รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดโทยามะ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!
ต.ค. 27, 2021
บทนำ : ไปเที่ยว ‘จังหวัดโทยามะ’ กันเถอะ!
จังหวัดโทยามะ (Toyama Prefecture) เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคจูบุ (Chubu Region) อีกทั้งยังมีอาณาเขตติดกับทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) เช่นเดียวกับจังหวัดใกล้เคียงอย่างจังหวัดอิชิกาวะ จังหวัดกิฟุ จังหวัดนากาโนะ และจังหวัดนีงาตะ ยิ่งไปกว่านั้น เมืองโทยามะ (Toyama City) ที่เป็นเมืองหลักของ ‘จังหวัดโทยามะ’ ก็เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของเมืองปราสาทที่สวยงามและจุดศูนย์กลางทางการแพทย์ของญี่ปุ่นด้วย
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงประจำ ‘จังหวัดโทยามะ’ นั้น เราสามารถพบได้ทั้งในเมืองโทยามะ (Toyama City) เมืองคุโรเบะ (Kurobe City) และเมืองนันโตะ (Nanto City) ไม่ว่าจะเป็นที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อย่างปราสาทโทยามะ (Toyama Castle) หรือจะเป็นทริปชมความงามของศิลปะการหลอมแก้วในพิพิธภัณฑ์ศิลปะแก้วโทยามะ (Toyama Glass Art Museum) หรือถ้าใครชอบแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็สามารถไปชมทิวทัศน์สีเขียวอันงดงามของหุบเขาคุโรเบะ (Kurobe Gorge) กันได้นะคะ นี่เรายังไม่ได้เกริ่นถึงมรดกโลกอย่างหมู่บ้านโกคายามะ (Gokayama Village) ด้วยนะเนี่ย~ เราเชื่อว่าคงมีเพื่อนๆที่เริ่มอยากมาเที่ยวที่นี่กันบ้างแล้วใช่ไหมล่ะคะ
สำหรับการเดินทางมายัง ‘จังหวัดโทยามะ’ แห่งนี้ก็แสนสะดวกสบายค่ะ เพื่อนๆสามารถนั่งรถไฟโฮคุริคุชินคันเซ็น (Hokuriku Shinkansen) ของรถไฟ JR จากโตเกียวมาลงที่โทยามะได้เลย ซึ่งการเดินทางตรงนี้จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ หรือถ้าใครจะตีตั๋วเครื่องบินจากโตเกียวมาลงที่สนามบินโทยามะ (Toyama Airport) เลยก็ได้นะ
เอาล่ะ! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า ‘จังหวัดโทยามะ’ แห่งนี้จะมีอะไรให้เรายลบ้าง ตามเรามาได้เลยค่ะ~!
สารบัญ (Index)
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดโทยามะ
-
- อุทยานซากปราสาทโทยามะ (Toyama Castle Ruin Park)
- พิพิธภัณฑ์ศิลปะแก้วโทยามะ (Toyama Glass Art Museum)
- หุบเขาคุโรเบะ (Kurobe Gorge)
- เขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam)
- สวนคังซุย (Kansui Park)
- เมืองยาสึโอะ (Yatsuo / Yatsuo no Machinami)
- วัดซุยริวจิ (Zuiryuji Temple)
- ทากาโอกะไดบุทสึ (Takaoka Daibutsu)
- หมู่บ้านมรดกโลกโกคายามะ (Gokayama)
- น้ำตกโชเมียว (Shomyo Falls)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดโทยามะ
สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดโทยามะ
1. อุทยานซากปราสาทโทยามะ (Toyama Castle Ruin Park)
ปราสาทโทยามะ (Toyama Castle) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์กของ ‘จังหวัดโทยามะ’ เลยก็ว่าได้ โดยปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำจินซู (Jinzu River) อีกทั้งยังมีชื่อเล่นว่าปราสาทลอยน้ำ (Floating Castle)
