10 กิจกรรมห้ามพลาด! เมื่อไปเที่ยวสวนนาราและบริเวณโดยรอบ
เม.ย. 20, 2022
10 กิจกรรมห้ามพลาด! เมื่อไปเที่ยวสวนนาราและบริเวณโดยรอบ
สวนนารา (Nara Park) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เปิดในปี ค.ศ.1880 สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดนารา ประเทศญี่ปุ่น โดยอยู่ในบริเวณเชิงเขาวาคะคุสะ สวนนาราเป็นหนึ่งในสวนที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และมีกวางชิกะแสนน่ารักเป็นเอกลักษณ์ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ในบริเวณสวนมีกวางมากกว่า 1,200 ตัวสัญจรอยู่โดยรอบ เนื่องด้วยในอดีตกวางเหล่านี้ได้รับการนับถือในฐานะผู้ส่งสารจากเทพเจ้า มันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนารานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
นอกจากเหล่ากวางแสนทรงเสน่ห์แล้ว สวนแห่งนี้ยังตั้งอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งของนาราอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นวัดโทไดจิ ศาลเจ้าคาสึกะไทฉะ วัดโคฟุคุจิ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินารา และวัดชินยาคุชิจิ
วันนี้เราจะมานำเสนอ “10 กิจกรรมห้ามพลาด! เมื่อไปเที่ยวสวนนาราและบริเวณโดยรอบ” เพื่อให้ทุกคนนำไปประกอบแผนการเดินทางเมื่อทริปนาราครั้งต่อไปมาถึง
สารบัญ (Index)
- 1. พบปะและให้อาหารกวาง
- 2. ชื่นชมความน่ารักของเหล่ากวางที่โค้งคำนับให้คุณ
- 3. พบกับพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
- 4. ชมทัศนียภาพอันน่าหลงใหลของเจดีย์ที่สูงเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น
- 5. แวะพักที่ศาลเจ้าคาสึกะไทฉะ ศาลเจ้าชินโตที่ใหญ่ที่สุดในนารา
- 6. เรียนรู้ประวัติของพระพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่น ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินารา
- 7. ไหว้พระขอพรให้สุขภาพดีกับวัดชินยาคุชิจิ
- 8. เพลิดเพลินไปกับฤดูกาลทั้งสี่ของญี่ปุ่นที่สวนนารา
- 9. แวะชิมของกินสุดพิเศษตามแผงขายอาหารริมทาง
- 10. แวะซื้อของฝากรูปน้องกวางแสนน่ารัก!
- วิธีการเดินทางไปยังสวนนารา
1. พบปะและให้อาหารกวาง
ดังที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ บริเวณสวนนารามีกวางมากกว่า 1,200 ตัว แต่เราจะหาพวกมันเจอได้ตรงจุดไหนบ้างล่ะ?
คำตอบคือเราสามารถเจอน้องกวางเหล่านี้ได้ในทุกๆที่ เพราะรอบสวนนารามีกวางเยอะมากจริงๆ ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องก้าวออกไปไกลจากสถานีรถไฟมากนัก พวกมันก็จะมารายล้อมเราเต็มไปหมด
เหล่ากวางในสวนนาราคุ้นเคยกับมนุษย์เป็นอย่างดี พวกมันรู้ดีว่านักท่องเที่ยวอย่างเรานี่แหละคือแหล่งอาหารของพวกมัน เราสามารถให้อาหารกวางเหล่านี้ได้ด้วยการซื้อแครกเกอร์สำหรับกวาง 10 ชิ้นในราคา 200 เยน แครกเกอร์เหล่านี้มีคุณค่าทางสารอาหารที่จำเป็นและเพียงพอสำหรับกวาง
เมื่อเริ่มให้อาหารกวาง พวกมันจะเริ่มเดินตามคุณไปรอบๆ แต่อย่าวิ่งหนีหรือตื่นตระหนก ไม่งั้นพวกมันจะวิ่งไล่ตามเรา สิ่งที่ต้องทำก็มีเพียงแค่เราต้องค่อยๆให้แครกเกอร์กวางจนหมดเท่านั้น
ข้อมูลของสวนนารา
วันและเวลาทำการ
- เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าธรรมเนียมการเข้า
- เข้าชมฟรี
เว็บไซต์ทางการ (ภาษาญี่ปุ่น)
แผนที่ Google MAP
2. ชื่นชมความน่ารักของเหล่ากวางที่โค้งคำนับให้คุณ
เรื่องน่าสนุกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับกวางในสวนนาราคือ พวกมันสามารถทำท่าทางสุดพิเศษอย่างการโค้งคำนับให้กับเหล่าผู้มาเยี่ยมชม!
