fbpx

ตะลุย “เที่ยวชูบุด้วยรถเช่า” สะดวกง่าย เที่ยวได้อันลิมิต!

มี.ค. 04, 2022

ตะลุย “เที่ยวชูบุด้วยรถเช่า” สะดวกง่าย เที่ยวได้อันลิมิต!

เที่ยวชูบุ

สวัสดีค่ะทุกคน!

วันนี้เราจะมารีวิวทริปท่องเที่ยวญี่ปุ่นในภูมิภาคชูบุกันนะคะ

หากพูดถึงทริปท่องเที่ยวญี่ปุ่น หลายๆคนก็คงคิดถึงภาพการเดินทางด้วยรถไฟ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ค่ะ เพราะว่าเราจะพาทุกคนไปเที่ยวชูบุด้วยรถเช่ากันค่า!

เมื่อพูดถึงภูมิภาคชูบุ คนไทยอย่างเราอาจยังนึกภาพไม่ค่อยออกว่าโซนนี้มีอะไรบ้าง ครั้งนี้เราจึงมาแนะนำเมืองนาโกย่ากับเมืองโอคาซากิ จังหวัดไอจิ, เมืองฮามามัตสึ จังหวัดชิซูโอกะ และจังหวัดมิเอะ เพราะพื้นที่เหล่านี้มีสถานที่ท่องเที่ยวดีๆอยู่มากมาย เลยอยากให้ทุกคนได้ลองอ่านกันจนจบค่า

แล้วทำไมต้องเที่ยวชูบุด้วยรถเช่าด้วยล่ะ? เราคิดว่าหลายๆคนคงนึกสงสัยขึ้นมา ซึ่งต้องขอบอกเลยค่ะว่าการเช่ารถเที่ยวนี่แหละที่จะทำให้ทริปนี้สนุกมากขึ้นเป็นกอง! เพราะในเมื่อมีรถเช่าแล้วเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆค่ะ

หากใช้บริการ Central Nippon Expressway Pass จะสามารถท่องเที่ยวในภูมิภาคชูบุได้อย่างหนำใจ

ครั้งนี้เราจะมาแนะนำตัวอย่างคอร์ส “เที่ยวชูบุด้วยรถเช่า” 5 วัน 4 คืนกันนะคะ

สารบัญ

วันที่ 1 : ตะลุย “เที่ยวชูบุด้วยรถเช่า”

สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ (Nagoya Chubu Centrair Airport)

เทอมินอล 1

หากใครจะมาเยือนภูมิภาคชูบุ เราขอแนะนำให้เริ่มต้นการท่องเที่ยวตั้งแต่มาถึง “สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์” เลยค่ะ เพราะสนามบินแห่งนี้มีไฮไลต์อยู่ที่ชั้น 4 นั่นคือจุดชมวิวที่ชื่อว่า Sky Deck ซึ่งทุกคนสามารถมองเห็นเครื่องบินได้จากตรงนี้ค่ะ

สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ เป็นสนามบินที่มีบรรยากาศสวยงาม ทันสมัย แถมยังมีชั้นช้อปปิ้งที่ให้ฟีลลิ่งเหมือนอยู่ยุโรปอีกด้วยค่ะ

ส่วนร้านอาหารที่เราอยากให้ทุกคนได้ลองทานดูสักครั้ง ก็คงเป็นที่ “Sekai no Yamachan” ค่ะ ร้านนี้เป็นร้านชื่อดังที่มีเมนูจานเด็ดอย่างปีกไก่ทอด ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูระดับ B คิวกูร์เมต์ อันเป็นดั่งตัวแทนของเมืองนาโกย่าเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งร้านที่ควรค่าแก่การแวะไปทานมากๆ เพราะตัวร้านเองก็ตั้งอยู่ในชั้น 4 ของสนามบินเหมือนกันค่ะ

นอกจากนี้ในชั้นเดียวกันยังมีร้านกาแฟ Starbucks และคาเฟ่แนวญี่ปุ่นอยู่ด้วยค่ะ อีกทั้งยังมีร้านค้าปลอดภาษีที่นำเหล้าจากทั่วญี่ปุ่นมาให้เลือกซื้อกันด้วยนะ

เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ขากลับลองเดินทางมาที่สนามบินตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วพักผ่อนชิลล์ๆกันให้เต็มอิ่มก่อนเดินทางกลับดีไหมล่ะคะ

FLIGHT OF DREAMS

ก่อนถึง Terminal 2 ของสนามบิน จะมีอาคารชื่อว่า “FLIGHT OF DREAMS” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่เราอยากแนะนำให้แวะไปค่ะ

อาคารแห่งนี้มีอีเวนต์ที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถเพลิดเพลินได้ เช่น งานจัดแสดงเครื่องบินโบอิ้ง 787 ลำแรก หรือกิจกรรมจำลองการบิน โดยเราสามารถลองขับเครื่องบินได้ที่นี่ค่ะ

โดยธีมของอีเวนต์ก็คือ “เมืองซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา” ซึ่งเป็นเมืองต้นกำเนิดของเครื่องบินโบอิ้งนั่นเอง

นอกจากนี้ ภายในงานเรายังสามารถอิ่มอร่อยกับ “ฟิชแอนด์ชิปส์” ซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อของเมืองซีแอตเทิลได้อีกด้วย