อย่างไรก็ดี ปราสาทโทยามะแห่งนี้เคยได้รับความเสียหายครั้งหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นช่วงศตวรรษที่ 15 แต่ภายหลังปราสาทโทยามะก็ได้รับการซ่อมแซมและบูรณะขึ้นใหม่ในช่วงปี 1600s – 1870s โดยตระกูลมาเอดะ (Maeda Clan) ผู้มีอำนาจปกครองโทยามะในช่วงเวลานั้น
ในปัจจุบัน ปราสาทโทยามะถือเป็นแลนด์มาร์กประจำจังหวัดโทยามะ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นจุดชมทิวทัศน์ดอกไม้ยามเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิด้วย โดยเฉพาะสวนทิวลิปที่ปลูกล้อมรอบปราสาทนั้นถือเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้คนทุกเพศทุกวัยมาท่องเที่ยว ณ สถานที่แห่งนี้ได้ดีเลยล่ะค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานซากปราสาทโทยามะ (Toyama Castle Ruin Park)
วิธีเดินทาง
- เดินจากสถานี Toyama Station โดยใช้เวลา 15 นาที
ที่อยู่
- 1 Honmaru, Toyama, 930-0081, Japan
ติดต่อ
- 076-443-2111
เวลาทำการ
- เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
เว็บไซต์
พิกัด
2. พิพิธภัณฑ์ศิลปะแก้วโทยามะ (Toyama Glass Art Museum)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะแก้วโทยามะ (Toyama Glass Art Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่เปิดให้ผู้คนทั่วไปได้รับชมในปี 2015 อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังตั้งอยู่ในอาคารโทยามะคิราริ (Toyama Kirari) ซึ่งออกแบบโดยคุมะ เคนโกะ (Kuma Kengo) สถาปนิกที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก
ทั้งนี้ คอนเซ็ปต์ของรูปแบบอาคารภายนอกนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากทัศนียภาพที่สวยงามของเทือกเขาทาเตยามะ (Tateyama Mountain range) นอกจากนี้ก็ยังเป็นที่รู้กันดีว่าภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการจัดแสดงงานศิลปะที่ทำมาจากแก้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละชิ้นงานก็จะมีความสวยงามพิถีพิถัน โดดเด่น และมีสีสันที่เป็นเอกลักษณ์มากค่ะ
ถ้าเพื่อนๆเดินชมงานอาร์ตกันจนเพลินใจแล้ว เราแนะนำให้มาละลายทรัพย์กันต่อที่ร้านขายของที่ระลึกค่ะ โดยภายในร้านจะมีสินค้าสุดพิเศษที่หาซื้อได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่ที่รอให้พวกเราเข้าไปนั่งพักดื่มน้ำและทานของว่างกันเบาๆด้วยนะ
เรียกได้ว่านักเที่ยวสายชิลล์เนี่ย ห้ามพลาดที่นี่เด็ดขาดเลยค่ะ!
ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะแก้วโทยามะ (Toyama Glass Art Museum)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถ Tram (Shinaidensha) จากถนนสาย Toyama St. ไปลงที่ Nishicho แล้วเดินต่ออีกประมาณ 1 นาที
- นั่งรถ City Loop Line (Shinaidensha Kanjo-sen) จากถนนสาย Toyama St. ไปลงที่ Grand Plaza Mae แล้วเดินต่ออีกประมาณ 2 นาที
- สามารถดูรายละเอียดการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่นี่ : Click Here
ที่อยู่
- 5-1 Nishicho, Toyama, 930-0062, Japan
ติดต่อ
- 076-461-3100
เวลาทำการ
- Gallery 1&2 : 9:00 – 21:00 น.
- Permanent & Special Exhibition Areas : 9:00 – 18:00 น. (สำหรับวันศุกร์และวันเสาร์จะเปิดจนถึงเวลา 20:00 น.)
- Cafe : 9:30 – 17:00 น.
- Museum Shop : 9:30 – 18:00 น.
