รวมที่เที่ยว ‘ภูมิภาคชูโกกุ’ เสน่ห์แห่งอารยธรรมท่ามกลางสองน่านน้ำอันยิ่งใหญ่
ก.ย. 07, 2023
บทนำ : ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะฮอนชู ทางทิศเหนือมีพื้นที่ติดกับทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ส่วนทางใต้อยู่ติดกับทะเลในเซโตะ (Seto Inland Sea) ภูมิภาคชูโกกุจึงเป็นดินแดนที่ถูกขนาบด้วยสองน่านน้ำ
ชูโกกุประกอบไปด้วย 5 จังหวัด คือ จังหวัดโอคายามะ (Okayama) จังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) จังหวัดทตโตริ (Tottori) จังหวัดชิมาเนะ (Shimane) และจังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi)
ภูมิภาคชูโกกุ แบ่งพื้นที่ได้เป็น 2 ส่วน ได้แก่ พื้นที่ทางฝั่งทะเลญี่ปุ่น หรือ ซันอิน (San’in) และพื้นที่ทางฝั่งทะเลเซโตะ หรือ ซันโย (Sanyo)

เนินทรายทตโตริ
ทางฝั่ง ซันอิน (San’in) นั้นประกอบไปด้วยจังหวัดทตโตริ จังหวัดชิมาเนะ และตอนเหนือของจังหวัดยามากุจิ พื้นที่ส่วนใหญ่ของฝั่งซันอินจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นทะเล ทิวเขา ออนเซ็น รวมไปถึงเนินทรายตามธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้น ที่อยู่อาศัยของผู้คนท้องถิ่นส่วนใหญ่ก็มักจะแฝงไปด้วยกลิ่นอายความเป็นชนบท ซึ่งเรามักจะเห็นได้จากพื้นที่ทางเกษตรกรรมที่มีอยู่เป็นจำนวนมากและกระจายอยู่ในหลายพื้นที่
เนื่องด้วยฝั่งซันอินอยู่ติดกับทะเลญี่ปุ่น อากาศจึงค่อนข้างหนาวเย็นและมีหิมะตกในฤดูหนาว อีกทั้งยังได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้มีหมอกจัดและเมฆหนาทึบ แต่พอเข้าสู่ฤดูร้อนแล้วก็จะมีสภาพอากาศที่แจ่มใส

สะพานสึโนะชิมะ จังหวัดยามากุจิ
ส่วนฝั่ง ซันโย (Sanyo) นั้นประกอบไปด้วยจังหวัดโอคายามะ ฮิโรชิม่า และทางตอนใต้ของจังหวัดยามากุจิ พื้นที่ฝั่งซันโยซึ่งอยู่ติดกับทะเลเซโตะทำให้บรรยากาศของฝั่งนี้แตกต่างจากฝั่งซันอิน กล่าวคือมีความเป็นเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเจริญและความทันสมัย อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยร่องรอยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เนื่องด้วยภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มชายฝั่งทะเลซึ่งเหมาะแก่การสร้างเมืองท่าเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของฝั่งซันโยจะดูไม่หลากหลายเมื่อเทียบกับฝั่งซันอิน แต่สถานที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยโบราณสถานที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม ศาลเจ้าต่างๆ หรือสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญอย่างโดมปรมาณูที่จังหวัดฮิโรชิม่า
เนื่องด้วยฝั่งซันโยนั้นมีสภาพอากาศแบบอบอุ่นชื้นภาคพื้นสมุทร (cfc) พื้นที่บริเวณนี้จึงมีอากาศอุ่นสบายตลอดทั้งปี แม้ว่าจะมีปริมาณน้ำฝนไม่มาก แต่ก็ไม่มีฤดูแล้ง ดังนั้นภูมิภาคชูโกกุจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบอากาศแบบไม่เย็นและไม่ร้อนจนเกินไปค่ะ
สารบัญ (Index)
- 1. จังหวัดโอคายามะ (Okayama Prefecture)
- 2. จังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima Prefecture)
- 3. จังหวัดทตโตริ (Tottori Prefecture)
- 4. จังหวัดชิมาเนะ (Shimane Prefecture)
- 5. จังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi Prefecture)
1. จังหวัดโอคายามะ (Okayama Prefecture)

เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง
Shawn.ccf / Shutterstock
จังหวัดโอคายามะ (Okayama) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น เมืองหลักซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของจังหวัดนี้คือ เมืองโอคายามะ ส่วนเมืองสำคัญอื่นๆของจังหวัดคือเมืองคุราชิกิ (Kurashiki) เมืองสึยามะ (Tsuyama) เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้น โอคายามะยังเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์และน่าสนใจ เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและโบราณสถานมากมาย อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของนิทานพื้นบ้านชื่อดังของญี่ปุ่นเรื่อง ‘โมโมทาโร่’ ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กชายผู้กล้าหาญที่เกิดมาจากลูกท้อ และในภายหลังได้เดินทางไปปราบยักษ์พร้อมกับสัตว์สหายทั้งสามคือสุนัข ลิง และนก ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นว่าหน้าสถานีรถไฟมีรูปปั้นตัวละครจากโมโมทาโร่ รวมถึงฝาท่อที่หลายๆคนชอบถ่ายรูปด้วยเช่นกัน
เนื่องด้วยโอคายามะเป็นจังหวัดที่มีสภาพอากาศอบอุ่น อุณหภูมิกำลังพอเหมาะ อีกทั้งยังติดทะเล ที่นี่จึงเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยอาหารจานเด็ดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหารทะเลต่างๆหรือซูชิที่ปะหน้าด้วยปลาคุณภาพดี

พาร์เฟ่ต์ผลไม้

ลูกพีชสีขาว
นอกจากนี้โอคายามะยังขึ้นชื่อเรื่องผลไม้มากๆ เพราะอากาศที่ดีทำให้ผลไม้ที่นี่มีรสชาติอร่อยหอมหวาน จนถึงขั้นที่โอคายามะได้ชื่อว่าเป็น ‘ดินแดนแห่งผลไม้’ เลยทีเดียว
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดโอคายามะได้ที่นี่ : รวมข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวใน ‘จังหวัดโอคายามะ’ ฉบับจัดเต็ม!
2. จังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima Prefecture)

เกาะอิทสึคุชิมะ
จังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘เมืองแห่งน้ำ’ เพราะสถานที่แห่งนี้มีแม่น้ำใสสะอาดไหลผ่านด้วยกันถึง 6 สาย!
หากย้อนไปเมื่อปี 1589 ในยุคที่ซามูไรยังรุ่งเรือง ‘โมริ เทรุโมโตะ’ ผู้ปกครองในสมัยนั้นได้สร้างปราสาทฮิโรชิม่าขึ้น ณ บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอตะงาวะ (แต่ที่จริงแล้วปราสาทฮิโรชิม่ายังมีฉายาว่า ‘ริโจ’ หรือ ‘ปราสาทปลาคาร์ป’ อีกด้วย)

จุดชมวิวชิชิอิวะ
ถ้าสังเกตลักษณะของพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำนี้ เราจะเห็นว่าบริเวณดังกล่าวดูคล้ายกับเกาะขนาดใหญ่ ที่นี่จึงมีชื่อเรียกว่า ‘ฮิโรชิม่า’ หรือแปลเป็นไทยตรงๆได้ว่า ‘เกาะกว้าง’ นั่นเอง
สำหรับภาพรวมการปกครองของฮิโรชิม่าในอดีต หรือช่วงเวลาก่อนที่ญี่ปุ่นจะเข้าสู่สมัยเมจิ มีเพียงสามตระกูลเท่านั้นที่มีอำนาจปกครองคือ ตระกูลโมริ ตระกูลฟุกุชิมะ และตระกูลอาซาโนะ

ปราสาทฮิโรชิม่า
เนื่องด้วยการผลัดเปลี่ยนอำนาจและการพัฒนาสถานที่แห่งนี้อย่างสม่ำเสมอ ปราสาทฮิโรชิม่าจึงเป็นหนึ่งในโบราณสถานที่ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร และทรงพลังมากที่สุดในภาคตะวันตกของญี่ปุ่น

