Senjogahara Marshland) : จากป้าย Ryutonotaki Bus Stop นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Akanuma Bus Stop (ใช้เวลา 5 นาที ค่าโดยสาร 220 เยน) แล้วเดินต่ออีก 15 นาที
ที่อยู่
- น้ำตกริวสึ (Ryuzu Waterfall)
- Chugushi, Nikko, Tochigi 321-1661
- เบอร์โทร : 0288221525
- ที่ลุ่มเซนโจกาฮาระ (Senjogahara Marshland)
- Chugushi, Nikko, Tochigi 321-1661
- เบอร์โทร : 0288542496
วันและเวลาทำการ
- ทั้งน้ำตกริวสึและที่ลุ่มเซนโจกาฮาระ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าเข้าชมทั้งน้ำตกริวสึและที่ลุ่มเซนโจกาฮาระ
เว็บไซต์
- น้ำตกริวสึ (Ryuzu Waterfall) : http://www.nikko-kankou.org/spot/6/
- ที่ลุ่มเซนโจกาฮาระ (Senjogahara Marshland) : http://www.nikko-kankou.org/spot/10/
พิกัด
- น้ำตกริวสึ (Ryuzu Waterfall)
- ที่ลุ่มเซนโจกาฮาระ (Senjogahara Marshland)
11. ยูโมโตะออนเซ็น (Yumoto Onsen)

beibaoke / Shutterstock
ยูโมโตะออนเซ็น (Yumoto Onsen) เป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่มีชื่อเสียงของเมืองนิกโก้ จุดขายของที่นี่คือ Yunodaira Marsh บ่อน้ำพุร้อนที่เดือดจัดทางทิศเหนือของทะเลสาบ (รูปแรก) เราจะได้กลิ่นกำมะถันอย่างชัดเจนเมื่ออยู่ใกล้บ่อนี้ หรือต่อให้อยู่ไกลเราก็จะได้กลิ่นจางๆอยู่ดี

Phuong-D / Nguyen_Shutterstock
หลังจากเดินเพลินๆตรงที่ลุ่มเซนโจกาฮาระแล้ว การได้มาแวะพักแช่ออนเซ็นที่นี่ก็นับว่าดีไม่น้อยครับ (สองสถานที่นี้สามารถเดินถึงกันได้ ถ้าอึดมากพอ)
ข้อมูลเกี่ยวกับยูโมโตะออนเซ็น (Yumoto Onsen)
วิธีเดินทาง
- จากสถานี Nikko นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Yumoto Onsen (ใช้เวลา 80 นาที ค่าโดยสาร 1,750 เยน) แล้วเดินต่ออีก 2 นาที
ที่อยู่
- Yumoto Onsen, Yumoto, Nikko, Tochigi 321-1662
- เบอร์โทร : 0288622321
วันและเวลาทำการ
- หมู่บ้านออนเซ็นเปิดทุกวัน ตลอดเวลา
- สำหรับเวลาให้บริการของออนเซ็นแต่ละแห่ง สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่ >> Click!)
ค่าเข้าชม
- เรียวกังมีค่าที่พัก ราคาจะเริ่มต้นที่ 5,000 เยน (แต่ละที่มีราคาต่างกัน สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่ >> Click!)
เว็บไซต์
พิกัด
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดโทชิงิ : โซนคินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen)
12. คินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen)
คินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen) เป็นเมืองออนเซ็นชื่อดังของจังหวัดโทชิงิ ออนเซ็นที่นี่เป็นน้ำออนเซ็นด่างที่มีสีใส อ่อนโยนต่อผิว ทำให้ไม่ว่าเด็กหรือผู้สูงอายุก็สามารถแช่ออนเซ็นที่นี่ได้อย่างสบายใจ
เนื่องจากออนเซ็นด่างมีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าและความเครียด น้ำร้อนที่นี่จึงเหมาะมากสำหรับการแช่เพื่อคลายความเหนื่อยล้าจากการท่องเที่ยวระหว่างวัน
นอกจากนี้ทัศนียภาพอันงดงามของหุบเขาลึกที่ผันแปรไปตามฤดูกาลทั้งสี่ ไม่ว่าจะเป็นซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ป่าไม้อันเขียวขจีในฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง หรือหิมะขาวโพลนในฤดูหนาว ก็ล้วนเป็นวิวทิวทัศน์ที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจเราได้เป็นอย่างดี
ข้อมูลเกี่ยวกับคินุกาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen)
วิธีเดินทาง
- จาก Tokyo : นั่งรถไฟสาย Tobu Nikko จากสถานี Asakusa ไปลงที่สถานี Kinugawa Onsen แล้วเดินต่ออีก 12 นาที (รถไฟด่วนใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 3,000 เยน / รถไฟธรรมดา ใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ค่าโดยสาร 1,580 เยน) แนะนำให้ซื้อตั๋ว Tobu Nikko Pass
- จาก Nikko : นั่งรถไฟจากสถานี Nikko ไปลงที่สถานี Kinugawa Onsen (ใช้เวลา 40 นาที ค่าโดยสาร 320 เยน มีเปลี่ยนขบวนรถที่สถานี Shimo-Imaichi) แล้วเดินต่ออีก 12 นาที
ที่อยู่
- Kinugawa Onsen, 1404-1 Kinugawaonsen Ohara, Nikko, Tochigi 321-2522
- เบอร์โทร :0288770530
วันและเวลาทำการ
- หมู่บ้านออนเซ็นเปิดทุกวัน ตลอดเวลา
- สามารถดูรายละเอียดเรื่องการเข้าใช้บริการของออนเซ็นแต่ละแห่งได้ที่นี่ >> Click!
ค่าเข้าชม
- เรียวกังมีค่าที่พัก แต่ละสถานที่มีราคาต่างกัน สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่ >> Click!
เว็บไซต์
พิกัด
13. โทบุเวิลด์สแควร์ (Tobu World Square)