ค่าเข้าชม
- 200 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
3. หุบเขาคุโรเบะ (Kurobe Gorge)
หุบเขาคุโรเบะ (Kurobe Gorge) ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ ‘จังหวัดโทยามะ’ เลยล่ะค่ะ หุบเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น (Japan Alps) และยังเป็นหุบเขาที่มีความลึกที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
นอกจากนี้ หุบเขาคุโรเบะก็เป็นจุดชมวิวแม่น้ำคุโรเบะ (Kurobe River) ด้วย แน่นอนว่าวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามจนหาตัวจับยากแบบนี้ไม่ใช่ภาพที่หาชมกันได้ง่ายๆเลยค่ะ ดังนั้นถ้าเพื่อนๆคนไหนได้ไปเที่ยวที่โทยามะ ก็อย่าลืมแวะไปชมทัศนียภาพสีเขียวสะอาดตาของหุบเขาคุโรเบะกันด้วยน๊า
ส่วนไฮไลต์ของหุบเขาคุโรเบะนั้น ยังไงก็ต้องเป็น ‘สะพานรางรถไฟสีแดงสด’ ในรูปด้านบนนี้เลยค่ะ
สะพานรางรถไฟแห่งนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นทางรถไฟ Kurobe Gorge Railway ที่เชื่อมต่อระหว่างสถานีอุนาซึกิ (Unazuki Station) และสถานีเคยากิไดระ (Keyaki Daira Station) ซึ่งการเดินทางไปกลับระหว่างสองสถานีดังกล่าวก็จะต้องผ่านหุบเขาคุโรเบะที่แสนสวยงามแห่งนี้ค่ะ
หากเพื่อนๆอยากนั่งรถไฟชมธรรมชาติก็ต้องตรวจสอบวันเวลาให้ดีๆด้วยนะคะ เพราะเขาจะเปิดให้บริการตามฤดูกาลตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ทั้งนี้ช่วงไฮซีซั่นก็คงหนีไม่พ้นช่วงฤดูใบไม้ร่วงอย่างแน่นอนค่ะ เพราะเพื่อนๆจะได้ชมทิวทัศน์ของป่าผลัดใบสีโทนร้อน ซึ่งสวยงามมากซะจนหลายๆคนถึงกับตั้งใจว่าจะไปซ้ำอีกรอบเลยล่ะ!
ข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขาคุโรเบะ (Kurobe Gorge)
วิธีเดินทาง
- Kurobe Gorge Railway : นั่งรถไฟ Toyama Chiho Railway Train จากสถานี Shin-Kurobe Station ไปลงที่ Unazuki Onsen Station โดยใช้เวลา 15 นาที จากนั้นให้เดินไปขึ้นรถไฟที่สถานี Unazuki Station โดยใช้เวลาเพียงเล็กน้อย
ที่อยู่
- Kurobe Gorge : 11-11 Kurobekyokokuguchi, Kurobe, Toyama 938-0283, Japan
- Unazuki Station : Kurobekyokokuguchi, Kurobe, Toyama 938-0283, Japan
ติดต่อ
- Unazuki Station : 076-562-1011
เวลาทำการ
- Kurobe Gorge Railway : 8:00 – 16:30 น. (รถไฟเที่ยวสุดท้ายออกเวลา 15:40 น.)
- รถไฟจะปิดทำการในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน
ค่าเข้าชม
- Kurobe Gorge Railway : 1,980 เยน
เว็บไซต์
พิกัด
4. เขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam)
เขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam) เป็นเขื่อนคอนกรีตแบบโค้ง (arch dam) ที่ตั้งอยู่ในเมืองทาเตยามะ (Tateyama City) ซึ่งเมืองดังกล่าวตั้งอยู่ทางตะวันตกของ ‘จังหวัดโทยามะ’
เขื่อนคุโรเบะเป็นเขื่อนที่มีความสำคัญในหลายๆประการเลยค่ะ อย่างแรกเลยคือเขื่อนแห่งนี้เป็นเขื่อนที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น! โดยเขื่อนคุโรเบะนั้นมีความสูงถึง 186 เมตรเลยทีเดียว ทั้งนี้เขื่อนคุโรเบะถือเป็นเขื่อนที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังน้ำค่ะ
สำหรับในแง่ของการท่องเที่ยวนั้น เขื่อนคุโรเบะก็เป็นสถานที่ที่สวยงามและบรรยากาศดีมากๆค่ะ โดยเฉพาะคนที่อยากใจดีกับปอดก็สามารถหนีฝุ่นควันจากตัวเมืองมาสูดอากาศบริสุทธิ์และสดชื่นกันได้ที่เขื่อนแห่งนี้เลยค่ะ
ส่วนเพื่อนๆที่อยากมาเก็บภาพบรรยากาศอันสวยงามจนน่าขนลุก เช่นในช่วงที่เขาปล่อยน้ำออกมาจากเขื่อน เราก็ขอแนะนำให้มาเที่ยวในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคมนะคะ รับรองได้ว่าทุกคนจะต้องได้ช็อตเด็ดกลับบ้านอย่างแน่นอน!