โดมระเบิดปรมาณู
แต่พอเข้าสู่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮิโรชิม่าได้ตกเป็นเป้าหมายของการทิ้งระเบิดปรมาณูของอเมริกา และในวันที่ 6 สิงหาคม 1945 ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้ เมื่อกองทัพสหรัฐฯได้ทิ้ง ‘little boy’ ระเบิดปรมาณูลูกแรกลงมา
นอกจากระเบิดลูกนี้จะทำให้ฮิโรชิม่าเกิดไฟไหม้วอดไปทั้งเมืองแล้ว มันยังคร่าชีวิตผู้คนไปถึงแปดหมื่นรายทันทีที่ร่วงลงสู่พื้นดิน หากรวมความเสียหายข้างเคียงจากสารกัมมันตภาพรังสี ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับชาวเมืองราวหนึ่งแสนห้าหมื่นคน หรือบ้านเรือนที่เสียหายไปกว่าสามแสนสี่หมื่นหลัง ก็นับว่าเหตุการณ์นี้เป็นโศกนาฏกรรมอันยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกเลยล่ะ (แม้ว่าเราจะไม่ได้กล่าวถึงที่นางาซากิด้วยก็ตามที)

สวนสันติภาพฮิโรชิม่า
แต่ด้วยความไม่ย่อท้อของชาวเมือง รวมถึงความช่วยเหลือจากทั้งในและนอกประเทศ ฮิโรชิม่าจึงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และกลายเป็นเมืองแห่งสันติภาพอันเป็นนิรันดร์ของมวลมนุษยชาติ
เนื่องด้วยจังหวัดฮิโรชิม่าเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่อยู่ติดทะเล ที่นี่จึงมีอาหารทะเลสดอร่อยมากมาย โดยเฉพาะ ‘หอยนางรม’ ที่คนญี่ปุ่นต่างเล่าลือเป็นเสียงเดียวกันว่าที่ฮิโรชิม่านี่แหละ…เดอะเบสต์!
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดฮิโรชิม่าได้ที่นี่ : สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปโดนสักครั้งใน ‘จังหวัดฮิโรชิม่า’
3. จังหวัดทตโตริ (Tottori Prefecture)

ภูเขาไดเซ็น
จังหวัดทตโตริ (Tottori) เป็นหนึ่งในจังหวัดประจำภูมิภาคชูโกกุที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกาะฮอนชู มีอาณาเขตทางทิศเหนือติดกับทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) และเป็นที่รู้กันดีว่าทตโตรินั้นเป็นที่ตั้งของเนินทรายขนาดใหญ่ อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากของภูมิภาคชูโกกุ นอกจากนี้พื้นที่ประมาณ 14% ของจังหวัดนี้ยังเป็นอุทยานแห่งชาติอีกด้วย

เนินทรายทตโตริ
จังหวัดทตโตรินั้นเรียกได้ว่าครบเครื่องเรื่องแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นภูเขาที่เขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ ทะเลสีครามแสนสวย หรือเนินทรายที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ทุกที่ก็ล้วนน่าไปทั้งสิ้น

ศาลเจ้าฮาคุโตะ
ส่วนแหล่งท่องเที่ยวในเชิงศาสนาและประวัติศาสตร์ของทตโตริก็โด่งดังไม่แพ้ที่อื่นๆเลย เนื่องด้วยในอดีต วัดไดเซ็น (Daisen Temple/Daisen-ji) ซึ่งเป็นพุทธศาสนสถานของนิกายเทนไดที่มีชื่อเสียงอย่างมากนั้นก็ตั้งอยู่ใน ‘จังหวัดทตโตริ’ รวมไปถึงตำนานกระต่ายขาวกับเทพโอคุนินูชิของศาลเจ้าฮาคุโตะ (Hakuto Shrine) ก็มีที่มาจากจังหวัดแห่งนี้