Moolkum / Shutterstock
โทบุเวิลด์สแควร์ (Tobu World Square) เป็นเมืองจำลองที่รวบรวมสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงของโลกมาจำลองไว้ถึง 102 แห่ง โดยสถานที่ต้นแบบจะมาจาก 21 ประเทศ และเป็นมรดกโลกทั้งหมด 46 แห่ง สถาปัตยกรรมเหล่านี้จะถูกย่อส่วนลงในอัตราส่วน 1 ต่อ 25 ของขนาดจริง

sakiflower1988 / Shutterstock
ณ สถานที่แห่งนี้ เราจะได้เรียนรู้ร่องรอยประวัติศาสตร์ รวมถึงได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตของผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกอย่างใกล้ชิด โดยสถาปัตยกรรมที่จัดแสดงจะไม่ใช่แค่ตัวอาคารที่ต่างกันเท่านั้น แต่ยังมีการลงรายละเอียดโดยนำตุ๊กตาตัวจิ๋วมาจัดวางไว้ เสมือนเป็นผู้คนที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันอีกด้วย (ถ้าใครเป็นช่างภาพสายถ่ายรูปแนว Macro ก็น่าจะชอบที่นี่ครับ)
ข้อมูลเกี่ยวกับโทบุเวิลด์สแควร์ (Tobu World Square)
วิธีเดินทาง
- จาก Kinugawa Onsen ให้นั่งรถไฟจากสถานี Kinugawa Onsen ไปลงที่สถานี Tobu World Square (ใช้เวลา 3 นาที ค่าโดยสาร 150 เยน) แล้วเดินต่ออีก 2 นาที
ที่อยู่
- Tobu World Square, 209-1 Kinugawaonsen Ohara, Nikko, Tochigi 321-2593
เบอร์โทร
- 0288771055
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้บริการทุกวัน ในเวลาดังต่อไปนี้
- กลางเดือนมีนาคม – เดือนพฤศจิกายน : 9:00 – 17:00 น.
- เดือนธันวาคม – กลางเดือนมีนาคม : 9:30 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม
-
- ผู้ใหญ่ : 2,800 เยน
- เด็ก : 1,400 เยน
- ถ้าซื้อตั๋วล่วงหน้าที่ร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่น จะมีราคาดังต่อไปนี้
- ผู้ใหญ่ : 2,500 เยน
- เด็ก : 1,200 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
14. เอโดะ วันเดอร์แลนด์ นิกโก้ เอโดะมุระ (Edo Wonderland Nikko Edomura)

nosonjai / Shutterstock
เอโดะ วันเดอร์แลนด์ นิกโก้ เอโดะมุระ (Edo Wonderland Nikko Edomura) เป็นสวนสนุกสไตล์ย้อนยุคที่จำลองบ้านเมืองในยุคเอโดะของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่องต่างๆ รวมถึงวิถีชีวิตผู้คนในสมัยนั้น โดยเราสามารถพบเห็นซามูไรและนินจา หรือไม่ก็เกอิชาที่เดินกันเต็มไปหมด ยิ่งไปกว่านั้นเราสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ด้วย