หมายเหตุ : Arch dam = เขื่อนที่มีลักษณะเป็นรูปโค้ง อาจเป็นแบบโค้งทางเดียวซึ่งก็คือโค้งในแนวราบก็ได้ หรือโค้งสองทางคือโค้งในแนวราบและแนวดิ่งก็ได้เช่นกัน ซึ่งลักษณะการโค้งในแบบที่กล่าวมานี้จะช่วยถ่ายเทน้ำหนักของน้ำไปยังจุดรองรับทั้งสองข้างของเขื่อน ก่อนที่จะถ่ายน้ำหนักลงสู่ชั้นหินฐานราก
ข้อมูลเกี่ยวกับเขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam)
วิธีเดินทาง
- เราสามารถเดินทางไปยังเขื่อน Kurobe Dam โดยใช้เส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine Route ได้จากทั้งฝั่ง Toyama หรือฝั่ง Nagano
- ฝั่ง Toyama : ขึ้นรถไฟ JR Hokuriku Shinkansen ไปยังสถานี JR Toyama Station จากนั้นให้เปลี่ยนเป็นสถานี Dentetsu Toyama Station ที่อยู่ติดกัน โดยขึ้นรถไฟ Toyama Chiho Railway คันที่มุ่งหน้าสู่ Tateyama
- ฝั่ง Nagano : ขึ้นรถไฟ JR Hokuriku Shinkansen ไปยังสถานี Nagano Station จากนั้นให้ขึ้นรถไฟสาย JR Oito Line เพื่อไปลงที่สถานี Shinano-Omachi Station แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถบัสที่สถานี Ogisawa
ที่อยู่
- Ashikuraji, Tateyama, Nakaniikawa District, Toyama 930-1406, Japan
ติดต่อ
- 026-122-0804
เวลาทำการ
- เปิดทำการเฉพาะช่วงเดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน ในเวลา 7:30 – 17:00 น.
เว็บไซต์
พิกัด
5. สวนคังซุย (Kansui Park)
สวนคังซุย (Kansui Park) หรือ Fugan Canal Kansui Park เป็นสวนสาธารณะที่มีคลองขนาดใหญ่อยู่บริเวณกลางสวน โดยสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจแห่งนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวเจ้าบ้าน เพราะไม่ว่าจะเป็นคู่รัก ครอบครัว หรือเดอะแก๊งทั้งวัยรุ่นและวัยเก๋า ทุกคนต่างก็เลือกสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์และแชร์ช่วงเวลาดีๆต่อกัน
ยิ่งไปกว่านั้น สวนคังซุยยังเป็นจุดชมวิวซากุระที่มีชื่อเสียงอีกด้วยค่ะ พอถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิที่นี่ก็จะคักคึกขึ้นเป็นพิเศษเลยล่ะ
นอกจากสวนคังซุยจะมีแหล่งน้ำใสสะอาดและสายลมโชยอ่อนที่ช่วยดับร้อนได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว บรรยากาศของที่นี่ก็แสนวิเศษมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะช่วงกลางคืนที่สามารถชมแสงไฟที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำได้ เรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่ชวนให้เราเดินลงไปเก็บภาพจริงๆค่ะ
และถ้าเพื่อนๆเริ่มหิวเมื่อไหร่ สวนคังซุยก็มีร้านอาหารหรือคาเฟ่ตั้งอยู่รอบๆด้วยน๊า หรือถ้ายังอยากเดินเล่นต่ออีกหน่อยก็อย่าลืมแวะไปชมจุดไฮไลต์อย่างสะพานเท็นมงเคียว (Tenmonkyo Bridge) กันล่ะ เพราะเป็นจุดที่สวยงามมากๆ โดยเฉพาะในตอนกลางคืนที่เขาเปิดไฟไลท์อัพ ซึ่งจะทำให้สะพานสวยขึ้นเป็นเท่าตัวสมชื่อ เท็นมงเคียว เลยค่ะ (คำว่า เท็นมง หมายถึงประตูแห่งสวรรค์ ดังนั้น เท็นมงเคียว จึงหมายถึงสะพานที่ทอดไปยังประตูแห่งสวรรค์)
ข้อมูลเกี่ยวกับสวนคังซุย (Kansui Park)
วิธีเดินทาง
- เดินจากสถานี Toyama Station โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ที่อยู่
- 1 Minatoirifunecho, Toyama, 930-0805, Japan
ติดต่อ
- 076-444-6041
เวลาทำการ
- เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
เว็บไซต์
พิกัด
6. เมืองยาสึโอะ (Yatsuo / Yatsuo no Machinami)
