fbpx

ชมหนึ่งในสามวิวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นที่ ‘เกาะมิยาจิมะ’

ต.ค. 29, 2020

ชมหนึ่งในสามวิวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นที่ ‘เกาะมิยาจิมะ’

เกาะมิยาจิมะ

เกาะมิยาจิมะ (หรือชื่อทางการคือ เกาะอิทสึคุชิมะ) เป็นเกาะเล็กๆในจังหวัดฮิโรชิม่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาประตูโทริอิขนาดยักษ์ที่พอมองดูแล้วจะรู้สึกราวกับล่องลอยอยู่ในทะเล ที่นี่ได้รับการยอมรับว่าเป็น 1 ใน 3 วิวทิวทัศน์ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ร่วมกันกับอ่าวมัตสึชิมะ จังหวัดมิยากิ (อ่านเรื่องของอ่าวมัตสึชิมะได้ที่นี่ > นั่งเรือชมอ่าวมัตสึชิมะ 1 ใน 3 วิวที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น & เดินเล่นบนเกาะโดยรอบ) และแนวทางเดินข้ามทะเลที่อามาโนะฮาชิดาเตะ จังหวัดเกียวโต

วิธีการเดินทางมาที่นี่คือ เราต้องนั่งเรือข้ามฟากมาที่เกาะครับ (แต่ความจริงญี่ปุ่นมันก็เป็นเกาะอยู่แล้วนี่นา ผมอยู่มานานจนเริ่มลืมไปแล้วว่าญี่ปุ่นเป็นเกาะ)

พอเดินมาจากท่าเรือ เราจะเริ่มเจอแนวต้นสน รถลาก และคนที่มาเที่ยวในชุดกิโมโน

เดินตามทางมาเรื่อยๆจะเจอกับเสาประตูโทริอิ

สวยงามมากจริงๆ (ถ้าไม่มีเมฆจะยิ่งดีกว่านี้)

เจ้าถิ่นของเกาะนี้คือน้องกวางนั่นเอง แต่ไม่ต้องกลัวนะครับ กวางที่นี่ไม่ดุเท่ากวางแถวนารา

ให้ความร่วมมือในการเข้าเฟรมดีซะด้วย

มันต้องแบบเนร้! น้องเชื่องมาก ไม่ดื้อแบบกวางที่นารา (ความแค้นส่วนตัวจากการโดนกวางที่นาราขวิดครับ 555)

ช่วงที่ผมไปอยู่ในช่วงซากุระบานพอดี

ซากุระที่นี่จะมีพันธุ์ดอกชมพูเยอะอยู่เมื่อเทียบกับในเมืองฮิโรชิม่า

ตรงนี้ถ้าเดินมาตามทางเรื่อยๆ เราจะเจอกับทางขึ้นเขาด้วยกระเช้าครับ

ภูเขาลูกนี้มีชื่อว่าภูเขามิเซน เป็นภูเขาสูง 500 เมตร

แผนที่ทางเดินบนภูเขา

อันนี้จุดชมวิวบนภูเขา จากจุดนี้เราจะมองเห็นวิวของทะเลเซโตะอุจิโดยรอบ

คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าภูเขามิเซนเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของหลวงพ่อโคโบไดชิ พระผู้ก่อตั้งศาสนาพุทธนิกายชินกอน บริเวณภูเขาจึงเต็มไปด้วยวัดและสถานที่ปฏิบัติธรรมครับ ผมจะพาไปชมอาคารเด่นๆของวัดกัน

‘มิเซนฮอนโด’ เป็นอาคารที่หลวงพ่อโคโบไดชิใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมหลังกลับมาจากจีนเป็นเวลา 100 วัน โดยข้างในเป็นที่เก็บระฆังมุเนโมริที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติ

ส่วนอาคารนี้คือ ‘เรคันโด’ อาคารนี้ใช้เก็บไฟที่หลวงพ่อโคโบไดชิได้เคยจุดไว้เมื่อประมาณ 1,200 ปีก่อน ซึ่งว่ากันว่าไฟนี้ไม่เคยมอดดับลง อีกทั้งยังเป็นไฟลูกเดียวกับที่ใช้ในสวนสันติภาพฮิโรชิม่าอีกด้วย

จุดชมวิวอีกแห่งหนึ่งบนภูเขา

กลับลงมาข้างล่างกันอีกรอบ ก็ยังคงมีดอกซากุระบานสะพรั่งละลานตา

จุดที่ผมว่าสวยที่สุดน่าจะเป็นละแวกนี้ ซึ่งเราต้องเดินผ่านย่านการค้าที่อยู่เยื้องขวาของศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ (จะย้อนกลับไปดูตรงนั้นอีกรอบ)

ในบริเวณเดียวกันนี้ เราสามารถถ่ายรูปซากุระกับเสาประตูโทริอิได้

ที่มา : https://www.japan-guide.com/e/e3450.html

ความจริงแล้วเสาประตูแดงเป็นของศาลเจ้าประจำเกาะ นั่นคือศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่อสักการะเทพธิดาแห่งการประมงและความปลอดภัยในการเดินเรือ 3 องค์ของเกาะมิยาจิมะ คือเทพีอิจิคิชิมะฮิเมะ ทาโกริฮิเมะ และทากิสึฮิเมะ

ที่มา : http://xn--dvd-ib5hp39g.jp/postcard/%e5%ae%97%e5%83%8f%e4%b8%89%e5%a5%b3%e7%a5%9e/

ว่าแต่เทพธิดา 3 องค์นี้มีที่มาที่ไปยังไงกันนะ?

เรื่องเกิดจากการท้ากันระหว่างสุริยเทวีอามาเทราสึและเทพพายุสุซาโนโอะ เทพีทั้งสองได้ดวลกันว่าใครจะสร้างเทพได้มากกว่ากันจากสิ่งของของอีกฝ่าย อามาเทราสึเอาดาบของสุซาโนโอะมาเสกออกมาเป็นเทพธิดา 3 องค์นี้ ส่วนสุซาโนโอะเอาสร้อยคอของอาเทราสึมาเสกเป็นเทพ 5 องค์ (ตามตำนานบอกว่าอามาเทราสึยอมรับว่าสุซาโนโอะชนะในการดวลครั้งนี้ แต่สุซาโนโอะเป็นผู้ชนะที่พาล อาละวาดทำลายไร่นา ฯลฯ จนอามาเทราสึโมโห ก็เลยหนีไปอยู่ในถ้ำ ซึ่งทำให้โลกมืดมิดเพราะอามาเทราสึเป็นเทพีแห่งดวงอาทิตย์ จนผู้คนเดือดร้อนกันไปทั่วเพราะโลกไร้แสง)

เทพธิดาทั้ง 3 องค์นี้ กล่าวกันว่าเป็นเทพธิดาที่ศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องของความปลอดภัยในการเดินทาง ศิลปะการดนตรี และการค้าขาย ฉะนั้นใครที่สนใจเสริมดวงในเรื่องเหล่านี้ก็ลองไปไหว้ขอพรกันได้เลยครับ

ที่มา : https://seiga.nicovideo.jp/seiga/im5745045

ฟังแบบนี้แล้วคนโสดทั้งหลายอาจจะบ่นว่า โธ่! อะไรกันเนี่ย ที่นี่ไม่มีเรื่องความรักเหรอ?

