fbpx

รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดยามานาชิ’ ที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง!

มี.ค. 29, 2022

บทนำ : ไปเที่ยวที่ ‘จังหวัดยามานาชิ’ กันเถอะ!

จังหวัดยามานาชิ (Yamanashi Prefecture) เป็นจังหวัดหนึ่งในญี่ปุ่นที่ชื่ออาจจะไม่คุ้นหูใครหลายๆคน แต่เราเชื่อเหลือเกินว่าถ้าพูดถึงภูเขาไฟฟูจิแล้วล่ะก็ รับรองได้ว่าใครๆก็ต้องรู้จัก! จุดขายหลักของจังหวัดยามานาชิคือภูเขาไฟฟูจินี่ล่ะครับ (หมายเหตุ : เป็นจุดขายหลักร่วมกับจังหวัดชิซูโอกะด้วย) เราสามารถดื่มด่ำกับวิวสวยๆของฟูจิได้อย่างเต็มที่ ณ ยามานาชิ โดยมีฉากประกอบอันสวยงามอย่างทะเลสาบทั้งห้ารอบภูเขาไฟฟูจิ รวมถึงจุดชมวิวต่างๆ ซึ่งหลายๆจุดนั้นก็ได้กลายมาเป็นโปสเตอร์นำเที่ยวญี่ปุ่นที่เราคุ้นตากันเป็นอย่างดี และด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากโตเกียว คือเดินทางแค่ประมาณ 2 ชั่วโมง ยามานาชิจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีในการทำเป็น side trip ร่วมกับโตเกียว

สำหรับการเดินทางไปยามานาชิในโซนฟูจิ ปลายทางจะอยู่ที่สถานี Kawaguchiko ซึ่งการเดินทางไปยังสถานี Kawaguchiko นั้น หากเดินทางจากสถานี Shinjuku ในโตเกียว ให้นั่งรถไฟ JR สาย Chuo Line ไปลงที่สถานี Otsuki (รถไฟด่วนพิเศษ : ใช้เวลาเดินทาง 70 นาที ค่าโดยสาร 2,350 เยน / รถไฟธรรมดา : ใช้เวลาเดินทาง 100 นาที ค่าโดยสาร 1,340 เยน / สามารถใช้ตั๋ว JR PASS หรือ Tokyo Wide Pass ได้) จากนั้นเมื่อถึงสถานี Otsuki แล้ว ให้เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Fujikyu Railway แล้วลงที่สถานี Kawaguchiko (ใช้เวลาเดินทาง 56 นาที ค่าโดยสาร 1,170 เยน การเดินทางช่วงตรงนี้จะไม่สามารถใช้ตั๋ว JR PASS ได้ แต่สามารถใช้ตั๋ว Tokyo Wide Passได้)

นอกจากนี้ยังมีรถไฟด่วนพิเศษที่วิ่งตรงจากสถานี Shinjuku ไปยังสถานี Kawaguchiko ด้วยเช่นกัน (ใช้เวลาเดินทางรวมประมาณ 2 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 4,130 เยน สำหรับผู้ที่ใช้ตั๋ว JR PASS จะต้องจ่ายเงินเพิ่มในช่วงสถานี Otsuki จนถึงสถานี Kawaguchiko ส่วนตั๋ว Tokyo Wide Pass ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม)

นอกจากนี้ เราสามารถเลือกโดยสารรถบัสจากท่ารถบัสของสถานี Shinjuku ได้เช่นกัน ท่ารถจะอยู่ตรงฝั่งทิศใต้ของสถานี (ใช้เวลาเดินทาง 105 นาที ค่าโดยสาร 2,000 เยน)

สารบัญ (Index)

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดยามานาชิ
    1. เจดีย์ชูเรโตะ (Chureito Pagoda)
    2. ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko)
    3. พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิจิคุ คุโบตะ (Itchiku Kubota Art Museum)
    4. พิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรีคาวากุจิโกะมิวสิคฟอเรสต์ (Kawaguchiko Music Forest)
    5. ถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะ (Narusawa Ice Cave)
    6. ทะเลสาบยามานากะโกะ (Lake Yamanakako)
    7. หมู่บ้านน้ำใส ‘โอชิโนะฮักไก’ (Oshino Hakkai)
    8. ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji)
    9. ศาลเจ้าคิตะกุจิฮงกูฟูจิเซ็นเก็น (Kitaguchi Hongu Fuji Sengen Shrine)
    10. ศาลเจ้าอารายะยามะ (Arayayama Shrine)
อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดยามานาชิ
    1. โฮโตนาเบะ (Hoto Nabe)
    2. แกงกะหรี่เนื้อกวาง (Venison Curry)
    3. โยชิดะอุด้ง (Yoshida Udon)
    4. ฟูจิมาบุชิ (Fuji Mabushi)
    5. องุ่น (Grape)

สถานที่ท่องเที่ยวประจำจังหวัดยามานาชิ

1. เจดีย์ชูเรโตะ (Chureito Pagoda)

ถ้าทุกคนลองเสิร์ชคำว่า ญี่ปุ่น หรือ Japan ในกูเกิล เราเชื่อว่าภาพสถานที่ในรูปด้านบนจะต้องโผล่มาแน่นอน นอกจากนี้โปสเตอร์นำเที่ยวญี่ปุ่น เว็บไซต์ท่องเที่ยวญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งหนังสือแบบเรียนของไทยในส่วนที่เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นก็ใช้ภาพนี้เช่นกัน

แต่ว่าที่นี่คือที่ไหนล่ะ?