เมืองยาสึโอะ (Yatsuo / Yatsuo no Machinami) เป็นเมืองเก่าสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงในจังหวัดโทยามะ ซึ่งถ้าว่ากันด้วยเรื่องความสวยงามของทิวทัศน์ในเมืองแล้ว เราเชื่อว่าเมืองยาสึโอะแห่งนี้ก็งดงามไม่แพ้เมืองใดในโลกหล้าเลยค่ะ
แม้ว่าในเมืองยาสึโอะจะมีถนนหลายสายให้เราเดินเที่ยวชม แต่เราขอแนะนำเป็นพิเศษว่าเพื่อนๆควรลองไปเดินเล่นที่ถนนสึวามาจิ (Suwamachi Street) ค่ะ เพราะถนนสายนี้มีบ้านเรือนสไตล์ญี่ปุ่นย้อนยุคเรียงรายไปตลอดเส้นทางที่เดินผ่านเลยค่ะ
นอกจากนี้ เมืองยาสึโอะยังมีงานเทศกาลสุดขึ้นชื่ออย่าง Owara Kaze-no-Bon Festival ด้วยนะ โดยงานเทศกาลที่ว่านี้เป็นงานที่ชาวเมืองจะมาเต้นระบำพื้นเมืองในชุดกิโมโน ทั้งนี้งานเทศกาล Owara Kaze-no-Bon Festival จะจัดขึ้นทุกปีในสามวันแรกของเดือนกันยายนค่ะ
เรียกได้ว่ายาสึโอะเป็นย่านเมืองเก่าเพียงหนึ่งเดียวใน ‘จังหวัดโทยามะ’ ที่จะทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับบรรยากาศสุดคลาสสิค ราวกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปยังอดีตเลยค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองยาสึโอะ (Yatsuo / Yatsuo no Machinami)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟ JR สาย Takayama Line จากสถานี Toyama Station มาลงที่สถานี Etchu Yatsuo Station โดยใช้เวลาประมาณ 25 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 30 นาทีก็จะถึงเมืองยาสึโอะ
- นั่งแท็กซี่จากจุดเริ่มต้นบนทางหลวง Toyama IC โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ที่อยู่
- 2605 Yatsuomachi Suwamachi, Toyama, 939-2343, Japan
เวลาทำการ
- เปิดทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม
- ไม่มีค่าใช้จ่าย
เว็บไซต์
พิกัด
7. วัดซุยริวจิ (Zuiryuji Temple)
วัดซุยริวจิ (Zuiryuji Temple) เป็นวัดพุทธนิกายโซโตเซน (Soto Zen Buddhist Temple) ที่ตั้งอยู่ในเมืองทากาโอกะ จังหวัดโทยามะ วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1659 โดยมีจุดประสงค์เพื่อไว้อาลัยต่อการจากไปของมาเอดะ โทชินากะ (Maeda Toshinaga) ไดเมียวแห่งแคว้นคางะในช่วงเวลานั้น (ซึ่งแคว้นคางะกลายมาเป็นจังหวัดโทยามะและอิชิกาวะในภายหลัง)
ต่อมาวัดซุยริวจิได้เข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลญี่ปุ่นในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ โดยรูปแบบของอาคารภายในวัดจะสร้างให้เป็นแบบสมมาตร ดังจะเห็นได้จากทางเดินที่เชื่อมระหว่างอาคารหลักและอาคารอื่นๆ ซึ่งล้วนมีความต่อเนื่องและเป็นเส้นทางที่มีจุดร่วมเดียวกัน ลักษณะดังกล่าวนับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสถาปัตยกรรมแบบโซโตเซน (Soto Zen)
อาคารหลักของวัดซุยริวจินั้นแบ่งออกเป็น 2 หลัง คืออาคารบุตสึเด็น (Butsuden Hall) สถานที่เก็บรักษาพระพุทธรูปชากะเนียวไร (Shaka Nyorai) ที่เป็นโบราณวัตถุเก่าแก่และทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก ส่วนอาคารหลังที่ 2 คืออาคารฮัตโตะ (Hatto Hall) ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของสถาปัตยกรรมที่สามารถพบได้ในช่วงยุคเอโดะตอนต้น (Early Edo Period)
ข้อมูลเกี่ยวกับวัดซุยริวจิ (Zuiryuji Temple)
วิธีเดินทาง
- เดินจากสถานี Takaoka Station โดยใช้เวลาประมาณ 10 – 15 นาที
ที่อยู่
- Japan, 〒933-0863 Toyama, Takaoka, Sekihonmachi, 35
ติดต่อ
- 076-622-0179
เวลาทำการ
- เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09:00 – 16:30 น.