เมื่อเดินทางออกจากสนามบินแล้ว หากจะไปยังเมืองโอคาซากิ เราขอแนะนำให้ใช้ทางด่วนค่ะ

  • ทางขึ้น IC:Centrair Higashi IC
  • ทางลง IC:Okazaki IC

เมืองโอคาซากิ จังหวัดไอจิ

เมืองโอคาซากิ เป็นที่ตั้งของปราสาทโอคาซากิ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะบ้านเกิดของโชกุน “โทคุกาวะ อิเอยาสึ” โดยโชกุนท่านนี้เกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 1542 (ตามปฏิทินจันทรคติ)

ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้เอง ภายในเมืองโอคาซากิจึงมีร่องรอยและหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการปกครองของตระกูลโทคุกาวะหลงเหลืออยู่ รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นพาวเวอร์สปอตอีกมากมาย

ทัวร์ชมโรงงานมิโซะ ‘คะคุเคียว’ (Kakukyu Hatcho Miso Storehouse)

โรงงานมิโซะคะคุเคียว เป็นโรงงานทำมิโซะที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ในอดีตมิโซะของที่นี่ถูกใช้เป็นเครื่องปรุงพระกระยาหารถวายแด่จักรพรรดิ

สูตรมิโซะของโรงงานคะคุเคียวมีความพิเศษคือ เป็นสูตรเก่าแก่ซึ่งมีประวัติความเป็นมาอันยาวนานกว่า 370 ปี มิโซะที่นี่จึงคงรสชาติดั้งเดิมจากสมัยเอโดะเอาไว้ได้ไม่มีเปลี่ยน

มิโซะนั้นมีหลากหลายประเภท แต่มิโซะของโอคาซากินั้นเรียกว่า “ฮัทโจมิโซะ” (Hatcho Miso) เนื่องจากสมัยก่อนที่ดินตรงนี้เคยเป็นหมู่บ้านฮัทโจค่ะ

สำหรับการทำฮัทโจมิโซะนั้น ทางโรงงานจะคัดสรรเฉพาะถั่วเหลืองและเกลือใส่ลงในอ่างไม้ขนาดใหญ่ จากนั้นนำหินจำนวนมากมาวางทับ แล้วหมักทิ้งไว้นานกว่า 2 ปี ด้วยกรรมวิธีแบบนี้ ฮัทโจมิโซะจึงมีรสชาติและกลิ่นหอมที่เข้มข้นโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ค่ะ

นอกจากนี้ ในพื้นที่ของโรงงานมิโซะคะคุเคียวก็ยังมีอาคารที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติด้วย โดยเราสามารถชมตัวโรงงานและถ่ายรูปได้ค่ะ ส่วนใครที่สนใจประวัติศาสตร์ ที่นี่ก็มีการจัดทัวร์สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากรู้เรื่องราวของมิโซะกับโรงงานโดยละเอียดด้วยนะคะ

หลังจากการทัวร์จบลงแล้ว ขอแนะนำให้ทุกคนลองทานมื้อกลางวันของที่นี่กันด้วยค่ะ

ปราสาทโอคาซากิและสวนโอคาซากิ

ปราสาทโอคาซากิ ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ปราสาทที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 2006

ภายในปราสาทมีพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของปราสาทแห่งนี้ โดยแต่ละชั้นจะถูกตกแต่งตามหัวข้อที่แตกต่างกัน

เช่น หัวข้อของชั้น 2 คือ “การบริหารและการปกครองแคว้น” ชั้น 3 คือ “วัฒนธรรมและอุตสาหกรรมในเมืองนอกเขตปราสาท” และชั้น 4 คือ “ปราสาทกับเจ้าของปราสาท”

นอกจากนี้ เราสามารถชมวิวเมืองโอคาซากิอันงดงามได้จากชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดและเป็นจุดชมวิวของปราสาทแห่งนี้ค่ะ

สำหรับสวนโอคาซากิที่อยู่ใกล้กับปราสาทนั้น เป็นสวนที่ถูกเลือกให้เป็น “1 ใน 100 สถานที่ชมซากุระของญี่ปุ่น” สวนแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวมากมายมาเยี่ยมเยือนเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิของทุกปี เพราะจะมีการจัดงานเทศกาลชมซากุระในช่วงเวลาดังกล่าวนั่นเอง

ร้านอาหารแนะนำสำหรับมื้อเที่ยง

ร้านอุด้งเก่าแก่ไทโชอัน คามะฮารุ (Taishoan Kamaharu Honten)

Taishoan Kamaharu Honten เป็นร้านอุด้งที่เปิดมานานกว่า 100 ปี ปัจจุบันบริหารโดยเจ้าของร้านรุ่นที่ 5 เมนูพิเศษของร้านนี้คือ “คามะอาเกะอุด้ง (Kamaage Udon)” หรืออุด้งสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นโดยเจ้าของร้านรุ่นที่ 3 และ 4 ซึ่งปัจจุบันทางร้านก็ยังคงสูตรดั้งเดิมเอาไว้

เราสามารถเลือกอุด้งได้ 2 แบบ ทั้งแบบเส้นหนาและเส้นปกติ

ร้าน Taishoan Kamaharu มีเมนูอุด้งให้เลือกมากกว่า 50 เมนู เป็นร้านที่ยอดเยี่ยมมากๆเลยค่ะ