สถานที่แห่งนี้ก็คือ เจดีย์ชูเรโตะ (Chureito Pagoda) เป็นเจดีย์ห้าชั้นที่ตั้งอยู่ในเมืองฟูจิโยชิดะ จังหวัดยามานาชิ และอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบคาวากุจิโกะ เจดีย์แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาในพื้นที่ของศาลเจ้าอาราคุระเซนเกน (Arakura Sengen Shrine)

เจดีย์ชูเรโตะสร้างขึ้นในปี 1963 เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงสันติภาพและผู้เสียชีวิตจากผลพวงของสงครามโลกครั้งที่ 2

จุดที่สวยที่สุดของเจดีย์คือจุดที่จะต้องปีนบันไดกว่า 400 ขั้นขึ้นไป อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่วิวสวยมากกกกก ก.ไก่ล้านตัว (ช่วงที่สวยที่สุดคือช่วงพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน)

ข้อมูลเกี่ยวกับเจดีย์ชูเรโตะ (Chureito Pagoda)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ Shimo-Yoshida เดินประมาณ 15 -20 นาทีเพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิว
  • สำหรับการเดินทางไปสถานี Shimo-Yoshida หากเดินทางจากสถานี Shinjuku ให้นั่งรถไฟ JR สาย Chuo Line ไปลงที่สถานี Otsuki (รถไฟด่วนพิเศษ : ใช้เวลาเดินทาง 70 นาที ค่าโดยสาร 2,350 เยน / รถไฟธรรมดา : ใช้เวลาเดินทาง 100 นาที ค่าโดยสาร 1,340 เยน / สามารถใช้ตั๋ว JR PASS หรือ Tokyo Wide Pass ได้) จากนั้นเมื่อถึงสถานี Otsuki แล้ว ให้เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Fujikyu Railway แล้วลงที่สถานี Shimo-Yoshida (ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที ค่าโดยสาร 980 เยน ไม่สามารถใช้ตั๋ว JR PASS ได้ แต่สามารถใช้ตั๋ว Tokyo Wide Passได้)
  • นอกจากนี้ยังมีรถไฟด่วนพิเศษที่วิ่งตรงจากสถานี Shinjuku ไปยังสถานี Shimo-Yoshida ด้วยเช่นกัน (ใช้เวลารวมประมาณ 2 ชั่วโมง ค่าโดยสารประมาณ 4,000 เยน สำหรับผู้ที่ใช้ตั๋ว JR PASS จะต้องจ่ายเงินเพิ่มในช่วงสถานี Otsuki ถึงสถานี Shimo-Yoshida ส่วนตั๋ว Tokyo Wide Pass ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม)
  • นอกจากนี้ เราสามารถเลือกโดยสารรถบัสจากท่ารถบัสของสถานี Shinjuku ได้เช่นกัน ท่ารถจะอยู่ตรงฝั่งทิศใต้ของสถานี (ใช้เวลาเดินทาง 95 นาที ค่าโดยสาร 1,950 เยน) แต่จะต้องเดินจากป้ายรถบัส Chuo dori Shimo-Yoshida (中央道下吉田) ไปที่สถานี Shimo-Yoshida โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ที่อยู่      
  • Chureito Pagoda (忠霊塔, Chūreitō), 3353-1 Arakura, Fujiyoshida-shi, Yamanashi 403-0011
เบอร์ติดต่อ
  • 0555232001
วันและเวลาทำการ
  • เจดีย์ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
  • สำนักงานศาลเจ้า: เปิดทำการทุกวัน เวลา 9:00 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม
  • ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

2. ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko)

ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) ตั้งอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดยามานาชิ เป็น 1 ในทะเลสาบ 5 แห่งที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟฟูจิ และเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในบรรดาทะเลสาบทั้งห้ารอบภูเขาไฟฟูจิ

ทะเลสาบคาวากุจิโกะกำเนิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟฟูจิในอดีต เนื่องจากลาวากระจายตัวออกมาปิดกั้นพื้นที่เดิมซึ่งเป็นแม่น้ำ จนกลายเป็นทะเลสาบดังเช่นทุกวันนี้

คาวากุจิโกะนับว่าเป็นทะเลสาบที่เที่ยวได้ง่ายที่สุดในบรรดาทะเลสาบทั้งหมด

จุดเด่นอย่างแรกก็คือวิวภูเขาไฟฟูจิที่ตัดกับทะเลสาบครับ วิวฟูจิที่นี่จะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง เตรียมกล้องและอุปกรณ์มากันให้พร้อมนะครับ

Bhubase-T / Shutterstock

แน่นอนว่าในเมื่อเป็นทะเลสาบ ยังไงก็ต้องมีเรือชมวิวให้ได้ไปนั่งดูวิวกลางทะเลสาบกันด้วย