Wacharin-Soponthumkun / Shutterstock
นอกจากนี้ที่เอโดะ วันเดอร์แลนด์ นิกโก้ เอโดมูระยังมีการแสดงโชว์และเวิร์กชอปต่างๆด้วย แน่นอนว่ามีร้านเสื้อผ้าให้เช่าสำหรับแต่งตัวเป็นซามูไร นินจา ตำรวจ ชาวบ้าน ชาวนา ฯลฯ ให้เราได้ย้อนยุคกันอย่างสนุกสนาน (ว่าง่ายๆก็คือเป็นเมืองมัลลิกาเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนั่นล่ะครับ)
ข้อมูลเกี่ยวกับเอโดะ วันเดอร์แลนด์ นิกโก้ เอโดมูระ (Edo Wonderland Nikko Edomura)
วิธีเดินทาง
- จาก Kinugawa Onsen : นั่งรถบัสไปที่ Edo Wonderland Nikko Edomura (ใช้เวลา 20 นาที ค่าโดยสาร 420 เยน) แล้วเดินต่ออีก 2 นาที
- จาก Nikko : นั่งรถบัสฟรีจากป้ายตรงข้าม Tsurukame Daikichi Ryokan ไปยัง Edo Wonderland Nikko Edomura (ใช้เวลา35 นาที) สามารถดูรอบรถได้ที่นี่ >> Click!
ที่อยู่
- Edo Wonderland Nikko Edomura, 470-2 Karakura, Nikko, Tochigi 321-2524
- เบอร์โทร : 0288771777
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้บริการทุกวัน ในเวลาดังต่อไปนี้
- 20 มีนาคม – 30 พฤศจิกายน : 9:00 – 17:00 น.
- 1 ธันวาคม – 19 มีนาคม : 9:30 – 16:00 น.
- หยุดทุกวันพุธ (วันหยุดอื่นๆโปรดตรวจสอบจากที่นี่ >> Click!)
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ : 4,800 เยน
- เด็ก : 1,500 เยน
- คนพิการ : 2,880 เยน
- ผู้สูงอายุ : 3,360 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดโทชิงิ : โซนอื่นๆ
15. สวนดอกไม้อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park)
สวนดอกไม้อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park) เป็นสวนดอกไม้ที่มีพื้นที่กว่า 60 ไร่ และเป็นหนึ่งในสวนดอกไม้ที่สวยงามและอลังการที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ไฮไลต์ของสวนแห่งนี้อยู่ที่ต้นวิสทีเรียขนาดใหญ่ยักษ์อายุกว่า 140 ปี รวมถึงอุโมงค์วิสทีเรียที่ยาวเกือบ 100 เมตร
นอกจากนี้ ที่นี่ยังได้รับตำแหน่ง ‘สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่ไม่มาไม่ได้ ถือว่าพลาด!’ จาก CNN ในปี 2014 อีกด้วย
ดอกวิสทีเรีย (Wisteria) หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า ดอกฟูจิ เป็นดอกไม้ที่มีลักษณะเป็นดอกเล็กๆรวมตัวกันเป็นพวงระย้าคล้ายองุ่น ช่วงเวลาที่ดอกไม้ชนิดนี้บานเต็มที่คือปลายเดือนเมษายนจนถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี
ดอกวิสทีเรียนับว่าเป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมจากทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ จะเป็นรองก็แค่ซากุระเท่านั้น
นอกจากดอกวิสทีเรียแล้ว สวนแห่งนี้ก็ยังมีดอกไม้ชนิดอื่นๆด้วย เช่น ไอริส ดอกบัว ลันทาน่า(ผกากรอง) ฯลฯ ซึ่งจะบานในช่วงเวลาที่ต่างกันในรอบปีนั้น
สวนดอกไม้อาชิคางะนั้น นอกจากจะสวยงามในช่วงกลางวันแล้ว ตอนเย็นและตอนกลางคืนก็สวยเหมือนกันนะครับ
- อ่านข้อมูลเจาะลึกเกี่ยวกับสวนดอกไม้อาชิคางะ >> ชมอุโมงค์ดอกไม้สุดอลังการที่สวนดอกไม้อาชิคางะ