เมนูแนะนำของร้านนี้คือ “มิโซะนิโคมิอุด้ง (Misonikomi Udon)” หรืออุด้งตุ๋นมิโซะ เป็นเมนูอุด้งที่ใช้มิโซะชื่อดังของเมืองโอคาซากิอย่าง “ฮัทโจมิโซะ” เป็นส่วนผสม

ความน่ารักอีกอย่างหนึ่งของร้านนี้คือเจ้าของร้านต้อนรับชาวต่างชาติเป็นอย่างดี รวมถึงคนไทยด้วย เราเองก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นกันค่ะ

ร้านขนม Izumiya

Izumiya เป็นร้านขนมญี่ปุ่นของเมืองโอคาซากิที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นเวลานานของเจ้าของร้าน ขนมร้านนี้จึงมีรสชาติอร่อยเลิศ และยังมีขนมญี่ปุ่นที่หาทานได้เฉพาะฤดูกาลให้เลือกทานอีกด้วย

แต่ขนมที่เป็นที่นิยมมากที่สุดก็คือ “มิตาราชิดังโกะ” ถ้ามีโอกาสแวะไปโอคาซากิ ต้องลองไปชิมให้ได้นะคะ

สวนคาโกดะ (Kagoda Park)

สวนคาโกดะ เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ภายในเมืองโอคาซากิ สวนแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่พักผ่อนสำหรับผู้คนในละแวกนั้น แต่ยังเป็นพื้นที่จัดงานอีเวนต์มากมายด้วยค่ะ

และเนื่องจากมีทั้งเครื่องเล่นสนามกลางแจ้งและน้ำพุ สวนแห่งนี้จึงเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากของครอบครัวที่มีเด็กมาด้วยค่ะ

เราขอแนะนำให้ทุกคนลองซื้ออาหารกล่องมาลองนั่งทานชิลล์ๆในสวนกันดูนะคะ

แนะนำที่พักสำหรับวันที่ 1

Grand Inn Higashi-Okazaki

หากกำลังมองหาที่พักในเมืองโอคาซากิ เราขอแนะนำโรงแรม “Grand Inn Higashi-Okazaki” ค่ะ โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีบรรยากาศภายนอกที่เงียบสงบ และมีห้องพักให้เลือกหลากหลายประเภท

ห้องพักที่เราอยากจะแนะนำก็คือ “ห้องพักวิวแม่น้ำ” ซึ่งสามารถเปิดระเบียงออกไปเพื่อชมวิวแม่น้ำได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนและสัมผัสบรรยากาศที่เหมือนรีสอร์ตค่ะ

Back To Index

วันที่ 2 : ตะลุย “เที่ยวชูบุด้วยรถเช่า”

โอคุโทโนะ จินยะ (Okutono Jinya)

บ้านซามูไร “โอคุโทโนะ จินยะ” เป็นสถานที่อันเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเก่าแก่ของแคว้นโอคุโทโนะ

ภายในพื้นที่แห่งนี้มีสวนดอกไม้ “Hanazonoen” ซึ่งทุกคนสามารถชมดอกไม้นานาพรรณที่บานสะพรั่งตามฤดูกาลได้ ไม่ว่าจะเป็นดอกซากุระ, กุหลาบ, ไฮเดรนเยีย และเมเปิล

นอกจากนี้ ที่โอคุโทโนะ จินยะก็ยังมีอาหารพื้นเมืองและชาเขียวมัทฉะให้เราได้นั่งกินดื่มกันเพลินๆด้วย

ช่วงเวลาที่อยากแนะนำให้มาเที่ยวกันก็คือฤดูใบไม้ร่วงค่ะ เราขออวยเลยว่าต้นเมเปิลสีส้มแดงทำให้สวนแบบญี่ปุ่นของที่นี่ดูสวยงามสุดๆ

หากต้องการเดินทางจากเมืองโอคาซากิไปยังเมืองฮามามัตสึ ขอแนะนำให้ใช้ทางหลวงดังต่อไปนี้

  • ทางขึ้น IC : Toyota Higashi IC
  • ทางลง IC : Hamamatsu Nishi IC

เมืองฮามามัตสึ

เมืองฮามามัตสึ ตั้งอยู่ในจังหวัดชิซูโอกะ และเป็นเมืองที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีรถไฟชินคันเซ็นวิ่งผ่านอีกด้วย นอกจากนี้ เมืองฮามามัตสึยังมีชื่อเสียงในฐานะ “เมืองแห่งเครื่องดนตรี” โดยสำนักงานใหญ่ของบริษัทผลิตเครื่องดนตรีชื่อดังอย่างยามาฮ่า คาวาอิ และโรแลนด์ก็ตั้งอยู่ในเมืองนี้ด้วยค่ะ

จุดพักรถ EXPASA Hamanako

ถ้าพูดถึงจุดพักรถวิวสวยๆแถวทะเลสาบฮามานะก็ต้องที่นี่เลย! EXPASA Hamanako

จุดพักรถแห่งนี้มีพาวเวอร์สปอตด้านความรัก “Lover’s Sanctuary; Heart Lock” ที่เชื่อกันว่าจะช่วยให้ความรักสมหวัง หรือทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รักยั่งยืน