LolliLight / Shutterstock

ส่วนท่านที่ชอบชมวิวจากมุมสูง ขอแนะนำ Kawaguchiko Mt. Fuji Panorama Ropeway เป็นกระเช้าขึ้น Mount Tenjo ด้านบนเขานั้นมีจุดชมวิวแบบพาโนราม่าที่อยู่สูงกว่า 1,075 เมตรจากระดับน้ำทะเล และมีการตกแต่งด้วยตัวการ์ตูนจากนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่นเรื่อง กระต่ายล้างแค้น (Kachi Kachi Yama) ซึ่งเกี่ยวกับกระต่ายและทานุกิ โดยนักท่องเที่ยวสามารถชมวิวได้แบบ 360 องศาทั้งทะเลสาบคาวากุจิโกะและภูเขาไฟฟูจิ

ข้อมูลเกี่ยวกับทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ Kawaguchiko เดินประมาณ 10 – 12 นาที
ที่อยู่      
  • Ensoleille Excursion Ship Pleasure Boat Kawaguchiko
    • 4034 Funatsu, Fujikawaguchiko, Minamitsuru District, Yamanashi 401-0301
    • เบอร์ติดต่อ : 0555720029
  • Mt. Fuji Panoramic Ropeway
    • 1163-1 Azagawa, Fujikawaguchiko, Minamitsuru District, Yamanashi 401-0303
    • เบอร์ติดต่อ : 0555720363
วันและเวลาทำการ
  • เรือนำเที่ยวทะเลสาบ : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 9:00 – 16:30 น.
  • Ropeway : เปิดให้บริการทุกวัน ในเวลาดังต่อไปนี้
    • วันธรรมดา : 9:30 – 16:00
    • วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ : 9:30 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
  • ค่าเรือ : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน / เด็ก 500 เยน
  • ค่ากระเช้า ropeway (ไป-กลับ) : 900 เยน
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

3. พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิจิคุ คุโบตะ (Itchiku Kubota Art Museum)

พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิจิคุ คุโบตะ (Itchiku Kubota Art Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานศิลปะของ อิจิคุ คุโบตะ (Itchiku Kubota) ศิลปินชาวญี่ปุ่นผู้ฟื้นฟูศิลปะการย้อมสีผ้าไหมสึจิกาฮานะ ซึ่งเป็นผ้าที่ใช้ในการตกแต่งชุดกิโมโนในช่วงยุคมุโรมาจิ

ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้จัดแสดงกิโมโนในรูปแบบที่สร้างสรรค์ เช่นกิโมโนที่มีลายเป็นรูปภาพธรรมชาติ จักรวาล และฤดูกาลต่างๆ

ส่วนด้านนอกอาคารก็มีสวนสวยๆให้ชม โดยวิวจะสวยเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วง

ที่มา : https://thekubotacollection.com

ข้อมูลพิพิธภัณฑ์ศิลปะอิจิคุ คุโบตะ (Itchiku Kubota Art Museum)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ Kawaguchiko ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Kubota Itchiku Bijutsukan โดยใช้เวลาประมาณ 25 นาที
ที่อยู่      
  • Itchiku Kubota Art Museum, 2255 Kawaguchi, Fujikawaguchiko, Minamitsuru District, Yamanashi 401-0304
เบอร์ติดต่อ
  • 0555768811
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้บริการทุกวัน ในเวลาดังต่อไปนี้
    • เดือนเมษายน – พฤศจิกายน : 9:30 – 17:30 น.
    • เดือนธันวาคม – มีนาคม : 10:00 – 16:30 น.
  • วันปิดทำการ : ปิดทุกวันอังคาร (ยกเว้นในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน) และวันที่ 26 – 29 ธันวาคม
ค่าเข้าชม
  • 1,300 เยน
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

4. พิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรีคาวากุจิโกะมิวสิคฟอเรสต์ (Kawaguchiko Music Forest)

Sean-Pavone / Shutterstock

พิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรีคาวากุจิโกะมิวสิคฟอเรสต์ (Kawaguchiko Music Forest) เป็นพิพิธภัณฑ์รูปแบบธีมพาร์คที่จัดแสดงเครื่องดนตรีคลาสสิคนำเข้าจากยุโรป โดยแต่ละชิ้นมีอายุและประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน

ที่พิเศษสุดก็คือเครื่องดนตรีเหล่านี้สามารถเล่นเองได้อัตโนมัติ โดยเครื่องดนตรีที่เป็นพระเอกของคาวากุจิโกะมิวสิคฟอเรสต์ก็คือ ออร์แกนตัวใหญ่ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1950 โดยนำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศส ออร์แกนตัวนี้จะเล่นเองโดยอัตโนมัติทุกๆ 30 นาที

Tooykrub / Shutterstock

ในส่วนของอาคารสถานที่และสวนจะมีการตกแต่งในธีมยุโรป เหมาะกับการถ่ายรูปโดยมีวิวภูเขาไฟฟูจิเป็นพร๊อพประกอบ

ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรีคาวากุจิโกะมิวสิคฟอเรสต์ (Kawaguchiko Music Forest)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ Kawaguchiko ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Ukai Orugoruno Mori Bijutsukan โดยใช้เวลาประมาณ 25 นาที
ที่อยู่      
  • Kawaguchiko Music Forest Museum, 3077-20 Kawaguchi, Fujikawaguchiko, Minamitsuru District, Yamanashi 401-0304
เบอร์ติดต่อ
  • 0555204111
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10:00 – 17:00 น.
  • หมายเหตุ : มีวันหยุดไม่ประจำบ้างเป็นบางช่วง โปรดตรวจสอบก่อนเดินทางไป
ค่าเข้าชม
  • 1,800 เยน
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

5. ถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะ (Narusawa Ice Cave)

ถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะ (Narusawa Ice Cave) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นถ้ำทรงกระโจมที่เกิดจากลาวา จากการปะทุของภูเขาไฟฟูจิเมื่อช่วงก่อนปี 1150 ภายในถ้ำมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 องศาเซลเซียส

ในวันที่เราได้มาเยือนกันนั้น ภายในถ้ำมีอุณหภูมิเพียง 0 องศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งด้วยความเย็นนี้ แต่เดิมที่นี่จึงเป็นถ้ำที่เกษตรกรผู้เลี้ยงหนอนไหมใช้เป็นห้องเย็นเพื่อประโยชน์ในการเก็บรังไหม (ก่อนที่จะนำไปทอผ้าไหม) เนื่องจากอากาศภายในถ้ำค่อนข้างเย็น

ทั้งนี้เราสามารถชมความงามของน้ำแข็งประดับไฟภายในถ้ำได้

ข้อมูลเกี่ยวกับถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะ (Narusawa Ice Cave)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ Kawaguchiko ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Hyoketsu โดยใช้เวลาประมาณ 25 นาที
ที่อยู่      
  • Narusawa Ice Cave, 8533 Narusawa, Minamitsuru District, Yamanashi 401-0320
เบอร์
  • 0555852301
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10:00 – 16:00 น.
ค่าเข้าชม
  • ผู้ใหญ่ : 350 เยน
  • เด็ก : 200 เยน
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

6. ทะเลสาบยามานากะโกะ (Lake Yamanakako)

IamDoctorEgg / Shutterstock

ทะเลสาบยามานากะโกะ (Lake Yamanakako) มีพื้นที่ 6.57 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาทะเลสาบ 5 แห่งรอบภูเขาไฟฟูจิ และได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองเล็กๆที่มีเรียวกังออนเซ็น โฮมสเตย์ และสถานที่แคมป์ปิ้ง

ที่นี่บรรยากาศจะไม่พลุกพล่านเท่าทะเลสาบคาวากุจิโกะ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการพักผ่อนหย่อนใจ แน่นอนว่าเมื่อเป็นทะเลสาบก็ย่อมต้องมีเรือนำเที่ยว (เป็นเรือทรงหงส์ขาว เพราะทะเลสาบแห่งนี้มีหงส์ขาวอยู่เป็นจำนวนมาก)

แต่ถ้าอยากถ่ายรูปวิวสวยๆแบบหาทำบริหารขากันสักหน่อย ขอแนะนำ Panorama Dai Parking Lot จุดชมวิวนี้ตั้งอยู่ติดกับลานจอดรถตรงทางขึ้นภูเขาทิศตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบ

แต่!! ขอเตือนว่าไม่มีรถบัสนะครับ ต้องเดินเท้าจากป้ายรถเมล์ Mikuniyama Hiking Course Iriguchi ไปประมาณ 30 นาที (วิวมันสวยจริง คุ้มค่าเดิน ถ้าเป็นสายกล้องไม่ควรพลาดครับ)

ทีเด็ดอีกอย่างหนึ่งของทะเลสาบแห่งนี้ก็คือ Diamond Fuji วิวที่พระอาทิตย์ขึ้นตรงกับภูเขาไฟฟูจิพอดี โดยสามารถชมปรากฏการณ์นี้ได้ในช่วงกลางเดือนตุลาคมและต้นเดือนกุมภาพันธ์ (ดูได้จากจุดชมวิว Mama no Mori Observatory แต่ค่อนข้างไกลถ้าจะเดิน แนะนำให้เช่ารถครับ)

ข้อมูลเกี่ยวกับทะเลสาบยามานากะโกะ (Lake Yamanakako)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ Kawaguchiko ให้นั่งรถบัสไปลงที่ป้าย Yamanakako Ashigaoka โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที ตรงนี้จะเป็นจุดที่ใกล้กับท่าเรือชมวิวและจุดเช่าเรือพาย
  • ส่วน Panorama Dai Parking Lot ให้นั่งรถบัสจาก Yamanakako Ashigaoka ไปลงที่ Hiranoyamae แล้วเดินอีกประมาณ 30 -40 นาที
  • สำหรับจุดชมวิว Mama no Mori Observatory ให้เดินจาก Hiranoyamae โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาที (แต่ผู้เขียนขอเตือนว่าอย่าหาทำเลยครับ เช่ารถหรือหาแท็กซี่แทนเถอะ ?)
ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ       
  • Lake Yamanakako (Asahigaoka Bus Terminal)
    • 506-296 Hirano, Yamanakako, Minamitsuru District, Yamanashi 401-0502
    • เบอร์ติดต่อ : 0555632229
  • Panorama Dai Parking Lot
    • 514 Hirano, Yamanakako, Minamitsuru District, Yamanashi 401-0502
  • Mama no Mori Observatory
    • 2645-2 Hirano, Yamanakako, Minamitsuru District, Yamanashi 401-0502
    • เบอร์ติดต่อ : 0555622588
วันและเวลาทำการ
  • เรือชมวิว : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 9:30 – 16:30 น.
  • จุดชมวิวทั้ง 2 จุด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
  • ค่าเรือชมวิว : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน / เด็ก 500 เยน
  • จุดชมวิวทั้ง 2 จุด : ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