ข้อมูลเกี่ยวกับสวนดอกไม้อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park)
วิธีเดินทาง
- จากสถานี Ashikaga Flower Park สามารถเดินไปที่สวนได้ภายใน 6 นาที
- สำหรับการเดินทางไปยังสถานี Ashikaga Flower Park หากเริ่มต้นการเดินทางจากสถานี Ueno ให้นั่งรถไฟสาย Utsunomiya ไปลงที่สถานี Oyama จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Takasaki เพื่อไปลงที่สถานี Ashikaga Flower Park (ค่าโดยสาร 1,980 เยน ใช้เวลารวมประมาณ 2 ชั่วโมง)
- หากเดินทางจากสถานี Tokyo แนะนำให้นั่งรถบัสไปลงที่ Sano Shintoshi Bus Terminal (ใช้เวลา 80 นาที ค่าโดยสาร 1,500 เยน) แล้วต่อรถบัสไปลงที่สถานี Sano (ใช้เวลา 22 นาที ค่าโดยสาร 300 เยน) จากนั้นต่อรถไฟไปยังสถานี Ashikaga Flower Park (ใช้เวลา 6 นาที ค่าโดยสาร 140 เยน)
ที่อยู่
- Ashikaga Flower Park, 607 Hasama-cho, Ashikaga city, Tochigi Prefecture329-4216
เบอร์โทร
- 0284914939
แฟ็กซ์
- 0284914587
วันและเวลาทำการ
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:30 – 18:00 น.
- ช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว เปิดเวลา 10:00 – 17:00 น.
- นอกจากนี้ในช่วงที่ดอกวิสทีเรียบาน (ต้นเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤษภาคม) สวนจะเปิดให้บริการเวลา 7:00 – 21:00 น.
- สามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> Click!
ค่าเข้าชม
- ค่าเข้าชมจะอยู่ที่ประมาณ 300 – 1,900 เยน แต่อาจแตกต่างไปตามฤดูกาล
- สามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> Click!
เว็บไซต์
พิกัด
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดโทชิงิ
1. เกี๊ยวซ่า (Gyoza)
เกี๊ยวซ่า (Gyoza) มีต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศจีน และคาดว่าเป็นอาหารพื้นเมืองของชาวแมนจู เกี๊ยวซ่านั้นเริ่มเผยแพร่ไปทั่วประเทศจีนในช่วงราชวงศ์หมิง หรือนับตั้งแต่ปี 1644 เป็นต้นมา
สำหรับที่ญี่ปุ่นนั้น คาดกันว่าเกี๊ยวซ่าเริ่มเป็นที่รู้จักในปี 1700 โดยเป็นอาหารที่เผยแพร่มาพร้อมกับราเมน จากนั้นก็เริ่มแพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่นเมื่อเข้าสู่ช่วงปี 1900 (ว่ากันว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะในช่วงหลังสงครามโลก ทหารผ่านศึกที่ตกงานต่างพากันมาทำร้านอาหารที่ญี่ปุ่น โดยพวกเขาใช้สูตรอาหารที่จำมาจากจีน)
และเกี๊ยวซ่าที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่นก็อยู่ที่เมือง Utsunomiya ในจังหวัดโทชิงินี่เอง ดังนั้นถ้าใครมีโอกาสได้มาเที่ยวที่จังหวัดโทชิงิ ยังไงก็ต้องมาลองครับ!
- ร้านแนะนำ : Gyoutendou
2. นิกโก้ยูบะ (Nikko Yuba)
ยูบะ (Yuba) คือผิวของนมถั่วเหลืองที่จับตัวเป็นแผ่นบางๆหลังจากผ่านการต้ม หรือก็คือฟองเต้าหู้นั่นเอง
ข้อแตกต่างระหว่างยูบะของเมืองนิกโก้กับยูบะของที่อื่น เช่นที่เกียวโต คือฟองเต้าหู้ที่นิกโก้จะมีความหนามากกว่า เพราะมันจะพันทบกันเป็นหลายๆชั้นมากกว่า