เราจะเห็นกุญแจรูปหัวใจจำนวนนับไม่ถ้วนถูกแขวนไว้บนรั้วที่มองผ่านออกไปเห็นทะเลสาบฮามานะ เพราะคู่รักมากมายจะมาซื้อกุญแจรูปหัวใจเพื่อนำไปสาบานรัก จากนั้นก็จะแขวนกุญแจไว้บนรั้วค่ะ

หรือถ้าใครมีคนที่ชอบอยู่ ก็มาขอพรที่นี่ได้เช่นกันนะ

นอกจากนี้ ถ้าจะซื้อของฝากอย่าง “ขนมพายปลาไหล” หรือ “ฮามามัตสึเกี๊ยวซ่า” เราก็แนะนำจุดพักรถแห่งนี้เลยค่ะ เพราะว่าของฝากขึ้นชื่อของจังหวัดชิซูโอกะส่วนใหญ่สามารถซื้อได้จากที่นี่เลย

นอกจากหาของฝากแล้ว หลายๆคนก็มาที่นี่เพราะมีร้านอาหารที่สามารถทานเกี๊ยวซ่าและปลาไหลได้ แถมยังมีผลไม้สดใหม่ขายด้วย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการแวะซื้อของก่อนเดินทางกลับ

หากกำลังมองหาจุดแวะพักดีๆระหว่างเดินทางด้วยรถยนต์ อย่าลืมใส่จุดพักรถ EXPASA Hamanako ไว้ในเส้นทางด้วยนะคะ

วัดเรียวทันจิ (Ryotanji)

วัดเรียวทันจิ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 733 ปี วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระประธานเก่าแก่ ทำให้ผู้ที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาต่างพากันมาสักการะที่วัดแห่งนี้

วัดเรียวทันจินั้นสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือและนักชงชาแห่งยุคเอโดะอย่าง ‘โคโบริ เอ็นชู’ ผู้เป็นเจ้าของผลงานการก่อสร้างชื่อดังอย่างปราสาทนิโจ จังหวัดเกียวโต

สวนแบบญี่ปุ่นของวัดเรียวทันจินั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น

ในช่วงกลางคืนของฤดูใบไม้ร่วง ภายในสวนจะมีการเปิดไฟไลท์อัพเพื่อเพิ่มความงดงามด้วย

โรงงานผลิตขนมพายปลาไหล

“ขนมพายปลาไหล” หรือ “ขนมอุนางิพาย” มีต้นกำเนิดอยู่ที่เมืองฮามามัตสึ ซึ่งโรงงานผลิตขนมพายปลาไหลนั้นสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2005 เพื่อผลิตขนมขึ้นชื่อของจังหวัดชิซูโอกะ

โรงงานแห่งนี้สามารถเข้าเยี่ยมชมข้างในได้แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยภายในโรงงานจะมีวิดีทัศน์เกี่ยวกับกระบวนการผลิตให้ชมกันด้วย โรงงานแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนแวะเวียนเข้ามากันเป็นจำนวนมาก ในปี ค.ศ. 2017 มีผู้เข้าชมโรงงานแห่งนี้กว่า 7 แสนคนในหนึ่งปีเลยทีเดียวค่ะ

นอกจากนี้ ที่นี่ก็ยังมีร้านขายของฝากซึ่งจำหน่ายสินค้ามากมายที่หาซื้อจากที่อื่นไม่ได้ อย่างไรก็ดี ก่อนกลับอย่าลืมแวะไปทานพาเฟ่ต์พายปลาไหลกันด้วยนะคะ

แนะนำที่พักสำหรับวันที่ 2

Hotel Concorde Hamamatsu

Hotel Concorde Hamamatsu เป็นโรงแรมทำเลทองซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ JR Hamamatsu เพียง 5 นาที (โดยรถยนต์) และตั้งอยู่ใกล้บริเวณใจกลางเมือง โดยใช้เวลาเดินเพียงประมาณ 5 นาทีจากปราสาทฮามามัตสึค่ะ

ที่นี่มีห้องพักให้เลือกหลายประเภท (มีทั้งห้องเดี่ยวและห้องสามคน) ซึ่งสามารถรองรับลูกค้าได้ทุกกลุ่มเลยค่ะ แถมหลายๆห้องยังมีหน้าต่างที่มองออกไปเห็นปราสาทฮามามัตสึได้อีกด้วยนะคะ

นอกจากนี้ทางโรงแรมยังมีห้องจัดเลี้ยงและห้องประชุมขนาดเล็ก-ใหญ่ รวมเป็นจำนวนกว่า 19 ห้อง ซึ่งสามารถรองรับแขกได้เป็นจำนวนมาก และที่ชั้น 1 ก็มีร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ที่เราสามารถเลือกทานได้ทั้งอาหารญี่ปุ่นและอาหารตะวันตกด้วยค่ะ

Back To Index

วันที่ 3 : ตะลุย “เที่ยวชูบุด้วยรถเช่า”

ปราสาทฮามามัตสึ

ปราสาทฮามามัตสึเป็นปราสาทที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน หลังจากช่วงฟื้นฟูประเทศในสมัยเมจิได้มีคำสั่งให้ทำลายปราสาทออกมา ทำให้ปราสาทแห่งนี้เคยถูกทำลายไปแล้วหนหนึ่ง

แต่หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1958 ปราสาทก็ได้ถูกสร้างใหม่อีกครั้งบนฐานหินเดิมค่ะ