7. หมู่บ้านน้ำใส ‘โอชิโนะฮักไก’ (Oshino Hakkai)

หมู่บ้านน้ำใส ‘โอชิโนะฮักไก’ (Oshino Hakkai) เป็นหมู่บ้านและย่านการค้าที่ตั้งอยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ว่ากันว่าแต่เดิมเป็นพื้นที่ของทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปหลายร้อยปีที่ผ่านมา ทะเลสาบเหล่านี้ก็เหือดแห้งไปตามธรรมชาติ

สิ่งที่เหลืออยู่คือบ่อน้ำทั้ง 8 แห่งที่บรรจุน้ำใสสมชื่อหมู่บ้านเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งน้ำใสในบ่อทั้ง 8 แห่งนี้เป็นน้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขาไฟในช่วงฤดูร้อน น้ำจะไหลผ่านหินลาวาที่มีรูพรุนและผสมรวมกับแร่ธาตุต่างๆ ด้วยเหตุนี้น้ำจึงใสแจ๋วอย่างที่เราเห็น

คนญี่ปุ่นมีความเชื่อกันว่าน้ำทั้ง 8 บ่อนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ กล่าวคือถ้าใครได้ดื่มเข้าไปก็จะมีอายุยืนยาว ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเราสามารถวักน้ำจากบ่อขึ้นมาดื่มได้ หรือจะกรอกน้ำใส่ขวดกลับไปก็ได้เช่นกัน

และเนื่องจากหมู่บ้านน้ำใสโอชิโนะฮักไกตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ และอาคารภายในหมู่บ้านเป็นอาคารไม้ทรงโบราณ ที่นี่จึงเป็นจุดที่เหมาะแก่การมาถ่ายรูปกับฟูจิซังมากๆเลยล่ะครับ ถ้าเราเสียเงินเข้าไปดูก็จะได้ถ่ายวิวแบบที่เห็นในภาพด้านบนนี้ครับ

ทั้งนี้ภายในหมู่บ้านจะมีการจัดแสดงสิ่งของโบราณต่างๆด้วย เช่น อุปกรณ์การเกษตร ชุดเกราะ ดาบซามูไร ฯลฯ

ข้อมูลเกี่ยวกับหมู่บ้านน้ำใส ‘โอชิโนะฮักไก’ (Oshino Hakkai)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ Kawaguchiko ให้นั่งรถบัสเส้นที่วิ่งไปทางทะเลสาบยามานากะโกะ (ใช้เวลา 23 นาที) แล้วเดินต่อไปอีก 5 นาที (แนะนำให้ซื้อตั๋ว Mount Fuji World Heritage Loop Bus Pass ซึ่งใช้ได้ 2 วัน ราคา 1,050 เยน)
ที่อยู่      
  • หมู่บ้าน Oshino Hakkai
    • 忍野八海, 1514, Oshino Village, Oshino Village, Minamitsuru-gun, Yamanashi 401-0592
    • เบอร์ติดต่อ : 0555843111
  • พิพิธภัณฑ์ Hannoki Bayashi Shiryokan
    • 298 Shibokusa, Oshino, Minamitsuru District, Yamanashi 401-0511
    • เบอร์ติดต่อ : 0555842587
    • แฟ็กซ์ : 0555842337
วันและเวลาทำการ
  • หมู่บ้าน Oshino Hakkai : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอดเวลา (ส่วนร้านค้าต่างๆเปิดบริการในช่วงเวลาประมาณ 9:00 – 17:00 น.)
  • พิพิธภัณฑ์ Hannoki Bayashi Shiryokan : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9:00 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม
  • หมู่บ้าน Oshino Hakkai : ไม่มีค่าเข้าชม
  • พิพิธภัณฑ์ Hannoki Bayashi Shiryokan : มีค่าเข้าชม 300 เยน
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

8. ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji)

ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีความสูงที่ 3,776 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ด้วยความสวยงามและความสำคัญที่มีต่อธรรมชาติและวัฒนธรรม ภูเขาไฟฟูจิจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมในปี 2013 โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) และจัดว่าเป็นมรดกโลกลำดับที่ 17 ของญี่ปุ่น

ส่วนใหญ่แล้วหลายๆคนคงอยากมาถ่ายรูปวิวฟูจิ แต่ว่าหลังจากนั้นล่ะ? เราจะทำอะไรที่นี่ดี?

กิจกรรมหนึ่งที่สายปีนเขาน่าจะสนใจก็คือการปีนภูเขาไฟฟูจิครับ!