พิพิธภัณฑ์โกโช อาโอยามะ
และที่พิเศษไปกว่านั้น จังหวัดทตโตริยังเป็นบ้านเกิดของอาจารย์ โกโช อาโอยามะ (Gosho Aoyama) นักเขียนการ์ตูนชื่อดังเจ้าของผลงานขึ้นหิ้งในตำนานอย่าง ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน (Detective Conan) อีกด้วย
หากใครเป็นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้ เราขอแนะนำให้คุณมาเที่ยวที่นี่เลย เพราะความฟินจากการตามรอยการ์ตูนนั้นเป็นหนึ่งในความดีงามที่ควรค่าแก่การส่งต่อเป็นอย่างยิ่ง ความพิเศษของพิพิธภัณฑ์โกโช อาโอยามะ (Gosho Aoyoma) นั้นก็นับว่าเป็นเรื่องราวดีๆที่เราอยากให้เพื่อนๆได้ไปสัมผัสกันด้วยตัวเองค่ะ

ปูมัตสึบะ

คานิเมชิ
เมื่อว่ากันด้วยสภาพอากาศท้องถิ่นที่ค่อนข้างอบอุ่น บวกกับสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยภูเขา ป่าไม้ และทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ปัจจัยทุกอย่างที่ประกอบกันเป็นจังหวัดแห่งนี้จึงเป็นตัวการันตีชั้นเยี่ยมเลยว่า ของกินที่นี่จะต้องอร่อยอย่างแน่นอน~!
และเมื่อพูดถึงความอร่อยที่ยืนหนึ่งของจังหวัดทตโตริแล้ว มันก็ต้องเป็น ‘ปู’ นี่แหละจร้า!!
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดทตโตริได้ที่นี่ : รวม 10 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดทตโตริ’ ที่ต้องไปโดนให้ได้สักครั้ง!
4. จังหวัดชิมาเนะ (Shimane Prefecture)

ศาลเจ้าอิซุโมะ
เมื่อเอ่ยชื่อ ‘จังหวัดชิมาเนะ (Shimane)’ เราเชื่อว่าคงมีหลายคนที่แอบรู้สึกคุ้นหู แต่ไม่รู้ว่าจังหวัดนี้อยู่ตรงส่วนไหนของญี่ปุ่น หรือบางคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อจังหวัดนี้มาก่อนเลยก็มี แต่รู้หรือไม่ว่า ‘จังหวัดชิมาเนะ’ นี่แหละที่เปรียบเสมือนเพชรที่ซุกซ่อนอยู่ในวงการสถานที่ท่องเที่ยวของญี่ปุ่น!

เมืองสึวาโนะ
แต่ถ้าจะว่ากันด้วยเรื่องประวัติศาสตร์ในช่วงประมาณสองหรือสามพันปีก่อน ขณะนั้นญี่ปุ่นยังเป็นเพียงแคว้นโบราณของชนเผ่าต่างๆ จังหวัดชิมาเนะเองก็เคยเป็นที่อยู่อาศัยของ ‘เผ่าอิซุโมะ’ หนึ่งในชนเผ่าที่มีอำนาจมากในช่วงนั้น
แต่ท้ายที่สุดแล้วชนเผ่าอิซุโมะก็ยอมศิโรราบให้กับเผ่ายามาโตะ ซึ่งหลักฐานของตำนานหรือประวัติศาสตร์ของเรื่องนี้ก็มีบันทึกไว้อย่างละเอียดในพงศาวดารโบราณของญี่ปุ่นที่เรียกว่า ‘โคจิกิ’ นั่นเอง

ปราสาทมัตสึเอะ
เกียวโตก็เกียวโตเถอะ นครพันปีหรือจะสู้ ‘ชิมาเนะ’ ซึ่งอยู่มาก่อนที่ญี่ปุ่นจะกลายเป็นประเทศญี่ปุ่นเสียอีก!

ศาลเจ้าทามะซึคุริ ออนเซ็น
และเมื่อพูดถึงความเก่าแก่หรือความขลังของจังหวัดชิมาเนะ เราจะขาดการกล่าวถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ไปได้อย่างไร
สำหรับสาวโสดทั้งหลายที่ได้มาเยือนชิมาเนะ อยากบอกว่าคุณมาถูกที่แล้ว! เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ใจดีกับคนโสดที่อยู่ในโหมดอยากมีคู่มากๆ 555 ด้วยเหตุนี้จังหวัดชิมาเนะจึงเป็นสถานที่ขอพรในดวงใจคนที่อยากสละโสดค่ะ

หาดอินาเสะ
นอกจากนี้จังหวัดชิมาเนะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าไปมากมาย และที่สำคัญคือคนน้อยมากกกก ถ้าใครอยากได้รูปโบราณสถานสวยๆแบบไม่ติดนักท่องเที่ยว ชิมาเนะตอบโจทย์คุณได้!