เว็บไซต์
พิกัด
8. ทากาโอกะไดบุทสึ (Takaoka Daibutsu)
ทากาโอกะไดบุทสึ (Takaoka Daibutsu) หรือที่รู้จักกันดีในอีกชื่อหนึ่งว่า พระใหญ่แห่งทากาโอกะ (The Great Buddha of Takaoka) เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่มาก! โดยที่ตั้งของพระพุทธรูปองค์นี้ก็คือเมืองทากาโอกะ จังหวัดโทยามะค่ะ
ทั้งนี้ ทากาโอกะไดบุทสึของจังหวัดโทยามะนั้นถือเป็น 1 ใน 3 พระพุทธรูปขนาดใหญ่ ร่วมกับพระพุทธรูปไดบุทสึที่เมืองคามาคุระ จังหวัดคานากาวะ และพระพุทธรูปไดบุทสึที่จังหวัดนารา
หากจะให้กล่าวถึงความเป็นมาของทากาโอกะไดบุทสึนั้น เราก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะบอกทุกคนว่าเดิมทีแล้วพระพุทธรูปองค์นี้ทำมาจากไม้ค่ะ แต่ด้วยเหตุเพลิงไหม้ในปี 1900 ชาวเมืองจึงต้องสร้างขึ้นมาใหม่โดยใช้เวลานานกว่า 30 ปีในการสร้างเลยทีเดียว! ทั้งนี้พระพุทธรูปที่เราเห็นในปัจจุบันได้สร้างเสร็จสิ้นในปี 1933 แล้วก็ไม่ได้รับความเสียหายอีกเลย
นอกจากนี้ ทากาโอกะไดบุทสึยังได้รับการขึ้นทะเบียนโดยเมืองโทยามะให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ (Tangible Cultural Properties) อีกด้วยนะ
ข้อมูลเกี่ยวกับทากาโอกะไดบุทสึ (Takaoka Daibutsu)
วิธีเดินทาง
- เดินจากสถานีรถไฟ Takaoka Station โดยใช้เวลาประมาณ 10 – 15 นาที
ที่อยู่
- 11-29 Otemachi, Takaoka, Toyama 933-0039, Japan
ติดต่อ
- 076-623-9156
เวลาทำการ
- เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6:00 – 18:00 น.
เว็บไซต์
พิกัด
9. หมู่บ้านมรดกโลกโกคายามะ (Gokayama)
หมู่บ้านมรดกโลกโกคายามะ (Gokayama) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ ‘จังหวัดโทยามะ’ สถานที่แห่งนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิม ซึ่งจะเห็นได้จากรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง ‘กัสโชซูคุริ’ (Gassho Zukuri) หรือบ้านไม้หลังคามุงจากทรงสามเหลี่ยม
หากมองเผินๆเราก็จะเห็นว่าที่นี่มีความคล้ายคลึงกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในจังหวัดกิฟุอย่างหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) เป็นอย่างมาก เพราะบ้านที่โกคายามะและบ้านที่ชิราคาวาโกะเป็นบ้านสไตล์กัสโชซูคุริเหมือนกัน อย่างไรก็ดี ทั้งสองสถานที่ต่างก็ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี 1995 โดยองค์การยูเนสโก
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการสันนิษฐานกันด้วยว่าโกคายามะสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อหลายศตวรรษก่อน เพราะบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้มีอายุถึง 400 ปีเลยทีเดียว
สำหรับช่วงเวลาที่เราแนะนำให้เพื่อนๆไปเที่ยวกันก็คือ ช่วงฤดูหนาวที่จะเห็นหิมะปกคลุมหลังคาบ้านมุงจาก รวมไปถึงทัศนียภาพสีขาวโพลนของพื้นที่โดยรอบด้วย แต่ถ้าใครอยากมาช่วงฤดูใบไม้ร่วงเราก็ไม่ขัดศรัทธาค่ะ เพราะทัศนียภาพของหมู่บ้านแสนสงบที่ประดับไปด้วยใบไม้สีแดงก็สวยงามไม่แพ้กันเลยล่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับหมู่บ้านมรดกโลกโกคายามะ (Gokayama)
วิธีเดินทาง
- สามารถดูรายละเอียดการเดินทางได้ที่นี่ >> Click Here
ที่อยู่
- Gokayama : Ainokura, Nanto, Toyama 939-1915
- Gokayama Tourist Intormation Center : 754 Kaminashi, Nanto, Toyama 939-1914
ติดต่อ (Gokayama Tourist Intormation Center)
- เบอร์โทร : 0763-66-2468
- แฟ็กซ์ : 0763-66-2469
- อีเมล : info@gokayama-info.jp
เวลาทำการของ Gokayama Tourist Information Center
- เปิดทำการทุกวันในเวลา 09:00 – 17:00 น.