ร้านน้ำชา Shouintei

หากใครมาเที่ยวเมืองฮามามัตสึแล้วมองหาร้านเครื่องดื่มไว้นั่งเล่น เราแนะนำให้ไปที่สวนฮามามัตสึค่ะ ภายในสวนจะมีร้านน้ำชาชื่อดังตั้งอยู่ ร้านน้ำชาแห่งนี้มีชื่อว่า Shouintei

Shouintei เป็นร้านน้ำชาที่มีบรรยากาศแบบญี่ปุ่นโบราณ เราสามารถนั่งจิบชาเพลินๆ พร้อมกับชมบรรยากาศของสวนสไตล์ญี่ปุ่นและดอกไม้ที่บานสะพรั่งในแต่ละฤดูกาล ดีงามสุดๆไปเลยค่ะ

เรือข้ามฟาก Ise-wan Ferry

ต่อไปเราจะแนะนำวิธีการเดินทางสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ท่องเที่ยวในภูมิภาคชูบุค่ะ ซึ่งก็คือการใช้เรือข้ามฟากในการนำรถยนต์ข้ามทะเลสาบไปนั่นเอง

Ise-wan Ferry เป็นเรือข้ามฟากระหว่างจังหวัด ซึ่งเชื่อมระหว่างทะเลสาบอิราโกะในจังหวัดไอจิและเมืองโทบะในจังหวัดมิเอะ เรือลำนี้จะทำให้เราขับรถเที่ยวภูมิภาคชูบุได้ง่ายขึ้น เรียกได้ว่าการเดินทางของเราจะสะดวกสบายสุดๆเลยล่ะค่ะ

เรือ Ise-wan Ferry จะพาคุณและรถยนต์ล่องไปในทะเลสาบเป็นเวลา 55 นาที โดยในระหว่างที่นั่งเรือ เราสามารถชมทัศนียภาพอันสวยงามได้ตลอดทาง และใช้เวลาสบายๆถ่ายภาพความทรงจำดีๆเก็บไว้ได้ด้วยค่ะ

ส่วนของหวานบนเรือที่เราอยากแนะนำก็คือเครปที่ใส่ไอศกรีมเป็นไส้ค่ะ เป็นของกินอีกหนึ่งอย่างที่อร่อย ห้ามพลาดเลยนะคะ

ทุกคนสามารถอ่านข้อมูลค่าธรรมเนียมและเวลาออกเดินทางได้ทางเว็บไซต์นี้ค่ะ

>> https://www.isewanferry.co.jp/en/publics/index/

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะ (Toba Aquarium)

ในญี่ปุ่นมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมากมายหลายแห่ง “แต่ทำไมใครหลายๆคนถึงเลือกไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะกันล่ะ?”

เมื่อมาถึงที่นี่เราจึงได้เข้าใจค่ะ เพราะที่นี่มีสัตว์ชนิดต่างๆมากมายให้ชม ไม่ว่าจะเป็นนาก สิงโตทะเล หรือพะยูนที่มีอยู่เพียงตัวเดียวของญี่ปุ่น บอกเลยว่าห้ามพลาดนะคะ

นอกจากนี้ การแสดงของสิงโตทะเลและพาเหรดเพนกวินก็เป็นที่ชื่นชอบของหลายๆคนเช่นกันค่ะ

เรียกได้ว่าถ้าใครพาลูกๆมาเที่ยวด้วย พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปให้ได้เลยล่ะค่ะ

จุดถ่ายรูปซากปราสาทโทบะ

ภายในบริเวณซากปราสาทโทบะมีจุดถ่ายรูปที่สวยมากๆอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือ สวนสาธารณะชิโรยามะ เหตุผลที่ผู้คนชอบไปถ่ายรูปกันตรงนั้น เป็นเพราะว่ามันตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถชมวิวอ่าวโทบะอันกว้างไกล ซึ่งสามารถถ่ายรูปออกมาได้สวยงาม

ทั้งนี้ เราขอแนะนำให้ไปถ่ายกับตัวหนังสือ Heart TOBA ที่ตั้งเด่นอยู่ริมจุดชมวิวอ่าวโทบะกันค่ะ รับรองได้ว่ารูปที่ถ่ายออกมาจะต้องสวยอย่างแน่นอน

แนะนำที่พักสำหรับวันที่ 3

โรงแรม Toba Seaside

Toba Seaside เป็นหนึ่งในโรงแรมสไตล์รีสอร์ตของเมืองโทบะ เมื่อได้ชมวิวอ่าวโทบะไปพร้อมๆกับแช่ออนเซ็น รับรองเลยว่าความเหนื่อยล้าจะคลายลงอย่างแน่นอนค่ะ

โรงแรมแห่งนี้มีห้องพักให้เลือกมากมาย แต่ห้องพักยอดฮิตของที่นี่ก็คือห้องพร้อมวิวมุมกว้างของอ่าวโทบะ “ชั้นเวหา” ภายในตึก Migiwa-kan

และเนื่องจากโซนออนเซ็นของที่นี่มีทั้งหมด 3 โซน เราจึงขอแนะนำให้ลองแช่ตั้งแต่เช็กอินเข้าไปพักเลยค่ะ