MADSOLAR / Shutterstock

ภูเขาไฟฟูจิเปิดให้ขึ้นไปได้เฉพาะช่วงเดือนกรกฏาคมถึงต้นเดือนกันยายน ซึ่ง Trail ที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุดก็จะเป็น Yoshida Trail โดยในปัจจุบันคนส่วนมากจะเริ่มปีนกันที่ Fuji Subaru Line 5th Station ซึ่งใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมงเพื่อไปถึงยอดเขา

ก่อนปีนเขาเราควรจะต้องเตรียมตัวกันสักหน่อย อันดับแรกเลยคือความฟิตของร่างกาย เราควรออกกำลังกายวอร์มขามาก่อนสัก 1-2 อาทิตย์ เพื่อให้กล้ามเนื้อขาของเราแข็งแรงครับ

ต่อมาที่ต้องเตรียมคืออุปกรณ์ ทั้งรองเท้าปีนเขา กระเป๋าสะพาย เสื้อกันฝน อุปกรณ์กันหนาว ถุงข้อเท้ากันก้อนกรวดเข้ารองเท้า รวมถึงไม้ค้ำปีนเขา และสำหรับการปีนเขาในช่วงเวลากลางคืน เสื้อสะท้อนแสงหรือไฟฉายติดศีรษะก็เป็นสิ่งที่สำคัญ นอกจากนี้เราควรพกออกซิเจนกระป๋องติดตัวไว้ด้วย เพราะยิ่งสูงอากาศก็จะยิ่งเบาบาง

ส่วนอาหารการกินและเครื่องดื่มก็พกติดไว้พอประมาณครับ โดยเฉพาะน้ำ (ข้างบนมีขายอยู่บ้าง แต่แพงงงงงงงง!)

Foodforthoughts / Shutterstock

เรื่องหนึ่งที่ผมขอเตือนก็คือ ถ้าใครเป็นสายกล้องให้เอาอุปกรณ์ไปแต่พอดีนะครับ เพราะการแบกกล้อง เลนส์ หรืออุปกรณ์อื่นๆมากเกินไป มันอันตรายในการปีนเขาครับ

ข้อควรระวังในการปีนเขาคือ ทางเดินที่นี่จะเป็นทางธรรมชาติ ซึ่งมีความชันและมีก้อนกรวดเยอะ แถมยังลมแรงอีก ทางที่ดีก็อย่าวิ่ง อย่าประมาท เพราะอุบัติเหตุแบบตกเขาจนถึงแก่ชีวิตมีทุกปีครับ และอย่าฝืน ถ้าไม่ไหวก็ลงจากเขาเลยดีกว่า โดยเฉพาะในวันที่เราแจ็คพอตเจอพายุฝน

Korkusung / Shutterstock

ไฮไลต์อย่างหนึ่งซึ่งเป็นที่สนใจอย่างมากก็คือการดูพระอาทิตย์ขึ้น ถ้าจะไปดูเราก็ต้องเริ่มปีนเขาช่วงสายๆ แล้วก็ไปพักค้างคืนบนภูเขาเพื่อตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ (ที่พักแคบบบบบมากกกกก แค่พอนอนได้ และคนมหาศาล อย่าลืมจองเด็ดขาดครับ!)

ถ้ากะเวลาเดินขึ้นไม่พลาด เราก็จะได้ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆแบบนี้ ขอให้สายปีนเขาที่สนใจโชคดีนะครับ (ผมได้ไปมาแล้วรอบนึง สวยมากกกก แต่ถามว่าถ้าให้ไปอีกจะไปไหม บอกเลยว่าม่ายยยยยยย เพราะปวดขาขั้นสุดๆๆๆๆอยู่หลายอาทิตย์หลังจากที่ไปปีนมาครับ)

ข้อมูลเกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ Kawaguchiko ให้นั่งรถบัสไปลงที่ Fuji Subaru Line 5th Station โดยใช้เวลา 50 นาที ค่าโดยสาร 1,570 เยน
ที่อยู่      
  • Fuji Subaru Line 5th Station, Narusawa, Minamitsuru District, Yamanashi 401-0320
  • เบอร์ติดต่อ : 0555721111
วันและเวลาทำการ
  • ปีนเขาได้เฉพาะช่วงเดือนกรกฏาคมถึงต้นเดือนกันยายน
ค่าเข้าชม
  • ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

9. ศาลเจ้าคิตะกุจิฮงกูฟูจิเซ็นเก็น (Kitaguchi Hongu Fuji Sengen Shrine)

ศาลเจ้าคิตะกุจิฮงกูฟูจิเซ็นเก็น (Kitaguchi Hongu Fuji Sengen Shrine) เป็นศาลเจ้าเซ็นเก็นสาขาที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของภูเขาไฟฟูจิ และถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพี Konohanasakuya-hime เทพธิดาแห่งซากุระ โดยศาลเจ้าฟูจิซังฮงกูเซ็นเก็นไทฉะ (Fujisan Hongu Sengen Taisha) หรือศาลเจ้าหลักจะตั้งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามภูเขาไฟ ซึ่งอยู่ในเขตเมืองฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya) จังหวัดชิซูโอกะ

Manuel-Ascanio / Shutterstock

ศาลเจ้าคิตะกุจิฮงกูฟูจิเซ็นเก็น เป็นศาลเจ้าที่มีความสวยงามด้วยวิวทิวทัศน์ของต้นสนซีดาร์เรียงรายกันเป็นแนวจากทางเข้าจนถึงตัวอาคารหลัก ในอดีตที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการปีนภูเขาไฟฟูจิ (ปัจจุบันก็ยังมีนักปีนเขาสายโหดที่เริ่มปีนเขาจากจุดนี้) การปีนเขาจากจุดนี้จะใช้เวลาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของเส้นทาง Yoshida Trail ที่เล่าไปก่อนหน้านี้