อิซุโมะโซบะ
ถ้าหากพูดถึงของกินขึ้นชื่อของชิมาเนะแล้ว ยังไงก็ต้องยกให้เมนู อิซุโมะโซบะ (Izumo Soba) จานนี้เลย! เรียกได้ว่าเป็นความเด็ดดวงที่ถูกที่ควรมาก

สาเกชิมาเนะ
ยิ่งไปกว่านั้น เมนูเครื่องดื่มอย่าง สาเกชิมาเนะ (Shimane Sake) ก็เป็นของแรงประจำที่นี่ด้วย ความพิเศษของรสชาติสาเกชิมาเนะคือ ‘ความจัดจ้านจนบาดคอ’ ถ้าใครไม่ใช่สายดื่มก็คงต้องยั้งตัวเองนิดนึงนะ เพราะดื่มไปสัก 2-3 ช็อตก็อาจจะร่วงได้เลยล่ะ!
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดชิมาเนะได้ที่นี่ : รวมสถานที่ที่ต้องไปโดนสักครั้งใน ‘จังหวัดชิมาเนะ’
5. จังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi Prefecture)

ทิวทัศน์ของเมืองอิวาคุนิ
แม้ว่าในปัจจุบัน จังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi Prefecture) จะไม่ใช่จังหวัดที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจญี่ปุ่นในแง่ของธุรกิจอุตสาหกรรมดังเช่นโตเกียวหรือโอซาก้า แต่ในแง่ของการท่องเที่ยว จังหวัดนี้ก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ยามากุจินั้นเคยเป็นฐานที่มั่นของตระกูลโมริ หนึ่งในตระกูลซามูไรที่ทรงอำนาจในช่วงยุคเซนโกคุ จนทำให้ยามากุจิถึงกับเคยได้รับฉายานามว่า “เกียวโตแห่งตะวันตก” (西の京都) หรือ “ไซเกียว” (西京) ที่แปลว่าเมืองหลวงตะวันตก ซึ่งตรงข้ามกับคำว่า ‘โตเกียว’ (東京) ที่หมายถึงเมืองหลวงตะวันออก
ด้วยเหตุนี้ จุดท่องเที่ยวหลายแห่งในจังหวัดยามากุจิจึงมีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศญี่ปุ่น

อุทยานแห่งชาติอากิโยชิได

ศาลเจ้าโมโตโนสุมิ อินาริ

เมืองฮากิ
ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากฮิโรชิม่าและฟุกุโอกะ (หากเดินทางโดยรถไฟจะใช้เวลาประมาณ 1-3 ชั่วโมง แล้วแต่จุดหมายปลายทาง) ยามากุจิจึงสามารถจัดรวมเป็นทริปร่วมกับสองจังหวัดนี้ได้ง่ายๆเลย

หม้อไฟปลาปักเป้า
นอกจากนี้ในส่วนของอาหารการกินที่จังหวัดยามากุจินั้น ต้องบอกเลยว่าตัวชูโรงคือ ‘ปลาปักเป้า’ เมนูขึ้นชื่อประจำจังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็นอาหารชั้นสูงและมีราคาแพงนั่นเอง ฟังดูแหวกแนวใช่ไหมล่ะทุกคน
- อ่านบทความเจาะลึกจังหวัดยามากุจิได้ที่นี่ : รวม 11 ที่เที่ยวใน ‘จังหวัดยามากุจิ’ ที่ต้องไปโดนสักครั้ง!
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ
แท็กยอดนิยม
แชร์บทความนี้
Klook.com
บทความแนะนำจังหวัดใน
ภูมิภาค
พื้นที่

จังหวัด ฮอกไกโด

จังหวัด โอกินาว่า

จังหวัด โอคายามะ

จังหวัด ฮิโรชิม่า

จังหวัด ทตโตริ

จังหวัด ชิมาเนะ

จังหวัด ยามากุจิ