※ ในรูปภาพเป็นห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นแบบโมเดิร์น

Back To Index

วันที่ 4 : ตะลุยเที่ยวชูบุด้วยรถเช่า

ถนนอิเสะชิมะสกายไลน์ (Iseshima Skyline)

“ถนนอิเสะชิมะสกายไลน์” หรือที่หลายๆคนนิยมเรียกกันว่า “ถนนลอยฟ้า” เป็นถนนเก็บค่าผ่านทางที่ใช้สัญจรระหว่างเมืองอิเสะและเมืองโทบะ

จุดถ่ายรูปยอดฮิตของถนนสายนี้คือตู้ไปรษณีย์สีแดงที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ทำให้มีนักท่องเที่ยวมากมายขึ้นมาถ่ายรูปกันที่นี่ค่ะ

เมืองอิเสะ จังหวัดมิเอะ

ศาลเจ้าอิเสะ

ศาลเจ้าอิเสะ เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่มีความสำคัญมากที่สุดในญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นศาลเจ้าเก่าแก่อันเป็นที่สถิตของ ‘อามาเทราสึ’ เทพีแห่งดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นเทพเจ้าสูงสุดตามความเชื่อของชินโต ศาลเจ้าแห่งนี้มีผู้คนแวะเวียนเข้าไปสักการะขอพรกันตลอดทั้งปี รวมแล้วเป็นจำนวนกว่า 8 ล้านคนเลยทีเดียว

ในพื้นที่ของศาลเจ้าแห่งนี้มีอาคาร “กูชะ” รวมทั้งสิ้นกว่า 125 หลัง และมีการแบ่งประเภทของอาคารต่างๆ โดยแบ่งออกเป็น “โชกู”, “เบทสึกู”, “เซ็ทชะ”, “มัทชะ” และ “โชกังชะ”

การเข้าไปสักการะศาลเจ้าอิเสะมีกฎอยู่ค่ะ เวลาที่เดินลอดโทริอิเข้าไปยังศาลเจ้า หากเป็นอาคาร “เงะคู” ให้เดินชิดซ้าย และหากเป็นอาคาร “ไนกู” ให้เดินชิดขวา

ตัวอาคารของศาลเจ้าจะมีการบูรณะซ่อมแซมทุกๆ 20 ปี โดยครั้งล่าสุดบูรณะไปเมื่อปี 2013 และมีกำหนดบูรณะครั้งถัดไปในปี 2033

หากว่าใครได้ไปเยือนจังหวัดมิเอะล่ะก็ ต้องแวะไปเที่ยวศาลเจ้าอิเสะกันให้ได้สักครั้งนะคะ เพราะนี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังระดับโลกเลยทีเดียวค่ะ

ถนนคนเดินโอคาเกะ โยโกะโจ (Okage Yokocho Ancient Street)

ถนนคนเดินโอคาเกะ โยโกะโจ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำสำหรับคนที่มากราบไหว้ศาลเจ้าอิเสะ เพราะเราสามารถทานอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดมิเอะได้ตามร้านอาหารที่นี่ และยังสามารถร่วมกิจกรรมงานหัตถกรรม หรือจะเดินซื้อของที่ระลึกก็ได้เช่นกันค่ะ

บรรยากาศของถนนสายนี้จะทำให้เรารู้สึกราวกับได้ย้อนกลับไปในยุคเอโดะ แถมที่นี่ยังมีจุดถ่ายรูปที่ระลึกอีกมากมายด้วยค่ะ

หากใครได้มาเยือนศาลเจ้าอิเสะ อย่าลืมใส่ถนนแห่งนี้ไว้ในแผนการเที่ยวด้วยนะคะ

ร้านอาหารแนะนำ

ร้าน Butasute

“Butasute” เป็นร้านขายคร็อกเก้ยอดฮิตที่ถนนคนเดินโอคาเกะ โยโกะโจ ใครผ่านมาแถวนี้ห้ามพลาดคร็อกเก้ทอดใหม่ๆของร้านเลยนะคะ บอกเลยว่าอร่อยมาก!

ที่มาของชื่อร้าน Butasute (โยนหมูทิ้ง) เกิดจากการที่เนื้อวัวของทางร้านอร่อยมาก จนกระทั่งมีลูกค้าบอกว่า “หมูน่ะทิ้งไปเถอะ” แล้วเขาก็โยนเนื้อหมูทิ้งไป

ทั้งนี้ ของขึ้นชื่อของร้าน Butasute ไม่ได้มีเพียงคร็อกเก้เท่านั้นนะคะ แต่ยังมีข้าวหน้าเนื้อ (Gyudon) ที่ใส่เนื้อวัวอิเสะมาให้เยอะมาก รวมถึงสุกี้ยากี้และนาเบะเนื้อด้วยค่ะ

ใครมาเที่ยวถนนคนเดิน ลองมาชิมเนื้ออิเสะของแท้ที่ร้าน Butasute กันให้ได้นะคะ

อิเสะอุด้ง (Ise Udon)

ที่ถนนคนเดินโอคาเกะ โยโกะโจ เมืองโอฮาไรมาจิ มีร้านอุด้งมากมาย แต่อุด้งที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนลองทานให้ได้คือ “อิเสะอุด้ง” ค่ะ

ความอร่อยของเมนูนี้คือเส้นอุด้งที่มีความนุ่มกว่าอุด้งทั่วไป อีกทั้งตัวซอสก็เข้มข้น อร่อยลงตัวสุดๆไปเลยค่ะ

โมจิ Akafuku เป็นขนมขึ้นชื่อตัวดังของเมืองอิเสะ แม้ว่าจะต้องต่อแถวเข้าคิวซื้อ แต่รับรองว่าคุ้มแน่นอนค่ะ (อร่อยมาก!)