ที่มา : https://shinto-cocoro.jp

และนี่ก็คือ Konohanasakuya-hime เทพธิดาแห่งซากุระ ซึ่งสาวๆมักจะมาไหว้สักการะขอพรกันในเรื่องความงาม หรือไม่ก็ขอให้เด็กมาเกิด สำหรับผู้ที่มีครรภ์ก็จะขอพรให้คลอดบุตรโดยสะดวกและปลอดภัย ส่วนเรื่องความรักและการหาคู่ เคยได้ยินมาว่าก็พอได้อยู่ครับ

กิมมิคอีกอย่างก็คือ เราควรไหว้สักการะที่ศาลเจ้าแห่งนี้ร่วมกันกับศาลเจ้าที่บูชาเทพ Oyamatsumi เทพภูเขาผู้เป็นบิดา เพราะเทพองค์นี้โด่งดังเรื่องการให้เงินทองโชคลาภครับ

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าคิตะกุจิฮงกูฟูจิเซ็นเก็น (Kitaguchi Hongu Fuji Sengen Shrine)

วิธีเดินทาง
  • จากสถานีรถไฟ Kawaguchiko ให้นั่งรถบัสไปลงที่ Kitaguchi Hongu Fujisengen Jinja-mae โดยใช้เวลา 15 นาที (รถมีรอบวิ่งน้อย อย่าลืมกะเวลากันดีๆด้วยนะครับ)
ที่อยู่      
  • Kitaguchi-hongu Fuji Sengen Shrine, 5558 Kamiyoshida, Fujiyoshida, Yamanashi 403-0005
  • เบอร์ติดต่อ : 0555220221
วันและเวลาทำการ
  • เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม
  • ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

10. ศาลเจ้าอารายะยามะ (Arayayama Shrine)

ที่มา : https://lh3.googleusercontent.com

ศาลเจ้าอารายะยามะ (Arayayama Shrine) เป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาของภูเขาไฟฟูจิ ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงด้านโชคลาภ จนได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 3 สุดยอดศาลเจ้าสายเงินทองของญี่ปุ่น ร่วมกันกับศาลเจ้าคินเค็งงุ (Kinkengu Shrine) ของจังหวัดอิชิกาวะและศาลเจ้าอาวะ (Awa Shrine/Awa Jinja) ของจังหวัดชิบะ

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การมาขอพรสุดๆก็คือในวันที่ 17 ตุลาคมของทุกปี เพราะเป็นวันพิเศษที่ทางศาลเจ้าจัดงานบูชาเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย โดยงานจะเริ่มจัดตั้งแต่เวลา 10:00 น.

ศาลเจ้าแห่งนี้แบ่งออกเป็น 2 โซน โซนแรกคือ Motonomiya หรือโซนหลัก ตรงนี้ความยากในการไปจะอยู่ที่ปานกลางจนถึงค่อนข้างยาก

ที่มา : https://www.shikiclub.co.jp

อีกโซนหนึ่งคือ Okunomiya หรือโซนส่วนลึก ซึ่งว่ากันว่าขลังแบบสุดๆ โซนนี้ระดับความยากในการไปคือโคตรยากกกก เพราะไม่มีรถสาธารณะไปเลยครับ แถมเปิดแค่ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายนเท่านั้น

ที่มา : https://stat.ameba.jp

เทพเจ้าประจำศาลแห่งนี้คือเทพภูเขา Oyamatsumi ผู้เป็นบิดาของเทพธิดาซากุระ Konohanasakuya-hime เราจึงขอแนะนำให้ทุกคนไปสักการะศาลเจ้าศาลเจ้าคิตะกุจิฮงกูฟูจิเซ็นเก็นที่อยู่ไม่ไกลกันด้วย เพื่อให้การขอพรได้ผลดีครับ

ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าอารายะยามะ (Arayayama Shrine)

วิธีเดินทาง
  • โซน Motonomiya : จากสถานีรถไฟ Kawaguchiko นั่งรถบัสไปลงที่ Arayayama Minkan Iriguchi โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที แล้วเดินต่ออีก 8 นาที (รถมีรอบวิ่งน้อย โปรดตรวจสอบและกะเวลาให้ดีนะครับ)
  • โซน Okunomiya : จากสถานีรถไฟ Kawaguchiko ให้นั่งแท็กซี่หรือเช่ารถไปยังโซนนี้ โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที (แต่ค่าแท็กซี่อยู่ที่ประมาณ 10,000 เยน!!!)
ที่อยู่      
  • Arayayama Shrine (Motomomiya)
    • 1230 Araya, Fujiyoshida, Yamanashi 403-0006
    • เบอร์ติดต่อ : 0555240932
  • Arayayama Shrine (Okumiya)
    • Kamiyoshida, Fujiyoshida, Yamanashi 403-0005
    • เบอร์ติดต่อ : 0555240932
วันและเวลาทำการ
  • Arayayama Shrine (MotomoMiya)
    • เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน เวลา 9:00 – 16:00 น.
  • Arayayama Shrine (Okumiya)
    • เปิดให้เข้าสักการะเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น
ค่าเข้าชม
  • ไม่มีค่าเข้าชม
เว็บไซต์
พิกัด