- เฉพาะวันที่ 29 ธันวาคม – 3 มกราคม : เปิดทำการในเวลา 09:00 – 16:00 น.
เว็บไซต์
พิกัด
10. น้ำตกโชเมียว (Shomyo Falls)
น้ำตกโชเมียว (Shomyo Falls) เป็นน้ำตกที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เนื่องด้วยความสูงถึง 350 เมตร น้ำตกโชเมียวจึงได้รับการบันทึกว่าเป็นน้ำตกที่มีความสูงที่สุดในญี่ปุ่น
ยิ่งไปกว่านั้น ภาพของมวลน้ำที่ร่วงหล่นลงจากหน้าผาตามแรงโน้มถ่วงก็เป็นทัศนียภาพที่สวยงามมากๆ จนนักท่องเที่ยวหลายคนถึงกับตั้งใจไว้เลยว่าจะต้องมาเห็นภาพนี้กับตาตัวเองให้ได้สักครั้งในชีวิต!
สำหรับช่วงเวลาที่เราอยากให้เพื่อนๆได้มาเที่ยวที่นี่กันก็คือช่วงเดือนกันยายนไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน เพราะในช่วงเวลานี้เหล่าต้นไม้ใบหญ้าจะพร้อมใจกันเปลี่ยนเป็นสีแดงส้มสลับเหลืองทอง เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีและเพอร์เฟ็คต์ที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวเลยค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำตกโชเมียว (Shomyo Falls)
วิธีเดินทาง
- นั่งรถประจำทางมาลงที่ป้าย Shomyo Daira Bus Stop จากนั้นเดินไปที่น้ำตกโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ที่อยู่
- Ashikuraji, Tateyama, Nakaniikawa District, Toyama 930-1406, Japan
ติดต่อ
- 076-462-9971
เวลาทำการ
- น้ำตกปิดไม่ให้เข้าชมในช่วงฤดูหนาว กล่าวคือประมาณช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมของทุกปี
เว็บไซต์
พิกัด
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดโทยามะ
เป็นที่รู้กันดีว่า ‘จังหวัดโทยามะ’ นั้นมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย แต่นอกจากที่เที่ยวแล้ว อาหารท้องถิ่นของโทยามะก็น่าสนใจเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะราเมนน้ำดำโทยามะเนี่ย ถือเป็นของเด็ดเลยล่ะ! ถ้าใครมาจังหวัดนี้แล้วไม่ได้ลองทานก็จะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากเลยนะ
และในบทความนี้ ทีมงานคุณภาพ fromJapan ก็นำ ‘เมนูเด็ดประจำจังหวัดโทยามะ’ มาฝากทุกคนถึง 5 อย่างด้วยกัน ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันได้เลยค่ะ!
1. ราเมนน้ำดำโทยามะ (Toyama Black Ramen)
ราเมนน้ำดำโทยามะ (Toyama Black Ramen) ถือเป็นเมนูราเมนน้ำดำต้นตำรับของญี่ปุ่น เรียกได้ว่าใครที่มาโทยามะแล้วไม่ได้ทานราเมนน้ำดำนั้นคือความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่สุด! (ขนาดนั้นเลยเชียว 555 ?)
แม้ว่าสีน้ำซุปของราเมนถ้วยนี้จะทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงความเค็มไปตามๆกัน แต่รสชาติที่แท้จริงนั้นกลับกลายเป็นรสอ่อนๆและทานง่ายมากค่ะ เพราะส่วนประกอบของน้ำซุปมีเพียงซอสโชยุเข้มข้นที่เคี่ยวกับอาหารทะเลและกระดูกไก่ ส่วนตัวเส้นราเมนและท็อปปิ้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับวิธีทำของแต่ละร้านค่ะ
ถ้าเดินเที่ยวอยู่แล้วเกิดหิวขึ้นมา เพื่อนๆก็ลองแวะไปจัดหนักจัดเต็มกับราเมนชามนี้กันได้นะ!