Aquaignis

Aquaignis เป็นที่พักพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน โดยมีทั้งร้านอาหารและร้านเบเกอรี่ ทางร้านจะใช้วัตถุดิบสดใหม่ในมิเอะมาปรุงอาหารและอบขนมใหม่ๆให้ทุกวันเลยค่ะ

อีกทั้งที่นี่ยังมีแลนด์มาร์กหลายจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเพื่อโพสต์ลง Instagram ด้วยค่ะ

นอกจากนี้ เรายังสามารถสนุกไปกับการเก็บสตรอว์เบอร์รีในฟาร์มในช่วงเดือนธันวาคมถึงพฤษภาคมของทุกๆ ปี ทำให้มีผู้คนมาท่องเที่ยวกันมากมายค่ะ

Mitsui Outlet Park Jazz Dream Nagashima

Mitsui Outlet Park Jazz Dream Nagashima เป็นเอาท์เล็ตที่มีร้านค้าแบรนด์ดังมากกว่า 300 ร้าน อีกทั้งยังเดินทางมาจากสถานีรถไฟนาโกย่าได้สะดวกด้วยรถบัส โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาที

จุดเด่นของที่นี่คือเดินง่าย เพราะเป็นอาคาร 2 ชั้น และเพราะมีหลังคาปกคลุม การเดินช้อปปิ้งจึงสามารถทำได้สะดวกแม้ในวันที่มีหิมะหรือฝนตกค่ะ

ส่วนในเรื่องของอาหารการกิน ภายในเอาท์เล็ตแห่งนี้ก็มีฟู้ดคอร์ทขนาดใหญ่ที่มีร้านอาหารชื่อดังอยู่มากมาย นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่สวยๆให้เข้าไปนั่งจิบชาด้วย จะอยู่นานแค่ไหนก็ไม่มีเบื่อเลยค่ะ

Nagashima Onsen Yuaminoshima

Nagashima Onsen Yuaminoshima เป็นที่พักพร้อมออนเซ็นซึ่งอยู่ติดกับเอาท์เล็ต Mitsui Outlet Park Jazz Dream

เราสามารถแช่ออนเซ็นอย่างเดียวโดยไม่ต้องเข้าพักด้วยก็ได้นะคะ

Nabana no Sato

Nabana no Sato เป็นงานประดับไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยในปีนี้ธีมของงานคือ “ทะเลหมอก” ไฟประดับจะถูกจัดให้เป็นกลุ่มภูเขาที่แสนงดงาม ทั้งยังใช้แสงไฟสร้างบรรยากาศของทะเลหมอกที่สดใส เป็นการแสดงที่จะสร้างความประทับจนไม่สามารถลืมได้เลยค่ะ

และสำหรับใครที่มากันเป็นคู่ การได้เพลิดเพลินกับความงดงามของอุโมงค์แสงไฟสูง 200 เมตรนั้นเป็นช่วงเวลาที่โรแมนติกมาก เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการบอกรักเป็นอย่างยิ่งค่ะ

การประดับไฟฤดูหนาวครั้งนี้จะจัดถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2022 นะคะ

แต่นอกจากนี้แล้ว ที่นี่ก็ยังมีงานประดับไฟที่น่าประทับใจอีกช่วง คือในฤดูใบไม้ร่วงค่ะ แสงไฟสวยๆที่กระทบกับใบเมเปิลและสะท้อนอยู่บนผิวน้ำนั้น ช่างเป็นภาพที่แสนมหัศจรรย์และน่าประทับใจมากจริงๆ

สวนดอกไม้ในเรือนกระจกบีโกเนีย (Begonia Garden) เป็นอีกหนึ่งจุดที่อยากจะแนะนำค่ะ เพราะภายในเรือนกระจกแห่งนี้ เราจะได้รื่นรมย์ไปกับกลิ่นหอมและความงดงามของดอกไม้ที่บานสะพรั่งอยู่ข้างในค่ะ

แนะนำที่พักสำหรับวันที่ 4

Nikko Style Nagoya

เมื่อมาเที่ยวนาโกย่าก็ต้องมาพักที่นี่เลย! “Nikko Style Nagoya”

Hotel Nikko Style Nagoya เป็นโรงแรมที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงามมีสไตล์ เข้ากับความต้องการของเหล่านักท่องเที่ยว เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไป เราก็จะได้ยินเสียงของความผ่อนคลายเลยค่ะ

ล็อบบี้โรงแรมถูกออกแบบให้ดูโล่งกว้าง มีพื้นที่ให้นั่งทำงานสำหรับคนที่พกคอมฯมา เมื่อนั่งลงบนโซฟา เราจะเกิดความรู้สึกมีไฟในการทำงานขึ้นมาเลยล่ะค่ะ

ภายในห้องพักที่มีขนาดกว้างตั้งแต่ 30 ตารางเมตรขึ้นไป เราสามารถใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างสบายใจเลยค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักของชั้นพรีเมียร์ก็เป็นผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังจากประเทศไทยอย่าง PAÑPURI ด้วย