ถ้าคุณโค้งคำนับให้กวางก่อน พวกมันก็จะโค้งคำนับกลับมา ท่าทางน่ารักๆเหล่านี้เกิดจากการเรียนรู้ของเจ้ากวาง และพวกมันก็รู้ด้วยว่าจะได้อาหารมากขึ้นถ้าทำท่าโค้งคำนับแบบนี้
อย่างไรก็ตาม อย่าคิดว่ากวางเหล่านี้จะเรียบร้อยตลอดเวลาเชียว เพราะที่นี่มีป้ายเตือนนักท่องเที่ยวว่ากวางสามารถกัด เตะ หรือขวิดผู้คนได้อยู่เหมือนกัน ดังนั้นเราจึงไม่ควรยั่วยุให้พวกมันโมโห ตราบใดที่เราเก็บอาหารไว้กับตัวดีๆและปฏิบัติกับพวกมันอย่างดี กวางในสวนนาราก็จะกลายเป็นสัตว์ป่าที่เชื่องกับเรา
3. พบกับพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
สิ่งหนึ่งที่ทำให้สวนนาราเป็นที่รู้จักก็คือที่นี่เต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมอันน่าทึ่ง สถานที่ท่องเที่ยวใกล้สวนนาราที่มีชื่อเสียงโด่งดังและนักท่องเที่ยวล้วนต้องมาเยือนก็คือ วิหารไดบุทสึเด็นแห่งวัดโทไดจิ
วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงจากการเป็นสถานที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีน้ำหนักรวมประมาณ 300 ตัน
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องไปชมให้ได้เมื่อมาถึงวัดโทไดจิคือ นันไดมง (Great South Gate) ซุ้มประตูไม้ที่เป็นประตูหลักสู่วัดโทไดจิ ซุ้มประตูแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 13 โดยมีรูปปั้นนิโอะหรือผู้พิทักษ์รูปร่างกำยำท่าทางดุดันเฝ้าอยู่ริมประตูทั้งสองฝั่ง รูปปั้นทั้งสองถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1203 และมีความสูงอยู่ที่ 8.5 เมตร
ข้อมูลของวัดโทไดจิ (Todaiji Temple)
เวลาทำการ
- เดือนเมษายนถึงตุลาคม : 7:30 – 17:30 น.
- เดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม : 8:00 – 17:00 น.
ค่าธรรมเนียมการเข้าชม
- ผู้มีอายุ 13 ปีขึ้นไป : 600 เยน
- นักเรียนประถม : 300 เยน
เว็บไซต์ทางการ
แผนที่ Google MAP
4. ชมทัศนียภาพอันน่าหลงใหลของเจดีย์ที่สูงเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งในบริเวณสวนนาราคือ เจดีย์สูง 50 เมตรอันแสนสง่างามตรงบริเวณใกล้ๆกับ วัดโคฟุคุจิ (Kohfukuji Temple) เจดีย์องค์นี้สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1436 แต่เจดีย์ที่เราเห็นกันอยู่ ณ ปัจจุบันเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นใหม่หลังจากเจดีย์องค์เก่าถูกเผา โดยเจดีย์องค์นี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเจดีย์ที่สูงเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น
นอกจากความสูงของเจดีย์ที่มีถึงห้าชั้นแล้ว โบสถ์รูปทรงแปดเหลี่ยม ‘ฮาคุเอ็นโด’ (Hokuen-do) และ ‘นาเน็นโดะ’ (Nanendo) ก็เป็นที่ขึ้นชื่อในหมู่นักท่องเที่ยวเช่นกัน บริเวณฐานของโบสถ์แห่งนี้มีลักษณะเรียบและเป็นรูปทรงกลม โบสถ์แห่งนี้จึงมีชื่อเสียงจากรูปทรงที่ดูสวยงามแปลกตานั่นเอง
อีกจุดหนึ่งของวัดโคฟุคุจิที่ห้ามพลาดเลยก็คือ ‘โทคนโดะ’ (Tokondo, The East Golden Hall) วิหารไม้แบบดั้งเดิมที่ยังคงหลงเหลือจนถึงปัจจุบัน
ข้อมูลของวัดโคฟุคุจิ (Kohfukuji Temple)
วันและเวลาทำการ
- วัดเปิดตลอดทั้งปี ในเวลา 9:00 – 17:00 น.