2. หมึกหิ่งห้อย (Firefly Squid)
หมึกหิ่งห้อย (Firefly Squid) หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า โฮตารุอิกะ (Hotaru Ika) เป็นหมึกที่สามารถเรืองแสงได้ในที่มืด ซึ่งเราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่าไบโอลูมิเนสเซนส์ (Bioluminescence)
ถ้าถามว่าไบโอลูมิเนสเซนส์เกิดขึ้นได้อย่างไร เราก็ขออธิบายว่าในตัวน้องหมึกหิ่งห้อยจะมีสารพิเศษชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่าลูซิเฟอริน (Luciferin) และมีเอนไซม์พิเศษตัวหนึ่งที่ชื่อว่าลูซิเฟอเรส (Luciferase) ซึ่งกลไกการเรืองแสงมาจากการที่เอนไซม์ดังกล่าวและโปรตีนตัวอื่นๆไปกระตุ้นสารลูซิเฟอเรสในปฏิกิริยาสันดาป (Oxidation) จึงทำให้เกิดการปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปแบบของแสงสว่างค่ะ
ทีนี้เรากลับมามองน้องหมึกในฐานะของกินแสนอร่อยกันบ้างดีกว่าค่ะ เราคิดว่าเพื่อนๆหลายคนคงกังวลกันว่าเจ้าหมึกเรืองแสงนี่กินได้ใช่ไหม? ซึ่งเราขอตอบแบบเต็มเสียงเลยว่าน้องสามารถกินได้ค่ะ เพราะเจ้าสารเรืองแสงที่พูดถึงและเอนไซม์ที่ว่านั่นเป็นเพียงโปรตีนชนิดหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่อนุพันธ์ที่เป็นพิษแต่อย่างใด ดังนั้นเพื่อนๆจึงสามารถทานหมึกหิ่งห้อยอย่างสบายใจกันได้เลยค่ะ
แต่หมึกหิ่งห้อยนี้สามารถจับได้เฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้นนะ ถ้าใครอยากลองไปชิมก็อย่าลืมเช็กปฏิทินกันให้ดีๆนะเออ
ส่วนเมนูที่เราภูมิใจนำเสนอก็คือ หมึกหิ่งห้อยลวกที่ทานควบคู่ไปกับเครื่องเคียงอย่างมัสตาร์ด สาหร่าย และผักกาดหัว (Daikon Radish) ค่ะ
3. มาสึซูชิ (Masu Sushi)
มาสึซูชิ (Masu Sushi) หรือ มาสึโนะซูชิ (Masu no Sushi) เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารพื้นเมืองประจำจังหวัดโทยามะ โดยชาวโทยามะจะนำซูชิแซลมอนรมควันไปห่อด้วยใบไผ่ จากนั้นก็บรรจุลงในกล่องไม้ทรงกระบอกที่มีลักษณะกว้างและเตี้ยดังภาพ
สำหรับความพิเศษของมาสึซูชินั้นก็จะอยู่ที่กลิ่นหอมของใบไผ่ผสมกับแซลมอนรมควันค่ะ หากเพื่อนๆอยากลิ้มลองมาสึซูชิก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านอาหารและร้านขายของฝากในโทยามะนะคะ
4. ชิโระเอบิ (Shiroebi)
ชิโระเอบิ (Shiroebi) เป็นกุ้งตัวเล็กที่มีลำตัวโปร่งใสอมชมพูนิดหน่อย อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักกันดีในฉายาอัญมณีแห่งอ่าวโทยามะ (Jewel of Toyama Bay) โดยชาวโทยามะนิยมทานชิโระเอบิเป็นเครื่องเคียงค่ะ แต่จริงๆแล้วไม่ว่าเราจะทานเป็นแบบเทมปุระ คาคิอาเกะ ซาชิมิ หรือซูซิ ทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่อร่อยเลิศค่ะ
5. ปลาบุริ (Buri)
ปลาบุริ (Buri/Yellowtail Amberjack fish) เป็นวัตถุดิบจากท้องทะเลแสนอร่อยที่โด่งดังของจังหวัดโทยามะ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่นี่ยังมีความเชื่อมาตั้งแต่สมัยอดีตว่าปลาบุริคือสัญลักษณ์ของความโชคดี ด้วยเหตุนี้ เขาจึงนิยมให้ปลาบุริเป็นของขวัญแก่ครอบครัวที่กำลังจะมีเจ้าตัวเล็กกันค่ะ
อย่างไรก็ดี เพื่อนๆสามารถหาบุริซาชิมิทานได้ง่ายๆตามร้านอาหารในจังหวัดโทยามะเลยค่ะ
อ่านบทความแนะนำจังหวัดอื่นๆของประเทศญี่ปุ่น
- รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดฟุกุชิมะ’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!
- รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดโออิตะ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!
- รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดชิซูโอกะ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