โดยปกติแล้วชาวโทชิงิจะทานยูบะกันแบบซาชิมิ (ทานดิบ) หรือไม่ก็ใส่เป็นเครื่องเคียงในอุด้ง
เหตุผลที่นิกโก้มียูบะเป็นอาหารขึ้นชื่อก็เพราะว่าเมืองนี้มีวัดเยอะ และพระต้องฉันอาหารเจนั่นเอง
- ร้านแนะนำ : Nagomichaya
3. ปลาอิวานะ (Nikko Iwana)
ปลาอิวานะ (Iwana) เป็นหนึ่งในสกุลปลาแซลมอน บางสปีชีส์จะเรียกว่าปลาเทราต์ ปลาอิวานะอาศัยในแหล่งน้ำจืดที่เย็นและสะอาด มีน้ำไหลผ่านตลอด เนื้อปลาชนิดนี้เป็นสีขาวนุ่ม มีรสชาติหวาน ก้างน้อย และมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวโอเมก้า 3 อยู่ในปริมาณที่มาก คนญี่ปุ่นนิยมนำปลาอิวานะมาย่างหรือทอดทาน
ในจังหวัดโทชิงิ เมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องปลาอิวานะก็คือเมืองนิกโก้ เพราะที่นี่มีแหล่งน้ำใสสะอาดนั่นเอง
ถ้าใครได้ไปเที่ยวโซนนิกโก้ ขอแนะนำให้ลองทานปลาชนิดนี้เลยครับ
4. ซาโนะราเมน (Sano Ramen)
ซาโนะราเมน (Sano Ramen) คือราเมนที่สามารถหาทานได้ในเมืองซาโนะ (ไม่ไกลจากสวนดอกไม้อาชิคางะ) ราเมนชนิดนี้เป็นที่รู้จักจากการใช้ไม้ไผ่ลำอวบในการนวดเส้น
น้ำซุปดาชิของซาโนะราเมนก็มีทั้งสกัดมาจากกระดูกไก่และกระดูกหมู ขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละร้าน แต่ไม่ว่าจะสกัดมาจากอะไร ทุกสูตรก็ล้วนมีรสโชยุที่อร่อยเข้มข้นเช่นเดียวกัน
จุดเด่นที่สุดของซาโนะราเมนคือน้ำที่ใช้ทำราเมน ชาวจังหวัดโทชิงินิยมใช้น้ำจาก Izuruhara Benten Pond ซึ่งเป็นหนึ่งในน้ำบริสุทธิ์ที่สุดในการปรุงราเมน
- ร้านแนะนำ : Hyuugaya
5. สตรอว์เบอร์รีพันธุ์โทจิโอโตเมะ (Tochiotome)
สตรอว์เบอร์รีพันธุ์โทจิโอโตเมะ (Tochiotome) เป็นสายพันธุ์สตรอว์เบอร์รีที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น สตรอว์เบอร์รีพันธุ์นี้เริ่มปลูกที่จังหวัดโทชิงิ และได้รับการขึ้นทะเบียนสายพันธุ์ในปี 1996
รสชาติของสตรอว์เบอร์รีพันธุ์โทจิโอโตเมะจะมีความหวานมาก และเจือด้วยรสเปรี้ยวเล็กน้อย
ทั้งนี้ จังหวัดโทชิงินับว่าเป็นจังหวัดที่ผลิตสตรอว์เบอร์รีได้มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเลยล่ะครับ
ได้ยินอย่างนี้แล้ว หากใครมีโอกาสได้มาเที่ยวโทชิงิก็ไม่ควรพลาดการทานสตรอว์เบอร์รีพันธุ์โทจิโอโตเมะเลยนะครับ
อ่านบทความแนะนำจังหวัดอื่นๆในประเทศญี่ปุ่น
- รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดกิฟุ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!
- รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดยามานาชิ’ ที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง!
- รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดอิวาเตะ’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ
แท็กยอดนิยม
แชร์บทความนี้
Klook.com
บทความแนะนำจังหวัดใน
ภูมิภาค
คันโต

จังหวัด โตเกียว

จังหวัด คานากาวะ

จังหวัด ชิบะ

จังหวัด ไซตามะ

จังหวัด กุนมะ

จังหวัด อิบารากิ

จังหวัด โทชิงิ