ค่าธรรมเนียมการเข้าชม
- ผู้ใหญ่และนักศึกษา : 700 เยน
- นักเรียน ม.ต้นและ ม.ปลาย : 600 เยน
- นักเรียนประถม : 300 เยน
เว็บไซต์ทางการ
แผนที่ Google MAP
5. แวะพักที่ศาลเจ้าคาสึกะไทฉะ ศาลเจ้าชินโตที่ใหญ่ที่สุดในนารา
ศาลเจ้าคาสึกะไทฉะ (Kasuga Taisha Shrine) เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นที่สถิตของเทพเจ้าหลากหลายองค์ ศาลเจ้าแห่งนี้จึงดึงดูดทั้งผู้ที่นับถือศาสนาชินโตและนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสกับบรรยากาศของความเป็นชินโต
ศาลเจ้าคาสึกะไทฉะสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 768 โดยผู้นำตระกูลฟูจิวาระอันยิ่งใหญ่ ที่นี่มีความแตกต่างจากศาลเจ้าแห่งอื่นๆเนื่องจากศาลเจ้าทั่วไปเป็นที่สถิตของเทพหนึ่งหรือสององค์ แต่ศาลเจ้าคาสึกะไทฉะสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สถิตของเทพเจ้าถึง 4 องค์เลยทีเดียว
นอกจากนี้ ศาลเจ้าคาสึกะไทฉะยังมีชื่อเสียงจากการเป็นสถานที่ซึ่งมีสีสันสดใส เหมาะแก่การถ่ายรูปลงอินสตาแกรม ตัวอาคารสีแดงสดที่ตัดกันดีกับกำแพงสีขาว รวมถึงหลังคาไม้สนไซเพรส ทั้งหมดนี้ล้วนสร้างความประทับใจให้แก่เหล่านักท่องเที่ยวและช่างภาพมาช้านาน
เพื่อให้ศาลเจ้าคาสึกะไทฉะมีสภาพแข็งแรงคงทน คนในท้องถิ่นจึงทำการบูรณะซ่อมแซมศาลเจ้าคาสึกะไทฉะทุกๆ 2 ทศวรรษ แต่ประเพณีนี้ก็ได้หยุดลงเมื่อสิ้นสุดยุคเอโดะ
ข้อมูลของศาลเจ้าคาสึกะไทฉะ (Kasuga Taisha Shrine)
เวลาทำการ
- เดือนเมษายนถึงกันยายน : 6:00 – 18:00 น.
- เดือนตุลาคมถึงมีนาคม : 6:30 – 17:00 น.