ส่วนเตียงนอนในห้องพักก็มีหลากหลายรูปแบบ โดยเราสามารถเลือกได้เองเลยค่ะ (King, Twin, Triple, Hollywood Twin) ดังนั้นไม่ว่าจะมาเที่ยวกับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัว ทุกคนก็สามารถเลือกห้องที่ตรงตามความต้องการได้ค่ะ

และเนื่องจากโรงแรมแห่งนี้อยู่ใกล้กับดองกิโฮเต้ เราจึงสามารถเดินออกไปซื้อของฝากตอนดึกๆได้ด้วยค่ะ

Back To Index

วันที่ 5 : ตะลุยเที่ยวชูบุด้วยรถเช่า

ปราสาทนาโกย่า

ปราสาทนาโกย่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดไอจิ นอกจากตัวปราสาทแล้ว ปลาทองคำที่ประดับอยู่บนหอคอยปราสาทอย่างสวยงามก็โด่งดังไม่แพ้กันเลยค่ะ

ในด้านประวัติศาสตร์นั้น เมื่อปี ค.ศ.1945 เกิดการโจมตีทางอากาศขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ปราสาทแห่งนี้จึงเสียหายไปเกินครึ่ง แต่ต่อมาได้มีเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้มีการบูรณะปราสาทอีกครั้ง ทางการจึงได้เริ่มก่อสร้างปราสาทขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1959 นอกจากนี้ยังมีการบูรณะพระราชวังฮอนมารุขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 2018 ด้วยค่ะ

ปัจจุบันเรายังไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมชมด้านในปราสาทได้ค่ะ แต่เขาก็เปิดให้เยี่ยมชมด้านนอกได้นะคะ ทั้งนี้ในส่วนของพระราชวังฮอนมารุ เราสามารถเข้าไปเยี่ยมชมของประดับที่งดงามตระการตาด้านในได้ค่ะ

หากใครมาเที่ยวนาโกย่าก็มาชื่นชมบริเวณด้านนอกของปราสาทกันก่อนได้นะคะ

อาหารแนะนำ

Nagoya Kishimentei

สำหรับร้านอาหารแนะนำเมื่อมาเยือนนาโกย่า เราขอแนะนำ Nagoya Kishimentei ร้านบะหมี่คิชิเม็งเก่าแก่ตามแบบฉบับนาโกย่าค่ะ

ร้านนี้ตั้งอยู่ในที่ Nishi no maru หรือบริเวณสวนของปราสาทนาโกย่า โดยเป็นร้านเก่าแก่ที่ขายเมนูเส้นบะหมี่คิชิเม็งที่ “ไม่ใหญ่เกิน ไม่นิ่มเกิน และไม่แข็งเกิน”

นอกจากนี้ เส้นบะหมี่ยังเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำซุปโชยุเข้มข้นอันแสนอร่อยด้วยนะ เป็นเหตุให้ใครหลายๆคนต้องแวะทานบะหมี่คิชิเม็งเมื่อมาเยือนปราสาทนาโกย่าค่ะ

ย่านซาคาเอะ

ย่านซาคาเอะ ในเมืองนาโกย่า เป็นย่านที่มีแลนด์มาร์กสำคัญอย่างหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ “Chubu Electric Power MIRAI TOWER” ซึ่งเพิ่งปรับปรุงใหม่ในปี 2020

เราสามารถชมทัศนียภาพของเมืองนาโกย่าจากหอชมวิวที่สูงจากพื้นดินกว่า 90 เมตร และในย่านซาคาเอะก็ยังมีร้านกาแฟกับร้านขายของที่ระลึกอีกเพียบ รับรองได้ว่าเที่ยวเพลินแน่นอน

หากใครอยากถ่ายรูป เราขอแนะนำให้ไปตอนกลางคืนนะคะ เพราะแสงตอนกลางคืนจะทำให้ถ่ายภาพหอส่งสัญญาณได้คมชัดยิ่งขึ้นค่ะ

ยิ่งถ้าเรามองขึ้นไปจากบริเวณบ่อน้ำพุเบื้องล่าง หอส่งสัญญาณแห่งนี้จะยิ่งดูงดงามมากค่ะ เป็นมุมที่ขอแนะนำสำหรับคนที่ไปเดินเล่นถ่ายรูปสวยๆตอนกลางคืนเลยค่ะ

*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚

หลังจากได้ทำความรู้จักกับสถานที่ต่างๆในชูบุกันไปแล้ว ทุกคนก็คงสัมผัสได้ถึงความงดงามของภูมิภาคนี้กันแล้วใช่ไหมล่ะคะ?

เราจะเห็นได้ว่าชูบุนั้นมีที่เที่ยวสวยๆมากมาย ดังนั้นไม่ว่าจะมาเยี่ยมเยือนอีกสักกี่ครั้ง เราก็สามารถเพลิดเพลินไปกับการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ได้เสมอค่ะ

หากมีโอกาสมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งหน้า ลองจัดทริปเช่ารถเที่ยวภูมิภาคชูบุกันดูนะคะ

Back To Index

อ่านเรื่องราวอื่นๆเกี่ยวกับภูมิภาคชูบุได้ที่เว็บไซต์นี้ : JAPAN ALL PASS

มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!

รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!

ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ

Back To Top