Back To Index

อาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดยามานาชิ

1. โฮโตนาเบะ (Hoto Nabe)

โฮโตนาเบะ (Hoto Nabe) เป็นอาหารประจำท้องถิ่นของจังหวัดยามานาชิ เมนูนี้เป็นหม้อไฟที่ประกอบไปด้วยเส้นสีขาวคล้ายอุด้ง แต่มีลักษณะแบนและกว้างกว่าเส้นอุด้ง เส้นจะถูกนำมาต้มรวมกับผักตามฤดูกาลในน้ำซุปที่ทำจากมิโซะ กลิ่นหอมของน้ำซุปมิโซะอันแสนเข้มข้นนั้นจะเข้ากันอย่างลงตัวกับกลิ่นหอมของผักต้มที่ผสมเส้นแป้งสาลี

เมื่อรับประทานโฮโตนาเบะ เราจะรู้สึกเหมือนทุกส่วนผสมละลายอยู่ในปากเลยทีเดียว

นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว โฮโตนาเบะยังเป็นเมนูหม้อไฟเพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยวิตามินและเส้นใยอาหารจากผักตามฤดูกาลอีกด้วย

  • ร้านแนะนำ : ร้านฝั่งตรงข้ามสถานี Kawaguchiko

Back To Index

2. แกงกะหรี่เนื้อกวาง (Venison Curry)

ที่มา : https://tblg.k-img.com

‘เนื้อกวาง’ ที่ญี่ปุ่นนั้นเรียกว่า Shikaniku หรือ Momijiniku เป็นเนื้อที่มีจุดเด่นคือมีโปรตีนสูงมากแต่ไขมันต่ำ อีกทั้งยังช่วยเสริมธาตุเหล็กได้ดีอีกด้วย ในอดีตคนญี่ปุ่นนิยมกินเนื้อกวางมากพอๆกับที่ชอบกินเนื้อหมูป่า ด้วยความเชื่อที่ว่าเนื้อกวางมีสรรพคุณเหมือนยารักษาโรค (ยกเว้นที่นารา เพราะคนที่นั่นเชื่อกันว่ากวางเป็นสัตว์พาหนะของเทพเจ้า)

และจังหวัดหนึ่งที่โด่งดังเรื่องเนื้อกวางก็คือยามานาชินี่เอง เหตุผลหลักๆคือกวางที่นี่จำนวนมากชอบทำลายพืชผลของเกษตรกร ที่ยามานาชิจึงต้องมีการควบคุมจำนวนกวางครับ

เมนูดังของยามานาชิคือ แกงกะหรี่เนื้อกวาง (Venison Curry) ถ้าใครสนใจอยากชิมเนื้อกวางก็น่าลองนะครับ (สายรักกวางขอให้ผ่านเมนูนี้ไปนะ)

Back To Index

3. โยชิดะอุด้ง (Yoshida Udon)

โยชิดะอุด้ง (Yoshida Udon) เป็นอุด้งที่น้ำซุปปรุงรสด้วยโชยุและมิโซะ เส้นอุด้งชนิดนี้มีความเหนียวนุ่ม และมีวัตถุดิบต่างๆมากมายเป็นทอปปิ้ง ไม่ว่าจะเป็นกะหล่ำปลี แครอท และเต้าหู้ทอด

โดยปกติแล้วอุด้งทั่วไปจะปรุงรสชาติน้ำซุปด้วยความหอมของสาหร่ายคอมบุหรือปลาโอ แต่น้ำซุปของโยชิดะอุด้งจะมีการใช้มิโซะในการปรุงรส ทำให้รสชาติน้ำซุปอุด้งมีความเข้มข้นและกลมกล่อมมากกว่าซุปอุด้งทั่วไป

Back To Index

4. ฟูจิมาบุชิ (Fuji Mabushi)

ที่มา : https://www.porta-y.jp

นี่คืออาหารที่ได้รับการจับตามองเป็นพิเศษในช่วงนี้!

ฟูจิมาบุชิ (Fuji Mabushi) เป็นเมนูอาหารที่ทำจากข้าว ปรุงกับปลาเทราท์ที่จับได้ในทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิ จุดเด่นของเมนูนี้คือมีวิธีกินถึง 3 แบบ ได้แก่

1. กินเลยโดยไม่ต้องปรุง

2. ปรุงด้วยเครื่องเทศนิดหน่อย

3. เทน้ำซุปชาลงไปในข้าวแบบ Ochazuke

เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่สามารถอร่อยได้ถึง  3 วิธีในเมนูเดียว!

 Back To Index

5. องุ่น (Grape)

ยามานาชิเป็นจังหวัดที่ผลิตองุ่นได้มากที่สุดในญี่ปุ่น โดยพันธุ์องุ่นที่โด่งดังที่สุดคือ พันธุ์เคียวโฮ องุ่นพันธุ์นี้เป็นองุ่นลูกใหญ่ รสหวานฉ่ำ ซึ่งนอกจากจะดังในแง่ของผลไม้แล้ว มันยังถูกแปรรูปเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย

ใครได้มาเที่ยวที่ยามานาชิ ห้ามพลาดการได้ลิ้มลององุ่นหรือไวน์ของจังหวัดนี้เลยเชียว!

Back To Index

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top