ค่าธรรมเนียมการเข้าชม
- 500 เยน
เว็บไซต์ทางการ
แผนที่ Google MAP
6. เรียนรู้ประวัติของพระพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่น ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินารา
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินารา (Nara National Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ไม่เหมือนพิพิธภัณฑ์แห่งอื่นๆ เพราะที่นี่มุ่งเน้นด้านการเก็บรักษามรดกและโบราณวัตถุทางศาสนา อีกทั้งยังนำเสนอเอกสารและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆที่อธิบายว่าพุทธศาสนิกชนมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในนาราได้อย่างไร เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบมากสำหรับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่นในเชิงลึก
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินาราออกแบบโดย โทคุมะ ทาคายามะ สถาปนิกชื่อดังผู้นำสถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งเศสและสถาปัตยกรรมตะวันตกมาใช้กับสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น อีกทั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากที่นี่ได้เก็บรวบรวมศิลปะโบราณและวัตถุทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงการพัฒนาและการบำเพ็ญปฏิบัติของศาสนาพุทธในญี่ปุ่น
อาคารปีกใหม่ของพิพิธภัณฑ์และบริเวณทางเชื่อมเป็นโซนที่จัดแสดงงานศิลปะในยุคโบราณ เราสามารถเยี่ยมชมบริเวณทางเชื่อมนี้ได้หากต้องการศึกษาเรื่องราวการสร้างสรรค์งานพุทธศิลป์ (งานศิลปะในเชิงพุทธศาสนา) และตลอดทางเดินจะมีคำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับชิ้นงานให้อ่านด้วย
หากใครสนใจศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับงานพุทธศิลป์เพิ่มเติม เราขอแนะนำให้ไปเยี่ยมชม ‘ห้องสมุดพุทธศิลป์’ (Buddhist Art Library) ของพิพิธภัณฑ์ เนื่องจากห้องสมุดแห่งนี้เป็นสถานที่เก็บหนังสือจำนวนมาก วัตถุจำลอง ภาพพิมพ์ที่ใช้เทคนิคพิมพ์ถู และภาพถ่ายที่บันทึกประวัติศาสตร์ของศาสนาในประเทศญี่ปุ่น
ข้อมูลของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินารา (Nara National Museum)
เวลาทำการ
- 9:30 – 17:00 น.
วันทำการ
- พิพิธภัณฑ์ปิดในวันจันทร์ และช่วงวันที่ 28 ธันวาคม – 1 มกราคมของทุกปี
ค่าธรรมเนียมการเข้าชม
- ผู้ใหญ่ : 700 เยน
- นักศึกษามหาวิทยาลัย : 350 เยน
- นักเรียนอายุ 17 ปีหรือต่ำกว่านั้น : ไม่เสียค่าเข้าชม
เว็บไซต์ทางการ
แผนที่ Google MAP
7. ไหว้พระขอพรให้สุขภาพดีกับวัดชินยาคุชิจิ

Credit : Takashi Images / Shutterstock
วัดชินยาคุชิจิ (Shinyakushiji Temple) เป็นวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องการเป็น ‘วัดแห่งการเยียวยารักษาโรคภัย’ ตำแหน่งที่ตั้งของวัดคือบริเวณทิศใต้ของสวนนารา ในอดีตวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตามคำสั่งของจักรพรรดินีโคเมียว ภายหลังจากที่จักรพรรดิโชมุผู้เป็นพระสวามีเกิดอาการประชวรพระเนตร
สิ่งที่ทำให้วัดนี้มีชื่อเสียงก็คือพระพุทธรูปหลัก ‘ยาคุชิเนียวไร’ หรือ ‘พระไภษัชยคุรุ’ ซึ่งเป็นพระแห่งการรักษาโรคภัย พระพุทธรูปองค์นี้แกะสลักจากไม้เพียงท่อนเดียวเท่านั้น และเชื่อกันว่ามีพลังในการรักษาโรคภัยได้
รอบๆพระพุทธรูปหลักจะมีรูปปั้น ‘ชินโซริทสึโซ’ (twelve Shinsho Ritsuzo statues) หรือยักษ์บริวาร 12 ตนที่สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 8 เชื่อกันว่านี่เป็นรูปปั้นชินโซริทสึโซที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น
นอกจากนี้วัดชินยาคุชิจิก็ยังมีระฆังขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง เพราะมีเรื่องเล่าขานกันว่าครั้งหนึ่งระฆังนี้เคยถูกโจมตีโดย ‘โอนิ’ ยักษ์ประเภทหนึ่งตามความเชื่อของญี่ปุ่น และร่องรอยขีดข่วนขนาดใหญ่ที่เชื่อกันว่าเกิดจากกรงเล็บของโอนิก็ยังคงปรากฏอยู่บนระฆังตราบจนทุกวันนี้
ข้อมูลของวัดชินยาคุชิจิ (Shinyakushiji Temple)
เวลาทำการ
- 9:00 – 17:00 น.