คือจริงๆแล้วนอกจากเทพธิดา 3 องค์ข้างต้น ที่นี่ก็นับว่าเป็นศาลเจ้าสายเทพเบนไซเตน และใหญ่เทียบเท่ากับศาลเจ้าเอโนชิมะของเมืองคามาคุระเลยครับ (สามารถอ่านเรื่องของศาลเจ้าเอโนชิมะได้ที่นี่ > สักการะเทพเบนไซเตนและชมไฟสวยๆที่เอโนชิมะ) ซึ่งเทพเบนไซเตนจะให้โชคเรื่องความรักและการเงิน เพราะงั้นคนโสดสบายใจได้ครับ (แต่ถ้าอยากเสริมดวงด้านความรักแบบสุดๆก็คงต้องไปที่ศาลเจ้าอิซุโมะล่ะนะ รายละเอียดอ่านได้ในบทความนี้เลยครับ > ได้เวลาลงจากคาน บอกลาความนก! เมื่อเทพเจ้ามาช่วยหาเนื้อคู่ให้ที่ ‘ศาลเจ้าอิซุโมะ’ ศาลเจ้าสุดปังด้านความรักความสัมพันธ์)

กลับมาที่ประตูโทริอิกันต่อ ช่วงที่น้ำลงแบบนี้เราสามารถเดินไปถ่ายรูปใกล้ๆได้นะ

ช่วงกลางคืนก็สวยเหมือนกันครับ เขาเปิดไฟให้ด้วยล่ะ

*หมายเหตุ : ช่วงที่ผมเขียนบทความนี้เสาประตูโทริอิปิดซ่อมอยู่นะครับ น่าจะซ่อมเสร็จช่วงปลายปี 2020 หรือไม่ก็ต้นปี 2021 ครับ)

ขอปิดท้ายด้วยหนึ่งในของกินขึ้นชื่อของเกาะมิยาจิมะ นั่นก็คือปลาไหลทะเล ถ้าไปมิยาจิมะแล้วต้องลองนะครับ

ข้อมูลเกี่ยวกับเกาะมิยาจิมะ

ที่อยู่

Miyajima – Itsukushima Shrine
1-1 Miyajima-cho, Hatsukaichi, Hiroshima 739-0588

โทร

0829-44-2020

แฟ็กซ์

0829-44-0517

วันและเวลาทำการ

เปิดให้สักการะทุกวัน โดยแต่ละช่วงของปีจะกำหนดเวลาเปิดทำการดังนี้

  • เดือนมีนาคม – 14 ตุลาคม เปิดให้เข้าชมเวลา 6.30 – 18.00 น.
  • เดือนมกราคม – เดือนกุมภาพันธ์ และ 15 ตุลาคม – เดือนพฤศจิกายน เปิดให้เข้าชมเวลา 6.30 – 17.30 น.
  • เดือนธันวาคม เปิดให้เข้าชมเวลา 6.30 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม

ค่าเข้าชม 300 เยน หรือถ้ารวมค่าเข้าหอสมบัติด้วยจะเป็น 500 เยนครับ

การเดินทาง

จากท่าเรือ Miyajima เดินจากท่าเรือไปจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที

โดยการเดินทางมายังท่าเรือ Miyajima นั้น หากเดินทางจากสถานีรถไฟ Hiroshima จะมีทางเลือกระหว่าง

  • นั่งรถไฟ JR จากสถานี Hiroshima ไปที่สถานี Miyajimaguchi ใช้เวลา 25 นาที ค่าโดยสาร 420 เยน (ใช้ JR Pass ได้)
  • นั่งรถรางจากสถานี Hiroshima ไปที่สถานี Miyajimaguchi ใช้เวลา 40 นาที ค่าโดยสาร 270 เยน (มีตั๋วรถราง day pass 600 เยนที่ใช้ร่วมกับการเที่ยวสถานที่ต่างๆในเมืองฮิโรชิม่า ใช้ขึ้นเรือข้ามฟากไปกลับเกาะมิยาจิม่า และใช้เป็นส่วนลดค่ากระเช้าขึ้นจุดชมวิวได้)

สำหรับเรือข้ามฟากจะมี 2 เจ้า คือเรือของ JR และ Matsudai ทั้ง 2 เจ้ามีค่าโดยสาร 180 เยนและใช้เวลานั่งเรือ 10 นาที โดยเรือของ JR สามารถใช้ JR Pass ได้

เว็บไซต์

http://www.en.itsukushimajinja.jp/index.html