ค่าธรรมเนียมการเข้า
- นักศึกษาและผู้ใหญ่ : 600 เยน
- นักเรียนมัธยม : 350 เยน
- นักเรียนประถม : 150 เยน
เว็บไซต์ทางการ (ภาษาญี่ปุ่น)
แผนที่ Google MAP
8. เพลิดเพลินไปกับฤดูกาลทั้งสี่ของญี่ปุ่นที่สวนนารา
ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของฤดูกาลทั้งสี่เป็นอย่างมาก และสวนนาราก็เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชื่นชมความเปลี่ยนแปลงของแต่ละฤดูกาลในประเทศญี่ปุ่น ที่พิเศษสุดๆเลยก็คือเราสามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ธรรมชาติและความน่ารักของกวางได้ในเวลาเดียวกัน
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่สวนนารามีการปลูกต้นซากุระมากกว่า 1,700 ต้น ที่นี่จึงถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 100 จุดชมดอกซากุระที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น
ส่วนในฤดูร้อน สวนนาราจะขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ของผืนหญ้าเขียวขจีอันกว้างใหญ่ เราจะได้เห็นเหล่ากวางเดินไปรอบๆบริเวณสวนอย่างเป็นอิสระ พลางก้มหน้าเล็มหญ้าเพื่อมองหาอาหาร
นอกจากฤดูกาลที่กล่าวมาข้างต้น นักท่องเที่ยวหลายๆคนก็โปรดปรานการมาเที่ยวสวนนาราในฤดูใบไม้ร่วง เพราะในฤดูนี้เราจะได้เพลิดเพลินไปกับความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสี ใบไม้สีแดงสลับสีเหลืองและกวางที่เดินทอดน่องไปมาทำให้สวนนารากลายเป็นสถานที่อันแสนสมบูรณ์แบบสำหรับการชมใบไม้ร่วงในภูมิภาคคันไซ
ฤดูหนาวเป็นอีกหนึ่งฤดูที่ดีที่สุดในการมาเยี่ยมชมสวนนารา แม้ว่าอากาศที่นี่จะค่อนข้างหนาวเย็นก็ตาม ช่วงเวลาที่ผู้คนนิยมมาเที่ยวจะเป็นช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม ในช่วงนี้สภาพอากาศจะหนาวเย็นมากพอที่เราจะได้เจอหิมะตก
การได้เห็นกวางป่าเดินไปรอบสวนท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายนั้น ช่างเป็นภาพที่สวยงามดั่งต้องมนตร์สะกด เป็นความงดงามในแบบที่คุณจะหาไม่ได้จากฤดูกาลอื่นๆอย่างแน่นอน
9. แวะชิมของกินสุดพิเศษตามแผงขายอาหารริมทาง
การท่องเที่ยวจะไม่จบครบสมบูรณ์แน่นอนถ้าเราไม่ได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่น ดังนั้นอย่าลืมหยุดแวะตามแผงขายอาหารริมทางเดินในสวนนาราเพื่อชิมของอร่อยๆกันด้วยนะ
หนึ่งในอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดของสวนนาราคือ ‘มิตาราชิดังโงะ’ (Mitarashi Dango) ขนมพื้นบ้านที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวปั้นเสียบไม้ไผ่ เคลือบด้วยซอสมิตาราชิหวานๆ ในราคาไม่เกิน 500 เยนต่อหนึ่งไม้
นอกจากนี้ที่สวนนาราก็ยังมี ‘ซอฟต์ครีม’ สุดแสนวิเศษอันเป็นที่รู้จักกันดี บริเวณทางเดินไปวัดโทไดจิจะมีร้านขายซอฟต์ครีมเรียงรายตลอดทาง โดยซอฟต์ครีมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ ซอฟต์ครีมรสมัทฉะตกแต่งด้วยเวเฟอร์โมจิรูปหัวใจ
10. แวะซื้อของฝากรูปน้องกวางแสนน่ารัก!
‘กวาง’ เป็นดั่งสัญลักษณ์ของจังหวัดนารา ที่นี่จึงมีร้านขายของฝากมากมายที่ขายสินค้าเกี่ยวกับกวาง ของฝากขึ้นชื่อส่วนใหญ่จะเป็นฟิกเกอร์รูปกวาง เครื่องประดับ และตุ๊กตาผ้า แต่ถ้าคุณกำลังมองหาสิ่งที่แตกต่างออกไป คุณสามารถซื้อขนมที่มีแรงบันดาลใจมาจากเหล่ากวางได้ ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลต คุ้กกี้ หรือเค้ก
*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚*.。.*゚
เอาล่ะ! ในเมื่อตอนนี้ทุกคนได้ไอเดียกิจกรรมที่ควรทำเมื่อไปเที่ยวสวนนาราและบริเวณโดยรอบกันแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำก็คือวางแผนการท่องเที่ยวของคุณซะ แล้วปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับจุดหมายปลายทางอันสวยงาม ซึ่งจะมอบประสบการณ์สนุกๆมากมายในแบบที่คุณจะไม่มีวันลืม!
วิธีการเดินทางไปยังสวนนารา
‘นารา’ เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมในเส้นทางท่องเที่ยว Golden Route ของญี่ปุ่น อีกทั้งจังหวัดนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากโอซาก้าและเกียวโต สองเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมประจำภูมิภาคคันไซอีกด้วย
วิธีการเดินทางไปนาราที่เร็วที่สุดคือ การโดยสารรถไฟด่วนพิเศษ Rapid Express ของรถไฟฟ้าคินเท็ตสึ จากสถานี Osaka-Namba ในจังหวัดโอซาก้า ไปยังสถานี Nara ในจังหวัดนารา โดยใช้เวลา 35 นาที ค่าเดินทางจะอยู่ที่ 570 เยน การเดินทางจากสถานี Kyoto ไปยังสถานี Nara ของรถไฟคินเท็ตสึนั้นก็ใช้เวลาเพียง 40 นาทีเท่านั้น
สถานีรถไฟที่ใกล้สวนนารามากที่สุดคือ สถานีคินเท็ตสึ-นารา (Kintetsu-Nara Station) โดยใช้เวลาเพียง 5 นาทีในการเดินมาจากสวน หรือหากมาจากสถานีนาราของรถไฟเจอาร์ (JR Nara Station) ก็สามารถเดินมาถึงสวนนาราได้ภายในเวลาประมาณ 20 นาที
อ่านบทความอื่นๆจาก Kintetsu Railway
- เดินทางอย่างอิ่มท้อง ด้วยคาเฟ่บนรถไฟด่วนพิเศษ ‘ชิมะคาเสะ (SHIMAKAZE)’
- เที่ยวย่านสุดฮอตของโอซาก้า ‘อาเบะโนะและเท็นโนจิ’
- สัมผัสกับเหล่าสิ่งมีชีวิตที่พิพิธภัณฑ์รูปแบบใหม่ ‘นิฟุเรรุ พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต’ (NIFREL Interactive Aquazoo)
มากดไลค์เพจ fromJapan กันเถอะ!
รู้หรือเปล่าว่าพวกเรามี official fanpage ด้วยนะ!
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์ ข่าวสาร หรือกิจกรรมสนุกๆ ก็ต้องกดไลค์เพจเราแล้วล่ะ
แท็กยอดนิยม
แชร์บทความนี้
Klook.com
บทความแนะนำจังหวัดใน
ภูมิภาค
คันไซ

จังหวัด โอซาก้า

จังหวัด เกียวโต

จังหวัด เฮียวโกะ

จังหวัด นารา

จังหวัด มิเอะ

จังหวัด ชิกะ

จังหวัด วาคายามะ